บทที่ 1220 ว่าที่ภรรยาของข้า
‘ข้าบอกว่าประมุขเงือกเป็นสหายที่ดีที่สุดของข้า ซ้ำยังงดงามไม่เป็นสองรองใครร้องรำลํ้าเลิศ สยบใต้หล้า…’
‘อือ แล้วอย่างไรเล่า? ข้าก็ใกล้จะได้ยลแล้วพอดี! สามารถทำให้ท่านชื่นชมได้ถึงเพียงนี้จะต้องมากความสามารถแน่นอน’
ตี้ฝูอีพูดไม่ออกแล้ว จู่ๆ เขาก็สังหรณ์ถึงอันตรายขึ้นมา!
ความจริงได้พิสูจน์แล้ว ลางสังหรณ์ของเขาเป็นเรื่องจริง เมื่อกู้ซีจิ่วมองเห็นประมุขเงือกสายตาก็หันเหไปที่ร่างของผู้อื่นเสมอ เหลือบมองแล้ว เหลือบมองอีก ลืมเลือนเขาไปจนสิ้นแล้ว!
….
ประมุขเงือกงดงามจริงๆ ซํ้ายังเป็นความงามแบบไม่แบ่งแยกเพศสภาพด้วย
สวมเสื้อคลุมตัวยาวสีวารีที่ลากยาวไปหลายเมตร เรือนผมยาวสีครามสมุทรประหนึ่งผ้าคลุมที่พลิ้วไหวอยู่ด้านหลัง ขนงดุจจันทร์เสี้ยว นัยน์เนตรดั่ง ดาวฤกษ์ ริมฝีปากสีชมพูละมุนปานหยาดนํ้าค้าง ตรงหว่างคิ้วยังมีไฝรูปทรงหยดนํ้าอยู่ด้วย
ยามที่กู้ซีจิ่วได้เห็นเขาเขากำลังนั่งอยู่บนราชรถเล็กๆ คันหนึ่ง สั่งการให้ชาวเงือกที่อยู่ตรงนั้นตกแต่งประดับประดาตำหนักงดงาม ในมือยังโบกพัดขนนกด้ามหนึ่งเสมือนจูเก๋อเลี่ยงก็มิปาน เมื่อเห็นพวกตี้ฝูอีทั้งสองเข้ามา ดวงตาเขาพลันส่องประกาย ลุกขึ้นยืนบนราชรถที่องครักษ์กำลังเข็นอยู่ เข้ามาต้อนรับอย่างเพริศพริ้งสง่างาม “ลมอะไรหอบท่านมาได้เล่า?”
น้ำเสียงทุ้มต่ำดึงดูดรื่นหูดั่งเสียงเชลโล่ และดูเหมือนจะเจือเสียงแหลมสูงเอาไว้ด้วย…
กู้ซีจิ่วทึ่มทื่อไปแล้ว!
ประมุขเงือกผู้งดงามสะโอดสะองเป็นบุรุษคนหนึ่ง!
อันที่จริงกู้ซีจิ่วเคยพบเห็นบุรุษที่งดงามปานสตรีมากไม่น้อยเลย แต่ยังไม่เคยเห็นแบบประมุขเงือกที่อยู่เบื้องหน้ามาก่อนเลย รูปโฉมดูอ่อนหวานปานเด็กสาวจริงๆ ชดช้อยสะโอดสะอง เป็นประเภทที่ยิ้มคราแรกล่มเมือง ยิ้มคราที่สองล่มชาติ กู้ซีจิ่วรู้สึกว่าต่อให้ตนมีรูปโฉมเด่นลํ้าท่ามกลางเหล่าสตรี แต่พอเทียบกับประมุขเงือกผู้นี้แล้ว เธอรู้สึกว่าสู้ไม่ได้อยู่บ้าง ยิ่งไปกว่านั้นคือ ประมุขเงือกผู้นี้ยามไม่เอื้อนเอ่ยกลิ่นอายทั่วร่างเสมือนเสี่ยวหลงหนี่ว์ฉบับหลิวอี้เฟย พอเอ่ยประโยคนี้ออกมาถึงได้รู้ว่าอีกฝ่ายเป็นชายทั้งแท่ง
ที่นี่คือวังเงือก เป็นแบบเดียวกันกับตำหนักแก้วผลึกหลังนั้นของตี้ฝูอี ไม่มีนํ้าทะเลอยู่เลย นํ้าทะเลกระเพื่อมไหวอยู่เหนือศีรษะ บางทีอาจเกี่ยวข้องกับการที่ไม่มีน้ำ ชาวเงือกจึงไม่มีหางปลาอย่างที่วาดไว้ในภาพวาด และแบ่งออกเป็นสองขาเช่นกัน เพียงแต่ขาของพวกเขาอ่อนนิ่มกว่าคนปกติ ยามที่เดินเหินจึงส่ายไปส่ายมาเหมือนงู ไม่ว่าชายหรือหญิง ล้วนดูยักย้ายส่ายสะโพกกันทุกคน มีเสน่ห์เฉพาะตัว
ถึงแม้ประมุขเงือกจะดูทรงเสน่ห์อย่างยิ่ง ทว่าเป็นคนมีวัฒนธรรมคนหนึ่ง ทักทายตี้ฝูอีเล็กน้อย เมื่อดวงตาฉ่ำวาวคู่นั้นร่อนลงบนร่างกู้ซีจิ่ว ก็เริ่มเจรจาพาที “แม่หญิงท่านนี้ยิ่งกว่านางสวรรค์ติดตามพี่หวงมา ไม่ทราบว่ามีฐานะอย่างไร?”
“ว่าที่ภรรยาของข้า” ตี้ฝูอีตี้ฝูอีเอ่ยออกมาเพียงหกคำ
ริมฝีปากจิ้มลิ้มของประมุขเงือกอ้าออกเล็กน้อย สีหน้าปานถูกฟ้าผ่าใส่ “ว่าที่ภรรยา?! ท่านมีคู่หมั้นแล้วหรือ?!”
นํ้าเสียงเหมือนภรรยาที่จับชู้ได้คาเตียง
หากกู้ซีจิ่วไม่รู้มาก่อนว่าตี้ฝูอีไม่ได้ชอบเพศเดียวกัน คงเกือบนึกว่าประมุขเงือกเป็น ‘เคะ’ น้อยของเขาแล้ว
ตี้ฝูอีเหลือบมองประมุขเงือกอย่างเยียบเย็นแวบหนึ่ง “ประหลาดใจมากหรือ?”
“สวรรค์ ” ประมุขเงือกไม่เจรจาพาทีแล้ว เริ่มพูดภาษามนุษย์แล้ว
“โอ้สวรรค์! ไม่น่าเชื่อว่าปรงคู่พันปีจะผลิดอกแล้ว[1] ตาเฒ่าที่โสดมาพันปีอย่างท่านในที่สุดก็มีว่าที่ภรรยาแล้ว!”
สายตาเขาวนเวียนรอบตัว กู้ซีจิ่วสามรอบเต็มๆ “แม่นาง ท่านชื่อเสียงเรียงนามว่ากระไร? เหตุใดมาคว้าเขาได้? บอกเราได้หรือไม่?”
กู้ซีจิ่วเงียบงัน…
ตี้ฝูอีลากกู้ซีจิ่วมามาอยู่ข้างกายตน โบกแขนเสื้อให้เขาถอยหลังไปไม่กี่ก้าว “หลานเหยากวง เปิ่นจุนพานางมาให้เจ้าแสดงท่าทีเช่นนี้ใส่งั้นหรือ? เมื่อก่อนตอนเจ้ารับสนมตั้งเจ็ดแปดนาง แต่ก็ยังไปพึ่งใบบุญเปิ่นจุนไม่น้อยเลย…”
———————————————————————
[1] ปรงคู่พันปีผลิดอก อุปมาถึง ปาฏิหาริย์ที่ไม่คาดคิด