บทที่ 1305 พาข้าไปหานาง 4
ช่วงคับขันไม่ทันได้ใคร่ครวญให้มากความ ลงมือไปทันที คลื่นแสงทรงโค้งสายหนึ่งวาบผ่าน ปกป้องตี้ฝูอีไว้ใจกลาง แสงทักษะยุทธ์สารพัดที่ถาโถมเข้าใส่ตี้ฝูอีซัดลงบนคลื่นแสงนั้นทั้งหมด!
ถึงอย่างไรคนเหล่านี้ก็ลงมือด้วยความโกรธแค้น ย่อมทุ่มเทพละกำลังทั้งหมด กระบวนท่าของพลังวิญญาณขั้นเจ็ดขั้นแปดหกเจ็ดสายปะทะกับคลื่นแสงนั้นทั้งหมด ต่อให้เป็นหลัวจั่นอวี่ที่มีพลังยุทธ์สูงส่ง ก็ยังสะเทือนจนโซเซ เลือดลมในทรวงปั่นป่วน แทบจะกระอักโลหิตออกมา
ดูเหมือนฝูงชนคาดไม่ถึงว่าหลัวจั่นอวี่จะลงมือสกัดไว้ ตะลึงงันกันเล็กน้อย “หัวหน้า นี่ท่านหมายความว่าอย่างไร?!”
“หัวหน้า คนผู้นี้กับพวกเรามีความแค้นที่ไม่อาจอยู่ร่วมฟ้ากันได้ วันนี้ไม่อาจปล่อยให้เขารอดชีวิตไปจากที่นี่ได้เด็ดขาด!”
“ใช่แล้ว ครั้งนี้ไม่ว่าผู้เฒ่าจะต้องจ่ายค่าตอบแทนเช่นไรก็ยอม ถึงตายก็จะลากเขาลงหลุมไปด้วย!”
แต่ละคนเต็มไปด้วยความโกรธแค้น บางคนสายตาแดงฉานแล้ว อยู่ด้านนอกพวกเขาเกรงกลัวเขา ตอนนี้ที่นี่คืออาณาเขตของพวก
เขา อีกทั้งคนที่เคยแข็งแกร่งถึงเพียงนั้นก็บาดเจ็บสาหัสอยู่…
เป็นโอกาสที่ไม่ควรพลาด ถ้าพลาดไปแล้วจะไม่มีมาอีก!
ขอสังหารคัตรูคู่อาฆาตผู้นี้ก่อนแล้วค่อยว่ากัน!
คนเหล่านี้เลือดขึ้นหน้าแล้ว ไม่คำนึงถึงสิ่งใดทั้งสิ้น ถึงอย่างไรก็ลงมือไปแล้ว คนก็ล่วงเกินไปแล้ว เช่นนั้นพวกเขาก็จะทุ่มเททุกอย่างออกไปเสีย
คนเหล่านี้คิดจะลงมืออีกครา ปฏิกิริยาตอบสนองของเจ้าหอยยักษ์กลับมาแล้ว พลันกลิ้งร่างกันตี้ฝูอีไปอยู่ด้านหลัง ร้องตะโกนใส่คนเหล่านั้นอย่างโกรธเกรี้ยว “เขาคือท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้าย เป็นคู่หมั้นคู่หมายของนายข้า ใกล้จะวิวาห์กันแล้ว พวกเจ้ากล้าทำร้ายเขาหรือ?!”
ฝูงชนเงียบกริบลงทันที
อัสนีบาตร้องคำราม ฝูงชนถูกฟ้าผ่าเข้าแล้ว!
“แอ๊ว!” ประกายแสงสายหนึ่งส่องวาบมาแต่ไกล ลู่อู๋น้อยพุ่งทะยานเข้ามา พวงหางทั้งเก้าโบกสะบัดปานแพรแดง ราวกับแส้เก้าเส้นปล่อยลำแสงเก้าสายออกมาในอากาศ โจมตีใส่คนที่ล้อมตี้ฝูอีกับเจ้าหอยยักษ์ไว้…
ฝูงชนไม่กลัวยั่วยุโทสะของเจ้าตัวน้อยนี้ ด้วยเหตุนี้จึงถอยกรูดไปอีกครา…
ลู่อู๋ประหนึ่งกระสุนปืนลูกน้อย พุ่งฉิวไปอยู่ข้างกายตี้ฝูอี พวงหางทั้งเก้าแกว่งไกวท้าสายลม สร้างเกราะกำบังสายหนึ่งขึ้นเบื้องหน้าเขา ส่งเสียงแง้วๆ แอ้วๆ อย่างเดือดดาล…
หากจะบอกว่าถ้อยคำที่ตี้ฝูอีกล่าวออกมาเองว่าเป็น ‘คู่หมั้นของกู้ซีจิ่ว’ ยังไม่ได้รับยืนยันว่าเป็นเรื่องจริง ปฏิกิริยาของเจ้าหอยยักษ์กับลู่อู๋น้อยก็น่าจะเป็นการพิสูจน์เรื่องนี้โดยตรงแล้ว เจ้าสองตัวนี้เป็นสัตว์เลี้ยงวิญญาณของกู้ซีจิ่ว บัดนี้เจ้าสองตัวนี้ปกป้องตี้ฝูอีถึงเพียงนี้…
ฝูงชนต่างเจ้ามองข้า ข้ามองเจ้า ไม่รู้ว่าควรทำอย่างไรดีไปชั่วขณะ ในมือยังคงกุมอาวุธไว้ สีหน้าเขียวครึ้ม ในใจของแต่ละคนมีความคิดเช่นนี้ผุดขึ้นมา…พวกเขาเพิ่งจะล่วงเกินท่านเทพใหญ่ผู้นี้ไป ยามนี้หากปล่อยเขาไป พอเขาฟื้นฟูสู่สภาพเดิม เช่นนี้พวกตนยังได้รับผลดีอันใดอีกหรือ?!
ในอดีตถูกโยนเข้าป่าทมิฬมีโอกาสตายเก้ารอดหนึ่ง ครานี้หากท่านเทพใหญ่ผู้นี้กลับสู่สภาพเดิม เกรงว่าพวกเขาต้องจบเห่กันหมดแน่!
วิธีที่ดีที่สุดก็คือไหนๆ ยามนี้ก็ตกกะไดพลอยโจรไปแล้ว ในเมื่อล่วงเกินไปแล้วเช่นนั้นก็ล่วงเกินให้ถึงที่สุดเถอะ ตัดรากถอนโคนเสีย!
แต่ว่า…แต่ว่าเขาก็เป็นคู่หมั้นของกู้ซีจิ่ว และกู้ซีจิ่วก็เป็นความหวังในการออกไปของพวกเขา หากว่าพวกเขาสังหารคู่หมั้นของนาง เกรงว่าจะนางคงไม่ยอมยุติโดยดี…
ขณะที่ฝูงชนลังเลสองจิตสองใจอยู่ ตี้ฝูอีก็เปิดปากเอ่ยแล้ว “พวกเจ้าอยากออกไปหรือไม่? ข้ามีวิธี!”
ฝูงชนตะลึงงัน
พวกเขามองหน้ากันเหลอหลา บางคนเอ่ยหยันขึ้นมา “เจ้ายินดีพาพวกเราออกไปหรือ? เมื่อก่อนก็เป็นเจ้านั่นแหละที่โยนพวกเราเข้ามา!”
นํ้าเสียงของตี้ฝูอีเยียบเย็นลง กล่าวอย่างเฉยชา “ผู้ที่แอบอ้างเป็นสานุศิษย์สวรรค์จะถูกทำลายพลังวิญญาณแล้วโยนเข้าป่าทมิฬเช่นเดียวกันหมด นี่เป็นกฏเกณฑ์ของทวีปนี้ ข้าเป็นผู้คุมกฎ ไม่ได้มีบุญคุณความแค้นกับพวกเจ้าเป็นการส่วนตัว หากว่าเงื่อนไขยินยอม ย่อมพาพวกเจ้าออกไปได้”