Skip to content

ลำนำบุปผาพิษ 1196

บทที่ 1196 รับบท ‘แม่นางหลิน’ จนติดเป็นนิสัยแล้วหรือไง?

กู้ซีจิ่วเห็นใจนาง “เช่นนั้นปกติแล้วนายท่านของพวกเจ้าหักเงินเท่าใด?”

หลีเมิ่งซย่าเผยสีหน้าโศกหมองปานญาติเสีย “ทุกครั้งล้วนหักเป็นเวลาครึ่งปี เป็นเงินห้าหมื่นตำลึง!”

จำนวนที่หักมากมายจริงๆ มิน่าเล่าประมุขหลีผู้นี้ถึงมีทีท่าปานฟ้าจะถล่ม

กู้ซีจิ่วคิดแวบหนึ่ง ด้วยเหตุนี้เธอจึงออกตั๋วเงินเปล่าใบหนึ่ง “ข้าไม่โทษเจ้า แต่ข้าโทษเขา…หากว่าเขาตัดเงินเจ้าด้วยสาเหตุนี้ ข้าก็ทนดูไม่ได้อยู่บ้าง เอาเช่นนี้เถิด รอข้ากลับไปจะมอบเงินห้าหมื่นตำลึงให้เจ้าเป็นการด่วน”

ตั๋วเงินของเธอมีมากมายนัก ห้าหมื่นตำลึงน่ะเรื่องจิ๊บจ๊อย!

ดวงตาของหลีเมิ่งซย่าส่องประกายแล้ว รีบคล้อยตามผลประโยชน์ที่ได้รับทันที แทบจะยืดอกตอบรับแล้ว “ขอบคุณแม่นางกู้ยิ่งนักเจ้าค่ะ! ต่อไปนี้หอเงาราตรีจะติดตามเพียงแม่นางเท่านั้น!”

กู้ซีจิ่วเงียบงัน

ตี้ฝูอีก็เงียบงันเช่นกัน…

ไม่กี่คนคุยเล่นกันอยู่พักหนึ่ง ไม่นานนักในที่สุดเรือก็โผล่ขึ้นมาจากลาวา เข้าเทียบฝั่งแล้ว

ตี้ฝูอียื่นมือให้กู้ซีจิ่ว “ซีจิ่ว พยุงข้าหน่อยสิ พวกเราออกไปกันเถอะ”

เจ้าคนผู้นี้รับบท ‘แม่นางหลิน’ จนติดเป็นนิสัยแล้วหรือไง?

กู้ซีจิ่วเหลือบมองเขาแวบหนึ่ง ไม่สนใจเขา กระโดดขึ้นฝั่งไปเสียดื้อๆ

“ตี้ฝูอี เจ้าเล่นบทอ่อนแอจนติดเป็นนิสัยไปแล้วสินะ? ซีจิ่วไม่ชอบพวกปวกเปียก ระวังการเสแสร้งของเจ้าจะถูกขยะแขยงเอา!” หลงซือเย่เอ่ยจบพลางเหินขึ้นฝั่งไปเช่นกัน

เป็นหลีเมิ่งซย่าที่ยังคงมีความเป็นลูกน้องอยู่ เอ่ยอย่างเห็นใจ “นายท่าน ประเดี๋ยวข้าน้อยไปเรียกมู่เฟิงมาประคองท่านดีไหมเจ้าคะ?”

ตี้ฝูอีเลิกคิ้วมองนาง “ข้านึกว่าเจ้าจะแสดงความจงรักภักดีด้วยการเข้ามาประคองเองเสียอีก”

หลีเมิ่งซย่ารีบตอบทันที “ข้าน้อยมิกล้า ข้าน้อยไม่กล้าฝ่าฝืนกฏหรอกเจ้าค่ะ”

นายท่านของนางมีนิสัยประหลาด ปกติแล้วไม่อนุญาตให้สตรีปรนนิบัติรับใช้อยู่ใกล้ตัว

ตี้ฝูอียิ้มแล้ว “นับว่าเจ้ายังรู้กฎอยู่ เดิมทีเห็นแก่ที่เจ้ารู้กฎเกณฑ์ จะไม่หักเงินเจ้าแล้ว แต่เมื่อครู่นี้เจ้าเป็นฝ่ายคล้อยตามผลประโยชน์เอง ต่อไปนี้ข้าจะไม่เดือดเนื้อร้อนใจกับเงินทองของเจ้าแล้ว”

ประโยคนี้มีความนัยยิ่งนัก หลีเมิ่งซย่าตระหนกทันที “นายท่านความหมายของท่านคือต่อไปนี้จะไม่ให้เงินข้าน้อยแล้วหรือเจ้าคะ?”

ตี้ฝูอีกล่าวอย่างเฉื่อยชา “ไปหานายใหม่ของเจ้าสิ!”

เรือนกายพลันเหินขึ้นร่อนลงบนฝั่ง ทิ้งให้หลีเมิ่งซย่ายืนตะลึงอยู่บนเรือ และอากาศร้อนระอุที่แสนวิเวกวังเวง…

….

ลมเย็นโบกพลิ้ว เมฆาขาวลอยล่อง กู้ซีจิ่วกับตี้ฝูอีนั่งอยู่ในรถม้าคันหนึ่ง รถเป็นรถม้าไม้ลายทองที่แข็งแรงยิ่งนัก เป็นบรรณาการจากหลีเมิ่งซย่า

หลีเมิ่งซย่าเพื่อจะทำให้ตี้ฝูอียอมเก็บนางกลับไปอีกครั้ง จึงทุ่มเทสุดชีวิต นำรถไม้ลายทองที่นางเพิ่งสร้างเสร็จยังไม่ทันได้ใช้ออกมาส่งมอบให้ จากนั้นก็กล่าวอำลาส่งพวกเขาทั้งนํ้าตา

สัตว์ที่ลากรถก็คืออาชาเวหาพิเศษตัวนั้นของตี้ฝูอี เหินบินว่องไวไปมาดั่งสายลม

ด้านนอกรถม้าคือสี่ทูต อยู่ด้านหน้าสองคน ด้านหลังอีกสองคน

เนื่องจากรถม้าคันนี้เป็นพาหะขนาดใหญ่โต ดังนั้นสี่ทูตจึงยืนอยู่นอกรถได้ไม่แออัด มู่อวิ๋นถึงขั้นนอนเอกเขนกอยู่หน้ารถม้า เกลือกกลิ้งอย่างเป็นสุข รู้สึกสบายอุรายิ่งนัก

ส่วนหลงซือเย่หลังจากออกจากภูเขาไฟแล้ว ก็ตรงกลับเขาถามสวรรค์ไปเลย ยามที่จะจากไปตี้ฝูอีไม่ถือสาความบาดหมางแต่หนหลังมอบแผนที่ค่ายกลฉบับหนึ่งให้เขา บนนั้นแจกแจงไว้ว่าค่ายกลต่างๆ รอบหุบเขาถามสวรรค์มีวิธีทำลายอย่างไรบ้าง เขียนไว้ละเอียดนัก ทำให้สีหน้าหลงซือเย่ทะมึนแล้วทะมึนอีก ตัดสินใจว่าหลังจากกลับไปแล้วจะรีบปฏิรูปทันที ไม่อาจปล่อยให้ตี้ฝูอีมาเตร็ดเตร่ที่เขาถามสวรรค์ของเขาประหนึ่งเป็นสวนหลังบ้านของตนได้อีก

ยามที่ต้องจากกัน หลงซือเย่นิ่งไปครู่หนึ่ง เอ่ยประโยคหนึ่งกับกู้ซีจิ่วอย่างหนักแน่นจริงใจ “ซีจิ่ว ร่างโคลนนิ่งร่างนี้ของเธอถึง แม้จะสมบูรณ์แบบ แต่ยังไงซะก็เป็นของที่สร้างขึ้น ไม่ถือว่ามีเลือดเนื้อเชื้อไขของบุพการี ถ้าหากว่าเธอยังเปลี่ยนได้ก็เปลี่ยนกลับร่างเดิมเถอะ!”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!