บทที่ 1104 หนีไป
ช่างเถอะ! หากว่าสิ่งที่หลงซือเย่พูดเป็นความจริง เช่นนั้นร่างโคลนนิ่งร่างนี้ก็นับว่าเป็นพิการทั้งเป็นครึ่งตัวแล้ว!
ทำให้เขาพิการอย่างเงียบๆ ได้ คาดว่าคงทำให้โม่เจ้าโกรธจนแทบกระอักเลือด ต่อให้สิ่งที่หลงซือเย่พูดไม่เป็นความจริง ตอนนี้เธอก็ไม่มีวิธีอะไรอยู่ดี
เธอไม่ใช่แม่พระ และไม่ใช่คนบุ่มบ่าม เธอไม่อาจเอาชีวิตของเธอเข้าแลกเพื่อทำลายร่างโคลนนิ่งร่างเดียวทิ้งได้ ไม่คุ้มค่า!
อีกอย่างต่อให้ร่างโคลนนิ่งถูกทำลายทิ้งหลงฟั่นก็สร้างขึ้นใหม่ได้ เว้นแต่จะสังหารหลงฟั่นด้วย!
แต่ตอนนี้พลังวิญญาณของหลงฟั่นบรรลุขั้นสิบแล้ว หากปะทะกันซึ่งๆ หน้า เธอกับหลงซือเย่ร่วมมือกัน ก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา ประกอบกับที่นี่เป็นถิ่นของหลงฟั่น หากสู้กันขึ้นมาจริงๆ ไม่เป็นผลดีแน่นอน!
เธอไม่คิดจะโอ้เอ้ต่อไปแล้ว “ไปเถอะ พวกเราออกไปเร็วหน่อยดีกว่า!”
ตอนที่ทั้งสองคนออกมา สี่คนนั้นที่อยู่ตรงประตูยังยืนทื่อปานท่อนไม้อยู่ เมื่อพวกกู้ซีจิ่วทั้งสองออกมาพวกเขาก็ราวกับมองไม่เห็น
หลงซือเย่ดีดผงยาไปทางพวกเขาเล็กน้อย หนึ่งเค่อให้หลังพวกเขาก็ได้สติกลับมาอย่างแท้จริง แต่จำไม่ได้เลยว่าเกิดอะไรขึ้น…
ระยะเวลาที่คนทั้งสองอยู่ในห้องวิจัยแห่งนี้ไม่นานนัก ประมาณสิบนาทีเท่านั้น เทพไม่รู้ผีไม่เห็นโดยแท้
เมื่อจัดการทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว ทั้งสองก็มุ่งหน้าไปยังบ่อลาวาที่เป็นทางออก…
….
หลงฟั่นวางใจยิ่งนักจริงๆ สถานที่แห่งนี้คือฐานลับของเขา หากไม่มีพาหนะโดยสารพิเศษก็ไม่อาจเข้าออกได้ และคนที่สามารถมาที่นี่ได้ล้วนเป็นอัจฉริยะที่เขารวบรวมมาจากที่ต่างๆ ในหลายปีมานี้ ทุกคนต่างจงรักภักดีต่อเขา และถึงแม้กู้ซีจิ่วจะเป็นตัวแปร แต่ถึงอย่างไรเธอก็สูญเสียความทรงจำไปแล้ว อย่างมากก็แค่รบเร้าอยากไปเล่นข้างนอก ไม่อาจเล่นลูกไม้อื่นได้ อีกอย่างที่นี่ก็มีหูตาอยู่มากมาย เธอเองก็ไม่มีพิรุธอะไร
ดังนั้นหลังจากโม่เจ้าออกไป เขาก็แค่สั่งการให้คนสองสามคนที่จับตาดูอยู่ตื่นตัวให้มากหน่อย แล้วให้หัวหน้าผู้คุ้มกันกวดขันสักหน่อย เขาก็ไปทำวิจัยอย่างสบายใจเฉิบแล้ว
วันนี้ต้องทลายอุปสรรคด้านเทคนิคข้อหนึ่ง ขอเพียงเขาทลายอุปสรรคข้อนี้ได้ เขาก็สามารถยกระดับคุณสมบัติร่างโคลนนิ่งของท่านเจ้าได้อีกขั้นหนึ่ง ไม่แน่ว่าอาจทำให้บรรลุระดับสิบได้!
ท่านเจ้าแข็งแกร่งมากจริงๆ ถึงสามารถเป็นร่มเงาให้เขาได้ ทำให้เขาได้ทำเรื่องที่ตนอยากทำต่อไปได้
วันนี้เขาทำงานอย่างลืมกินลืมนอนอยู่บ้าง ทุ่มเทจดจ่อกับการวิจัย แม้แต่ตอนที่กู้ซีจิ่วมาหาเขาก็ไม่มีเวลามาสนใจ
โชคดีที่เด็กสาวคนนี้ยังนับว่าเป็นเด็กดีอยู่ หลังป้วนเปี้ยนอยู่รอบตัวเขารอบหนึ่งก็ไม่รบกวนเขาอีกออกไปเล่นด้วยตัวเอง
เขาทำวิจัยต่อไป เป็นเช่นนี้จนผ่านไปประมาณหนึ่งยาม เขาพบอุปสรรคเล็กน้อย จำเป็นต้องไปดูข้อมูลของร่างโคลนนิ่งในโลงแก้วผลึกใบนั้น ด้วยเหตุนี้เขาจึงเข้าไปในห้องสังเกตการณ์…
ที่นี่มีห้องลับห้องหนึ่งอยู่ มีเพียงเขากับท่านเจ้าที่รู้ภายในห้องลับสังเกตการณ์สถานที่เพียงแห่งเดียวเท่านั้น นั่นก็คือห้องวิจัยที่จัดวางร่างโคลนนิ่งของท่านเจ้าไว้
เรื่องการสร้างร่างโคลนนิ่งของท่านเจ้าเป็นความลับยิ่งนัก ต่อให้เป็นลูกน้องที่มีความสามารถที่สุดก็ยังไม่รู้ ดังนั้นห้องสังเกตการณ์นี้จึงเป็นห้องลับ ด้วย
เขามองที่นั่นอยู่ในห้องสังเกตการณ์นั้น ไม่พบเห็นสิ่งปกติใดๆ
(ตอนนั้นพวกกู้ซีจิ่วออกไปแล้ว และไม่ได้ทำให้ข้าวของในห้องเสียหาย)
เขาจึงดูข้อมูลที่ต้องการก่อน จากนั้นก็สัมผัสได้ว่าร่างโคลนนิ่งร่างนั้นดูเหมือนจะผิดปกติเล็กน้อย…
สีหน้าดูไม่ค่อยถูกต้องนัก แต่ก็แค่ไม่น่ามองเล็กน้อยเท่านั้น อย่างไรเสียอุปกรณ์ของยุคนี้ก็ยังไม่สมบูรณครบครันถึงเพียงนั้น
ดังนั้นภาพที่แสดงบนจอภาพในห้องสังเกตการณ์จึงพอเห็นเป็นรูปเป็นร่างเท่านั้น ไม่ได้ละเอียดมากนัก
เขาก็ไม่ใคร่แน่ใจอยู่ชั่วขณะ ครุ่นคิดเล็กน้อย ยังคงตัดสินใจไปดูให้เห็นกับตาสักหน่อย
แต่เพิ่งเดินเข้าไปใกล้ ‘พีระมิด’ แห่งนั้นเขาก็สัมผัสถึงความผิดปกติได้แล้ว