บทที่ 884 หนีจากเงื้อมมือเขาไม่พ้น
ไหนเลยจะทราบว่าแผนการที่วางไว้จะพลิกผัน สาวน้อยผู้นี้ขึ้นมาไม่ได้จริงๆ อับอายขายหน้าไปถึงไหนต่อไหน เป็นชนวนให้ชิงชังเขา แถมยังคิดจะย้ายห้องเพื่อหลีกหนีเขาโดยสมบูรณ์…
กู้ซีจิ่วก็เป็นคนฉลาดคนหนึ่ง เมื่อฟังถ้อยคำเหล่านี้ของเขาก็เข้าใจแผนการของเขา รู้สึกหมดคำจะพูดอยู่บ้าง และรู้สึกซาบซึ้งนิดๆ
เจ้าคนผู้นี้ดูเหมือนจะวางแผนไว้รอบด้านเลย ทุ่มเทมากเช่นกัน
ทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายผู้นี้ต่อให้ไล่ตามคนผู้หนึ่งก็ยังไล่ตามได้พิสดารแยบคายถึงเพียงนี้ ทำให้คนชิงชังจนกัดฟันกรอดๆ
นี่ทำให้กู้ซีจิ่วไม่รู้ว่าควรจะวิจารณ์พฤติกรรมเหล่านี้ของเขาอย่างไรดี เธอนิ่งไปครู่หนึ่ง กระแอมแล้วเอ่ยว่า “ต่อไปข้าไม่จำเป็นต้องโดดเรียนวิชาของท่านแล้ว พอข้าย้ายห้องไปก็ไม่ต้องเข้าเรียนคาบท่านอีกแล้ว…”
ตี้ฝูอียิ้มแวบหนึ่ง “เช่นนั้นก็ไม่เป็นไร เจ้าไม่มาเรียน ข้าไปสอนเสริมให้เจ้าทุกวันก็ได้ เป็นอาจารย์หนึ่งวัน คือผู้สอนสั่งไปชั่วชีวิต ในเมื่อเจ้าเรียนวิชาของข้าแล้ว จะอย่างไรก็ต้องให้เจ้าเรียนรู้ตั้งแต่ต้นจนจบถึงจะดี”
กู้ซีจิ่วเงียบงัน
เธอไม่รู้ว่าควรร้องไห้หรือว่าหัวเราะดี จึงเชิดหน้ากล่าว “หากว่าข้าไม่อยากให้ท่านเสริมให้เล่า? วิชานี้อาจไม่เหมาะกับข้า…”
มันเหมาะกับเจ้า!” ตี้ฝูอีเอ่ยขัดเธอ “เจ้าเป็นผู้ฝึกฝนพลังวิญญาณธาตุลม เมื่อเจ้าเชี่ยวชาญวิชาเหินหาวอย่างแท้จริง อานุภาพกระบวนท่าธาตุลมของเจ้าจะยกระดับขึ้นเป็นเท่าตัว! ความเร็วของเจ้าก็จะว่องไวกว่าตอนนี้อีกเท่าตัว!”
กู้ซีจิ่วพลันใจเต้นแรง เอ่ยโพล่งออกมาประโยคหนึ่ง “ท่านเปิดสอนวิชาเหินหาวนี้เพื่อข้าโดยเฉพาะหรือ…”
เอ่ยมาถึงตรงนี้ก็หยุดลง นี่เธอหลงตัวเองเกินไปหรือเปล่า?
ตี้ฝูอีถอนหายใจ “ในที่สุดเจ้าก็เข้าใจ! วิชานี้เปิดขึ้นก็เพื่อเจ้าศิษย์คนอื่นๆ ก็แค่พึ่งใบบุญของเจ้าเท่านั้น”
เคล็ดวิชานี้เขามุ่งหมายนำมาสอนเพื่อสุขภาพของนางโดยเฉพาะ เพื่อให้วรยุทธ์ของนางพัฒนาขึ้นภายในระยะเวลาสั้นๆ ผู้บงการอยู่เบื้องหลังคนนั้นแข็งแกร่งนัก เขาหวังให้นางมีกำลังพอปกป้องตนเอง หากว่าเขาไม่อยู่ข้างกายนาง นางจะได้ไม่ถึงกับถูกผู้อื่นข่มเหงได้ทันที
กู้ซีจิ่วนึกไม่ถึงเลยว่าความจริงจะเป็นเช่นนี้ ความอึดอัดคับข้องในใจเหล่านั้นเจือจางไปเล็กน้อยอีกครั้ง กลับมีความรู้สึกอบอุ่นผุดขึ้นมาในหัวใจ
เธอนั่งครุ่นคิดเรื่องราวอยู่ตรงนั้นเงียบๆ นำสิ่งที่ประสบในหลายวันนี้มาวิเคราะห์แยกแยะอีกรอบหนึ่ง เมื่อนำมาปะติดปะต่อเข้าด้วยกัน ก็พบว่าสิ่งที่ตี้ฝูอพูดน่าจะเป็นความจริง
อันที่จริงตัวเธอเกลี้ยกล่อมง่ายมาก พอขบคิดเข้าใจแล้ว ก็ไม่ดื้อแพ่งอันใดอีกต่อไป เพียงแต่ถึงอย่างไรก็ได้รับความอยุติธรรมนานถึงเพียงนั้น เพลิงลุกไหม้มาถึงขนาดนี้แล้ว ถึงแม้จะเข้าใจภาพรวมทั้งหมดแล้ว แต่ท้ายที่สุดก็ยังปลงไม่ลงอยู่บ้าง จงใจเอ่ยขึ้นว่า “แต่ข้าย้ายห้องแล้ว อาจารย์ใหญ่กู่ก็รับปากข้าแล้ว ข้าไม่เข้าเรียนวิชาท่านกลับเป็นท่านมาสอนเสริมให้ข้าศิษย์คนอื่นจะคิดเห็นอย่างไร…”
ตี้ฝูอีพลันเลิกคิ้ว “ความคิดเห็นของพวกเขาเกี่ยวอะไรกับข้า?”
แต่ไหนแต่ไรมาเขาไม่เคยใส่ใจสายตาของผู้อื่น เพียงแต่เขาสามารถไม่คิดหยุมหยิมได้ แต่ไม่ได้หมายความว่ากู้ซีจิ่วจะไม่คิด ดังนั้นเขาจึงนิ่งไปครู่หนึ่งแล้วเอ่ยขึ้นอีกครั้ง “เช่นนั้นก็ง่ายดายยิ่ง อย่างมากข้าก็แค่เพิ่มคาบเรียนให้ห้องสองด้วย”
กู้ซีจิ่วพูดไม่ออก…
ตี้ฝูอีแย้มยิ้มมองนาง แววตาแน่วแน่ยิ่งนัก “เสี่ยวซีจิ่ว วิชาของข้า มิใช่เจ้าคิดจะโดดก็สามารถโดดได้ ต่อให้เจ้าหนีไปสุดขอบฟ้า ข้าก็ยังหาทางไปจับเจ้ากลับมาเรียนต่อให้ได้ แค่เสียเวลาเล็กน้อยเท่านั้น”
วิชาเหินหาวนี้เป็นวิชาที่เขานำมาสอนนางโดยเฉพาะ นางจะไม่เรียนได้อย่างไร?
เช่นนั้นที่เขาพินิจพิเคราะห์อดหลับอดนอนอยู่หลายวันมิเสียเปล่าหรอกหรือ?
เส้นเลือดตรงขมับกู้ซีจิ่วเต้นตุบๆ ทราบว่าเขาพูดจริงทำจริง เธอกระแอมไอคราหนึ่ง “ท่านบอกว่าข้าแค่ลุ่มหลงยึดติดหลงซือเย่เท่านั้น ท่านก็ดูเหมือนจะลุ่มหลงยึดติดข้าเช่นกัน…”