บทที่ 1232 โลกมนุษย์ไหนเลยจะมีโอกาสได้ยิน
เธออยู่ด้านล่างเวทีฟังไปสี่ห้าเพลงแล้ว พอรู้ความชื่นชอบของชาวเผ่าเงือกคร่าวๆ ดังนั้นเธอจึงเลือกเพลง ‘รักนี้เป็นนิรันดร์’
“เวลาล่วงเลยมิอาจย้อนกลับ
กลีบแดงใบผลัดกลบฝังใต้ฝุ่นผง
เริ่มต้น สิ้นสุดมิอาจแปรผัน
ลอยบนผืนฟ้านอกเมฆาขาว…
รักชังเวียนวนในห้วงสมุทรอันขมขื่น
โลกนี้มิอาจหลีกหนีชะตากรรม
รักกันแต่มิอาจชิดใกล้… ”
เสียงของผีผาเธอประสานเข้าด้วยกัน เดิมทีด้านล่างเวทีที่ค่อนข้างจอแจก็ค่อยๆ สงบลง ยามบทเพลงที่มีเสียงค่อนข้างทุ้มตํ่าดังขึ้นราวกับลมภูเขาพัด กลิ่นอายของความอ้างว้างพัดปกคลุมไปทั่วแดนดิน …
เมื่อคนด้านล่างได้ฟังเสียงร้องดังเสียงสวรรค์เช่นนี้ กลั้นลมหายใจ ทุกคนเบิกตาโพลงจ้องมองบนเวที
กู้ซีจิ่วไม่ได้ยืนร้องเพลงอย่างเดียวอยู่ตรงนั้น เธอยังถือผีผาตัวนั้นร่ายรำตามจังหวะเพลงเล็กน้อย
จันทร์เจิดจรัสบนท้องนภา เมฆาขาวลอยล่อง
เมื่อเธอร่ายรำสะบัดกระโปรงดังเทพธิดาจันทร์ลอยล่องมากับแสงจันทร์ไร้เสียงอื้ออึงของโลกมนุษย์ บทเพลงไพเราะ ร่ายรำงดงาม!
ชาวเงือกล้วนเป็นผู้ชำนาญการร้องรำ ยามนี้ได้เห็นการร้องรำเยี่ยงนี้แต่ละคนจิตใจล่องลอย ลุ่มหลงเสน่ห์ ลึกๆ รู้สึกว่าไม่เสียเที่ยวที่มางานชุมนุมบุปผาครั้งนี้แล้ว!
และยังได้ชื่นชมการร้องรำที่งดงามเยี่ยงนี้!
พวกคนที่เดิมทีตั้งใจเตรียมฮาป่าปาไข่เต่าเมื่อ กู้ซีจิ่วเริ่มร้องไม่กี่คำก็ลืมความตั้งใจแรกไปแล้ว มองดูหญิงสาวร้องรำอยู่บนเวทีอย่างตื่นตาตื่นใจ แม้แต่กระแอมเสียงหนึ่งยังไม่กล้า!
หลานเฝ่ยท่านนั้นยืนอยู่หลังเวที สายตาที่มองดูกู้ซีจิ่วฉายแววร้อนผ่าว…
เสียงร้องค่อยๆ หยุดลง ผู้ชมด้านล่างเวทียังคงลุ่มหลงอยู่กับเสียงเพลงที่หลงเหลือ มองอย่างตื่นตาตื่นใจอยู่ตรงนั้น ลืมแม้แต่ส่งกำลังใจ พื้นที่อัน โล่งกว้างพลันเงียบสงัด
นิ้วมือกู้ซีจิ่ววางลงบนสายผีผา กวาดตามองด้านล่าง
เป็นไปไม่ได้มั้ง?
พวกเขาไม่โยนไข่มุกมาให้สักเม็ดจริงๆ?!
เธอยังไม่ทันได้ประมวลความคิด คนด้านล่างเวทีก็รู้สึกตัว ส่งเสียงปรบมือดังสนั่น!
ไข่มุกมากมายนับไม่ถ้วนร่อนลงบนเวทัดั่งลูกเห็บร่วงหล่น…
บนเวทีมีคนเก็บไข่มุกโดยเฉพาะ โดยปกติเมื่อคนหนึ่งร้องจบก็จะมีคนมาเก็บไข่มุกอย่างรวดเร็ว เมื่อนักร้องลงเวทีไปก็ส่งมอบให้กับนักร้อง
อย่างหลานเฝ่ย เขาเพิ่งร้องจบไปก็ได้รับไข่มุกไปทั้งหมดหนึ่งหมื่นเม็ด ทั้งหมดตั้งหลายโตว
ข้ารับใช้ที่เก็บไข่มุกนั้นเพิ่งได้นั่งพักครู่หนึ่ง คาดไม่ถึงว่าพอกู้ซีจิ่วร้องจบ ก็มีไข่มุกเต็มเวทีอีกแล้ว ไข่มุกที่ได้รับยังมากกว่าของหลานเฝ่ยอีกด้วย!
เห็นได้ชัดว่าผู้คนด้านล่างเวทียังอยากฟังต่อ ต่างทยอยกันเรียกร้อง “เอาอีก!”
“โอ้ สวรรค์ช่างไพเราะเหลือเกิน! บทเพลงบนสรวงสวรรค์ โลกมนุษย์ไหนเลยจะมีโอกาสได้ยิน!”
“กู้ซีจิ่ว ร้องอีกเพลงเถิด! ท่านร้องอีกเพลง ท่านอยากได้ไข่มุกเท่าใดก็มีเท่านั้น!”
เสียงดังระเบ็งเซ็งแซ่ เกือบจะทะลุชั้นฟ้า
กู้ซีจิ่วกลับไม่มีความทะเยอทะยานจะหาเงินอีก สำหรับเธอแล้วเงินไม่ต้องมากมาย แค่พอใช้ก็พอแล้ว เพลงที่ร้องเมื่อสักครู่ก็ได้เงินมามากพอจะซื้อของที่เธออยากได้แล้ว
ดังนั้นเธอจึงยิ้ม ขณะที่กำลังจะลงจากเวที
“กู้ซีจิ่ว ประเดี๋ยวก่อน!” หลานเฝ่ยผายมือออกสองข้างหยุดยั้งฝีเท้าของเธอ
กู้ซีจิ่วเลิกคิ้ว “เจ้ายังมีธุระอันใด?”
“กู้ซีจิ่ว ท่านร้องอีกสักเพลงเถิด ขอแค่ท่านร้องอีกเพลง รางวัลใหญ่นั้นก็เป็นของท่านแล้ว!” หลานเฝ่ยยื่นข้อเสนอ
คนด้านล่างต่างเรียกร้อง
กู้ซีจิ่วกลับส่ายหน้า “ไม่สนใจ”
“แม่นาง ไข่มุกราตรีเม็ดนั้นมีค่านับล้าน หากนำขึ้นไปบนบกสามารถแลกทรัพย์สมบัติได้มากมายนับไม่ถ้วน…”
กู้ซีจิ่วยัง คงไม่ไหวติง “ขอโทษด้วย ข้าไม่นิยมของหายาก”
“เช่นนั้นแม่นางสนใจสิ่งใด? ขอเพียงแค่ท่านพูดออกมา ข้าจะทำทุกวิถีทางให้สำเร็จ! ขอเพียงท่านร้องอีกเพลง” หลานเฝ่ยไม่ยอมลดละ