Skip to content

ลำนำบุปผาพิษ 1042

บทที่ 1042 คนผู้นี้คือคู่ต่อสู้ที่แท้จริงของเขา!

คนทั้งหลายล้วนเชื่อมั่นในจุดนี้ สายตาของทุกคนล้วนจับจ้องอยู่ที่ร่างของหรงเช่อ บางคนทำใจกล้าตะคอกถามเขาทันที “สรุปแล้วเจ้าเป็นใครกันแน่?!”

และมีบางคนคล้อยตาม “ไม่จำเป็นต้องถามเขายามนี้ ประเดี๋ยวนำตัวเขาไป ย่อมไต่สวนถึงบรรพชนแปดรุ่นของเขาได้”

หรงเช่อถอนหายใจหนักๆ คลี่ยิ้มแล้วเอ่ยขึ้น “เยี่ยมมาก! ไม่นึกเลยว่าตาเฒ่าอย่างเทพศักดิ์สิทธิ์จะส่งคนมาลงมือมากมายในคราวเดียว! เพียงแต่เกรงว่าคงจับข้าไม่ได้อยู่ดี!”

ร่างกายเอนลงไปด้านล่างทันใด!

สีหน้าตี้ฝูอีพลันแปรเปลี่ยน “แย่แล้ว!”

รอบกายหรงเช่อระเบิดวงแสงห้าสีออกมา ตามมาด้วยเสียงระเบิดดังก้อง หยาดโลหิตนับไม่ถ้วนกระฉูดไปทั่วทิศ ปานพายุฝน!

เกิดเสียงดังซ่าๆ เสมือนสายฝนกระทบบานหน้าต่าง กระฉูดใส่เขตแดนที่ล้อมรอบโดยตรง…

เขตแดนสีเขียวที่แข็งแกร่งทนทานถึงเพียงนั้นแม้กระทั่งดาบที่คมที่สุดก็ไม่อาจฟันให้ขาดได้ถูกกัดเซาะจนเกิดรูกลมๆ นับไม่ถ้วน ในระยะเวลาชั่วพริบตา ตามมาด้วยเสียงแตกร้าว!

และลำแสงห้าสีสายหนึ่งได้ห่อหุ้ม เงาร่างเลือนรางสายหนึ่งผุดวาบออกไปตรงรอยแตก ยามฝูงชนไล่ตามออกมา เงาร่างที่เปล่งแสงห้าสีนั้นก็หายไปแล้ว เงาร่างนั้นราวกับภาพหลอน ท่าร่างก็รวดเร็วเหลือเกิน หายไปในชั่วพริบตา ฝูงชนเห็นแทบไม่ชัดว่าเงาร่างนั้นสรุปแล้วมีลักษณะอย่างไร…

“วิชามารสวรรค์สลายร่างสละกาย!” ตี้ฝูอีเพ่งสายตามองสถานการณ์ในตำหนัก ภายในตำหนักไม่มีเงาร่างของหรงเช่อแล้ว ทว่ามีเลือดเนื้อมากมายเละเทะกระจัดกระจายปานเมล็ดข้าว…

เห็นได้ชัดยิ่งนัก คนผู้นั้นละทิ้งกายเนื้อของหรงเช่อ ใช้วิชาพิเศษอย่างหนึ่งระเบิดกายหยาบให้กลายเป็นอาวุธทำลายเขตแดน จากนั้นก็หลบหนีไปด้วยกายละเอียด!

กายละเอียดของคนธรรมดาล่องลอยไม่แน่ไม่นอน ถึงขั้นที่ก่อตัวเป็นรูปเป็นร่างไม่ได้ สำหรับผู้บำเพ็ญที่ฝึกฝนพลังวิญญาณจนบรรลุขั้นเก้าแล้ว จะสามารถถอดกายละเอียดออกจากสังขารได้ แต่ก็เป็นเพียงเงาเลือนรางเท่านั้น ไม่อาจคงรูปได้ แต่กายละเอียดของคนผู้นี้กลับคงรูปได้ อย่างน้อยพลังวิญญาณของเขาก็ต้องบรรลุขั้นสิบแล้ว!

คนผู้นี้สิถึงจะเป็นผู้บงการอยู่เบื้องหลังตัวจริง!

ความสัมพันธ์ของเขากับหลงฟั่นน่าจะมิใช่การร่วมมือกัน แต่เป็นความสัมพันธ์แบบเจ้านายกับลูกน้อง เกรงว่าหลงฟั่นจะรับใช้เขาเสียแล้ว

ประกายแสงห้าสีที่ผสมปนเปกันดั่งแสงสายัณห์ วิชามารสวรรค์สลายร่างสละกาย ผมขาว…

ทุกสิ่งคล้ายจะยืนยันเรื่องหนึ่งได้แล้ว คนผู้นี้เป็นมารสวรรค์!

นึกไม่ถึงเลยว่าสุดม้ายแล้วจะมีมารสวรรค์ปรากฏตัวขึ้นบนโลกนี้…

มิน่าเล่าเขาถึงสามารถหนีออกจากเขตแดนสยบมารที่สี่ทูตติดตั้งได้ มิน่าเล่าเขาถึงสิงอยู่ในร่างของหรงเช่อได้โดยไม่ถูกผู้ใดสังเกตเห็น ที่แท้เป็นมารสวรรค์จุติมา

ตี้ฝูอีหรี่ตาลงนิดๆ คนผู้นี้คือคู่ต่อสู้ที่แท้จริงของเขา!

ไม่ว่าจะวรยุทธ์ สติปัญญา แม้กระทั่งพลังวิญญาณ ล้วนดูเหมือนจะไม่ด้อยกว่าเขาไปสักเท่าไหร่

ถึงแม้คนผู้นี้จะเคลื่อนไหวว่องไวยิ่งนัก แต่กู้ซีจิ่วที่จับตามองป้ายหยกอยู่ตลอดสายตาดีจนน่าตะลึง เธอมองรูปลักษณ์ของคนผู้นั้นออกรางๆ

ผมขาว อาภรณ์เขียว เรือนกายสูงชะลูด รูปโฉมงดงามล้ำเลิศ เครื่องหน้ายิ่งมีแนวโน้มว่าจะทรงเสน่ห์ ถึงแม้จะเหลือบมองเพียงแวบเดียว กลับทำให้ผู้คนจดจำอย่างลํ้าลึก!

กู้ซีจิ่วขมวดคิ้ว “สรุปแล้วคนผู้นี้คือใครกัน? เขาหนีไปเช่นนี้คาดว่าภายหน้าเมื่อหวนกลับมาคงจะล้างแค้นทุกคนจนถึงที่สุด”

ตี้ฝูอีถอนหายใจเบาๆ “เขาคือมารสวรรค์ วางใจเถอะ วิชาสลายร่างชนิดนี้ที่เขาใช้ถึงแม้จะหลบหนีไปได้ แต่ก็ได้รับบาดเจ็บถึงพลังชีวิต คาดว่าจะฟื้นฟูไม่ได้ไประยะหนึ่ง ในช่วงเวลาสั้นๆ นี้ไม่อาจก่อเหตุได้อีก”

ตนจะต้องรีบฟื้นฟูสู่สภาพเดิมเป็นการด่วน คนผู้นี้คนอื่นไม่มีทางต่อกรได้ ต่อให้ฝืนใช้ยุทธการคลื่นมนุษย์เข้าจับเขา ก็ไม่อาจทำให้เขาสิ้นชีพจริงๆ ได้

มีเพียงเทพอย่างเขาต้องลงมือเองเท่านั้น ถึงจะมีความเป็นไปได้ที่จะทำให้เขาหายไปอย่างถาวร!

——————————————————————

[1] มารหนึ่งฉื่อ เต๋าหนึ่งจั้ง เปรียบได้กับสุภาษิตไทยที่ว่าธรรมะย่อมชนะอธรรม

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!