Skip to content

ลำนำบุปผาพิษ 1149

บทที่ 1149 ยิ่งกว่ารู้จักเสียอีกมิรู้หรือ?

ฉากเหล่านั้นเลือนหายไปแล้ว ไอหมอกที่อยู่รอบๆ ก็คล้ายจะสลายไปเล็กน้อยแล้ว กู้ซีจิ่วค่อนข้างอาลัย เธอยังอยากเห็นอีก

ไม่มีผู้ใดทราบ หลายวันมานี้เธอใช้ชีวิตอย่างหวาดผวาอยู่ตลอด ครั้งแรกที่ลืมตาตื่นขึ้นมาในสมองว่างเปล่าขาวโพลน ไม่มีความทรงจำใดๆ อยู่เลย ซํ้าเธอยังโตถึงเพียงนี้แล้ว!

เธอถึงขั้นที่นึกไม่ออกว่าตัวเองเป็นใคร

โม่เจ้า บอกเธอว่าเธอเป็นร่างโคลนนิ่งร่างหนึ่ง ถูกโคลนนิ่งขึ้นมาตามความปรารถนาของเขา ดังนั้นจึงไม่มีอดีต เขาบอกว่ายินดีแต่งเธอเป็นภรรยา แต่ต้องการให้เธอเป็นเด็กดี ต้องการให้เธอเชื่อฟัง และต้องการให้เธอเรียกเขาว่าพี่โม่

ถึงแม้เธอจะทำทุกอย่างตามที่เขาบอก แต่ในใจกลับหวาดผวาอยู่ตลอด ราวกับหลงลืมอะไรบางอย่างที่แสนสำคัญไป

โม่เจ้าคล้ายว่าจะดีต่อเธอ และเธอก็ต้องพึ่งพาอาศัยเขายิ่งนักเช่นกัน แต่ในจิตใต้สำนึกของเธอรู้สึกว่าคนผู้นี้น่ากลัวนัก

ในตำหนักใต้ดินแห่งนี้มีบุรุษมากมายเหลือเกิน ทว่ามีกลิ่นเหม็นที่ประหลาดยิ่งนักทุกคน มีเพียงโม่เจ้าคนเดียวที่หอม ทำให้เธอเสพติดปานกัญชา

ถึงแม้สมองเธอจะว่างเปล่าไปหมด แต่สัญชาตญาณยังคงอยู่ เธอสัมผัสได้ว่าเรื่องนี้ผิดปกติ เธอรู้สึกอยู่เสมอว่าชีวิตของตนอยู่ในตาข่ายผืนหนึ่ง รอบด้านคือกำแพงเหล็กผนังทองแดง คิดจะขังเธอให้ตายอยู่ในนี้ ทว่าทุกคนกลับบอกเธอว่าในตาข่ายนี้คือแหล่งพักพิงที่ประเสริฐที่สุดสำหรับเธอ…

อันที่จริงแล้วสำหรับคนที่ไม่มีความทรงจำ ลึกๆ ในใจเปราะบางยิ่งนัก รู้สึกเหมือนเรือที่ร่อนเร่พเนจรอยู่ในมหาสมุทรอย่างเดียวดายหาท่าจอดเรือไม่พบ กู้ซีจิ่วก็เปราะบางเช่นกัน เพียงแต่เธอฝังกลบความเปราะบางนี้ไว้ในส่วนลึกของจิตใจ ดังนั้นเมื่ออยู่ในฝันเธอจึงสืบหาไปตามสัญชาตญาณเสมอ ทว่าไม่พบอะไรลยมาโดยตลอด และในระหว่างที่สืบหาเธอจะปวดหัว อาการปวดหัวรุนแรงจนทำให้เธอต้องละทิ้งการสืบหา

จวบจนวันนั้นที่เธอวิ่งเข้าไปในห้องขังของตี้ฝูอี วินาทีทีเห็นเขาหัวใจของเธอที่ไม่เคยมีความรู้สึกอันใดเลยมาโดยตลอดพลันมีความร้าวรานเล็กน้อยเอ่อล้นขึ้นมา เหมือนถูกเข็มเล็กๆ แถวหนึ่งทิ่มแทงหลายที นี่เป็นความรู้สึกที่เธอไม่เคยมีให้คนอื่นๆ ที่อยู่ในนั้นมาก่อนเลย คนผู้นี้เป็นคนแปลกหน้าสำหรับเธอชัดๆ ทว่าเธอกลับรู้สึกใกล้ชิดผูกพันตามสัญชาตญาณ หลังจากพบหน้ากัน หนนั้น เขาก็เริ่มมาโผล่ในความฝันของเธอ…

ความฝันของเธอไม่ขาวโพลนอีกแล้ว เริ่มมีสีสันขึ้นมาทีละน้อยๆ ทิวทัศน์กระจัดกระจายบางส่วนเริ่มแวบขึ้นในสมองเธอถี่ขึ้นเรื่อยๆ

เธอตกปลาได้ตัวหนึ่งแล้ว ยื่นให้เขาอย่างภาคภูมิใจ เขารีบเหยียดเอวบิดขี้เกียจแล้วบอกว่าเขาหิว อยากให้เธอย่างปลาให้เขากิน เธอเอ่ยอย่างลำบากใจ “ข้าไม่เคยย่างมาก่อน ข้าทำอาหารไม่เป็น”

เขามองเธอด้วยดวงตาพราวระยับ “ไม่ ซีจิ่ว เจ้าทำเป็น และเจ้าย่างได้อร่อยมาก”

เธอตะลึงงันอยู่พักหนึ่ง สรรหาเหตุผลข้อที่สองมาอีก “แต่ที่นี่ไม่มีสิ่งของจำพวกฟืนเลย…”

“ขอเพียงเจ้านึกถึงก็จะมี เจ้าลองนึกดูสิ รวบรวมสมาธิแล้วนึกดู” ตี้ฝูอีค่อยๆ โน้มน้าว

ด้วยเหตุนี้กู้ซีจิ่วจึงรวบรวมสมาธินึกถึง เมื่อเธอลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง เบื้องหน้าก็มีกองฟืนปรากฏขึ้นมาจริงๆ…

ดวงตาเธอเปล่งประกาย ที่แท้ในฝันเธอสามารถทำทุกอย่างได้ตามใจนึก

เธอเริ่มจัดการปลาตัวนั้น ตอนที่เพิ่งลงมือ เธอยังนึกว่าตัวเองจะเป็นมือใหม่เสียอีก แต่ผ่านไปเพียงครู่เดียวเธอก็คุ้นเคยแล้ว ราวกับนี่เป็นทักษะที่เธอเรียนรู้มานานแล้ว

เธอย่างปลาพลางสนทนากับเขาไปด้วย “ดูเหมือนเจ้าจะรู้จักข้าดีนะ”

“อืม ไม่มีใครรู้จักเจ้าดีเท่าข้าแล้ว” ตี้ฝูอีกอดอกสนทนากับเธอ

“เมื่อก่อนพวกเรา…รู้จักกันหรือ”

“ยิ่งกว่ารู้จักเสียอีกมิรู้หรือ?” ตี้ฝูอีถอนหายใจอย่างเอ้อระเหย

กู้ซีจิ่วใจเต้นแรงแวบหนึ่ง มองเขาตาโต “เช่นนั้นเจ้าเล่าเรื่องในอดีตให้ข้าฟังได้ไหม?”

ตี้ฝูอีมองดูเธอ “ตอนนี้เจ้าเชื่อใจข้าแล้วเหรอ?”

ตอนที่พบกันครั้งแรก ตี้ฝูอีพยายามเล่าอดีตของนางให้ฟังแล้ว…

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!