Skip to content

A Will Eternal 663

บทที่ 663 กลัวแต่ไม่อ่อนแอ

“ป๋ายฮ่าว!”

“จะอย่างไรเจ้าก็เป็นคนของตระกูลป๋ายข้า มอบตัวราชาผียักษ์มา ด้วยคุณความชอบครั้งใหญ่นี้ เจ้าจะได้กลายเป็นประมุขตระกูลของรุ่นนี้!” บนท้องฟ้า บุรพาจารย์ตระกูลป๋ายเอ่ยเนิบช้าด้วยน้ำเสียงดังกังวาน กดทับเสียงฟ้าผ่าของบุรพาจารย์ตระกูลไช่ไปเสียสิ้น

นัยน์ตาของบุรพาจารย์ตระกูลไช่ฉายความไม่ยินยอม แต่ไม่ได้พูดอะไรอีก เห็นได้ชัดว่าก่อนหน้าที่จะมาที่นี่พวกเขามีข้อตกลงร่วมกันเรียบร้อยแล้ว และบุรพาจารย์ตระกูลเฉินก็เห็นด้วย เว้นแต่มีเพียงตัวของบุรพาจารย์ตระกูลเฉินเองเท่านั้นที่รู้ว่าไอสังหารในจุดลึกของดวงตาเขาไม่ได้ด้อยไปกว่าบุรพาจารย์ตระกูลไช่เลยแม้แต่น้อย

“คนผู้นี้…ปล่อยเอาไว้ไม่ได้ มีเขาอยู่ ในภายภาคหน้าตระกูลป๋ายย่อมต้องยิ่งใหญ่เพียงลำพัง ไม่มีใครต้านทานได้!” นี่คือการวิเคราะห์ของบุรพาจารย์ตระกูลเฉิน เขายิ่งแน่ใจว่าหากป๋ายฮ่าวหวนคืนสู่ตระกูลป๋าย นี่จะกลายมาเป็นคำพิพากษาให้กับทุกขั้วอิทธิพลในนครผียักษ์ทันที

เพราะวิธีการที่ป๋ายฮ่าวเอามาใช้กับเรื่องคราวนี้น่าตะลึงเกินไป มากพอจะเขย่าคลอนไปทั้งแดนทุรกันดาร

ป๋ายเสี่ยวฉุนกะพริบตาปริบๆ ตอนนี้ร่างเขาเกร็งแน่นไปหมด เงยหน้ามองบุรพาจารย์ของทั้งสามตระกูลที่อยู่บนท้องฟ้าด้วยหัวใจที่ตึงเครียดไม่เป็นสุข เงื่อนไขที่บุรพาจารย์ตระกูลป๋ายเสนอมาเรียกได้ว่ายอดเยี่ยมอย่างมาก เพียงแต่เขาไม่เชื่อใจอีกฝ่ายนี่นา

ท่ามกลางความเงียบงัน ป๋ายเสี่ยวฉุนก็ปลงอนิจจังอยู่ในใจไปด้วย ทว่าทันใดนั้นข้างหูของเขาก็มีเสียงร้อนรนของเจ้าเต่าน้อยที่หายหัวไปหลายวันดังขึ้นมา

“ไอ้หนูป๋ายเจ้าอย่าตกลงเด็ดขาดเชียว หลายวันที่ผ่านมานี้ใช่ว่านายท่านเต่าอย่างข้าไม่อยากออกมา แต่เพราะไม่กล้าออกมาต่างหาก สมควรตายเอ๊ย ข้ารู้สึกได้แล้วว่ามันทะแม่งๆ แล้วมันก็จริง ราชาผียักษ์…ตื่นแล้ว เขาตื่นตั้งนานแล้ว หากนายท่านเต่าอย่างข้ามองไม่ผิด ตบะของไอ้หมอนี่ต้องฟื้นคืนแล้วแน่นอน!!

เขามันเหลี่ยมจัดยิ่งนัก ไอ้หนูป๋าย ข้าคงช่วยเจ้าได้เท่านี้แหละ นี่คือครึ่งเทพเชียวนะ การที่ข้าส่งเสียงให้เจ้าครั้งนี้ต้องเตรียมการล่วงหน้านานมากถึงไม่ถูกเขาจับได้ เจ้าก็หาวิธีเอาเองแล้วกัน”

ในใจป๋ายเสี่ยวฉุนเต้นกระหน่ำอย่างบ้าคลั่ง ทว่ากลับไม่แสดงออกมาทางสีหน้า ข่มกลั้นความวู่วามที่จะหันกลับไปมองราชาผียักษ์ที่ตนแบกไว้ข้างหลัง ดวงตาเขากลอกหนึ่งครั้งอย่างที่ไม่มีใครสังเกตเห็น ไม่นานบนร่างก็เริ่มมีปณิธานแห่งบุรุษเลือดเหล็กผู้องอาจแผ่อวลขึ้นมา ในดวงตาทั้งคู่ของเขาก็ยิ่งค่อยๆ เผยให้เห็นเส้นเลือดฝอย ร่างทั้งร่างเหมือนหมาป่าเดียวดายที่หยัดยืนอย่างแข็งแกร่ง

“ไม่ต้องพูดแล้ว นับตั้งแต่วันที่ข้าป๋ายฮ่าวเดินออกมาจากตระกูลป๋ายก็สาบานไว้แล้วว่าชีวิตนี้จะไม่มีทางหวนกลับตระกูลป๋ายอีกเด็ดขาด! แม้ป๋ายของพวกเจ้ากับแซ่ของข้าจะเป็นคำเดียวกัน ทว่าความหมายกลับต่างกันอย่างสิ้นเชิง!” ป๋ายเสี่ยวฉุนสะบัดปลายแขนเสื้อแล้วพลันเอ่ยขึ้นด้วยเสียงแหบพร่าที่คล้ายแฝงไว้ด้วยความเด็ดเดี่ยวและเหี้ยมเกรียม

“ราชาผียักษ์มีบุญคุณใหญ่หลวงต่อข้า คือพี่ใหญ่ของข้า ข้ารับปากเขาไว้แล้วว่าจะปกป้องเขาหนึ่งเดือนก็ต้องทำตามสัญญาให้ได้!”

“พวกเจ้าต้องการตัวราชาผียักษ์ก็ต้องเดินข้ามศพของข้าป๋ายฮ่าวไปก่อน!”

ป๋ายเสี่ยวฉุนตะโกนดังลั่น ประโยคนี้เปี่ยมไปด้วยความกล้าหาญไร้เกรงกลัว ดั่งความภาคภูมิใจได้ฝังลึกล้ำลงไปในกระดูก หากเปลี่ยนมาเป็นคนที่ไม่รู้จักป๋ายเสี่ยวฉุนย่อมต้องถูกเขย่าคลอนจิตใจเพราะความเที่ยงธรรมเกรียงไกรนี้ของเขาอย่างแน่นอน

“ข้าป๋ายฮ่าวต่อให้ต้องตายก็ไม่มีทางปล่อยมือจากพี่ใหญ่ราชาผียักษ์ของข้าเด็ดขาด!! ในนครผียักษ์ ข้าไม่ยอมแพ้ ที่นี่ ข้าก็ยิ่งไม่ยอมแพ้!!” ตอนที่ประโยคนี้ดังออกมา ตบะบนร่างของป๋ายเสี่ยวฉุนก็ระเบิดตูม แบกราชาผียักษ์ไว้บนหลังแล้วถอยกรูด ทว่าในใจกลับลำพองอย่างยิ่ง เขารู้สึกว่าคำพูดนี้ของตัวเองกล่าวได้อย่างหมดจดงดงาม ราชาผียักษ์ได้ยินแล้วก็น่าจะซาบซึ้งใจกระมัง

ขณะเดียวกันในใจเขาก็เริ่มหวาดหวั่น ไม่ได้กลัวสามคนฟ้า แต่กลัวราชาผียักษ์ เพราะอย่างไรซะก่อนหน้านี้ตนก็ล่วงเกินราชาผียักษ์ไว้ไม่น้อย…

โดยเฉพาะนึกถึงภาพความสะใจที่ตนได้ตบหัวของอีกฝ่าย ป๋ายเสี่ยวฉุนก็ใจสั่น

บนท้องฟ้า บุรพาจารย์สามตระกูลพลันเงียบกริบ ใบหน้ายักษ์ของบุรพาจารย์ตระกูลไช่พร่าเลือนไปอย่างรวดเร็ว ร่างจิตวิญญาณของเขาเดินออกมาจากกลางหว่างคิ้วของใบหน้านี้ ก้าวเดียวก็พุ่งเข้าใส่ป๋ายเสี่ยวฉุน แถมริมฝีปากทั้งคู่ยังสั่นระริก ก่อนที่สายฟ้ารอบด้านจะฟาดเข้าหาป๋ายเสี่ยวฉุนในชั่วพริบตา

สายฟ้าเหล่านั้นเหมือนเชื่อมโยงเข้าด้วยกันกลายมาเป็นลูกสายฟ้าขนาดใหญ่ยักษ์ลูกหนึ่ง พลังอำนาจน่าครั่นคร้าม ทุกที่ที่ผ่าน ความว่างเปล่าบิดเบือนราวกับถูกเผาไหม้!

บุรพาจารย์ตระกูลเฉินก็ทำเช่นเดียวกัน เขาเดินออกมาจากในใบหน้าของตัวเอง เมื่อยกมือขวาขึ้น ฟ้าดินก็พลันเปลี่ยนสี ในรัศมีร้อยลี้สี่ทิศรอบด้านพลันถูกปกคลุมด้วยตราผนึกขนาดใหญ่ยักษ์ทันที!

ป๋ายเสี่ยวฉุนเดือดดาลสุดขีด รู้ว่าตัวเองไม่มีที่ให้หลบ พอเห็นลูกสายฟ้านั่นเข้ามาใกล้ เขาก็แผดเสียงคำรามดังลั่น

“ต่อให้ตายข้าก็ไม่มีทางยอมให้พวกเจ้าทำร้ายพี่ใหญ่ของข้าเด็ดขาด!!” เท้าขวาของป๋ายเสี่ยวฉุนกระทืบลงบนพื้นอย่างแรง

ท่ามกลางเสียงกัมปนาท ใต้ฝ่าเท้าของเขาเกิดเป็นหลุมลึก มือขวาวางร่างของราชาผียักษ์ลง เอาร่างตัวเองบังอยู่ด้านหน้าราชาผียักษ์ ก่อนจะกางร่มราตรีนิรันดร์ ต้านทานเต็มกำลัง

เสียงกึกก้องเขย่าคลอนท้องฟ้า พื้นดินสั่นไหวเกิดเป็นรอยปริร้าว สายฟ้าโค้งงอจำนวนนับไม่ถ้วนแผ่ไปรอบด้านราวกับจะทำให้สถานที่แห่งนี้กลายมาเป็นบ่อสายฟ้า ร่มราตรีนิรันดร์หักเบี้ยว ส่วนป๋ายเสี่ยวฉุนที่อยู่ด้านหลังก็กระอักเลือดออกมาคำใหญ่ ตลอดทั้งร่างแทบจะพังทลายลงมา โดยเฉพาะกระดูกของเขาที่แตกร้าวหลายส่วน ทว่าเขากลับกัดฟันคว้าตัวราชาผียักษ์ถอยกรูดอย่างรวดเร็ว

หนีไปพลางควบคุมไม่ให้ตัวเองกระอักเลือด สีหน้าของป๋ายเสี่ยวฉุนเผยความสิ้นหวัง ก้มหน้าลงมองราชาผียักษ์ ก่อนจะพึมพำด้วยเสียงที่มีเพียงราชาผียักษ์ซึ่งอยู่ข้างกายเขาเท่านั้นที่ได้ยิน

“ทุกคนล้วนต้องตาย เมื่อเทียบกับบุญคุณที่พี่ใหญ่มอบให้ข้าแล้ว ความตาย…จะไปสำคัญอะไร!!” สีหน้าสิ้นหวังของป๋ายเสี่ยวฉุนมีความบ้าคลั่งแฝงเร้นอยู่

“ข้าเกลียดก็แต่ตบะของตัวเองอ่อนแอมากเกินไป แค้นที่ตนมิอาจทำตามคำสัญญาที่ให้ไว้กับพี่ใหญ่ได้!!” ป๋ายเสี่ยวฉุนแหงนหน้าคำรามดัง ทว่าในใจกลับสั่นสะท้านด้วยความร้อนรน บอกกับตัวเองว่าแค่นี้คงได้แล้วกระมัง หากยังเป็นอย่างนี้ต่อไป ชีวิตน้อยๆ ของตนคงจบเห่แน่นอน

การโจมตีเมื่อครู่นี้เขาทุ่มสุดกำลังแล้ว แถมยังใช้ร่างจำแลงในกายด้วยถึงได้พอรอดมาได้อย่างกล้อมแกล้ม เขารู้ดีว่านี่เป็นเพราะบุรพาจารย์ตระกูลไช่เหลือเพียงแค่จิตวิญญาณเท่านั้น ดังนั้นอานุภาพของการโจมตีนี้จึงอ่อนแอลงไปเยอะมาก แต่หากเป็นการลงมือของบุรพาจารย์ตระกูลเฉินและตระกูลไช่ ด้วยสภาพของตนในยามนี้ย่อมรับไม่ไหวแน่นอน

“เจ้าราชาผียักษ์นี่จะดูละครไปถึงเมื่อไหร่ หากเขายังไม่ลงมืออีก ข้าตาย เขาก็ต้องตายเหมือนกัน…” ในใจป๋ายเสี่ยวฉุนใกล้จะร้องไห้เต็มแก่

บนท้องฟ้า บุรพาจารย์ตระกูลป๋ายแอบถอนหายใจอยู่กับตัวเองหนึ่งที ในใจให้รู้สึกเสียดายนัก ทว่าเขาเองก็เป็นคนโหดเหี้ยมอยู่แล้ว ในเมื่อป๋ายฮ่าวไม่รู้จักกลัวตาย เขาจึงไม่เกลี้ยกล่อมอีก หมัดใหญ่ยักษ์ของเขาพลันถูกเหวี่ยงจากกลางอากาศลงมาสู่พื้นดิน

“ถ้าอย่างนั้น เจ้าก็ตายซะเถอะ!”

ตูม!

เสียงกัมปนาทสะท้านฟ้า เงาของหมัดยักษ์ข้างหนึ่งจำแลงออกมา เหวี่ยงเข้าหาพื้นดินเสียงดังครืนครั่น ตอนที่กำลังจะเข้ามาใกล้ก็เกิดเป็นอานุภาพแห่งฟ้าดิน ราวกับว่าหมัดนี้มาแทนที่ปณิธานแห่งฟากฟ้า ควบคุมสี่ทิศ ทั้งยังดับทำลายทุกสรรพสิ่ง!

ความเร็วนั้นมีมากจนแค่พริบตาก็มาตกอยู่รอบกายป๋ายเสี่ยวฉุน ยังไม่ทันถึงพื้น แผ่นดินก็สั่นสะเทือนอย่างแรงราวกับว่าหากกระทบมาโดนเมื่อไหร่ ทุกอย่างก็ต้องพินาศวอดวาย!

วิกฤตความตายรุนแรงระเบิดขึ้นในสมองของป๋ายเสี่ยวฉุนทันที ไม่ต้องมองเขาก็เข้าใจว่าการโจมตีนี้…ตนต้านทานไม่ไหว มิอาจหลบเลี่ยง และไม่ว่าอย่างไร…ตนก็ต้องตายแน่นอน!!

“ไอ้เวรราชาผียักษ์ เจ้าคิดจะดูข้าตายจริงๆ รึ!” ป๋ายเสี่ยวฉุนตัวสั่น ร้องคำรามแหบโหยอย่างสิ้นหวังอยู่ในใจ ทว่าคำที่พ่นออกมาจากปากกลับเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง

“พี่ใหญ่ ไม่ใช่ว่าน้องชายไม่รักษาสัญญา แต่ข้าทำไม่ได้จริงๆ ยามนี้สิ่งเดียวที่ทำได้ก็คือไปยมโลกพร้อมกับพี่ใหญ่!”

ป๋ายเสี่ยวฉุนหัวเราะเศร้าสร้อย เงยหน้ามองเงาหมัดใหญ่ยักษ์ที่เหวี่ยงตูมลงมา เมื่อความหวาดกลัวลนลานถึงขีดสุดในใจผ่านพ้นไปตอนนี้จึงเหลือเพียงความนิ่งสงบ แม้เรือนกายจะยังสั่นเทา ทว่าใจกลับไม่ตึงเครียด ไม่หวาดกลัวอีกต่อไป เขาเข้าใจดีว่าหากเจ้าเต่าน้อยวิเคราะห์ผิด ราชาผียักษ์ยังไม่ได้ตื่นขึ้นมาจริงๆ ก็ยากที่ตนจะทิ้งอีกฝ่ายไปได้ สุดท้ายจุดจบย่อมไม่ต่างกัน ไม่ว่าอย่างไรตนก็ไม่อาจหนีพ้นเงื้อมมือของบุรพาจารย์สามตระกูลได้อีกครั้ง

“นี่ไม่ใช่การเดิมพันแล้ว แล้วก็ไม่ใช่การแสดงด้วย แม่งเอ๊ย ต่อให้ข้าผู้อาวุโสต้องตายไปจริงๆ ก็ไม่มีทางแสดงความอ่อนแอให้คนอื่นเห็นเด็ดขาด…” ป๋ายเสี่ยวฉุนพึมพำอยู่ในใจ กัดฟันพร้อมร่างสั่นเทิ้ม วางร่างของราชาผียักษ์ไว้ด้านหลังตัวเอง

เสียงตูมตามดังไม่ขาดสาย พริบตาเดียวเสียงนั้นก็เพิ่มระดับสะเทือนไปทั้งฟ้าดิน ก่อนที่หมัดยักษ์นั่นจะกลบทับเรือนกายของป๋ายเสี่ยวฉุนเอาไว้ พื้นดินสั่นไหว หลุมลึกขนาดมหึมาแผ่กระจายไปอย่างรวดเร็ว จนกระทั่งเทือกเขาของที่แห่งนี้ยังกระเทือนไม่หยุด แม้แต่ความว่างเปล่ารอบด้านก็ยังคล้ายถูกเวทอภินิหารนี้ฉีกทึ้ง…

ทว่าเวลานี้เอง บุรพาจารย์ตระกูลป๋ายที่อยู่บนท้องฟ้าไม่เพียงแต่คลายใจ กลับยิ่งหน้าเปลี่ยนสีในชั่วพริบตา ร่างพลันสั่นเทิ้ม ดวงตาทั้งคู่ที่เบิกกว้างเผยความเหลือเชื่อและตะลึงพรึงเพริด ร้องอุทานเสียงหลง

“ราชาผียักษ์!!”

ไม่เพียงเขาเท่านั้นที่เป็นเช่นนี้ บุรพาจารย์ตระกูลเฉินและตระกูลไช่ที่อยู่กลางอากาศก็ล้วนตัวสั่นเยือก ในสมองดังอึงอลประหนึ่งมีสายฟ้าแสนเส้นผ่าเปรี้ยงลงมาพร้อมกัน ดวงตาของพวกเขาแข็งค้าง สายตาคาดไม่ถึงมองไปยัง…เบื้องหน้าหลุมลึกบนพื้นดิน มองไปยังเงาร่างที่ก่อนหน้านี้หมดสติอยู่ด้านหลังป๋ายเสี่ยวฉุน ทว่าตอนนี้กลับมาอยู่เบื้องหน้าป๋ายเสี่ยวฉุนแล้ว

นั่นก็คือ…ราชาผียักษ์!!

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!