บทที่ 18 ชักนำบรรยากาศ
นั่นคือป้ายศิลาของสัตว์วิเศษเล่มที่สี่ หากมองดูจะเห็นว่าบนป้ายศิลาที่เก้า อันดับที่หนึ่งในเวลานี้กลายเป็นรูปคนโทปรากฏขึ้นมา
เสียงไชโยโห่ร้องที่ดังเหลือคณานับสะท้อนไปทั่วทุกสารทิศในเวลานี้
“ฮ่าๆ ศิษย์พี่หญิงโจวทำสำเร็จแล้ว ข้าบอกแล้วไง ศิษย์พี่หญิงโจวจะต้องเป็นผู้บุกเบิกอันดับหนึ่งของป้ายศิลาอย่างที่ไม่เคยมีใครทำได้มาก่อน!”
“สมกับเป็นโจวซินฉีผู้มีสติปัญญาและพรสวรรค์ด้านพืชสมุนไพร อนาคตของนางต้องยาวไกลอย่างหาขอบเขตมิได้แน่นอน!”
“ศิษย์พี่หญิงโจว พวกเรารอครั้งต่อไปของท่าน เป็นคนแรกที่ขึ้นอันดับหนึ่งของศิลาทั้งสิบ ตีระฆังใหญ่ของธาราเทพให้สะเทือนเลื่อนลั่นไปทั้งสำนัก!” ลูกศิษย์ฝ่ายนอกทั้งหมดที่อยู่รอบหอหมื่นโอสถต่างส่งเสียงไชโยโห่ร้องเป็นระลอก แม้ว่าในนั้นจะมีบางคนที่สีหน้าไม่น่ามอง กล่าววาจาเผ็ดร้อน แต่กลับถูกเสียงไชโยโห่ร้องนี้กลบเสียมิด ด้วยตำแหน่งของโจวซินฉีที่อยู่ในใจของเหล่าลูกศิษย์นั้น เป็นดั่งตะวันกลางฟากฟ้า ถึงกระทั่งที่ว่าถูกทุกคนมองเป็นหน้าเป็นตาของเขาเซียงอวิ๋น
โจวซินฉียิ้มบางๆ แม้ว่าปกตินางจะเป็นคนเย็นชา แต่เมื่อเห็นลูกศิษย์มากมายไชโยโห่ร้อง ในใจก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกภูมิใจ รอยยิ้มนี้ของนางทำให้เสียงร้องของเหล่าลูกศิษย์นับไม่ถ้วนยิ่งดุเดือดมากขึ้น
ป๋ายเสี่ยวฉุนเองก็อยู่ในกลุ่มคนด้วย เขามองโจวซินฉีด้วยสายตาอิจฉา ถอนหายใจอยู่ในใจแล้วจึงเงยหน้าขึ้นมองป้ายหินของพืชหญ้าเล่มแรก เพียงแค่มองแวบเดียว พลันดวงตาทั้งคู่ของเขาก็เบิกกว้าง หลังจากอึ้งไปครู่ใหญ่ก็หยิบแผ่นหยกพืชหญ้าเล่มแรกออกมาอ่านอย่างละเอียดโดยด่วน ในนั้นนอกจากพืชหญ้าหนึ่งหมื่นชนิดของเล่มที่หนึ่งแล้ว ยังมีเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งหมื่น เขาเชิดหน้ายืดอกขึ้น เผยความภาคภูมิใจภายใต้ความตื่นตะลึงและยินดี
เขามองเห็นบนป้ายศิลาพืชหญ้าแผ่นที่หนึ่ง ในเวลานี้มีภาพเต่าสวยงามหนึ่งตัวปรากฏพรวดขึ้นมา เบียดทับอยู่ด้านบนของคนโท ไม่ว่าจะมองยังไงก็รู้สึกสบายใจอย่างยิ่ง
เดิมทีเขาคิดจะจากไปแล้ว แต่ในเวลานี้กลับยืนอยู่ในกลุ่มคน เขาข่มกลั้นความตื่นเต้น เตรียมรอฟังเสียงไชโยโห่ร้องที่คนรอบทิศจะมีให้กับตนเอง แต่รอแล้วรอเล่า ความสนใจของฝูงชนรอบด้านก็ล้วนไปอยู่ที่โจวซินฉีทั้งสิ้น ไม่มีใครสนใจป้ายศิลาพืชหญ้า แม้แต่ตัวโจวซินฉีก็กำลังจะหมุนตัวจากไปแล้วด้วยซ้ำ
ป๋ายเสี่ยวฉุนร้อนใจขึ้นมาทันที หลังจากกะพริบตาเขาก็ตะโกนเสียงดังอย่างแปลกใจออกมาทันที
“พวกเจ้าดูบนป้ายศิลาพืชหญ้าเล่มแรกสิ อันดับที่หนึ่งทำไมถึงไม่ใช่ศิษย์พี่หญิงโจวแล้วล่ะ เปลี่ยนคนแล้วนี่ แปลกจัง เต่าสวยขนาดนี้ใครเป็นคนวาดกันนะ!”
เสียงของเขาแหลมเล็กมากพอจนลอดทะลุไปในเสียงไชโยรอบทิศได้ อีกทั้งเนื้อหาคำพูดก็น่าตกตะลึงเกินไป ทันใดนั้นคนจำนวนไม่น้อยข้างกายเขาต่างพากันหันไปมองอย่างไม่รู้ตัว ตามมาด้วยสีหน้าที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก เปล่งเสียงตกตะลึงออกมา
เมื่อเป็นเช่นนั้น คนอีกมากจึงได้ยินเสียงตกใจนี้ ขณะที่มองไปร่างกายทุกคนก็พากันสะท้านไหว เผยสีหน้าท่าทางไม่อยากเชื่อ ไม่นานทุกคนที่อยู่ในที่แห่งนี้ล้วนพุ่งความสนใจไปยังป้ายศิลาของพืชหญ้าเล่มที่หนึ่ง
“นี่…นี่…ป้ายหินแผ่นแรก ไม่น่าเชื่อว่าจะมีคนเหนือกว่าศิษย์พี่หญิงโจว!”
“จะเป็นไปได้ยังไง สวรรค์ มีคนอยู่เหนือศิษย์พี่หญิงโจวจริงๆ ด้วย คนๆ นี้คือใคร เต่ารูปนี้วาดได้น่าเกลียดเกินคำบรรยายเสียจริง เจ้านี่มันเป็นใคร!”
“ไม่น่าเชื่อว่าจะมีคนท้าทายเรื่องความรู้ลึกซึ้งด้านพืชหญ้า จนเบียดศิษย์พี่หญิงโจวลงไปได้ เกิดเรื่องใหญ่แล้ว!! ครั้งนี้ศิษย์พี่หญิงโจวไม่ได้เป็นอันดับหนึ่งของเก้าป้าย แต่ยังคงเป็นอันดับหนึ่งของแปดป้าย!”
คนรอบทิศฮือฮาขึ้นมาทันใดจนเกิดเป็นเสียงดังกระหึ่ม ความดังของเสียงวิพากษ์วิจารณ์ถึงขั้นที่ว่าดังกว่าเสียงไชโยให้กับโจวซินฉีก่อนหน้านี้เสียอีก จะว่าไปแล้วเรื่องแบบนี้ก็ไม่มีใครได้ทันคาดคิดมาก่อน ความประหลาดใจจึงพุ่งสูงถึงขีดสุด
ป๋ายเสี่ยวฉุนที่อยู่ในกลุ่มคนยิ้มภาคภูมิใจจนแก้มแทบจะปริ ทว่ากลับกังวลว่ายอมรับตอนนี้ดูจะไม่ค่อยเหมาะสมนัก ดังนั้นจึงข่มกลั้นเอาไว้ แต่ก็ส่งเสียงดังอยู่ตลอดเวลา เสียงแปลกประหลาดของเขาโดดเด่นอย่างมากในกลุ่มลูกศิษย์ที่อยู่รายล้อม
เขาก็ยังคงนึกไม่ถึงอยู่ดีว่าตัวเองจะได้เป็นที่หนึ่ง
และในเวลานี้ โจวซินฉีที่เดิมทีตั้งใจจะจากไปก็หยุดชะงักในทันที นางได้ยินเสียงตกตะลึงของคนรอบทิศ ขณะที่หมุนตัวดวงตางดงามก็มองไปยังป้ายศิลาของพืชหญ้าเล่มที่หนึ่ง มองเห็นภาพเต่าที่อยู่ในอันดับหนึ่ง
นางขมวดคิ้วน้อยๆ เป็นอันดับแรก จากนั้นก็คลายออกอย่างรวดเร็ว ในใจไม่เกิดระลอกคลื่นใดๆ ในความคิดของนาง อันดับหนึ่งของป้ายศิลาพืชหญ้าเล่มที่หนึ่งนี้ นางได้มาครองตอนที่เพิ่งกลายเป็นศิษย์ฝ่ายนอก นางในตอนนั้นไม่ได้ใช้ความสามารถทั้งหมดที่มี จึงยิ่งไม่ต้องพูดถึงตัวเองในเวลานี้ที่แตกต่างไปจากปีนั้นอย่างสิ้นเชิง
“ไม่เลว ในสำนักควรจะมีหน่ออ่อนที่ดีงอกขึ้นมาบ้าง” นางเอ่ยปากเรียบๆ น้ำเสียงนุ่มนวล เคลื่อนร่างพุ่งตรงดิ่งไปยังป้ายศิลาของพืชหญ้าเล่มที่หนึ่ง
นางคิดง่ายมาก แค่ถูกคนอยู่เหนือกว่าชั่วครู่เท่านั้น เอากลับมาใหม่ก็จบเรื่อง
การเคลื่อนไหวนี้ของนางทำให้ศิษย์แต่ละคนที่อยู่รอบด้านตื่นเต้นขึ้นมาทันที สายตาทุกคู่มองตามไปตาไม่กะพริบ เมื่อมองเห็นว่าโจวซินฉีเข้าไปในบ้านไม้ที่อยู่ใต้ป้ายศิลาของพืชหญ้าเล่มที่หนึ่ง ในใจก็เต็มไปด้วยการรอคอยทันที
“นี่ศิษย์พี่หญิงโจวกำลังจะไปเอาอันดับหนึ่งที่เป็นของนางกลับคืนมา ศิษย์น้องที่วาดรูปเต่าคนนี้ก็ถือว่าไม่เลวแล้วล่ะ น่าเสียดาย อันดับหนึ่งนี่คงรักษาไว้ได้แค่ชั่วหนึ่งก้านธูปเท่านั้น”
“แค่นี้ก็ดีแล้ว คนๆ นี้เองก็เป็นคนเก่งด้านพืชหญ้าอย่างแท้จริง เพียงแต่ว่ามาเจอกับศิษย์พี่หญิงโจว คงพูดได้แค่ว่าคนๆ นี้โชคร้าย”
ได้ยินเสียงจากรอบด้านป๋ายเสี่ยวฉุนก็เริ่มเครียดขึ้นมา เขาไม่มีความมั่นใจ ด้านหนึ่งนึกถึงเศษชิ้นส่วนเหล่านั้นที่ไม่ทันได้นำมาประกอบเข้ากันให้สมบูรณ์ อีกด้านก็เพราะชื่อเสียงของโจวซินฉีนั้นยิ่งใหญ่เกินไป
ขนาดตัวเขาเองยังคิดว่าครั้งนี้คงจะได้อันดับสองเสียแล้ว
“ไม่เป็นไร ที่สองก็ที่สองสิ ผู้ชายที่ดีไม่สู้กับผู้หญิง!” ป๋ายเสี่ยวฉุนปลอบใจตัวเอง ใจหนึ่งคิดจะจากไป แต่กลับไม่ยอมแพ้ง่ายๆ ดังนั้นจึงยืนอยู่ที่นั่น รอด้วยความพะวงกับผลที่จะออกมา
พริบตาเวลาหนึ่งก้านธูปก็ผ่านไป อันดับรายชื่อบนป้ายศิลายังคงไม่มีการเปลี่ยนแปลง ป๋ายเสี่ยวฉุนยังอยู่อันดับหนึ่ง ขณะที่โจวซินฉีเดินออกมาจากบ้านไม้ สีหน้าของนางราบเรียบ ในใจมีความมั่นใจอย่างยิ่ง ครั้งนี้นางใช้ความรู้อย่างน้อยแปดส่วน ประกอบสมุนไพรได้ครบสมบูรณ์สี่พันต้นจากทั้งหมดหนึ่งหมื่นต้น
ในสายตาของนาง การอยู่เหนือลูกศิษย์ที่ไม่รู้ว่าเป็นใครซึ่งพอจะมีพรสวรรค์อยู่บ้างคนนั้น เป็นเรื่องที่แน่นอนอย่างยิ่งแล้ว
แต่ทันทีที่นางเดินออกมากลับไม่ได้ยินเสียงใดๆ ดังมาจากภายนอก ถึงขนาดที่ว่าเมื่อมองไปแล้ว สายตาทุกคนล้วนเปลี่ยนเป็นแปลกประหลาด มีคนไม่น้อยที่เผยสีหน้าไม่อยากเชื่ออย่างรุนแรงออกมา
โจวซินฉีอึ้งงัน เงยหน้าขึ้นมองป้ายศิลาอย่างรวดเร็ว แต่กลับเห็นว่าคนโทที่เป็นตัวแทนของนาง ถูกเต่าที่ยิ่งมองก็ยิ่งน่าเกลียดตัวนั้นขี่ทับไว้เบื้องล่างดังเดิม
รอบทิศเงียบสนิท ทุกคนล้วนตะลึงงัน แม้แต่ป๋ายเสี่ยวฉุนเองก็ยังอึ้งไปด้วย จากนั้นจึงมองโจวซินฉีด้วยความแปลกใจ รู้สึกว่าผู้หญิงคนนี้นอกจากหน้าตาสะสวยแล้ว ก็เหมือนว่า…จะไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิดเอาไว้
ดวงตาทั้งคู่ของโจวซินฉีหรี่ลงเล็กน้อย และกลับมาเป็นปกติอย่างรวดเร็ว
“มีสติปัญญาด้านพืชหญ้าอยู่บ้างจริงๆ ข้าเริ่มรู้สึกสนใจคนๆ นี้ซะแล้ว” นางหมุนตัว เดินกลับเข้าไปในบ้านไม้ที่อยู่ด้านหลังตนเองอีกครั้งท่ามกลางสายตาของทุกคน
ครั้งนี้ป๋ายเสี่ยวฉุนยิ่งจากไปไม่ได้ เชิดหน้ารอคอยอยู่ในกลุ่มฝูงชน ส่วนลูกศิษย์ฝ่ายนอกคนอื่นๆ ก็ไม่ได้วิพากษ์วิจารณ์กันเสียงดังอีกต่อไป แต่เป็นพูดคุยกันเสียงเบาๆ แทน เรื่องนี้ในสายตาของทุกคนถือเป็นเรื่องที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน จึงรู้สึกประหลาดใจอย่างยิ่ง
ถึงขนาดที่ว่าตอนที่ค่อยๆ มองไปยังเต่าตัวนั้นก็รู้สึกได้ถึงความลึกลับบางอย่าง ความลึกลับนี้หลังจากหนึ่งก้านธูปผ่านไป เมื่อโจวซินฉีเดินออกมาอีกครั้ง ก็พลันรุนแรงขึ้นอย่างไร้สิ่งใดเปรียบ
เต่า…ยังคงอยู่ด้านบน!
“สวรรค์ คนๆ นี้เป็นใคร!!” ป๋ายเสี่ยวฉุนเบิกตากว้าง ตะโกนเสียงแหลมเล็กออกมาก่อนใคร ชักนำบรรยากาศของลูกศิษย์คนอื่นๆ ทันที
“ศิษย์พี่หญิงโจวเข้าไปสองครั้งแต่ก็ยังไม่อาจอยู่เหนือคนๆ นี้ได้ เป็นอย่างนี้ไปได้ยังไง คนๆ นี้ประกอบต้นสมุนไพรได้สมบูรณ์กี่ต้นกันแน่!”
“ใครเห็นบ้างว่าเมื่อครู่ศิษย์พี่คนใดที่เดินเข้าไปทดสอบ?”
ฝูงชนที่เงียบไปนาน ในเวลานี้ก็อดไม่ได้ที่จะฮือฮากันขึ้นมาอีกครั้ง โจวซินฉียืนอยู่ใต้ป้ายศิลาขมวดคิ้วงามเข้าหากันแน่น เมื่อครู่นางใช้ความรู้ทั้งหมดแล้ว ทำสำเร็จไปได้เกือบหกพันต้น แต่กลับนึกไม่ถึงว่าจะยังคงถูกกดให้อยู่เบื้องล่าง
ดวงตาทั้งคู่ของนางหรี่ลง ทำเสียงหึเย็นๆ หนึ่งที หมุนตัวเดินกลับเข้าไปในบ้านไม้อีกครั้ง นัยน์ตาเผยแววจริงจัง
ผ่านไปอีกหนึ่งก้านธูป เมื่อนางเดินออกมาอีกครั้ง สีหน้าก็เคร่งขรึมอย่างถึงขีดสุด หมุนตัวกลับเข้าไปอีก แล้วก็ผ่านไปอีกหนึ่งก้านธูป ตอนที่ออกมาใบหน้านางซีดเผือดแล้ว แต่นัยน์ตากลับมีความมุ่งมั่นไม่ยอมแพ้ เดินกลับเข้าไปอีกครั้ง
หนึ่งครั้ง สองครั้ง สามครั้ง สี่ครั้ง…
ลมหายใจของผู้บำเพ็ญเพียรทั้งหมดที่อยู่รอบทิศยิ่งถี่กระชั้นขึ้นเรื่อยๆ ตามการทดลองแต่ละครั้งของโจวซินฉี แต่จนถึงสุดท้ายแล้วกลับต้องเงียบลงอีกครั้งอย่างไม่ได้นัดหมาย
เพราะภาพที่เห็นนี้ได้แสดงถึงเรื่องน่าหวาดกลัวเกินไป พวกเขาไม่อาจนึกได้เลยว่า ผู้ที่วาดเต่าตัวนี้ประกอบพืชสมุนไพรสำเร็จไปกี่ต้นกันแน่ ถึงขนาดทำให้โจวซินฉีไม่อาจก้าวข้ามไปได้เช่นนี้
ในเวลานี้ เต่าตัวนั้นได้มอบความประทับใจอย่างรุนแรงถึงขีดสุดต่อฝูงชนที่อยู่ ณ ที่นี้
โดยเฉพาะหลังจากที่โจวซินฉีออกมาอีกครั้ง ในดวงตาคู่งามของนางถึงขั้นมีเส้นเลือดฝอยปรากฏออกมา คนรอบทิศล้วนอดสูดหายใจอย่างรุนแรงไม่ได้
ป๋ายเสี่ยวฉุนซึ่งอยู่ในกลุ่มคนทำได้เพียงไอแห้งๆ ไม่หยุด ในเวลานี้การที่ไม่สามารถพูดออกมาได้ว่าตนเองคืออันดับหนึ่งคนนั้น ก็เหมือนกับในใจมีแมวมาออดอ้อนให้จั๊กจี้ ทำให้เขาทำได้แค่แอบเบิกบานใจอยู่กับตัวเอง
“ไม่ได้ ต่อไปต้องหาโอกาสบอกทุกคนภายใต้สถานที่ที่มีสายตานับหมื่นจ้องมอง ว่าอันดับหนึ่งบนป้ายศิลาพืชหญ้า ก็คือข้าป๋ายเสี่ยวฉุน!” ป๋ายเสี่ยวฉุนมองเห็นสีท้องฟ้าค่อยๆ มืดลงก็หาวหนึ่งที ทำท่าทางของยอดฝีมือผู้เบื่อหน่าย
“ข้าป๋ายเสี่ยวฉุนแค่ดีดนิ้ว โจวซินฉีก็สิ้นราบพณาสูร…” เขาสะบัดปลายแขนเสื้อ หมุนตัวเดินออกไปจากกลุ่มคนอย่างภาคภูมิใจ ค่อยๆ เดินจากไปไกล
ขณะที่ป๋ายเสี่ยวฉุนเดินจากไปไกล โจวซินฉีที่อยู่ด้านล่างป้ายศิลาพืชหญ้าเล่มที่หนึ่งก็กัดฟันเดินเข้าไปในบ้านไม้อีกครั้ง นางมุ่งมั่นอย่างยิ่ง…
จนกระทั่งดวงจันทร์แขวนสูงกลางนภา ใบหน้าของโจวซินฉีเต็มไปด้วยความอ่อนล้า จ้องเขม็งไปที่เต่าตัวนั้น นางไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าจะมีวันที่ตนเองต้องมาเจอกับเรื่องแบบนี้ สุดท้ายก็จากไปไกลพร้อมความเงียบงัน
ฝูงชนรอบด้านถึงได้กระจายตัวกันไปในยามนี้ ข่าวลือเกี่ยวกับเต่าแพร่กระจายไปทั่วทั้งภูเขาเซียงอวิ๋นภายในคืนเดียว
เดิมนึกว่าเรื่องจะจบลงเพียงเท่านี้ แต่วันที่สองพอฟ้าสว่าง ลูกศิษย์รอบๆ หอหมื่นโอสถต่างตะลึงมองโจวซินฉีที่พุ่งตรงเข้าไปยังบ้านไม้ของป้ายศิลาแผ่นที่หนึ่งอีกครั้ง และเดินเข้าไปอีกหลังจากล้มเหลว
หนึ่งวัน สองวัน สามวัน…เวลาสามวันเต็มที่โจวซินฉีไม่ยอมแพ้ ทำให้การวิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับลูกศิษย์เต่าผู้ลึกลับในเขาเซียงอวิ๋นไต่ไปถึงระดับที่ยากจะบรรยายออกมาได้
ไม่มีใครไม่รู้ ไม่มีใครไม่ทราบ ถึงกระทั่งที่ว่าได้แพร่ไปถึงหูของลูกศิษย์ฝ่ายใน
จนกระทั่งเจ็ดวันให้หลัง โจวซินฉียืนเงียบงันอยู่ใต้ป้ายศิลา มองไปที่เต่าตัวนั้น ดวงตาของนางปรากฏความมืดมนเป็นครั้งแรก เจ็ดวันมานี้นางทดลองติดต่อกันไม่มีหยุด ได้ใช้ความสามารถทั้งหมดที่มีแล้ว ถึงขนาดที่แสดงฝีมือมากเกินกว่าปกติเสียด้วยซ้ำ ผลคะแนนที่ดีที่สุดคือทำได้สำเร็จเจ็ดพันต้น แต่ก็ยังคงไม่สามารถอยู่เหนือลูกศิษย์ลึกลับคนนั้นได้
“เจ้าเป็นใครกันแน่!” โจวซินฉีพูดพึมพำกับตนเอง หลังจากสูดลมหายใจเข้าลึกก็กัดฟันหมุนตัว ไม่ท้าแข่งอีกต่อไป แต่เต่าตัวนั้นกลับประทับตรึงอยู่ในใจของนางอย่างล้ำลึก ไม่มีทางสลายหายไปได้