บทที่ 438 ตบะฝ่าทะลุ
เมื่อคำว่าฆ่าดังออกมา ภาพเหตุการณ์ที่ซากศพเกลื่อนกลาดเลือดนองแผ่นดินก็ปรากฏขึ้นมาในใจของนักพรตทุกคนที่จับตาดูการประลองครั้งนี้อย่างห้ามไม่ได้ เวลาเดียวกันนั้นบนสายรุ้งสีคราม ความเร็วของป๋ายเสี่ยวฉุนที่อยู่ในร่างของมนุษย์หินก็อาศัยพลังอำนาจสะท้านฟ้าจากการร่ายคาถาคนขุนเขากระโดดผลุงขึ้นแล้วกระตุ้นใช้…
ชนาเขย่าภูเขา!
เดิมทีพลังของมนุษย์หินก็ทำให้กล้ามเนื้อของป๋ายเสี่ยวฉุนแข็งแกร่งมากพออยู่แล้ว ตอนนี้ยิ่งมาร่ายใช้ชนาเขย่าภูเขา พลังกล้ามเนื้อของเขาจึงระเบิดออกอีกครั้งจนไต่มาถึงระดับที่น่าเหลือเชื่อ ความเร็วก็แทบจะใกล้เคียงกับการเคลื่อนที่เหนือความเร็วแสง
พริบตาเดียวก็ลอดทะลุไอความเย็นจนก่อให้เกิดเสียงอากาศระเบิดดังเป็นทอดๆ ความว่างเปล่าแตกสลายเป็นจุล น้ำแข็งเย็นเยียบแตกกระจายกลายเป็นเศษเล็กเศษน้อย แล้วมาปรากฏพรวดอยู่เบื้องหน้ารูปปั้นของกงซุนหว่านเอ๋อร์!
ความเร็วนั้นมีมากเกินไป พลังของมนุษย์หินก็ทรงพลังเป็นอย่างยิ่ง อีกทั้งก่อนหน้านี้รูปปั้นของกงซุนหว่านเอ๋อร์ก็บาดเจ็บสาหัส บวกกับที่นี่เป็นเพียงรูปปั้น ด้านสติปัญญาจึงเทียบกับตัวจริงไม่ได้ เวลานี้จึงมิอาจมีปฏิกิริยาตอบสนองอย่างฉับไว ขณะที่คิดจะถอยก็สายไปเสียแล้ว ทำได้เพียงยกมือทั้งคู่ขึ้นทำมุทราหมายจะขัดขวาง!
ป๋ายเสี่ยวฉุนดวงตาแดงก่ำ เขาทุ่มสุดชีวิตแล้วจริงๆ หากครั้งนี้ยังไม่สามารถเอาชนะอีกฝ่ายได้ ถ้าเช่นนั้นเขาก็ไม่เพียงแต่ต้องสูญเสียโอกาสที่จะเข้าไปในสายรุ้งสีม่วง ทั้งยังสูญเสียโอกาสที่จะช่วยชีวิตจางต้าพั่งด้วย!
สิ่งเหล่านี้เขามิอาจยอมรับได้
ในสมองของเขามีเพียงความคิดเดียว…
“ข้าต้องชนะให้ได้!!!” ป๋ายเสี่ยวฉุนคำรามเดือดดาล เข้ามาใกล้ในพริบตาเดียว เท้าซ้ายพลันยกขึ้น ใช้เรือนกายของมนุษย์หินกระทืบลงไปบนแขนทั้งสองข้างที่กลายมาเป็นน้ำแข็งของรูปปั้นกงซุนหว่านเอ๋อร์!
นี่คือพลังเรือนกายของวิชาอมตะมิวางวาย หลังจากถูกคาถาคนขุนเขาขยายให้ใหญ่ขึ้นก็เพิ่มความแกร่งกร้าวด้วยชนาเขย่าภูเขา ทั้งยังแฝงเร้นไว้ด้วยพลังผนึกมิวางวาย รวมตัวกันออกมาเป็น…การโจมตีดับทำลาย!
เมื่อเสียงกัมปนาทดังเกริกก้อง เมื่อฝ่าเท้าของป๋ายเสี่ยวฉุนเหยียบลงไป ตลอดทั้งสายรุ้งสีครามก็สั่นคลอนอย่างรุนแรง วินาทีที่แขนสองข้างของรูปปั้นกงซุนหว่านเอ๋อร์ซึ่งยกขึ้นมาสกัดขวางปะทะกับเท้าซ้ายของป๋ายเสี่ยวฉุนก็พลันแตกไล่ไปทีละชุ่นแล้วระเบิดตูมออกในท้ายที่สุด ทำให้เท้าข้างนั้นของป๋ายเสี่ยวฉุนบุกทลายทุกอย่างสิ้นราบเป็นหน้ากลองจนมาปรากฏอยู่ตรงหน้าอกของรูปปั้นกงซุนหว่านเอ๋อร์โดยตรง!
หน้าอกของรูปปั้นกงซุนหว่านเอ๋อร์ยุบยวบลงไปตามฝ่าเท้าที่กระทืบลงมา รอยปริแยกกระจายไปทั่วทั้งร่างก่อนที่จะระเบิดตูม ทว่านางกลับยังไม่ตาย แต่รีบถอยหลังไปอย่างรวดเร็ว เพราะอย่างไรซะนอกร่างของนางก็มีชั้นน้ำแข็งปกป้องเอาไว้ ป๋ายเสี่ยวฉุนแค่ทำให้ชั้นน้ำแข็งแตกทลายเท่านั้น ถึงแม้ว่าตัวรูปปั้นของนางเองก็ได้รับบาดเจ็บสาหัส ทว่ากลับยังคงมีความเร็วที่น่าตะลึงดังเดิม
แต่ชั่วขณะที่รูปปั้นของกงซุนหว่านเอ๋อร์ถอยกรูดออกไปนั้น ป๋ายเสี่ยวฉุนเองก็คำรามอู้เข้าหา อาศัยเสี้ยวเวลาที่หลงเหลืออยู่ของร่างมนุษย์หินระเบิดชนาเขย่าภูเขาอีกครั้ง เท้าซ้ายกระทืบลงไปบนพื้นอย่างแรง ทำให้ความเร็วทะยานพรวดขึ้นไปอีกครั้ง แล้วเขาก็บังคับร่างมนุษย์หินให้ยกมือขวาใหญ่ยักษ์ขึ้นมา นิ้วโป้งและนิ้วชี้ที่กางออกพลันมีประกายแสงสีดำเปล่งวาบ
กระโจนพรวดเข้าใส่กงซุนหว่านเอ๋อร์อย่างว่องไวแล้วบีบลงไปที่ลำคอของนางอย่างแรง!
นั่นก็คือ…ตรวนสลายลำคอ!
เมื่อเสียงอึกทึกดังกังวาน เมื่ออยู่ภายใต้การโจมตีของตรวนสลายลำคอ ในที่สุดรูปปั้นของกงซุนหว่านเอ๋อร์ก็ไร้เรี่ยวแรงใดให้ต้านทาน แตกทลายลงอย่างสมบูรณ์แบบ…
ทำลายมนุษย์น้ำแข็ง หักคอรูปปั้น ทุกขั้นตอนคล่องแคล่วปราดเปรียว รวดเร็วราวสายฟ้าแลบ ไม่มีติดขัด ไร้การหยุดชะงัก!
เมื่อรูปปั้นพังทลายลง ห่างออกไปไม่ไกลก็มีแสงนำส่งเส้นหนึ่งลอยดิ่งลงมา แค่เหยียบเข้าไปในแสงนำส่งนั้นก็สามารถไปจากที่แห่งนี้ เข้าไปสู่…สายรุ้งสีม่วง!
ขณะเดียวกัน เวลาในการร่ายคาถาคนขุนเขาของป๋ายเสี่ยวฉุนก็หมดลง ร่างมนุษย์หินหายวับไป เผยให้เห็นเรือนกายเดิมของเขาที่ใบหน้าซีดขาว ร่วงดิ่งลงมาจากกลางอากาศ พยายามฝืนตัวให้ยืนอย่างมั่นคงบนพื้น แต่กลับกระอักเลือดสดติดต่อกันถึงสามคำอย่างมิอาจควบคุมได้ ความอ่อนระโหยโรยแรงแสดงออกมาจากทั่วร่างของเขา ทว่านัยน์ตากลับยังคงมีความยึดมั่นดึงดัน ทำให้ทุกคนที่มองเห็นใจแกว่ง
“เขา…ชนะแล้วรึ?!!”
“รวมโอสถช่วงกลางรบกับรวมโอสถช่วงท้าย กลับยังคว้าเอาชัยชนะมาได้!!”
“สวรรค์ เขารบชนะรูปปั้นของกงซุนหว่านเอ๋อร์ก็ไม่เท่ากับว่า…เขามีสิทธิ์เหยียบเข้าไปอยู่ในสายรุ้งสีม่วง กลายมาเป็นบุคคลยิ่งใหญ่ที่ได้เลื่อนขั้นเป็นดวงดาวที่สิบบนสายรุ้งสีม่วง…ของสำนักอันตมรรคาฟ้าดารารุ่นนี้หรอกหรือ!!”
นอกกระดานเกียรติคุณอันตมรรคาฟ้าดาราอึกทึกครึกโครมกันถึงขีดสุด บัดนี้คนเกือบครึ่งหนึ่งของสำนักอันตมรรคาฟ้าดาราต่างก็ฮือฮากันขึ้นมา ระดับความดุเดือดนั้นมีมากกว่าตอนที่กงซุนหว่านเอ๋อร์ฝ่าด่านมากนัก
เสียงเอ็ดอึงฟังไม่ได้ศัพท์ เสียงร้องอุทานตกตะลึงจากคนนับไม่ถ้วนดังเป็นลูกคลื่นขึ้นๆ ลงๆ อยู่ในสำนักอันตมรรคาฟ้าดาราแห่งนี้ โดยเฉพาะบนสายรุ้งแดนฟ้าก็ยิ่งเป็นเช่นนี้ เพราะอย่างไรซะป๋ายเสี่ยวฉุนก็มาจากสายรุ้งแดนฟ้า เสียงไชโยโห่ร้องด้วยความกระตือรือร้นที่บ้าคลั่งของทุกคนที่อยู่ที่นี่จึงดังเซ็งแซ่มากกว่าที่ใด
ขณะเดียวกันนั้น ซ่งเชวียที่อยู่นอกถ้ำบนสายรุ้งแดนฟ้าก็กำหมัดแน่น สีหน้าของเขามีความซับซ้อนแฝงเร้นอยู่ ซึ่งความซับซ้อนนี้ราวกับเป็นมหาสมุทรแห่งความขมขื่นในก้นบึ้งของหัวใจเขา เขาไม่ยินดีและไม่ต้องการยอมรับว่าตัวเองสู้ป๋ายเสี่ยวฉุนไม่ได้ ทว่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่าทำให้เขาใกล้จะแตกสลายเต็มที
ส่วนพวกสวีเป่าไฉ เสินซ่วนจื่อและเฉินม่านเหยา พวกเขาเองก็ตกอยู่ในอาการตะลึงงันคล้ายถูกฟ้าผ่าหัวอยู่นานแล้ว พวกเขารู้ว่าป๋ายเสี่ยวฉุนไม่ธรรมดา แต่ไม่ว่าอย่างไรก็คาดการณ์ไม่ได้เลยว่าป๋ายเสี่ยวฉุนจะร้ายกาจมากถึงระดับนี้
นอกจากพวกเขาแล้ว บนสายรุ้งแดนฟ้ายังมีหญิงสาวอีกคนหนึ่ง นางก็คือกงซุนหว่านเอ๋อร์ นางนั่งอยู่บนก้อนหินขนาดใหญ่นอกถ้ำของตัวเอง กำลังเงยหน้ามองกระดานเกียรติคุณอันตมรรคาฟ้าดารา มองดูการต่อสู้ระหว่างรูปปั้นของตัวเองกับป๋ายเสี่ยวฉุนตลอดทุกขั้นตอน สีหน้านางแปลกประหลาดเล็กน้อย จนกระทั่งเห็นรูปปั้นของตัวเองแตกทลายลง นางกลับหัวเราะออกมา
“พี่ชายเก่งจริงๆ เลยน้า” กงซุนหว่านเอ๋อร์ปรบมือ นัยน์ตามีประกายรุบรู่เปล่งวาบ
นอกจากสายรุ้งแดนฟ้า สายรุ้งอีกสามแดนที่เหลือ เฉินเยว่ซาน จั่วเต้า ศิษย์แห่งความภาคภูมิใจผู้ยิ่งใหญ่ที่อยู่สามอันดับแรกสองคนนี้ต่างก็ตื่นตะลึงไปกับการต่อสู้ระหว่างป๋ายเสี่ยวฉุนกับรูปปั้นของกงซุนหว่านเอ๋อร์ไม่ต่างจากผู้อื่น นัยน์ตาของเฉินเยว่ซานฉายแสงเรืองรอง ส่วนจั่วเต้าผู้นั้นกลับแค่นเสียงเย็น แม้จะไม่ได้เอ่ยอะไร ทว่าในสีหน้ากลับมีความเย็นชาเย่อหยิ่งที่แสดงออกมาอย่างเด่นชัด
ส่วนพวกนักพรตก่อกำเนิดที่จับตามองศึกครั้งนี้ เวลานี้เมื่อพวกเขาหันมามองป๋ายเสี่ยวฉุนต่างก็แสดงสีหน้าประทับใจ สามารถพูดได้ว่าศึกครั้งนี้ป๋ายเสี่ยวฉุนได้ทำให้ตัวเองกลายเป็นคนที่ตลอดทั้งสำนักอันตมรรคาฟ้าดารา…ไม่มีใครไม่รู้จักอย่างแท้จริง! ทว่าขณะที่เสียงวิพากษ์วิจารณ์และเสียงฮือฮาดังขึ้นๆ ลงๆ อยู่ในสำนักอันตมรรคาฟ้าดารา ทันใดนั้นก็มีคนร้องอุทานออกมาด้วยความตกใจ
“ไม่ถูกสิ…พวกเจ้าดูป๋ายเสี่ยวฉุนสิ เขา…ดูเหมือนว่าเขาจะกำลังฝึกบำเพ็บตบะอยู่เลย!!”
“ไอความเย็น ไอความเย็นพวกนั้น…” หลังจากเสียงอุทานดังออกมาก็มีคนมากขึ้นที่มองออกถึงต้นสายปลายเหตุแล้วจึงพากันร้องเสียงหลง
ป๋ายเสี่ยวฉุนกำลังฝึกบำเพ็ญตบะอยู่จริง นี่ไม่ใช่ความต้องการของเขา แต่เป็นเพราะว่าเมื่อรูปปั้นของกงซุนหว่านเอ๋อร์พังทลายลง ไอความเย็นที่อยู่ในสายรุ้งสีครามนี้ก็คล้ายว่าสูญเสียต้นกำเนิดจึงพุ่งทะยานเข้าหาป๋ายเสี่ยวฉุน
พริบตาเดียวไอความเย็นพวกนั้นก็ไหลทะลักทลายเข้ามาใกล้ ไม่ว่าป๋ายเสี่ยวฉุนยินดีหรือไม่ พวกมันก็ลอดทะลุทะลวงไปตามรูขุมขนแล้วบุกเข้าพรวดไปในร่างของเขา พอผสานรวมเข้ากับเส้นชีพจรก็ไหลเวียนไปทั่วร่าง สุดท้ายจึงพากันห้อดิ่งมายัง…ยาอายุวัฒนะวิถีฟ้าของป๋ายเสี่ยวฉุน!
ไอความเย็นของที่นี่เข้มข้นมากเกินไป เวลาแค่ชั่วพริบตาเดียวไอความเย็นนี้ก็ไหลกรากแล้วก่อตัวกันกลายมาเป็นน้ำวนขนาดยักษ์หนึ่งลูก ซึ่งป๋ายเสี่ยวฉุนที่อยู่กลางน้ำวนลูกนี้ก็คล้ายกลายมาเป็นต้นกำเนิดใหม่ของพวกมัน!
ไอความเย็นยังคงทะลักทลายเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ตรงเข้ามาเติมเต็มอยู่ในยาสีทองของเขา ไม่นานก็เติมไปเต็มสามส่วน สี่ส่วน ห้าส่วน หกส่วน…
ไอความเย็นที่อยู่รอบด้านยิ่งลดน้อยลงไปเรื่อยๆ การไหลบ่าอย่างบ้าคลั่งของมันทำให้ป๋ายเสี่ยวฉุนสั่นเทิ้มไปทั้งร่าง อีกทั้งเขายังสัมผัสได้อย่างชัดเจนด้วยว่าตบะของตัวเองกำลังไต่ทะยานขึ้นสูงอย่างบ้าระห่ำ ก่อนหน้านี้เขาอยู่ในระดับสูงสุดของรวมโอสถช่วงกลางอยู่แล้ว มาบัดนี้เมื่อตบะไต่สูงขึ้นอย่างไม่หยุดยั้ง จึงทำให้มันพุ่งทะยานขึ้นไปหารวมโอสถช่วงท้าย!
เวลาแค่ไม่กี่ชั่วลมหายใจ ปริมาณรวมของไอความเย็นในยาอายุวัฒนะของเขาก็มีมากถึงหกส่วนครึ่งและยังคงสะสมไปอย่างต่อเนื่อง!!
ยาอายุวัฒนะสีทองของเขาเกิดจากการรวมตัวกันของมหาสมุทรวิญญาณเก้าชั้น ในมหาสมุทรวิญญาณเก้าชั้นนี้ พื้นที่หกส่วนล้วนกลายมาเป็นโลกของน้ำแข็งเย็นเยียบ และเวลานี้เอง…ร่างของป๋ายเสี่ยวฉุนก็สั่นเยือก เขาแหงนหน้าขึ้นฟ้าแล้วแผดเสียงคำรามยาว ปริมาณของไอความเย็นที่รวมอยู่ในยาอายุวัฒนะของเขาเพิ่มขึ้นมาถึง…เจ็ดส่วน!!
เมื่อปริมาณรวมของไอความเย็นจากคาถาหันเหมินเลี้ยงความคิดที่รวบรวมอยู่ในยาอายุวัฒนะไต่ไปถึงระดับสามส่วน ก็คือจุดสูงสุดของยาอายุวัฒนะช่วงกลาง!
ก่อนหน้านี้ไอความเย็นในยาอายุวัฒนะของป๋ายเสี่ยวฉุนก็กินอาณาบริเวณของในยาอายุวัฒนะไปแล้วถึงประมาณหกส่วน ทว่าตอนนี้…เมื่อมันบรรลุเพิ่มขึ้นไปเป็นเจ็ดส่วน ในสมองของเขาจึงเกิดเสียงตูมดังขึ้นหนึ่งครั้ง ตบะของเขาระเบิดออกโดยตรง ตามมาด้วยพายุคลั่งที่แผ่ซ่านไปทั่วในร่างของเขาแล้วกวาดตะลุยไปรอบด้าน
นี่คือ…ยาอายุวัฒนะช่วงท้าย!!
ทว่าทุกอย่างนี้ยังไม่สิ้นสุด ไอความเย็นรอบด้านยังคงไหลกรากเข้ามาอย่างบ้าคลั่ง ไม่นานภายใต้เสียงที่แผดยาวของป๋ายเสี่ยวฉุน ไอความเย็นของยาอายุวัฒนะก็ฝ่าทะลุจากเจ็ดส่วนไปเป็นแปดส่วน!
จนกระทั่งไอความเย็นเส้นสุดท้ายบนสายรุ้งสีครามถูกดูดเข้าไปในร่างของเขา ปริมาณรวมของไอความเย็นในยาอายุวัฒนะของเขาก็มีประมาณแปดส่วนครึ่ง และตบะของเขาก็ไต่ทะยานขึ้นไปอีกครั้ง ต่อให้ไม่ถึงระดับสมบูรณ์แบบ แต่ก็ห่างอีกไม่ไกลแล้ว ขอแค่หลังจากนี้มีปริมาณไอความเย็นเพิ่มขึ้นมาเป็นสิบส่วนเมื่อใด เขาก็คือ…ยาอายุวัฒนะขั้นสมบูรณ์แบบเมื่อนั้น!!
เมื่อตบะของเขาเพิ่มขึ้น ความทรงพลังที่แผ่ออกมาจากร่างของป๋ายเสี่ยวฉุนก็พวยพุ่งขึ้นสูงเทียมฟ้า ทำให้สายรุ้งสีครามสั่นคลอน ขณะเดียวกันดวงดาวที่เป็นตัวแทนของเขาก็ส่องแสงเจิดจ้าบาดตา!
และโลกภายนอกก็สะท้านสะเทือนกันอย่างสมบูรณ์แบบ!
“ป๋ายเสี่ยวฉุนผู้นี้ เขา…เขาถึงกับฝ่าทะลุขอบเขตหลังการต่อสู้เชียวรึ!!”
“รวมโอสถช่วงท้าย เขากลายมาเป็นรวมโอสถช่วงท้ายแล้ว!!”
“ตอนอยู่ช่วงกลางเขาก็สามารถเอาชนะช่วงท้ายได้ ตอนนี้เขากลายมาเป็นช่วงท้ายก็ไม่เท่ากับว่าสามารถต่อกรกับขั้นสมบูรณ์แบบได้เลยรึ!!”
“วาสนาเช่นนี้…เกี่ยวเนื่องกับที่เขาฝึกวิชาแห่งความเย็น ดังนั้นเมื่อเขาดูดซับเอาความเย็นจากรูปปั้นกงซุนหว่านเอ๋อร์มาจึงทำให้ฝ่าทะลุขั้นไปได้!!”