Skip to content

ลำนำบุปผาพิษ 1016

บทที่ 1016 เป็นห่วงรัชทายาทผู้นี้หรือ

ร่างกายของหรงเจียหลัวค่อยยังชั่วขึ้นมากแล้ว หลังจากดื่มนํ้าแกงบ้างและพักผ่อนมาหนึ่งคืน ก็สามารถลุกขึ้นนั่งได้แล้ว และพูดคุยอย่างคล่องแคล่วได้

บางทีอาจเป็นเพราะระบบประสาทของเขาได้รับความเสียหาย ความทรงจำช่วงที่ผ่านมาจึงเหลืออยู่เพียงเศษเสี้ยว เดิมทีกู้ซีจิ่วคิดว่าจะล้วงข้อมูลอะไรออกมาจากปากเขาได้บ้าง ผลสุดท้ายคือแม้แต่บาดเจ็บได้อย่างไรเขาก็ลืมไปหมดแล้ว …

จดจำได้เพียงช่วงที่เขากลายเป็นผีดิบในหลายวันมานี้ และข้อเท็จจริงที่เขาเล่าได้ทำให้กู้ซีจิ่วหลั่งเหงื่อเย็นเฉียบออกมา

หลายวันมานี้สติสัมปชัญญะของเขายังคงตื่นตัวอยู่ตลอด!

และได้ยินความเคลื่อนไหวรอบข้าง เพียงแต่ไม่อาจควบคุมร่างกายของตนได้เลย ราวกับดวงวิญญาณถูกบางสิ่งสะกดไว้ในร่าง ทำได้เพียงเบิกตามองตัวเองอาละวาดคลุ้มคลั่ง!

ที่สำคัญยิ่งกว่าคือ หากว่าเขาถูกทำร้ายก็รู้สึกถึงความเจ็บปวดได้ ถึงขั้นที่เจ็บปวดกว่ายามปกติหลายเท่าตัว!

ความเจ็บปวดนั้นยิ่งทำให้เขาแทบคลั่งอยู่ตลอดเวลา

เขาได้ยินหรงเช่อเชื้อเชิญหลงซือเย่มา ได้ยินหลงซือเย่กล่าวว่าเขาหมดหนทางช่วยเหลือแล้ว ได้ยินหลงซือเย่บอกว่าต้องหักคอเขา…

พิษนี้ช่างวิปริตโดยแท้!

น่ากลัวกว่าโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง[1]เสียอีก!

เดิมทีหรงเจียหลัว สองพี่น้องคิดจะพักฟื้นอยู่ที่นี่อีกสองสามวันแล้วค่อยเดินทาง แต่วันต่อมาหรงเช่อได้รับสาสน์ด่วนที่ส่งมาจากเมืองหลวง จักรพรรดิซวนประชวรหนัก เรียกตัวองค์ชายทั้งสองกลับไปโดยเร็ว เรื่องนี้ย่อมไม่อาจล่าช้าได้ ดังนั้นหรงเช่อจึงรีบเก็บสัมภาระบอกลาทุกคนแล้ว นั่งรถม้าจากไปทันที

เดิมทีพี่น้องสกุลหรงคิดจะเชิญหลงซือเย่ไปดูอาการทหารห้าพันนายนั้นด้วย แต่ยังไม่ทันได้ออกปาก หรงเช่อก็ได้รับจดหมายลับจากทางกองทัพอีกครั้ง บอกว่าท่านเทพศักดิ์สิทธิ์คิดค้นยาถอนได้แล้ว บัญชาให้ทูตส่างซั่นนำมาส่งให้ถึงกองทัพ ตอนนี้ทหารทั้งห้าพันนายได้รับยาถอนพิษแล้ว อาเจียนถ่ายท้องอยู่หนึ่งคืน พิษในร่างก็ถูกขับออกไปหมด ตอนนี้ทหารทั้งห้าพันนายติดตามกลับมาพร้อมทัพใหญ่แล้ว

สองพี่น้องสกุลหรงย่อมปรีดานัก ในที่สุดก็เดินทางกลับอย่างวางใจได้แล้ว

รถม้าที่หรงเจียหลัวโดยสารเป็นราชรถต้นแก่นเพชรที่แข็งแกร่งทนทานที่สุดในบรรดาราชรถของราชวงศ์ สัตว์ที่ลากรถก็คือสิงโตเวหาสองตัว ซํ้า

ยังมีหรงเช่อคอยคุ้มกันอยู่ข้างกาย การเดินทางกลับหนนี้องค์รัชทายาทผู้นี้ย่อมไม่ประสบอุบัติเหตุอันใดแล้ว ดังนั้นกู้ซีจิ่วจึงวางใจยิ่ง

เมื่อเห็นรถม้าของพวเขาพี่น้องจากไปไกล กู้ซีจิ่วพลันถอนหายใจเบาๆ “ตอนที่ข้าพบจักรพรรดิซวนเมื่อหลายวันก่อน ก็รู้สึกว่าใบหน้าเขาแฝงความทรุดโทรมไว้ โอสถชนิดนั้นที่เขาใช้ไม่เพียงแต่ทำให้อารมณ์ของเขาฉุนเฉียวอย่างน่าประหลาดเท่านั้น ยังทำให้เขาคึกคักกระฉับกระเฉงอีกด้วย ร่วมหอกับสตรีหลายนางในข้ามคืน…ตัวเขาในยามนั้นคงจะรู้สึกว่าตนกลับมาหนุ่มแน่นแล้ว ที่จริงเป็นการนำพลังชีวิตในอนาคตของตนมาเผาผลาญ

เวลาของเขาน่าจะเหลืออีกไม่มาก ท้องฟ้าของอาณาจักรเฟยซิงคงจะต้องแปรเปลี่ยนเสียแล้ว…”

ว่ากันตามเหตุผลแล้ว หรงเจียหลัวคือรัชทายาท เมื่อจักรพรรดิซวนสวรรคต หรงเจียหลัวก็ควรได้สืบทอดราชบัลลังก์ขึ้นเป็นจักรพรรดิ

แต่สองปีมานี้หรงเจียหลัวนำทัพสู้รบอยู่ภายนอกตลอด ขุนนางในอาณาจักรยังคงอยู่ฝ่ายหรงฉู่มากที่สุด เมื่อจักรพรรดิซวนสวรรคต หรงฉู่จะต้องเคลื่อนไหวครั้งใหญ่เป็นแน่

หรงเจียหลัวเป็นมือดีด้านกรีธาทัพออกรบ แต่ด้านสงครามการเมืองกลับอ่อนด้อยเกินไปจนน่าโมโห ไม่แน่ว่าจะต่อกรกับหรงฉู่ได้…

เมื่อถึงเวลานั้นเกรงว่าฝ่ายองค์รัชทายาทและฝ่ายองค์ชายหรงฉู่จะก่อสงครามนองเลือดขึ้นมาอีกครั้ง

ศึกสงครามในช่วงไม่กี่ปีมานี้ของอาณาจักรเฟยซิง เดิมทีก็เดือดร้อนจนประชาชนอยู่ไม่เป็นสุขแล้ว หากเกิดสงครามภายในขึ้นมาอีก…

“เป็นห่วงรัชทายาทผู้นี้หรือ?” ตี้ฝูอี เดาความคิดของเธอได้ตรงเผง

กู้ซีจิ่วเม้มริมฝีปาก “เขาเป็นสหายของข้า ไม่ง่ายเลยกว่าจะช่วยชีวิตไว้ได้ จึงไม่ปรารถนาให้เขาต้องสิ้นชีพในสงครามการเมืองอีก”

“ราชวงศ์ก็มีโชคชะตาเป็นของตน เรื่องเช่นนี้คนของโลกบำเพ็ญไม่ควรเข้าไปก้าวก่าย”

“ไม่ได้ก้าวก่ายเสียหน่อย มิเช่นนั้นข้าคงบุกไปลอบสังหารหรงฉู่ที่อาณาจักรตั้งนานแล้ว! เจ้านั่นเป็นสวะชิ้นหนึ่ง ถ้าปล่อยให้เขาขึ้น เป็นจักรพรรดิจริงๆ ราษฎรต้องประสบหายนะแน่นอน!”

——————————————————————

[1] โรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง หรือโรค Amyotrophic lateral sclerosis (ALS) เป็นโรคที่เกี่ยวข้องกับเซลล์ประสาท เกี่ยวกับควบคุมการเคลื่อนไหวตายไปก่อนอายุขัย อาการของคนไข้คือมีอาการกล้ามเนื้อลีบ อ่อนแรง แขน ขา ลิ้น คอ หากเป็นหนักจะไม่สามารถขยับร่างกายได้ คล้ายเป็นอัมพาฒไปทั้งตัว แต่สมองยังคงรับรู้ได้ตามปกติ เพียงแต่ไม่สามารถเคลื่อนไหวได้

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!