Skip to content

ลำนำบุปผาพิษ 1147

บทที่ 1147 อยากโผเข้าไปในอ้อมอกของเขาขึ้นมาวูบหนึ่ง!

หลังจากเธอได้รับลูกกลอนสุรภีเข้าไป ทุกครั้งที่เห็นเขาคล้ายมองเห็นอาจมกองหนึ่ง ถอยหนีไปทันที บนดวงหน้ามีความรู้สึกรังเกียจเขียนไว้อย่างชัดเจน ทำให้หลงฟั่นเจ็บปวดเป็นพิเศษ ถอยหลังไปไม่กี่ก้าว มองกู้ซีจิ่วอยู่ครู่หนึ่ง ทันใดนั้นพลันเกิดความรู้สึกชั่ววูบขึ้นมา อยากจะถอนพิษลูกกลอนสุรภีให้เธอ…

….

หลงฟั่นกลับไปที่ห้องวิจัยของตน คิดจะค้นหาตัวยาบางอย่างมาปรุงโอสถแก้พิษลูกกลอนสุรภี เขามีตัวยาพรั่งพร้อมครบครันอยู่ที่นี่ ไม่ว่าจะผสมโอสถใดล้วนเป็นเรื่องที่สะดวกง่ายดายนัก ยามที่เขาเตรียมวัตถุดิบสำหรับผสมยาแก้พิษลูกกลอนสุรภี จู่ๆ ก็พบว่าวัตถุดิบเหล่านั้นดูเหมือนจะลดลงเล็กน้อย หรือจะถูกขโมยไป?

เขานวดคลึงหว่างคิ้ว รู้สึกว่าข้อนี้ไม่น่าเป็นไปได้

ยาพิษชนิดนี้พบเห็นได้ยาก บนโลกนี้คนที่รู้จักโอสถชนิดนี้มีน้อยยิ่งนัก ยิ่งไม่ต้องเอ่ยถึงวิธีปรุงยาถอนพิษเลย อีกอย่างการคุ้มกันของตำหนักใต้ดินในยามนี้ก็หนาแน่นปานถังเหล็ก ไม่มีทางที่คนนอกจะแทรกซึมเข้ามาได้ และไม่มีผู้ใดสามารถเข้ามาขโมยวัตถุดิบยาถอนพิษในห้องวิจัยที่ปิดไว้อย่างหนาแน่นของเขาได้

บางทีสองวันมานี้เขาน่าจะทำวิจัยต่อเนื่องกันจนโง่งมไปหน่อยแล้วเป็นไปได้ว่าอาจจะจำผิด เขาตรวจสอบจอสังเกตการณ์ครู่หนึ่ง ไม่พบความผิด ปกติในจอสังเกตการณ์ ถึงได้คลายใจ

….

กู้ซีจิ่วกำลังฝัน

ในฝันมีหมอกหนามืดฟ้ามัวดิน แบบที่มีคนอยู่ตรงหน้าก็มองไม่เห็น

ในความฝันเธอกำลังเดินอย่างไม่มีจุดหมายปลายทาง ในจิตใต้สำนึกคล้ายกำลังตามหาบางสิ่งอยู่ ทว่านึกไม่ออกชั่วขณะว่าท้ายที่สุดแล้วกำลัง ตามหาอะไรกันแน่

หมอกนั้นหนาเกินไป เธอมองอะไรไม่เห็นเลย คล้ายว่าในโลกนี้มีเพียงตัวเธอผู้เดียว

นี่ทำให้เธอร้อนรนอยู่บ้าง ขณะที่กำลังงุนงงอยู่ ทันใดนั้นเบื้องหน้าคล้ายจะมีแสงสว่างเลือนรางสายหนึ่ง เธอไล่ตามไปตามสัญชาตญาณ หมอกหนาเบื้องหน้ากระจายออกไป เธอจึงมองเห็นแหล่งกำเนิดของแสงสว่างนั้น ดูเหมือนตรงนั้นจะมีสะพานข้ามแม่นํ้าอันเล็กๆ อยู่ และบนสะพานมีคนที่แผ่แสงสีรุ้งอ่อนจางออกมากำลังตกปลาอยู่ตรงนั้น คนผู้นั้นแต่งตัวเหมือนอยู่บ้านยิ่งนัก ผ่อนคลายยิ่ง สวมเสื้อคลุมสีม่วงพราวระยับที่แทบจะลากระพื้นแล้ว ยืนอยู่ตรงนั้นเสมือนภาพเงาทำให้วันที่มีหมอกหนาขาวโพลนคล้ายจะอบอุ่นขึ้นมา

ฉากนี้ดูคุ้นตาอย่างไม่มีสาเหตุ และทำให้หัวใจที่ค่อนข้างร้อนรนของเธอสงบลง เธอเดินเข้าไป ในที่สุดก็มองเห็นรูปโฉมของคนผู้นั้นชัดเจนแล้ว

เธอจำได้ “เป็นเจ้า!”

คนผู้นั้นหันมา รูปโฉมงดงามล่มเมือง แฝงบุคลิกเอ้อระเหยลอยชายไว้ “เป็นข้าเอง…ซีจิ่ว เจ้าตกปลาเป็นไหม?”

กู้ซีจิ่วรู้สึกได้ตามสัญชาตญาณว่าตนเองตกเป็น ด้วยเหตุนี้จึงพยักหน้า “เป็น”

คนผู้นั้นยื่นคันเบ็ดให้ถึงมือเธอทันที “มาสิ ช่วยข้าตกสักตัว”

กู้ซีจิ่วรับคันเบ็ดไปมองแวบหนึ่ง รู้สึกหมดคำพูด “เจ้าใช้ตะขอเปล่าๆ แบบนี้ แล้วจะตกปลาได้อย่างไร?”

เมื่อกล่าวประโยคนี้จบ ความรู้สึกที่ราวกับสถานการณ์นี้เคยเกิดขึ้นมาแล้วก็ผุดขึ้นมาในหัวอีกครั้ง

คนผู้นั้นถอนหายใจเบาๆ “เพราะข้าอยากเป็นเจียงไท่กง”

กู้ซีจิ่วเผลอตอบออกไปอย่างคล่องปาก “แต่ปลาพวกนี้ไม่ใช่อ๋องโจวเหวิน…”

ยามนี้ร่างของเธอและเขายืนใกล้กันยิ่งนัก ใกล้จนขอเพียงเธอยื่นมือออกไปก็สามารถสัมผัสเขาได้ เธอดมร่างเขาอย่างค่อนข้างประหลาดใจ กลิ่นหอมเย็นจางๆ ทำให้เธอปลอดโปร่งผ่อนคลาย และทำให้เธออยากโผเข้าไปในอ้อมอกของคนผู้นี้

“ประหลาดนัก ตัวเจ้าไม่เหม็นแล้ว” เธอ พึมพำ

คนผู้นั้นยิ้มแวบหนึ่ง เขยิบไปอยู่ข้างกายเธออย่างไร้สุ้มเสียง จากนั้นก็กล่าวด้วยสีหน้าจริงจัง “ที่เจ้าได้กลิ่นเหม็นเป็นเพราะประสาทการรับกลิ่นของเจ้ามีปัญหา อันที่จริงข้าตัวหอมยิ่งนักเสมอมา…”

กู้ซีจิ่วร้องชิคราหนึ่ง “เจ้าช่างหลงตัวเองนัก ชายชาตรีคนหนึ่งหอมจรุงใจถึงเพียงนี้จะทำให้ผู้อื่นเข้าใจเพศของเจ้าผิดเอา”

คนผู้นั้นเลิกคิ้ว “เจ้าเห็นข้าเหมือนสตรีหรือ?”

กู้ซีจิ่วมองขนตาของเขา “เจ้างดงามมาก…”

คนผู้นั้นเลิกคิ้วสูงยิ่งกว่าเดิม “งดงาม? เจ้าแน่ ใจหรือ?”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!