บทที่ 285 บุตรพันหน้า!
ท่ามกลางเสียงดังสนั่นหวั่นไหว นอกหลุมลึกที่ป๋ายเสี่ยวฉุนอยู่ มีเงาร่างสองร่างปรากฏขึ้นพร้อมกัน หนึ่งคือบุรพาจารย์ตระกูลซ่ง และอีกหนึ่งคืออาจารย์ของหลี่ชิงโหว เถี่ยมู่เจินเหริน
คนทั้งสองปรากฏตัวข้างกายป๋ายเสี่ยวฉุนพร้อมกัน หลังจากมองหน้ากัน ต่างฝ่ายต่างก็เห็นความระแวงภัยและป้องกันตัวจากอีกฝ่าย!
หลังจากการระงับตบะของนักพรตทุกคนในสำนักธาราโลหิตถูกคลายผนึกออก พลังอำนาจตลอดทั้งสำนักธาราโลหิตก็ระเบิดขึ้นอีกครั้ง เมฆโลหิตแผ่กว้างออกไปรอบด้าน ศพหลอม หัวปีศาจเหล่านั้นที่พอร่างสั่นเยือกหนึ่งครั้งก็เปล่งเสียงคำรามแหบแห้งออกมาเป็นระลอก
โดยเฉพาะเถี่ยตั้น ก่อนหน้านี้มันเข้าไปช่วยไม่ทัน เวลานี้จึงจ้องเขม็งไปที่ฮั่นเหยียน นัยน์ตาเผยความเกลียดแค้นฝังกระดูก!
บุตรโลหิตทั้งสามตัวสั่นเยือก อังคุฐโลหิต ผู้อาวุโสไท่ซ่าง ลูกศิษย์ฝ่ายใน ลูกศิษย์ฝ่ายนอก รวมไปถึงบุรพาจารย์หลายคนที่อยู่บนท้องฟ้า วินาทีนี้ร่างของพวกเขาราวกับถูกปลดพันธนาการออก!
เวลาเดียวกันนั้น ทุกคนของสำนักธาราเทพต่างก็หายใจถี่ระรัว นัยน์ตาโชนแสงคมกล้า จ้องเขม็งไปที่ทุกคนของสำนักธาราโลหิต ความรู้สึกตึงเครียดที่ก่อนหน้านี้ใกล้จะหายไปหมดแล้ว บัดนี้คล้ายเดือดพล่านขึ้นมาใหม่อีกครั้ง
ทุกคนล้วนเข้าใจดีว่า เวลานี้ การปะทะเพียงอย่างเดียวก็สามารถทำให้การสงบศึกของทั้งสองฝ่าย กลับมาปะทุได้ใหม่อีกครั้ง!
กลางอากาศ ฮั่นเหยียนเจินเหรินขมวดคิ้วน้อยๆ มองป๋ายเสี่ยวฉุนที่อยู่ในหลุมลึกหนึ่งครั้ง ถอนหายใจอยู่ในใจ เขามองออกว่าอีกฝ่ายยังไม่ตาย แค่บาดเจ็บสาหัสเท่านั้น แม้จะเสียดาย แต่ตอนนี้ไม่มีโอกาสให้ลงมืออีกแล้ว
“แม้จะสลบไป แต่แค่นี้ก็พอแล้ว…” ประกายในดวงตาของฮั่นเหยียนเจินเหรินเปล่งวาบน้อยๆ ปรานดุร้ายทั่วร่างระเบิดออก พลันหันไปมองทางสำนักธาราเทพแล้วหัวเราะเสียงน่าสะพรึงกลัว
“พลังกดทับถูกคลายลงแล้ว สำนักธาราเทพต่ำช้าถึงเพียงนี้ วันนี้ต้องเอาเลือดมาล้างธาราเทพ ทหารกล้าแห่งสำนักธาราโลหิตทั้งหลาย ตามข้าผู้อาวุโสสังหารขึ้นไปยังเทือกเขาลั่วเฉิน ดับทำลายสำนักธาราเทพ!!” ฮั่นเหยียนเจินเหรินแหงนหน้าหัวเราะลากเสียงยาว จิตสังหารสะเทือนฟ้า ทั้งยังชักนำลูกศิษย์ไม่น้อยของสำนักธาราโลหิตให้บินตามเขาไปเบื้องหน้าด้วย ในดวงตาของลูกศิษย์สำนักธาราโลหิตมากมายเผยไอสังหารเด่นชัด ต้องการให้สงครามครั้งนี้ปะทุต่อไป
ทุกคนของสำนักธาราเทพกำหมัดแน่น นัยน์ตายิ่งเผยความดุดัน
ทว่าวินาทีที่บุรพาจารย์ฮั่นเหยียนกำลังจะบินออกไปนั้นเอง เสียงแค่นเย็นชาเสียงหนึ่งพลันดังมาจากบนฟ้า
“สำนักธาราโลหิต ถึงคราวให้เจ้าเป็นผู้นำตั้งแต่เมื่อไหร่?” หลังจากน้ำเสียงนั้นดังขึ้น พลานุภาพสยบบีบคั้นน่าตะลึงระลอกหนึ่งพลันเยื้องกรายลงมาดังอึกทึก พวกลูกศิษย์สำนักธาราโลหิตที่คิดจะขยับตัว ร่างสั่นสะท้าน พากันหยุดชะงักฝีเท้า ฮั่นเหยียนเจินเหรินลอยอยู่กลางอากาศ หน้าเปลี่ยนสี เงยหน้าขึ้นฉับพลัน มองเห็นว่าผู้ที่พูดประโยคนั้น เวลานี้กำลังเดินออกมาทีละก้าว
คนผู้นี้…ก็คือปฐมาจารย์ของสำนักธาราโลหิต!
ก่อนหน้านี้ตบะของเขาถูกระงับไปครึ่งหนึ่ง เวลานี้เมื่อผนึกคลายออก พลังอำนาจทุกด้านจึงไต่ระดับขึ้นสูง ดุจดั่งอานุภาพจากสวรรค์ เท้าที่ก้าวออกมาทีละก้าวถึงขนาดทำให้ฟ้าดินบิดเบือน
“เฟิงเสินจื่อ เจ้าหมายความว่าอย่างไร!” ฮั่นเหยียนเจินเหรินสีหน้ามืดคล้ำ กล่าวด้วยเสียงแหบพร่า เสียงนั้นแฝงไว้ด้วยโทสะ มองมายังปฐมาจารย์ที่แข็งแกร่งที่สุดของสำนักธาราโลหิต
“หมายความว่าอย่างไร? เมื่อครู่ข้าบอกให้เจ้าหยุด เหตุใดเจ้าถึงไม่หยุด ข้าผู้อาวุโสไม่เชื่อว่าเจ้ามองไม่ออกว่าคนผู้นี้ไม่ได้สวมรอย เขาคือบุตรโลหิตของสำนักธาราโลหิต และคือนายแห่งโลหิตของเรา!” แสงเย็นเยียบในดวงตาของปฐมาจารย์สำนักธาราโลหิตเปล่งวาบ เอ่ยปากเนิบช้า ทว่าน้ำเสียงกลับดังราวอสนีบาต
ทุกคนของสำนักธาราเทพใจสั่นไหว ในดวงตาของบุรพาจารย์รุ่นที่หนึ่งก็โชนไปด้วยแสงแปลกประหลาด ตลอดทั้งสำนักธาราเทพค่อยๆ สงบลง มองความเป็นไปของสถานการณ์
“ข้าย่อมรู้อยู่แล้วว่าเขาคือบุตรโลหิต แต่พวกเจ้าต้องการให้นับแต่นี้ไปทุกคนของสำนักธาราโลหิต รวมไปถึงพวกเรา ต้องมาโดนเด็กคนหนึ่งระงับตบะครึ่งหนึ่งได้ตลอดเวลาอย่างนั้นหรือ! ดังนั้นข้าต้องการสังหารเขา เมื่อสังหารเขาแล้ว ไม่เพียงแต่ไม่มีผลร้ายต่อสำนักธาราโลหิตเรา กลับยังกลายเป็นเรื่องดีอย่างหาที่สุดไม่ได้ด้วยซ้ำ!” เมื่อปฐมาจารย์เข้ามาใกล้ ฮั่นเหยียนเจินเหรินก็คล้ายรู้สึกกดดัน เวลานี้จึงถอยหลังไปหลายก้าว เริ่มพูดเสียงดังใส่ปฐมาจารย์สำนักธาราโลหิต ขณะเดียวกันก็มองไปยังบุรพาจารย์คนอื่นๆ ของสำนักธาราโลหิตด้วย
“ข้าก็แค่ทำเรื่องที่พวกเจ้ายังลังเลกันอยู่ก็เท่านั้น!”
พอเขาพูดแบบนี้ ในสำนักธาราโลหิตจึงมีคนไม่น้อยที่เริ่มสองจิตสองใจ ในใจสั่นคลอน ทว่าบุรพาจารย์หลายคนของสำนักธาราโลหิตกลับมีสีหน้ามืดทะมึน มองไม่ออกว่าในใจคิดอะไรอยู่
ส่วนปฐมาจารย์ที่แข็งแกร่งที่สุดของสำนักธาราโลหิต พอได้ยินคำพูดของฮั่นเหยียนเจินเหริน ใบหน้ากลับเผยรอยยิ้มเย็นยะเยียบ จ้องเขม็งไปที่ฮั่นเหยียนเจินเหริน พลันเอ่ยปาก
“ข้าผู้อาวุโสก็สามารถกำราบพวกเจ้าทุกคนได้เหมือนกัน หรือว่าเจ้าก็คิดจะฆ่าข้าด้วย? อีกอย่าง…ข้าผู้อาวุโสอยากรู้ยิ่งนักว่าเมื่อครู่ตอนที่เจ้าลงมือ เหตุใดตบะถึงไม่ถูกระงับ!”
คำพูดนี้ดังขึ้น ทุกคนของสำนักธาราโลหิตอึ้งกันไปก่อนเป็นอันดับแรก ทว่าไม่นานแต่ละคนก็หน้าเปลี่ยนสี ส่งเสียงร้องอุทานด้วยความตกใจ เพียงแต่ว่าก็มีคนไม่น้อยที่ก่อนหน้านั้นสังเกตเห็นจุดนี้อยู่แล้ว แต่ต่อให้เป็นเช่นนั้น เวลานี้ก็ยังใจสั่นสะท้านได้อยู่ดี
ทางฝ่ายของสำนักธาราเทพก็เป็นเช่นเดียวกัน มีเพียงบุรพาจารย์รุ่นที่หนึ่งเท่านั้นที่นัยน์ตาเผยความลึกล้ำ ก่อนหน้านี้เขาก็มองออกถึงเส้นสนกลในข้อนี้แล้ว
บุรพาจารย์ฮั่นเหยียนหน้าเปลี่ยนสี หน้าผากมีเหงื่อเย็นๆ ผุดซึม เรื่องนี้เดิมทีเขาก็มิอาจอธิบายได้อยู่แล้ว ทำได้เพียงแอบชิงชังอยู่ในใจ เดิมทีตามแผนการของเขา ก่อนหน้านี้ที่เสี่ยงลงมือก็เพื่อฆ่าป๋ายเสี่ยวฉุนให้ได้เท่านั้น ต่อให้สุดท้ายจะถูกเปิดโปง…ทว่าเมื่อไม่มีป๋ายเสี่ยวฉุน สำนักธาราโลหิตและสำนักธาราเทพก็ไม่มีวันได้รวมตัวเข้าด้วยกัน และต้องเปิดศึกใหม่อีกครั้งอย่างแน่นอน
“บัดซบ เจ้าป๋ายเสี่ยวฉุนผู้นี้ช่างดวงแข็งยิ่งนัก ถูกข้าโจมตีขนาดนั้นก็ยังไม่ตายอีก!” ฮั่นเหยียนเจินเหรินกัดฟัน ร่างพลันกลายมาเป็นพร่าเลือน พริบตานั้นก็ถอยหลังกรูดอย่างว่องไว
“คิดหนีรึ?” ไอสังหารในดวงตาของปฐมาจารย์ที่แข็งแกร่งที่สุดของสำนักธาราโลหิตเปล่งวาบ มือขวาพลันยกขึ้นชี้ไปยังฮั่นเหยียนเจินเหริน
แทบจะชั่วขณะเดียวกันกับที่ฮั่นเหยียนถอยร่น บุรพาจารย์คนอื่นๆ ของสำนักธาราเทพก็ก้าวออกมาล้อมรอบฮั่นเหยียนเจินเหรินเช่นกัน หมายขัดขวางการหลบหนีของเขา เห็นได้ชัดว่าเตรียมตัวป้องกันไว้แต่แรกแล้ว
เสียงกัมปนาทดังสะท้อน พลังจากหนึ่งนิ้วที่ชี้ไปของปฐมาจารย์สำนักธาราโลหิตกลายมาเป็นคลื่นดับทำลายที่เข้ามาใกล้ในพริบตาเดียว ฮั่นเหยียนเจินเหรินเมื่อเห็นว่ามิอาจหลบหนีได้จึงแหงนหน้าคำรามก้อง เมื่อทำมุทราเปลวเพลิงนอกร่างพลันระเบิดออกต้านทานกับคลื่นทำลายล้างนั่น
เสียงตูมดังสะเทือนแก้วหู มุมปากของฮั่นเหยียนเจินเหรินมีเลือดไหลซึม ทว่าร่างกายกลับอาศัยพลังโจมตีนี้ถอยหลังออกไปอีกครั้ง แต่ต่อให้เป็นเช่นนั้นก็ยังมิอาจหลบพ้นการร่วมมือกันจากบุรพาจารย์คนอื่นๆ ของสำนักธาราโลหิตไปได้!
เวลานี้บุรพาจารย์หกคนโจมตีเขาคนเดียว แทบจะวินาทีที่เขาถอยร่นออกไป บุรพาจารย์คนที่เหลือก็แค่นเสียงเย็น ทำมุทรา เวทคาถา อาวุธวิเศษ วิชาอภินิหารพลันระเบิดออกพร้อมกัน
ปราณกระบี่ก่อตัวขึ้นบนนภากาศแล้วตวัดฉับลงมา ผู้ที่ถือด้ามกระบี่ก็คืออู๋จี๋จื่อ
กระบี่ตวัดฟัน สะเทือนฟ้าสะท้านดิน อาวุธวิเศษของบุรพาจารย์คนอื่นๆ ต่างก็ทยอยกันเผยตัว คล้ายจะเขย่าคลอนฟากฟ้าให้แหลกละเอียด ก่อเกิดเป็นน้ำวนลูกยักษ์โคจรดังครั่นครืน ทั้งยังมีมังกรดุร้ายตัวหนึ่งแผดเสียงคำราม อ้าปากหมายเขมือบกลืน ข้างมังกรดุร้ายตัวนั้นคือบุรพาจารย์ที่ถือกำเนิดจากเขาเส้าเจ๋อเฟิง เขาเดินออกไปหนึ่งก้าวแล้วเหวี่ยงหมัดต่อยโครมลงไป ความว่างเปล่าแตกกระจายเกิดเป็นพายุคลั่ง
ส่วนการโจมตีที่รุนแรงที่สุดมาจากปฐมาจารย์ที่แข็งแกร่งที่สุดของสำนักธาราโลหิต มือขวาของเขายกขึ้น ในมือปรากฏธงขนาดใหญ่หนึ่งเสา โบกสะบัดอย่างแรงหนึ่งครั้ง ก่อเกิดเป็นลมสีดำที่กลายร่างมาเป็นหงส์ดำตัวหนึ่ง มันเปล่งเสียงร้องสั่นคลอนจิตวิญญาณแล้วพุ่งเข้าใส่ ความเร็วนั้นไม่ว่าฮั่นเหยียนเจินเหรินจะต่อต้านเช่นไรก็มิอาจหลีกพ้น
วิกฤตคับขันมาเยือน ฮั่นเหยียนเจินเหรินพลันหัวเราะออกมา ท่ามกลางเสียงหัวเราะนี้ สีหน้าของเขาชั่วร้าย มือทั้งสองข้างยกขึ้นตบลงไปบนร่างของตัวเองอย่างแรงหนึ่งครั้ง เสียงตูมดังหนึ่งที พริบตาเดียวเส้นผมของเขาก็กลายมาเป็นสีขาว!
เวลาเดียวกันนั้น ผิวเนื้อตลอดร่างของเขากลับมีใบหน้าจำนวนมากลอยขึ้นมา ใบหน้าเหล่านี้มีทั้งชายและหญิง มีทั้งแก่และเด็ก แต่ละใบหน้าบิดเบี้ยว ร้องคำรามเสียงแหบแห้งโหยหวน
“วิถีพันหน้า เพ่งพิศไร้ปราณี!” ท่ามกลางเสียงหัวเราะเหยียดยาวของฮั่นเหยียนเจินเหริน ภายใต้การลงมือของบุรพาจารย์ทั้งหลายที่อยู่รอบด้าน ขณะเดียวกันกับที่เวทคาถาของพวกเขาเข้ามาใกล้ ร่างของเขาก็พลันแตกสลายไปเอง!
เสียงตูมดังหนึ่งครั้ง ฟ้าดินเปลี่ยนสี เมฆและฝนม้วนตลบ ร่างของฮั่นเหยียนเจินเหรินระเบิดทลายตัวเอง ท่ามกลางการแตกสลายนี้ ใบหน้าจำนวนนับไม่ถ้วนส่งเสียงโหยไห้คร่ำครวญแล้วพุ่งถลาออกมาจากในร่างของฮั่นเหยียนเจินเหริน แตกระส่ำออกไปสี่ทิศอย่างบ้าคลั่ง
“เวทพันหน้าแห่งสำนักธาราทมิฬ!!” ดวงตาทั้งคู่ของอู๋จี๋จื่อหดตัว เอ่ยออกมาอย่างฉับพลัน ปฐมาจารย์รวมไปถึงบุรพาจารย์คนอื่นๆ ต่างหน้าเปลี่ยนสี จดจำที่มาของวิชาแยกร่างอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะนี้ได้ทันที!
ไม่เพียงพวกเขาเท่านั้นที่เป็นเช่นนี้ บุรพาจารย์รุ่นที่หนึ่งรวมไปถึงบุรพาจารย์คนอื่นๆ ของสำนักธาราเทพที่อยู่ข้างกายเขาต่างก็พากันหน้าถอดสี จำได้ว่านี่คือเวทลับเฉพาะของบุรพาจารย์ท่านหนึ่งที่ลึกลับที่สุดในตำนานของสำนักธาราทมิฬ!
เมื่อถูกใบหน้าจำนวนมากพุ่งโจมตีออกไปเช่นนี้ ต่อให้บุรพาจารย์หลายคนที่อยู่โดยรอบร่วมมือกันจัดวางท่าไม้ตายตาข่ายสวรรค์ ทว่าเมื่อใบหน้าจำนวนเหลือคณานับพุ่งถลาออกไปทุกทิศทางอย่างนี้ จึงทำลายได้เพียงเก้าส่วนกว่า ที่เหลือก็ยังเล็ดรอดหนีไปได้
เวลานี้มีใบหน้าของชายหนุ่มผู้หนึ่งบุกโจมตีออกไปท่ามกลางเสียงดังเกริกก้อง พริบตาเดียวก็หนีห่างไปไกลหมื่นจั้ง ที่นั่นใบหน้าของชายหนุ่มผู้นี้พลันเลื้อยขยุกขยิกแล้วกลายร่างมาเป็นชายหนุ่มผมขาวผู้หนึ่ง ชายหนุ่มผู้นี้ใบหน้าซีดขาว หลังจากเผยกายก็ไม่คิดจะหยุดชะงักแม้เพียงนิด สะบัดร่างหมายหนีห่าง
“บุตรพันหน้า!!” จิตสังหารในดวงตาอู๋จี๋จื่อพวยพุ่ง ร่างถลาพรวดออกไป ไล่กวดชายหนุ่มผมขาวผู้นั้น พริบตาเดียวคนทั้งสองที่คนหนึ่งอยู่หน้า คนหนึ่งอยู่หลังก็หายวับไปตรงขอบฟ้า
ภาพนี้ทำให้ทุกคนของสำนักธาราโลหิตสะท้านสะเทือน คนไม่น้อยสูดลมหายใจ จิตใจสะท้านไหว ไม่มีใครคาดการณ์ได้ว่าฮั่นเหยียนเจินเหรินที่เป็นหนึ่งในบุรพาจารย์ จะกลายมาเป็น…บุตรพันหน้าแห่งสำนักธาราทมิฬ!
สามารถจินตนาการได้ว่าบางทีฮั่นเหยียนเจินเหรินอาจเคยมีตัวตนอยู่จริง ทว่าในช่วงเวลาใดเวลาหนึ่งต้องถูกลอบฆ่า และเนื้อหนังของเขาก็ถูกเอามาหลอมด้วยวิธีการพิเศษบางอย่าง แล้วถูกแทนที่ด้วยบุตรพันหน้า!
โดยเฉพาะนึกถึงเหตุการณ์เมื่อครู่นี้ที่บุตรพันหน้าลงมือต่อป๋ายเสี่ยวฉุน เวลานี้ทุกคนล้วนเข้าใจแล้วว่าบุตรพันหน้ามิอาจยอมรับการปรากฏตัวของป๋ายเสี่ยวฉุนได้ และยิ่งไม่อาจยอมรับภาพเหตุการณ์น่ากลัวที่สองสำนักจะรวมเป็นหนึ่งเดียวกัน
มีเพียงป๋ายเสี่ยวฉุนตายไปเท่านั้น ทั้งหมดนี้ถึงจะสิ้นสลายกลายเป็นเถ้าธุลี!