Skip to content

A Will Eternal 425

บทที่ 425 ผู้พิทักษ์โมโห

“เสี่ยวฉุน!” จางต้าพั่งเห็นภาพเหตุการณ์นี้กับตาตัวเองจึงร้องอุทานออกมาด้วยความตื่นตระหนก เฉินม่านเหยาเองก็อึ้งงัน เสินซ่วนจื่อสีหน้าเปลี่ยนแปลง ทำมุทราโดยไม่ทันรู้ตัว เริ่มคำนวณความเป็นความตายให้กับป๋ายเสี่ยวฉุน

ซ่งเชวียเองก็ตะลึงค้าง

ขนาดพวกเขายังเป็นเช่นนี้ พวกคนอื่นๆ ที่จับตามองอยู่ก็อึ้งงันกันไปหมด แต่ละคนก่อนหน้านี้ยังดีใจ มาบัดนี้กลับหน้าเปลี่ยนสี

“เขา…ทำไมเขาถึงยังไม่ถูกส่งตัวออกมาล่ะ?”

“หรือว่าออกมาไม่ทัน…”

“หรือว่าเขาไม่ได้พกยันต์นำส่งไปด้วย?”

“ไม่จริงมั้ง…นี่เขาจะตายแบบนี้…จริงๆ หรือ?” ทุกคนที่อยู่ด้านนอกมองเซ่อกันไปหมด เรื่องนี้เกิดขึ้นกะทันหันเกินไป ทำให้พวกเขาล้วนตั้งตัวไม่ทัน ตามความเข้าใจของพวกเขา วิกฤตเมื่อครู่นี้ป๋ายเสี่ยวฉุนก็น่าจะถูกส่งออกมาถึงจะถูก

ทว่ารออยู่นานมากกลับไม่เห็นเขาปรากฏตัว อีกทั้งดูเหมือนว่าเมื่อครู่ป๋ายเสี่ยวฉุนก็ไม่ได้เอายันต์นำส่งออกมาใช้ ไม่นานทุกคนที่อยู่รอบด้านต่างก็มีสีหน้าแตกต่างกันออกไป

“คงไม่ตายจริงๆ หรอกมั้ง…”

“ทว่านั่นมันน้ำเย็นหมื่นปีนะ เมื่อก่อนข้าเคยเห็นมีคนตกลงไปหลายครั้ง ทุกคนล้วนตายในชั่วพริบตา…”

“เอ่อ…” บางคนเริ่มไม่รู้แล้วว่าควรจะพูดเช่นไร ตอนนี้ความรู้สึกของพวกเขาต่างก็พิลึกพิลั่น  ทว่าเวลานี้เอง ทันใดนั้นก็มีนักพรตคนหนึ่งที่ดวงตาแทบจะถลนออกมานอกเบ้า ชี้ไปยังดวงดาวที่อยู่ด้านบน ร้องอุทานเสียงหลง

“ว่าย…ว่ายน้ำ…ว่ายน้ำอีกแล้ว!!”

คำพูดของเขาเพิ่งจะจบลง ทุกคนที่อยู่รอบด้านตัวสั่นเยือก หลังจากหันไปมองอย่างพร้อมเพรียงกัน เสียงสูดลมหายใจก็ทยอยดังออกมา เวลานี้ในพื้นที่การประลองสีเหลือง บนทะเลสีนิลที่มองดูเหมือนเป็นบ่อน้ำทว่ากลับกว้างใหญ่ราวมหาสมุทรนั้น ศีรษะของป๋ายเสี่ยวฉุนทะลึ่งพรวดออกมา หลังจากถอนหายใจยาวเหยียดหนึ่งครั้ง สีหน้าเขาก็เริ่มออกเขียว มองไปรอบด้านแล้วเริ่มตัวสั่น

“นี่มันสถานที่บ้าบออะไร หนาวจนข้าจะตัวแข็งตายอยู่แล้ว…” ป๋ายเสี่ยวฉุนใกล้จะร้องไห้เต็มแก่ เขารู้สึกว่าที่นี่ไม่สนุกเอาเสียเลย หากไม่ร้อนจนตัวแทบพองก็หนาวจนตัวแทบแข็ง ช่างทรมานกันยิ่งนัก

“หากไม่ใช่เพื่อแลกพืชหญ้า ข้าก็ไม่มาที่นี่หรอก นี่มันการประลองวิปลาสอะไรกัน” ป๋ายเสี่ยวฉุนจนใจ สถานที่แห่งนี้ห้ามไม่ให้บิน อีกทั้งเมื่อครู่นี้แผ่นเหล็กก็จมลงมาแล้ว เขาจึงถือโอกาสว่ายลงไปในน้ำเย็นนี่เสียเลย…

“หรือว่านี่คือการประลองว่ายน้ำ?” ป๋ายเสี่ยวฉุนปลงอนิจจัง ว่ายไปข้างหน้าอย่างต่อเนื่องพร้อมอาการตัวสั่นสะท้าน ภาพนี้พอคนข้างนอกมองเห็นเข้าต่างก็ร้องเอะอะ เสียงอุทานด้วยความตกใจพลันระเบิดออกมาจากพื้นที่มากมายในสำนักอันตมรรคาฟ้าดารา

ทั้งหมดนี้ป๋ายเสี่ยวฉุนล้วนไม่รู้เรื่องด้วย เวลานี้เขาว่ายไป ว่ายไป ยิ่งว่ายก็ยิ่งหนาวจับใจ แม้แต่สีหน้าก็เริ่มซีดเขียวขึ้นมาแล้ว มาถึงท้ายที่สุด เขาหนาวจนแข็งทื่อไปทั้งร่าง และเขายังค้นพบด้วยว่าไอความเย็นในมหาสมุทรเย็นเยียบแห่งนี้ได้ทะลุทะลวงผ่านรูขุมขนทั่วร่างเข้าไปในร่างกายของเขาอย่างต่อเนื่อง และไปรวมตัวกันอยู่ในยาอายุวัฒนะวิถีฟ้าของเขา

“เอ๊ะ? หรือว่าไอความเย็นของที่นี่สามารถช่วยในการฝึกฝนของข้าได้?” ป๋ายเสี่ยวฉุนแปลกใจ แล้วจึงรีบโคจรคาถาหันเหมินเลี้ยงความคิดทันที แผ่ความเย็นในร่างออกไปรอบด้าน พริบตาเดียวก็ปกคลุมรัศมีทั่วด้าน

ทว่าวินาทีที่คาถาหันเหมินเลี้ยงความคิดถูกโคจร ไอความเย็นในมหาสมุทรใหญ่กลับคล้ายถูกดึงดูด พริบตานั้นเสียงเปรี๊ยะๆ ก็ดังไปทั่วพื้นผิวของน้ำทะเล ทั้งยังเกาะตัวกันเป็นน้ำแข็ง และหลังจากที่ทะลักทลายไปสี่ด้านแปดทิศ มาบัดนี้ไอความเย็นที่เข้มข้นก็ต่างเจาะทะลุเข้ามาในร่างของป๋ายเสี่ยวฉุน

ในสมองของป๋ายเสี่ยวฉุนมีเสียงดังอึงอลหนึ่งครั้ง ยาอายุวัฒนะวิถีฟ้าของในร่างกายของเขาเคลื่อนโคจรอย่างบ้าคลั่ง ดูดซับเอาไอความเย็นจากด้านนอกมาอย่างต่อเนื่อง ทำให้ไอความเย็นในยาอายุวัฒนะเพิ่มขึ้นซึ่งเห็นได้ด้วยตาเปล่า

ป๋ายเสี่ยวฉุนทั้งตะลึงระคนดีใจโดยพลัน รีบเพิ่มความเร็วในการโคจร ความเร็วในการดูดซับไอความเย็นก็ทะยานสูงขึ้นด้วย ภายใต้การดูดซับอย่างต่อเนื่องนี้ ยาอายุวัฒนะวิถีฟ้าในร่างของเขาพลันพองขยาย ไอความเย็นถูกดูดมาอย่างบ้าคลั่ง เวลาเดียวกันนั้น ตบะของเขา…มาบัดนี้ก็เริ่มไต่ทะยานขึ้นสูงเช่นกัน!

เดิมทีอยู่ในขั้นยาอายุวัฒนะช่วงกลาง ทว่ามาบัดนี้กลับขยับเข้าไปใกล้ยาอายุวัฒนะช่วงท้ายอย่างไม่หยุดยั้ง โดยเฉพาะความเย็นของเขาก็ได้เพิ่มจากความเย็นระดับกลางเข้าไปใกล้ความเย็นระดับสูง

โชควาสนาที่มาเยือนกะทันหันเช่นนี้ทำให้ป๋ายเสี่ยวฉุนปิติยินดีอย่างบ้าคลั่ง เขาตื่นเต้นจนแทบจะคำรามออกมาเสียงดัง

“โชควาสนาครั้งใหญ่ การประลองนี้ดีเหลือเกิน สามารถมอบโชควาสนาให้คนอื่นได้ด้วย ฮ่าๆ” ป๋ายเสี่ยวฉุนฮึกเหิม ความเร็วในการดูดซับยิ่งเพิ่มมากขึ้นกว่าเดิม และไม่นานร่างของเขาก็เริ่มมีน้ำวนขนาดใหญ่ยักษ์ลูกหนึ่งเกิดขึ้นภายใต้การดูดซับนี้ ไอความเย็นทั้งหมดของในบ่อเย็นต่างก็ทะลักทลายเข้ามาหาอย่างบ้าคลั่ง

หรือแม้แต่น้ำในบ่อเย็นนี้ก็เริ่มไม่ใช่สีดำมืดมิดอีกต่อไปแล้ว แต่กระจ่างใสขึ้นมาเล็กน้อย เห็นได้ชัดว่าไอความเย็นของบ่อเย็นก็เริ่มลดน้อยลงไปด้วย

สามารถจินตนาการได้ว่าหากน้ำของบ่อเย็นใสกระจ่างอย่างสมบูรณ์แบบ ที่นี่…ก็จะไม่ใช่บ่อเย็นอีกต่อไป

และคนมากมายที่อยู่ข้างนอกก็เห็นภาพเหตุการณ์นี้กับตาของตัวเอง แต่ละคนอ้าปากกว้างมองตาค้างจนใบหน้าแทบจะเป็นเหน็บชา เมื่อมองมายังป๋ายเสี่ยวฉุนก็ราวกับมองเห็นเทพเจ้าในร่างคน….

“นี่…กระดานเกียรติคุณอันตมรรคาฟ้าดารานี่เตรียมมาเพื่อเขาโดยเฉพาะอย่างนั้นหรือ?”

“ว่ายน้ำในสายรุ้งสีแดง…ประจักษ์แจ้งในสายรุ้งสีส้ม…นึกไม่ถึงว่าพอมาถึงสายรุ้งสีเหลืองเขากลับถึงขั้นฝึกบำเพ็ญตบะ?!”

“นี่มันเรื่องอะไรกัน!!” ขณะที่เสียงโหวกเหวกดังสนั่น คำพูดที่เต็มไปด้วยความริษยาดังสะท้อน พวกจางต้าพั่งผ่อนลมหายใจ โดยเฉพาะซ่งเชวีย เวลานี้หนังตาเขากำลังกระตุก กำหมัดแน่น ไพล่นึกไปถึงตอนที่อยู่ในโลกกระบี่อุกกาบาต…

“ป๋ายเสี่ยวฉุนไปที่ใดก็กวาดทุกอย่างไปกินคนเดียวเรียบ ไม่เคยเว้นว่างแม้แต่หญ้าสักต้น!” ซ่งเชวียเอ่ยอย่างแค้นเคือง

สำนักอันตมรรคาฟ้าดารา บนรุ้งสี่แดน ตอนนี้คนที่จับตามองป๋ายเสี่ยวฉุนมีอยู่เยอะมาก ขณะที่แต่ละคนกำลังร้องอุทานด้วยความตกใจ ทางฝ่ายของป๋ายเสี่ยวฉุนก็เบิกบานใจอย่างถึงที่สุด เขาสัมผัสถึงตบะของตัวเองที่ไต่ขึ้นสูงอย่างต่อเนื่องด้วยความตื่นเต้น การเพิ่มขึ้นของปราณความเย็น การเพิ่มขึ้นของศักยภาพ ทำให้ป๋ายเสี่ยวฉุนอยู่ห่างจากตำแหน่งทางออกแค่ไม่กี่พันจั้ง เขาจึงไม่ว่ายน้ำอีกต่อไป แต่ถือโอกาสลอยตัวอยู่ตรงนั้น ดูดซับเอาไอความเย็นต่ออย่างสบายอุรา

“ฮ่าๆ สำหรับข้าแล้วที่นี่ช่างเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ยิ่งนัก” ขณะที่ป๋ายเสี่ยวฉุนปิติยินดี มองเห็นว่าตบะของตัวเองก้าวหน้าต่อเนื่อง การฝ่าทะลุยาอายุวัฒนะช่วงท้ายก็ไม่ใช่ความฝันอีกต่อไป ขณะที่กำลังฮึกเหิมถึงขีดสุดอยู่นั้น ทันใดนั้น…สายตาคมกริบเส้นหนึ่งก็ทอดมองลงมาจากท้องฟ้า

ป๋ายเสี่ยวฉุนถูกสายตานี้กวาดมองก็ตัวสั่นเยือกทันทีจึงรีบเงยหน้าขึ้น มองปราดเดียวก็เห็นยักษ์ตีเหล็กผู้นั้นที่เวลานี้กำลังยืนอยู่ตรงนั้นและจ้องเขม็งมายังตน…

ป๋ายเสี่ยวฉุนตัวสั่นเทิ้ม มีความรู้สึกถึงวิกฤตความเป็นความตายที่รุนแรง เขารีบหยุดการดูดซับอย่างวัวสันหลังหวะ

“ข้าจะไปเดี๋ยวนี้แหละ…” ขณะที่ป๋ายเสี่ยวฉุนรีบอธิบายรัวเร็ว ช่างตีเหล็กร่างยักษ์ผู้นั้นก็คำรามด้วยความเดือดดาลหนึ่งครั้ง

ท่ามกลางเสียงคำรามนี้มือขวาของเขาเหวี่ยงค้อนเหล็กใหญ่โตชิ้นนั้นฟาดลงมาในบ่อน้ำจุดที่ป๋ายเสี่ยวฉุนอยู่อย่างแรง

ป๋ายเสี่ยวฉุนหวีดร้องโหยหวน ทั้งมือทั้งเท้าตะเกียกตะกายช่วยกันพาตัวเคลื่อนไปข้างหน้าอย่างสุดชีวิต ค้อนเหล็กนั้นฟาดลงมา เสียงกัมปนาทสะเทือนนภา ทำให้ของเหลวสีดำในบ่อโถมตัวเป็นคลื่นลูกยักษ์ ทั้งยังมีความสั่นสะเทือนที่มิอาจบรรยายได้ถูกส่งผ่านออกมา

ป๋ายเสี่ยวฉุนกระอักเลือดสด ร่างถูกคลื่นยักษ์นี้ม้วนตลบให้ออกมา กรีดร้องเสียงแหลมหนึ่งครั้ง ความเย็นทั่วร่างพลันระเบิดออก แผ่ขยายออกไปไม่ใช่แค่พันจั้ง แต่มากถึงสามพันจั้งกว่า และปิดผนึกรอบด้าน แม้ว่าสถานที่แห่งนี้จะห้ามบิน ทว่าป๋ายเสี่ยวฉุนก็ยังคงอาศัยการสลับตำแหน่งกับเงาแห่งความเย็น หายตัวไปด้วยความเร็วเหนือแสงแล้วมาปรากฏตัวอยู่ที่ทางออกโดยตรง

วินาทีที่เขาหายตัวออกไป ช่างตีเหล็กร่างยักษ์ที่อยู่ด้านหลังเขาก็ยกค้อนขึ้นอีกครั้งแล้วฟาดตูมลงมาเสียงดังสนั่นหวั่นไหว ทำให้ชั้นน้ำแข็งความเย็นที่อยู่ด้านหลังของป๋ายเสี่ยวฉุนพังทลายไปในพริบตา และยิ่งมีพลังโจมตีระลอกหนึ่งที่ทำให้ป๋ายเสี่ยวฉุนกระอักเลือดอีกครั้ง ทว่าความเร็วของเขากลับยิ่งมากกว่าเดิม

เดิมทีเขาก็อยู่ห่างจากทางออกไม่ไกลอยู่แล้ว เวลานี้หลังจากหายตัวก็ร่ายความเร็วทั้งหมดที่นี่ ขณะที่ค้อนของช่างตีเหล็กยกขึ้นอีกครั้ง ป๋ายเสี่ยวฉุนก็กรีดร้องแล้วนำส่งตัวเองออกจากทางเข้าของสายรุ้งสีเหลืองมาปรากฏตัวที่ชั้นต่อไป

เห็นว่าป๋ายเสี่ยวฉุนจากไปแล้ว ช่างเหล็กร่างยักษ์ตนนี้ก็ฮึดฮัดเสียงเย็น มองบ่อน้ำแล้วก็ต้องขมวดคิ้วอีกครั้ง เมื่อครู่นี้เขาไม่ได้ออกแรงเต็มที่ มิฉะนั้นป๋ายเสี่ยวฉุนก็ไม่มีทางหนีรอดไปได้แน่นอน ไม่เหมือนกับมนุษย์หิน ความสัมพันธ์ของเขากับสำนักอันตมรรคาฟ้าดารายังพอถือว่าสนิทสนม ดังนั้นสำหรับมดตัวเล็กๆ ที่แอบมาขโมยน้ำเย็นของเขาตนนี้ เขาจึงแค่คิดจะขับไล่ให้ออกไปเท่านั้น

ทว่าภาพเหตุการณ์นี้เมื่อคนมากมายที่อยู่ข้างนอกมองมากลับสูดลมหายใจอย่างต่อเนื่อง นับตั้งแต่ที่พวกเขาจับตามองป๋ายเสี่ยวฉุน เสียงสูดลมหายใจเฮือกๆ ของคนเหล่านี้ก็มีมากเกินกว่าที่เคยทำมาตลอดทั้งปีเสียอีก

“ถึงขนาดกระตุ้นให้ผู้พิทักษ์โมโหได้…”

“นี่เขากำลังฝ่าด่านการประลองเสียที่ไหน นี่มันมาแย่งชิงของของของคนอื่นชัดๆ!!” เสียงพูดอย่างแค้นเคืองสอดแทรกมากับเสียงสูดลมหายใจ บวกกับสีหน้าปั้นยากและจนใจของทุกคนที่อยู่รอบด้าน ทำให้บัดนี้ทุกคนที่อยู่ข้างนอกกระดานเกียรติคุณอันตมรรคาฟ้าดาราต่างก็มีความรู้สึกว่าไม่รู้จะร้องไห้หรือหัวเราะดี

“แต่ป๋ายเสี่ยวฉุนผู้นี้ก็ต้องเป็นศิษย์แห่งความภาคภูมิใจคนหนึ่งแน่นอน ไม่ว่าใช้วิธีการใดเขาก็ผ่านด่านมาได้แล้วสามด่าน และขยับเข้าใกล้หนึ่งพันอันดับแรกเข้าไปทุกทีแล้ว!”

“ไม่รู้ว่าด่านต่อไปเขาจะยังทำตัวน่าตะลึงอย่างนี้ต่อได้หรือไม่ หากทำได้ ถ้าอย่างนั้นก็ต้องติดห้าร้อยอันดับแรกแน่ๆ!!”

ส่วนจ้าวอี้ตัวที่ก่อนหน้านี้เป็นตัวดึงดูดความสนใจ…แม้ว่าตอนนี้เขาเองก็จะอยู่ในชั้นที่สี่เหมือนกัน…ทว่าเวลานี้แทบจะไม่มีใครมองดูเขา สายตาทั้งหมดล้วนมาตกอยู่บนดวงดาวของป๋ายเสี่ยวฉุน อยากจะรู้ว่าป๋ายเสี่ยวฉุนจะข้ามผ่านการประลองรุ้งสีเขียวชั้นที่สี่ไปได้อย่างไร!

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!