บทที่ 1218 เข้าสู่ห้วงทะเล
“ท่านพาข้ามาเพื่อมาดูเงือก? พบพวกเขาได้ที่ไหน? ต้องดำนํ้าลงไปในทะเลสาบใช่หรือไม่?”
“ไม่จำเป็น มีวิธีดึงดูดให้พวกเขาปรากฏตัวมารับพวกเราเองได้”
กู้ซีจิ่วตื่นเต้นดีใจ “วิธีใดเล่า?”
ตี้ฝูอีหยิบขลุ่ยขึ้นมาหนึ่งเลา “มา เจ้าร้องเพลงสักเพลง ข้าจะบรรเลงไปพร้อมกับเจ้า”
กู้ซีจิ่วนิ่งอึ้ง เขาพาเธอมาที่นี่เพื่อฟังเธอร้องเพลงที่ชายฝั่งทะเลสาบนี้หรือ?
อย่างไรเสียเธอยังคงเฉลียวฉลาด “เงือกชำนาญการร้องเพลงใช่หรือไม่ เจ้าให้ข้าประชันกับพวกเขา ดึงดูดให้พวกเขาออกมา?”
“ทายถูกกึ่งหนึ่ง ให้เจ้าร้องไม่ใช่การประชันอะไร แต่เพื่อได้รับคุณสมบัติการเข้าสู่เผ่าเงือก เงือกรักการร้องเพลง และชอบคนเสียงดีเป็นที่สุด หากใครมีเสียงร้องที่ทำให้กลีบดอกของต้นไม้สีม่วงชายฝั่งทะเลสาบลุกขึ้นมาเต้นระบำได้ ก็คือแขกผู้มีเกียรติของพวกเขา สามารถเข้าตลาดกลางคืนของพวกเขาไปซื้อของได้”
กู้ซีจิ่วรู้ว่ามีตลาดทะเลในกลุ่มเงือกจากตำนานเหล่านั้น ข้าวของที่ขายด้านในล้วนเป็นสิ่งของมีค่าที่หายากบนโลกใบนี้ ผู้คนมั่งคั่งรํ่ารวยมากมายในทวีปนี้พยายามทุกวิถีทางเพื่อได้เข้าไปเดินสักครั้ง แต่โดยพื้นฐานแล้ว ไม่มีผู้ใดได้รับอนุญาตให้เข้าไปได้ หลายปีมานี้คนที่เคยเข้าไปตลาดทะเลได้นั้นหาได้ยากนัก มีพูดถึงในพงศาวดารท้องถิ่นเพียงเล็กน้อย ผู้คนก็มองว่ามันเป็นความแปลกประหลาดชนิดหนึ่ง…
นึกไม่ถึงว่ากลับมีที่ทะเลสาบแสงจันทร์ และมีกฎเกณฑ์ที่แปลกประหลาดมาก
กู้ซีจิ่วมั่นใจในเสียงร้องของตัวเองมาก เสียงของเธอในชาติที่แล้วเทียบได้กับพวกนักร้องเหล่านั้น ตอนนั้นหากว่าเธอไม่เป็นนักฆ่า ไม่แน่เธออาจจะกลายเป็นนักร้องที่มีแฟนคลับมากมายนับไม่ถ้วนก็ได้…
ยามนี้ ร่างนี้เหมือนกันกับร่างชาติที่แล้วทุกประการ แม้แต่นํ้าเสียงก็เหมือนกัน ดังนั้นกู้ซีจิ่วไม่กลัวว่าเสียงนี้จะร้องออกมาได้ไม่ดี เพลงที่เธอร้องคือ ‘จันทร์กระจ่างฟ้าจักมีในยามใด’ เพลงโบราณที่มีท่วงทำนองเพราะพริ้ง เป็นเพลงที่เธอเคยชอบ เมื่อเพลงดังขึ้น กู้ซีจิ่วเพิ่งเริ่มร้องริมฝั่งทะเลสาบไปได้หนึ่งประโยคก็พบว่าร้องเพลงที่นี่กับร้องเพลงที่อื่นไม่เหมือนกัน เสียงประกอบที่นี่ดีกว่าเสียงที่ร้องออกมาจากไมโครโฟนอีก!
และตอนที่เสียงขลุ่ยของตี้ฝูอีบรรเลงตามขึ้นมา เสียงนั้นน่าทึ่งยิ่งนัก สมบูรณ์แบบยิ่งกว่าเสียงก้องเหล่านั้นของวงดนตรีมืออาชีพ!
เสียงขลุ่ยอันไพเราะ เสียงเพลงอันงดงาม เสียงเพลงกับเสียงขลุ่ยประสานกันได้อย่างลงตัว ยอดไม้ของต้นไม้ข้างกายที่อยู่ไม่ไกลบิดพลิ้ว ปลิวไสวไปตามเสียงเพลงของเธอ ดอกไม้ร่วงหล่นเร็วขึ้น กลีบดอกมาตามเสียงเพลง หมุนวนล้อมรอบทั้งสองคน…
ทิวทัศน์เช่นนี้ประหนึ่งอยู่ท่ามกลางความฝันอันงดงาม แต่ที่ยิ่งทำให้คนรู้สึกว่าเหมือนกับอยู่ในห้วงแห่งความฝันคือภาพฉากต่อไป
ผืนทะเลสาบที่เดิมทีสงบเงียบกลับมีเกลียวคลื่นก่อตัวขึ้น เกลียวคลื่นใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ คลื่นนํ้าปรากฏเป็นแท่นแท่นหนึ่งดั่งดอกบัวกำลังผลิบาน ท่ามกลางคลื่นนํ้า มีหญิงสาวอาภรณ์ฟ้าสองนางกล่าวต้อนรับพวกเขาอย่างงดงาม “เฟิ่งสุ่ยจวินมีรับสั่งให้ท่านทั้งสองเข้าสู่นครเงือก”
ตี้ฝูอีจูงมือเล็กๆ ของกู้ซีจิ่วทะยานตัวร่อนลงบนแท่น “โปรดนำทาง”
แท่นปิดตัวลงดั่งดอกบัวตูมจมลงไปใต้น้ำ
ในสายตาของกู้ซีจิ่ว ทะเลสาบอันกว้างใหญ่คงลึกได้ไม่เท่าไร มากสุดก็สิบเมตร แต่คาดไม่ถึงบุปผาตูมดอกนี้พาพวกเขาเดินทางใต้
นํ้าเกือบจะครึ่งชั่วโมงแล้วและยังไม่มีแนวโน้มว่าจะหยุด กู้ซีจิ่วค่อนข้างประหลาดใจจึงส่งกระแสเสียงหาตี้ฝูอี ‘ทะเลสาบนี้ลึกขนาดนี้เลยหรือ?’ เธอรู้สึกว่าเดินทางใต้น้ำไปไกลกว่าพันเมตรแล้ว!
‘ทะเลสาบนั้นเป็นเพียงทางเข้าสู่เผ่าเงือก ยามนี้พวกเราอยู่ในทะเล’ ตี้ฝูอีส่งกระแสเสียงถึงนาง