บทที่ 1110 ใครตัวจริง ใครตัวปลอม?
กู้ซีจิ่วก็เป็นผู้เชี่ยวชาญ เธอดูออกว่าสิ่งนั้นคือ GPS จริงๆ…
สิ่งนั้นติดอยู่กับเลือดเนื้อใต้กระดูกซี่โ ครงของเธอ ไม่เคลื่อนย้ายตามเส้นเลือด ไม่เคลื่อนย้ายตามลำไส้ หากไม่ผ่าตัดก็ไม่มีทางเอาออกได้
ทว่าในระหว่างการหลบหนีเช่นนี้ ไม่มีทั้งเวลาและปัจจัยในการผ่าตัด กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือหลงฟั่นจะหาเธอพบในเวลาไม่เกินครึ่งชั่วยาม…
เจ้าโรคจิตหลงฟั่น!
เธอเกลียดนักวิทยาศาสตร์สติเฟื่อง!
และตอนนี้ตี้ฝูอีก็อยู่ในเมืองที่ห่างไกลออกไปเป็นพันลี้ ในตัวเธอไม่มีสิ่งของใดติดต่อกับเขาได้…อย่างไรเสียต่อให้ตอนนี้สามารถติดต่อได้ นํ้าไกลก็ไม่อาจดับไฟใกล้ ตี้ฝูอียังไม่ทันมาถึง เธอก็ถูกจับไปก่อนแล้ว…
หลงซือเย่ก็ถูกค้นตัวจนหมดจด ในมิติเก็บของลับเล็กๆ ของเขามีเพียงสิ่งของรักษาชีวิตที่สำคัญมากบางอย่าง ดอกไม้ไฟที่ใช้ติดต่อสานุศิษย์ในสำนักไม่กี่อัน และยังมียันต์บันทึกเสียงอีกสองสามแผ่น ต่อให้เขาขอความช่วยเหลือก็ต้องส่งกระแสเสียงเรียกนกมา เพื่อให้นกเอายันต์บันทึกเสียงไปให้สานุศิษย์ตัวเอง แต่ละแวกนี้รกร้างห่างไกล ทั้งยังร้อนอบอ้าวอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ นกถ่ายทอดเสียงเป็นนกที่ชอบสภาพอากาศหนาวเย็น ไม่ชอบอากาศร้อนเป็นที่สุด ที่นี่จึงไม่มีนกถ่ายทอดเสียงอาศัยอยู่ ต่อให้เขาอยากเรียกก็เรียกมาไม่ได้
“พวกเราต้องแยกกัน! ฉันไปทางตะวันออก คุณไปทางใต้! คุณหาทางติดต่ออาจารย์ใหญ่กู่แห่งสำนักศึกษาชุมนุมสวรรค์กับตี้ฝูอี ต้องมาทลายแหล่งกบดานของเขาให้ได้ คุณไม่ต้องเป็นห่วงฉัน ต่อให้หลงฟั่นจับตัวฉันได้ เขาก็ไม่มีทางฆ่าฉันแน่…” กู้ซีจิ่วเอ่ยปากอย่างรวดเร็ว
หากแยกกันโอกาสที่เขาจะหนีรอดนั้นมีมาก หากไปด้วยกัน เขาและเธอต้องถูกจับได้ ถึงเวลานั้นจะไม่มีทางเปิดเผยข้อมูลนี้ออกไป นี่เป็นทางเดียวที่ทำได้ในตอนนี้ หลงซือเย่อึ้งไป ในฐานะที่เขาเป็นเจ้าสำนัก ย่อมเข้าใจความสัมพันธ์ของส่วนได้เสียในนี้ แต่หากปล่อยให้เธอถูกจับคนเดียว…
กู้ซีจิ่วคิดว่าเขาคงต้องพูดว่า ‘รอดก็รอดด้วยกัน ตายก็ตายด้วยกัน ฉันไม่ยอมปล่อยให้เธอไปเสี่ยงอันตรายคนเดียวหรอก’ อะไรทำนองนี้สักหน่อย ในใจถึงขั้นเตรียมคำพูดโน้มน้าวไว้แล้ว หากแต่คาดไม่ถึง เขาหลุบตาลงเล็กน้อยพลางรับปาก “ตกลง!”
ทั้งสองต่างไม่ใช่คนพูดจาเยิ่นเย้อ หลงซือเย่รีบรุดลงใต้ทันใด ส่วนกู้ซีจิ่วมุ่งหน้าไปทางตะวันออกต่อ…
……
เมืองขู่หลิ่วตั้งอยู่ห่างจากภูเขาไฟที่ยังปะทุอยู่นี้ไปทางทิศตะวันออกหนึ่งร้อยลี้ อิทธิพลของภูเขาไฟทำให้อากาศที่นี่ร้อนอบอ้าวตลอดทั้งปี เทียบได้กับหมู่บ้านและเมืองใกล้เคียงภูเขาเปลวไฟในซินเจียงของจีน
เมืองขู่หลิ่วมีจำนวนประชากรไม่มาก เมืองก็ค่อนข้างจะแร้นแค้น ดังนั้นจึงไม่มีสำนักใดมาก่อตั้งที่นี่ เป็นหนึ่งในสามพื้นที่ที่ไม่มีใครสนใจ
คนส่วนมากในถิ่นทุรักนดารมักกล้าหาญเด็ดเดี่ยว ที่นี่จึงมีกลุ่มอันธพาลท้องถิ่น มักมีการต่อสู้เกิดขึ้นอยู่บ่อยครั้ง
ยามนี้มีคนสองกลุ่มกำลังต่อสู้กันกลางถนน ไม้กระบองตีกันยุ่งเหยิง เลือดตกยางออก ไม่ต่างจากกลุ่มอันธพาลที่ตีกันตามท้องถนนสักเท่าไหร่
เมื่อหลงฟั่นตาม GPS มา ก็พบว่ากู้ซีจิ่วกำลังนั่งดื่มชาอยู่ในโรงนํ้าชาของสถานีส่งสาร เธอนั่งตำแหน่งติดหน้าต่างกำลังชมการต่อสู้ด้านนอกด้วยความสนใจยิ่ง เธอเปลี่ยนเครื่องแต่งกายแล้ว แม่นางน้อยช่างทุ่มเทเสียเหลือเกิน แต่งตัวให้กลายเป็นหญิงสาวชาวบ้านหน้าตามอมแมม สวมใส่
อาภรณ์ทำจากผ้าทอเนื้อหยาบ แทบจะมองไม่เห็นลักษณะก่อนหน้านี้
หลงฟั่นงุนงงไปชั่วขณะ เขาคิดว่ากู้ซีจิ่วหยุดพักหายใจหายคอสักครู่แล้วจะรีบหลบหนีต่อ อย่างไรเสียสถานที่แห่งนี้สำหรับเธอแล้วก็ยังไม่นับว่าปลอดภัย กลับไม่คาดคิดว่าเธอจะมานั่งจิบชาสบายใจอยู่ที่นี่ ที่สำคัญไปกว่านั้นก็คือโต๊ะตัวนั้นมีแค่เธอนั่งอยู่ผู้เดียว แล้วหลงซือเย่เล่า?
เขาควรจะอยู่กับเธอไม่ใช่หรือ?
หรือว่าเขาปลอมตัวเป็นคนอื่นซ่อนอยู่ที่ไหนสักแห่ง?