บทที่ 490 อันนี้มีได้
เวลานี้ในสมองของป๋ายเสี่ยวฉุนกำลังย้อนนึกถึงของดีๆ ทุกอย่างเท่าที่ตัวเองรู้จัก ทว่ายังไม่ทันรอให้เขานึกออกทั้งหมดก็ถูกป๋ายหลินพาบินออกมาจากที่พักของซ่งอี้ตัว
ป๋ายเสี่ยวฉุนหัวเราะหึหึ ของที่เขาพูดไปก่อนหน้านี้เป็นความโลภส่วนตัวล้วนๆ อันที่จริงแล้วแค่อีกฝ่ายเอามาให้ส่วนหนึ่งก็พอแล้ว
ยามนี้เต็มไปด้วยความพึงพอใจ เขามองป๋ายหลินที่อยู่ข้างกาย แล้วก็นึกถึงวิกฤตความเป็นความตายเมื่อครู่ขึ้นมาอีกครั้ง ป๋ายเสี่ยวฉุนจึงพลันเอ่ยปาก
“เมื่อครู่นี้ท่านถามข้าไม่ใช่หรือว่ามีวิธีการใดที่ทำให้อานุภาพเตาระเบิดเพิ่มมากขึ้น…”
“หืม?” ดวงตาทั้งคู่ของป๋ายหลินมองนิ่ง
“ก่อนหน้านี้เจ้าบอกว่าไม่มีไม่ใช่หรือ?”
“จะไม่มีได้อย่างไร มีสิ อันนี้มีได้!” ป๋ายเสี่ยวฉุนขึงตากลับ
“ก็แค่ทำให้อานุภาพของเตาระเบิดเพิ่มมากขึ้นไม่ใช่หรือ เรื่องนี้ง่ายนักล่ะ ก่อนหน้านี้ข้าเคยมีประสบการณ์ครั้งหนึ่งที่พอเตาหลอมยาระเบิดก็เกือบจะถล่มภูเขาลูกหนึ่งให้พังราบเป็นหน้ากลอง ทำให้พื้นดินของที่นั่นไหม้เกรียมไปทั้งแทบจนพืชหญ้าก็เติบโตไม่ได้!” ป๋ายเสี่ยวฉุนกัดฟันพูด
ป๋ายหลินได้ยินเช่นนี้ดวงตาก็เรืองรอง ว่ากันตามตรงแล้วเขาค่อนข้างจะชอบเรื่องเตาระเบิดมากที่สุด จึงรีบเอ่ยถาม
“ต้องการอะไรเจ้าบอกมาได้เลย!”
“ตำรับยานั้นคืออีกเรื่องหนึ่ง ที่สำคัญที่สุดคือตัวของเตาหลอมเอง ข้าต้องการเตาหลอมยาแบบเมื่อครั้งอยู่ในสำนักธาราโลหิต รายละเอียดนั้นข้ามิอาจอธิบายได้
ท่านให้คนของสำนักอันตมรรคฟ้าดาราไปที่สำนักสยบธาร ตามหาผู้อาวุโสใหญ่ของเขาเส้าเจ๋อเฟิง สอบถามให้รู้แน่ชัดแล้วค่อยให้สำนักอันตมรรคฟ้าดาราเตรียมเตาประเภทนั้นมาให้ข้า!”
“ยิ่งเตาที่พวกเขาหามาแข็งแกร่งมากเท่าไหร่ อานุภาพหลังการระเบิดก็ยิ่งมากเท่านั้น!”
“สำนักสยบธารคือสำนักของข้าเอง ขอท่านขุนพลป๋ายโปรดบอกให้คนของสำนักอันตมรรคฟ้าดาราเกรงใจกันสักหน่อย!” ป๋ายเสี่ยวฉุนเอ่ยเตือนอีกหนึ่งประโยค
“ไม่มีปัญหา!” อารมณ์ของป๋ายหลินกลับมาฮึกเหิมอีกครั้ง เขาหัวเราะฮ่าๆ ปล่อยให้ป๋ายเสี่ยวฉุนกลับไปหอกงเจี่ยเอง ส่วนตัวเขากลับหมุนตัวมุ่งหน้าไปยังที่พักของซ่งอี้ตัวอีกครั้ง
ป๋ายเสี่ยวฉุนถอนสายตากลับมา เมื่อเดินมาถึงหอกงเจี่ย อารมณ์ของเขาถึงพอจะสงบลง ฟื้นตัวจากวิกฤตความเป็นความตายก่อนหน้านี้ได้บ้าง พอนึกถึงภาพที่อันตรายอย่างยิ่งยวดบนกำแพงเมืองนั้น เบื้องหน้าของป๋ายเสี่ยวฉุนก็คล้ายมีดวงตาทั้งคู่ที่เย็นเยียบเต็มไปด้วยไอสังหารของอาจารย์หลอมวิญญาณผู้นั้นลอยมา
“เพื่อสังหารข้า แดนทุรกันดารเองก็ถือว่ายอมจ่ายค่าตอบแทนไม่น้อยเลยทีเดียว…ยักษ์ชนพื้นเมืองนับร้อย ผู้ฝึกวิญญาณสามคน อาจารย์หลอมวิญญาณหนึ่งคน…”
ป๋ายเสี่ยวฉุนพึมพำ ตัดสินใจเด็ดขาดแล้วว่าต่อไปหากไม่ใช่เรื่องสำคัญจริงๆ จะไม่มีทางเข้าไปใกล้กำแพงเมืองอีกเด็ดขาด
เขาเองก็รู้ดีว่าเมื่อเตาระเบิดของตนปรากฏขึ้น โดยเฉพาะหลังจากนี้ที่เมื่อยารวมวิญญาณถูกหลอมออกมาได้ปริมาณมาก ความเกลียดแค้นที่ผู้ฝึกวิญญาณในแดนทุรกันดารมีต่อเขาจะต้องดุเดือดมากขึ้นเรื่อยๆ เกรงว่าเมื่อถึงท้ายที่สุดค่าหัวของตนในแดนทุรกันดารก็คงไต่ไปถึงระดับที่เกินคาดคิดแล้ว
นึกมาถึงตรงนี้ป๋ายเสี่ยวฉุนก็รู้สึกเย็นวาบไปทั้งใจ เริ่มหวาดกลัวน้อยๆ และก็กลัดกลุ้มอย่างมาก
“ข้าเองก็ไม่อยากทำเหมือนกันนะ แต่ช่วยไม่ได้นี่ พวกเราอยู่กันคนละฝ่าย”
ป๋ายเสี่ยวฉุนถอนหายใจ ครุ่นคิดว่าอีกสิบปีให้หลังตนก็กลับไปแล้ว นั่นถึงได้ทำให้เขาพอจะคลายใจลงบ้าง
“ไม่สนแล้ว อย่างไรซะอีกสิบปีให้หลังข้าก็ไปจากที่นี่แล้ว ตอนนี้ที่สำคัญที่สุดนอกจากคุณความชอบในการรบก็คือช่วงชิงเวลาให้ตัวเองบรรลุถึงยาอายุวัฒนะขั้นสมบูรณ์แบบโดยเร็วที่สุด และการฝึกวิชาอมตะมิวางวายก็ต้องถึงขีดสุด มีเพียงวิธีนี้เท่านั้นถึงจะยิ่งมั่นคงมากขึ้น” ป๋ายเสี่ยวฉุนกัดฟัน พอกลับมาถึงหอกงเจี่ยก็ปิดด่านอีกครั้ง เริ่มฝึกบำเพ็ญตบะทันที
ไม่นานเวลาเจ็ดวันก็ผ่านไป ก็ไม่รู้ว่าป๋ายหลินและซ่งอี้ตัวติดต่อกันอย่างไร…เมื่อวันที่แปดมาถึง สำนักอันตมรรคฟ้าดาราจึงเปิดใช้ค่ายกลนำส่งเพื่อส่งทรัพยากรสำหรับใช้ในสงครามชุดแล้วชุดเล่ามาให้จนหมดอย่างไม่เสียดายค่าตอบแทน
เมื่อถึงยามเที่ยงวัน ป๋ายหลินก็มาเยือนตัวเอง
เขายืนอยู่กลางลานที่พักของป๋ายเสี่ยวฉุน โบกมืออย่างแรงหนึ่งครั้ง ทันใดนั้นเตาหลอมยาหนึ่งพันเตาก็ปรากฏตูมตามขึ้นมากลางอากาศ ก่อนจะร่วงลงสู่พื้นดิน
ตามมาด้วยถุงเก็บของหลายใบที่ทยอยกันปรากฏตัว ป๋ายหลินสูดลมหายใจเข้าลึก โบกมืออีกครั้ง คราวนี้มีเตาหลอมยาขนาดพอร้อยจั้งร่วงลงมาจากท้องฟ้าอย่างน่าตื่นตกใจ เมื่อกระแทกลงบนพื้นพร้อมเสียงดังสะเทือนเลือนลั่น แผ่นดินก็สั่นไหวอยู่หลายที
ฝุ่นผงคลุ้งตลบไปทั่วด้าน พลานุภาพสยบมหาศาลระลอกแล้วระลอกเล่าแผ่ออกมาจากเตาหลอมยาสิบใบที่มากพอจะทำให้คนมองประหวั่นพรั่นพรึงนี้ ทำเอาพวกจ้าวหลงที่อยู่รอบด้านเบิกตากว้าง สูดลมหายใจเฮือกๆ ติดต่อกัน
“นี่…นี่คือเตาหลอมยารึ?”
“สวรรค์ ข้าไม่เคยเห็นเตาหลอมยาใหญ่ขนาดนี้มาก่อนเลย!!”
“นี่มันเตาหลอมยาที่ไหน ที่มันอาวุธยิ่งใหญ่ชัดๆ พวกเจ้าดูเนื้อของมันสิ นั่นทำมาจากเหล็กอุกกาบาตทะเลลึกที่ใช้สร้างเรือดับก่อกำเนิดเชียวนะ!” ท่ามกลางเสียงเอะอะของคนมากมาย ป๋ายเสี่ยวฉุนเองก็ตื่นขึ้นจากการเข้าฌาน หลังจากเดินออกมาจากในหอเรือน มองเห็นเตาเหล่านั้น ต่อให้เป็นเขาเองก็ยังสูดลมหายใจเฮือกใหญ่ด้วยความตะลึง
“เป็นอย่างไร!” ป๋ายหลินหัวเราะฮ่าๆ สีหน้าภาคภูมิใจอย่างยิ่ง คราวนี้เพื่อนำทรัพยากรเหล่านี้มาเขาถึงขนาดวิงวอนต่อท่านปู่ของตัวเอง ใช้วิธีการทั้งหมดที่มี ถึงได้ระดมพลังของตลอดทั้งสำนักอันตมรรคฟ้าดารา ใช้กำลังของโลกแห่งการบำเพ็ญเพียรแม่น้ำตะวันออกช่วยกันรวบรวมสุดยอดเตาหลอมยาสิบเตานี้ขึ้นมา
และในเจ็ดวันนี้สำนักสยบธารเองก็ตื่นตะลึงกันอย่างถึงขีดสุด เมื่อทูตของสำนักอันตมรรคฟ้าดาราไปเยือนด้วยความมีมารยาท การพูดคุยกันก็ค่อนข้างมาก ข่าวคราวของป๋ายเสี่ยวฉุนจึงแพร่ไปเข้าหูสำนักสยบธาร ทำให้คนทั้งสำนักฮึกเหิมกันสุดประมาณ
“และยังมีของพวกนี้ นี่คือพืชหญ้าที่เจ้าต้องการ ซึ่งถือเป็นขีดสุดความสามารถที่ข้าทำได้แล้ว…” ป๋ายหลินชี้ไปยังถุงเก็บของมากมายที่วางอยู่บนพื้น
ดวงตาของป๋ายเสี่ยวฉุนเต็มไปด้วยความกระตือรือร้นอันเร่าร้อน รุดหน้าเข้ามาใกล้ หลังจากตรวจสอบถุงเก็บของเหล่านั้นแล้ว หัวใจของเขาก็เต้นรัวเร็วมากขึ้นเรื่อยๆ พอถึงท้ายที่สุดหน้าของเขาก็แดงปลั่ง ดวงตาเผยความตื่นเต้นดีใจ
แม้จะไม่มียาก่อกำเนิด ไม่มีไฟเก้าสี ทว่ายาเทพสถิตที่ใช้รักษาบาดแผลกลับมีสิบเม็ด อีกทั้งพืชหญ้าที่เขาป๋ายเสี่ยวฉุนเสนอไปก่อนหน้านี้ ต่อให้จะไม่มีจำนวนน่ากลัวขนาดนั้น แต่กลับมีทุกอย่างครบถ้วน และพวกวัตถุที่ช่วยเพิ่มพลังชีวิตอย่างรากวิญญาณดินที่เขาใส่ใจมากที่สุดก็มีปริมาณไม่น้อย
ทั้งหมดนี้ทำให้ป๋ายเสี่ยวฉุนหน้าบานเป็นกระด้ง รีบพยักหน้าติดๆ กัน ก่อนจะเดินเร็วๆ ไปหยุดอยู่ด้านหน้าเตาหลอมยาเหล่านั้น เตาหลอมยาธรรมดาหนึ่งพันเตาเขาแค่มองแปบเดียวก็ถอนสายตากลับ หลักๆ แล้วจะตรวจสอบเตาใหญ่ร้อยจั้งสิบใบนั้นมากกว่า
หลังจากตรวจสอบอย่างละเอียดแล้ว ป๋ายเสี่ยวฉุนก็แสดงความประทับใจออกมาอีกครั้ง ระดับของเตาหลอมยาเหล่านี้ยอดเยี่ยมกว่าที่เขาเคยเห็นในยอดเขาเส้าเจ๋อเฟิงหลายเท่านัก แถมระดับความแน่นหนา รวมไปถึงค่ายกลที่สลักไว้ด้านบนก็ล้วนทำเอาป๋ายเสี่ยวฉุนใจสั่นรัวไปหมด
“เสี่ยวฉุน ของที่เจ้าต้องการต่างก็ได้มาเกือบหมดแล้ว ของอื่นๆ ที่เหลือเจ้าให้เวลาข้าอีกหน่อย ขอข้าหาวิธีการก่อน ตอนนี้เรื่องเร่งด่วนที่สุดก็คืออีกไม่กี่เดือนจากนี้จะเกิดสงครามครั้งใหญ่ขึ้น!”
“ดังนั้นเวลาของเจ้าจึงเหลืออีกไม่มากแล้ว ต้องพยายามหลอมยารวมวิญญาณและอาวุธร้ายกาจสิบชิ้นนี้ออกมาให้ได้โดยเร็วที่สุด!” ป๋ายหลินสีหน้าเคร่งขรึม หลังจากพยักหน้าให้ป๋ายเสี่ยวฉุนก็ไม่ได้อยู่นาน หมุนกายได้ก็จากไปทันที
ป๋ายเสี่ยวฉุนถูมือเข้าหากัน ดวงตาทั้งคู่เปล่งประกาย เดินวนรอบเตาใหญ่ทั้งสิบนี้อยู่สองรอบ ดวงตาก็ยิ่งสุกใสมากขึ้นเรื่อยๆ ผ่านไปครู่ใหญ่เขาก็แหงนหน้าหัวเราะร่า
“จ้าวหลง หลิวลี่ พวกเจ้าหนึ่งร้อยคนช่วยข้า ครั้งนี้พวกเราจะมาหลอมสุดยอดยาใหญ่ยักษ์แบบที่ไม่เคยมีมาก่อน!” ป๋ายเสี่ยวฉุนออกคำสั่งประโยคเดียว ร้อยคนที่เป็นลูกน้องเขาก็รีบรับคำทันที ไม่นานภายใต้ข้อเรียกร้องของป๋ายเสี่ยวฉุน เตาใหญ่ทั้งสิบก็จัดวางเรียงไว้ในแนวเดียวกัน รอบด้านของพวกมันก็คือเตาหลอมยานับพันใบที่ตั้งตระหง่านล้อมพวกมันเอาไว้เป็นวงกลม
ทว่าเตาหลอมยาเหล่านี้มีมากเกินไป ลานที่พักใหญ่ไม่พอ ป๋ายเสี่ยวฉุนโบกมือหนึ่งครั้ง นักพรตใต้บังคับบัญชาของเขาก็รื้อถอนลานกว้างรอบด้านที่ไม่มีคนอยู่อาศัยมานานแล้วออกไปทันที ทำให้พื้นที่ขยายใหญ่ขึ้น สุดท้ายกลายมาเป็นพื้นที่ที่มีรัศมีหมื่นจั้ง นั่นถึงทำให้จัดวางวางเตาทั้งหมดได้
ที่หลอมเป็นอันดับแรกคือเตาใหญ่ร้อยจั้งสิบใบนั้น ป๋ายเสี่ยวฉุนวางแผนไว้แล้ว รู้ว่าเตาใหญ่ทั้งสิบนี้ไม่ธรรมดา ดังนั้นจึงไม่เพียงใช้ผลึกอัคคีเพิ่มมากขึ้นกว่าเวลาปกติหลายสิบเท่า ทั้งยังโยนผลึกอัคคีไม่น้อยเข้าไปในเตาหลอมยาด้วย จากนั้นจึงใส่พืชหญ้าจำนวนมากที่สามารถช่วยให้อากาศถ่ายเทได้ในภาวะความร้อนสูงลงไป พืชหญ้าทุกชนิดต่างก็ถูกโยนเข้าไปในอันตรายส่วนหลายร้อยชิ้น
“ก็แค่ต้องการให้เตาระเบิดไม่ใช่หรือ หลอมอย่างอื่นข้าอาจจะยังต้องคิดบ้าง ทว่าเตาระเบิด ง่ายนักล่ะ” ป๋ายเสี่ยวฉุนเดินไปเดินมารอบเตาหลอมยาใบใหญ่ทั้งสิบด้วยความมั่นใจ คอยใส่พืชหญ้าลงไปอย่างต่อเนื่อง ทั้งยังเอายารวมวิญญาณที่ก่อนหน้านี้หลอมออกมาได้คุณภาพธรรมดาแยกกันใส่ลงไปในเตาทั้งสิบเป็นจำนวนมากอีกด้วย
และยังมียาอีกไม่น้อยที่อยู่ในถุงเก็บของของเขาซึ่งก่อนหน้านี้กินไม่ทันและตอนนี้ก็ไม่มีประโยชน์เท่าใดนัก แถมพอเขาคิดๆ ดูแล้วก็ยังโยนเอายาพิษเข้าไปไม่น้อยด้วย…
ราวกับรู้สึกว่าอานุภาพยังด้อยไปหน่อย ป๋ายเสี่ยวฉุนจึงกัดฟันกรอด เปิดถุงเก็บของ หยิบเอายาประหลาดมากมายที่ตั้งแต่เขาเริ่มหลอมยามาจนถึงทุกวันนี้ก็ยังเก็บไว้ไม่กล้ากินออกมา ก่อนจะใส่ลงไปทุกเตาในปริมาณมาก…
จนถึงท้ายที่สุด ตัวเขาเองก็ยังไม่รู้ว่าเตาหลอมยาใหญ่ทั้งสิบใบนี้จะหลอมยาประหลาดอะไรออกมาได้ สรุปก็คือพืชหญ้าทุกชนิดที่สามารถเพิ่มฤทธิ์ยาให้พลุ่งพล่าน ทำให้ฤทธิ์ยาไม่มั่นคง ล้วนถูกเขาโยนลงไปหมด
ก่อนที่เขาจะปัดมือตัวเองอย่างพึงพอใจ
“พอประมาณแล้ว” ป๋ายเสี่ยวฉุนมองเตาใหญ่ทั้งสิบ นัยน์ตาก็เผยแววรอคอย เขาเองก็อยากรู้มากว่าสุดท้ายแล้วหากเตาทั้งสิบนี้ระเบิดออกมาจริงๆ ยาที่ออกมาจะมีลักษณะเช่นไร
ทำสิ่งเหล่านี้เสร็จสิ้น ป๋ายเสี่ยวฉุนก็พักผ่อนอยู่ชั่วครู่ แล้วจึงเริ่มยุ่งวุ่นวายกับเตาหลอมยานับพันที่อยู่รอบด้านอีกครั้ง