Skip to content

ลำนำบุปผาพิษ 877

บทที่ 877 ปีกไก่ทั้งสองข้างล้วนยกให้เจ้า

“ไม่ทำให้เจ้าอดนอนทั้งคืนหรอก” ตี้ฝูอีเอ่ย “ข้าใคร่ครวญไว้ในใจแล้ว นั่งลงก่อนสิ ลองชิมฝีมือข้าดู”

กู้ซีจิ่วกล่าวคาดเดา “ความหมายของท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายคือจะลดจำนวนครั้งในการลงโทษให้ซีจิ่วหรือเจ้าคะ?”

ตี้ฝูอีมองเธอแวบหนึ่ง “จะเป็นไปได้อย่างไร? ข้าพูดคำไหนเป็นคำนั้นเสมอ ไม่อาจลดหย่อนผ่อนผันได้แม้แต่น้อย”

กู้ซีจิ่วพูดไม่ออก ถ้างั้น เขาพูดทำไมว่าจะไม่ปล่อยให้ตนอดนอนทั้งคืน!

เธอยิ้มแวบหนึ่ง “เช่นนั้นขอบคุณยิ่งนักสำหรับความไว้วางใจของท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้าย ซีจิ่วมั่นใจว่าสิ่งที่ท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายเป็นผู้ย่างต้องยอดเยี่ยมแน่ แต่ว่าซีจิ่วเพิ่งกินอิ่มมา และไม่มีความอยากินเนื้อสัตว์สักเท่าไหร่ ข้าขอตัวไปอบอุ่นร่างกายก่อนเตรียมรับบทลงโทษ”

เธอหันหลัง หมายจะเดินแยกไป

“ซีจิ่ว เจ้าจะย้ายห้องใช่ไหม? นี่เป็นงานเลี้ยงส่งที่ข้าจัดให้เจ้าจะไม่ไว้หน้ากันหน่อยหรือ?” ตี้ฝูอีที่อยู่ด้านหลังเธอเอ่ยขึ้น

กู้ซีจิ่วตะลึง “…ท่านรู้ได้ยังไง…”

เธอถามยังไม่ทันจบก็หุบปากฉับ

ด้วยความสามารถของตี้ฝูอี หากเขาอยากรู้เรื่องใดล้วนง่ายดายยิ่งนัก เพียงแต่เธอนึกไม่ถึงว่าเขาจะทราบได้รวดเร็วถึงเพียงนี้เท่านั้น

ช่างเถอะ เขารู้แล้วอย่างไรเล่า?

เธอไม่มีอะไรต้องร้อนตัวอยู่แล้ว

ดังนั้นกู้ซีจิ่วจึงหันกลับไปแล้วนั่งลง “ขอบคุณมากเจ้าค่ะ”

จากนั้นก็มองเนื้อสัตว์ที่เขาย่างแวบหนึ่ง “ข้าเอาปีกไก่ข้างเดียว”

ตี้ฝูอีกล่าวออกมาว่า “วางใจเถอะ ปีกไก่ทั้งสองข้างล้วนยกให้เจ้า”

เขาย่างอย่างพิถีพิถัน โรยเกลือลงไปแล้วทาซีอิ๊วทับอีกชั้น…

กองไฟลุกโชน ส่องสะท้อนใบหน้าหล่อเหลาของเขาดูราวกับมิใช่มนุษย์จริงๆ

วันนี้เขาไม่ได้สวมหน้ากากอย่างที่หาได้ยากนัก ภายใต้แสงดาราเครื่องหน้าทั้งห้าประณีตดั่งวาดแต้ม กู้ซีจิ่วมองแวบเดียวก็ละสายตา สายตาจดจ่ออยู่ที่ไก่ป่าย่างตัวนั้น จู่ๆ ก็พบว่าหน้าของไก่ป่าตัวนั้นดูเหมือนจะพิเศษอยู่บ้าง บนหัวไก่มีหงอนสองอัน ปีกทั้งสองก็เป็นรูปพัด กรงเล็บไม่คล้ายกรงเล็บไก่ รูปทรงค่อนข้างคล้ายดอกเหมย เนื่องจากตัวไก่ถูกถอนขนออกนานแล้ว ดังนั้นกู้ซีจิ่วจึงไม่ทราบเช่นกันว่ายามที่ไก่ตัวนี้ยังมีชีวิตอยู่มีลักษณะเช่นใด ไก่ตัวนี้มองเผินๆ คือไก่ป่าตัวหนึ่ง แต่ถ้ามองให้ละเอียดจะเห็นว่าแตกต่างกัน

ตี้ฝูอีไม่พูดอะไร กู้ซีจิ่วย่อมไม่ต้องการเป็นฝ่ายพูดคุยกับเขาก่อนเช่นกัน ช่วงที่นั่งรอเนื้อสัตว์ย่างอยู่ตรงนั้นสมองเธอยังคงใคร่ครวญถึงเคล็ดวิชาที่ต้องใช้ต่อจากนี้

“เหตุใดต้องย้ายห้อง?” ตี้ฝูอีคล้ายถามออกมาคล้ายไม่มีเจตนา

กู้ซีจิ่วก็ตอบอย่างไม่อินังขังขอบ “พลังวิญญาณของข้าไม่เพียงพอ ตามบทเรียนบางส่วนของห้องหนึ่งไม่ทัน…”

เธอพูดข้ออ้างที่บอกแก่กู่ฉานโม่ตอนนั้นออกมาอีกรอบ

“ตามบทเรียนไหนไม่ทัน?” ตี้ฝูอีเริ่มถามซักไซ้ให้ถึงที่สุด

กู้ซีจิ่วขมวดคิ้วนิดๆ ถึงแม้ตี้ฝูอีก็นับว่าเป็นอาจารย์ของห้องหนึ่งเหมือนกัน แต่ก็เป็นเพียงอาจารย์ที่ได้รับการเชื้อเชิญมาสอนเท่านั้น ผลคะแนนทั่วไปรวมถึงการย้ายห้องเรียนของศิษย์อะไรพวกนั้นดูเหมือนเขาจะไม่มีสิทธิ์ก้าวก่าย

กู้ซีจิ่วไม่อยากถกเถียงกับเขา ดังนั้นจึงยิ้มแวบหนึ่ง “ขอบคุณสำหรับความห่วงใยของท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้าย แต่นี่คือเรื่องส่วนตัวของซีจิ่ว ไม่อยากบอกแก่ผู้อื่น”

ตี้ฝูอีไม่พูดอะไรอีก จดจ่อกับการย่างเนื้อสัตว์ตามเดิม

หนนี้ฝีมือของเขาพัฒนาขึ้นไม่น้อย เนื้อสัตว์ยังไม่ทันย่างสุกดี กลิ่นหอมก็ลอยอบอวลไปครึ่งลี้แล้ว

กู้ซีจิ่วกินข้าวมาแล้วจริง ๆ ท้องจึงไม่รู้สึกหิว แต่พอได้กลิ่นหอมหวนนี้ เธอสัมผัสได้ว่าหนอนตะกละในท้องเธอเคลื่อนไหวแล้ว อดไม่ได้ที่จะชำเลืองมองไก่ย่างเหลืองอร่ามตัวนั้นอยู่หลายแวบ

ในที่สุดเนื้อสัตว์ก็ย่างสุกดีแล้ว เขาฉีกปีกไก่ข้างหนึ่งให้เธอ “เอ้า ลองชิมสิ”

เห็นกันอยู่ชัดๆ ว่าเนื้อสัตว์เพิ่งย่างเสร็จ สมควรร้อนลวกมือยิ่งนัก แต่พอส่งมาถึงมือเธอก็กลายเป็นอุ่นปานกลาง สามารถนำเข้าปากได้เลย

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!