Skip to content

เมษาที่รัก 1

วันที่เริ่มเขียน 21 พฤศจิกายน 2562

เมษาที่รัก

Chapter 1 เป้าหมาย

รถเบนซ์สีดำสนิทเงาวับ ติดฟิล์มทึบจนมองไม่เห็นข้างใน จอดติดเครื่องอยู่ริมทางเท้า ภายในรถมีคนอยู่สามคน สองคนนั่งด้านหน้าใส่สูทเนี้ยบเรียบกริบ อีกคนหนึ่งแต่งตัวชุดลำลองแบรนด์เนมดังทั้งตัวนั่งอยู่ด้านหลัง

“ผู้หญิงคนนั้นไงครับ” โอเวนชี้ให้เจ้านายดู เขาพูดภาษาอังกฤษ

สายตาคมสีฟ้ามองตามมือลูกน้องไปที่ผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งกำลังเดินออกมาจากซอย

“นายแน่ใจนะว่าเธอใช่ผู้หญิงที่พ่อฉันต้องการ…” มาร์คัสถาม สายตาจับจ้องผู้หญิงคนนั้นตลอดเวลา

โอเวนพยักหน้า “ชัวร์ เธอคือมิสบุญรักษ์”

มาร์คัสพยักหน้ารับรู้ เมื่อหญิงสาวเป้าหมายก้าวขึ้นแท็กซี่ เบนซ์สีดำก็ขับตามไปห่างๆ จนกระทั่งรถแท็กซี่จอดหน้าตึกแถวแห่งหนึ่งหญิงสาวก็ลงจากรถแล้วเดินเข้าไปในอาคาร

รถเบนซ์จอดเทียบริมทางเท้าเลยตึกแถวนั้นไปเล็กน้อย

“มิสบุญรักษ์ทำงานที่บริษัทนี้ เธอเป็นดีไซน์เนอร์จิวเวอร์รี่ของที่นี่ ทำงานมาสามปีแล้วครับ” โอเวนรายงาน

“นายจับตาดูเธอไว้ อย่าให้เธอรู้ตัวล่ะ” มาร์คัสสั่งแล้วก็ละสายตาจากบริษัทแห่งนั้นพยักหน้ากับคนขับรถ “โรเจอร์กลับโรงแรม”

“ครับบอส” โรเจอร์เปิดไฟเลี้ยวแล้วก็เบนรถขับกลับโรงแรม

เมษาเดินไปเสียบการ์ดเข้าบริษัท พอถึงโต๊ะทำงานก็เก็บกระเป๋าใส่ลิ้นชักแล้วก็เปิดคอม

“มาแล้วเหรอเม บอสเรียกให้ไปพบน่ะ” ซินดี้ซึ่งเป็นหัวหน้าแผนกเดินมาบอก

“บอสมีอะไรเหรอพี่ซิน?” เมษาสงสัย โดนเรียกแต่เช้าเลยวุ้ย

“ก็เรื่องงานที่เมเสนอไปเมื่อวานนี้แหละ บอสชอบมากเห็นว่างานนี้จะให้เมคุมเลยนะ”

“จริงเหรอ?” เมษาดีใจ

“จริงซิ เมรีบไปเถอะเดี๋ยวบอสรอนาน” ซินดี้บอกแล้วก็เดินไปชงกาแฟ

เมษารีบเดินไปทันที พอถึงห้องทำงานบอสยังไม่ทันพูด เลขาหน้าห้องก็บอกว่า “บอสรออยู่รีบเข้าไปเลยจ้ะน้องเม”

“ค่ะพี่นก” เมษาพยักหน้าแล้วก็เคาะประตูห้อง ก็อกๆ

เสียงคนในห้องตอบออกมา “เข้ามา”

เมษาเปิดประตูเข้าไป ยกมือไหว้ “สวัสดีค่ะบอส”

“มาๆ อาเม ลื้อนั่งเลย” วัชระกวักมือพูดแบบคนไทยเชื้อสายจีน

“ขอบคุณค่ะบอส” เมษาเดินไปนั่งที่เก้าอี้

“เรื่องงานที่ลื้อเสนอเมื่อวาน อั๊วต้องการให้ลื้อคุมตั้งแต่ออกแบบจนถึงผลิตเลยนะ เดี๋ยวลื้อเอาการ์ดนี่ไปฝ่ายผลิตนะ ลื้อไปคัดเพชรคัดพลอยตามแบบที่ลื้อเสนอได้เลย เอาให้ถูกใจคุณซาฟีน่าที่สุดล่ะ ส่วนเรื่องงบคุณซาฟีน่าสู้ราคาเต็มที่” วัชระเลื่อนการ์ดกับแฟ้มงานให้

“ขอบคุณค่ะบอส เมจะทำให้ดีที่สุดค่ะ” เมษารีบพนมมือไหว้

วัชระยิ้มให้แล้วก็โบกมือ

เมษาหยิบแฟ้มงานกับคีย์การ์ดแล้วก็ลุกออกไป

“เป็นไงมั่งน้องเม?” กรกนกกระซิบถามทันที

“ผ่านฉลุยเลยพี่นก” เมษาดีใจยิ้มหน้าบาน ชูคีย์การ์ดในมือให้ดู

กรกนกดีใจด้วย “พี่ดีใจด้วยจ้า”

เมษายิ้มตอบแล้วก็ถือการ์ดเดินลงไปชั้นล่างซึ่งเป็นแผนกผลิตเครื่องประดับของบริษัท พอถึงประตูทางเข้าแผนกก็แตะคีย์การ์ดกับประตู พอเดินเข้าประตูไปแล้วก็ต้องผ่านด่านตรวจรักษาความปลอดภัยอันเข้มงวดพร้อมทั้งเปลี่ยนเสื้อผ้ารองเท้าตามกฎของบริษัทในการเข้าสู่แผนกผลิต

ทำงานมาตั้งสามปีเพิ่งจะมีโอกาสเข้ามาในแผนกนี้เป็นครั้งแรกก็ตื่นเต้นมากหน่อย พอออกจากห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าก็เจอหัวหน้าแผนกยืนรออยู่แล้ว เธอรีบยกมือไหว้ “สวัสดีค่ะ”

“หวัดดี” วราวุธหัวหน้าแผนกตอบห้วนๆ แล้วก็พยักหน้า “ลื้อเรียบร้อยแล้วก็ตามมาทางนี้ซิ”

“ค่ะ” เมษาพยักหน้าแล้วก็เดินตัวลีบตามหัวหน้าแผนกไป ซึ่งหัวหน้าแผนกเป็นน้องชายของบอสนั่นเอง

“ลื้อนั่งรอนี่นะ เดี๋ยวอั๊วเอาเพชรเอาพลอยมาให้ลื้อคัดตรงนี้” วราวุธชี้ที่โต๊ะคัดเพชรแล้วก็เดินไปเปิดตู้เซฟ หยิบถาดใส่เพชรออกมา เขาเอาถาดวางตรงหน้าพนักงานสาวแล้วก็นั่งเฝ้าฝั่งตรงข้าม

เมษามองเพชรในถาดอย่างละลานตา แต่พอเจอสายตาดุของคนตรงข้ามก็รีบก้มหน้าทำงาน เธอนั่งคัดเพชรคัดพลอยตามแบบจนครบแล้วก็เงยหน้ามองหัวหน้าแผนก “เสร็จแล้วค่ะ”

วราวุธพยักหน้าแล้วก็เก็บถาดเพชรซึ่งเป็นถาดที่แปดแล้วกลับเข้าตู้เซฟตามเดิม เขาเดินกลับไปที่โต๊ะแล้วก็หยิบถาดใส่เพชรพลอยที่คัดมาแล้วกับแฟ้มงานเอาไปส่งให้ลูกน้อง พอหันกลับไปที่โต๊ะคัดเพชรเห็นพนักงานสาวยังนั่งอยู่ก็สั่งว่า “เสร็จแล้วก็กลับไปซิ”

“ค่ะ” เมษายิ้มเจื่อนแล้วก็รีบลุกไป

กว่าจะผ่านขั้นตอนรักษาความปลอดภัยของแผนกผลิตออกมาได้ก็ต้องเจอตรวจแล้วตรวจอีก ดีนะว่าคนตรวจเป็นผู้หญิงซึ่งก็คือภรรยาของวราวุธ ไม่งั้นล่ะก็เธอคงไม่ยอมให้ตรวจค้นแน่

พอกลับไปที่แผนก สักพักเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นเธอยกหูโทรศัพท์รับสาย “สวัสดีค่ะ”

“เม เราเองนะ” เสียงปลายสายบอก

“หวัดดีกรณ์” เมษาทักทายเสียงหวาน

“กลางวันนี้ว่างไหม ออกมาทานข้าวด้วยกันหน่อยซิ คิดถึง” ปกรณ์หยอดคำหวานแล้วก็รีบพูดว่า “เอาร้านใกล้ๆ ออฟฟิตเมก็ได้ เดี๋ยวเราไปรอที่ร้านนะ”

“เอาไว้วันอื่นได้ไหมกรณ์ คือวันนี้เรางานยุ่งมากเลยอ่ะ” เมษาตอบพลางคิดเรื่องงานอยู่ในใจ

“แต่เราไม่ได้เจอหน้าเมมาตั้งสองวันแล้วนะ ไม่สงสารเราเหรอ เราคิดถึงเมจนกินไม่ได้นอนไม่หลับเลยนะ นะเมนะ เราไม่รบกวนเวลาเมทำงานหรอก นะคร้าบ” ปกรณ์อ้อน

“ก็ได้ งั้นเจอกันที่ร้านเดิมล่ะกัน” เมษาตอบ

“งั้นเดี๋ยวเราไปรอนะ คิดถึงนะครับ รักเมนะ จุ๊บๆ” ปกรณ์บอกแล้วก็วางสายไป

เมษาวางโทรศัพท์แล้วก็คิดถึงปกรณ์ รู้จักกันมาตั้งแต่เรียนม.ปลาย ปกรณ์เป็นคนหล่อ เรียนคนละห้องกับเธอ แต่กลับไม่ค่อยมีเพื่อนมากนัก มักจะถูกเพื่อนในห้องล้อเลียนเสมอว่าเป็นเกย์ด้วยเหตุที่ว่าปกรณ์แต่งตัวสะอาดเสมอ ไม่ชอบเล่นกีฬาแบบเด็กวัยรุ่นผู้ชายทั่วไป เรียกได้ว่าปกรณ์มักจะมาขลุกอยู่กับเธอมากกว่า จนกลายเป็นความรักแบบวัยรุ่น แต่พอจบม.ปลายต่างคนต่างก็แยกย้ายกันไป ปกรณ์ไม่มีโอกาสเรียนต่อมหาวิทยาลัย จึงไปสมัครงานบริษัทแถวบ้าน ส่วนเธอก็เรียนมหาวิทยาลัยต่อ แล้วก็ได้มาทำงานที่นี่หลังเรียนจบ

หลังจากทำงานแล้วเธอก็เรียนต่อปริญญาโทวันเสาร์อาทิตย์ไปด้วย จนตอนนี้เธอจบปริญญาโทมาหมาดๆ ปีหน้าก็เข้ารับปริญญา เธอทำให้แม่ภาคภูมิใจได้แล้ว

มีบริษัทอื่นเคยมาเสนอตำแหน่งงาน ให้เงินเดือนดีกว่าที่นี่1 เท่าตัว แต่เธอก็ไม่คิดจะไปทำที่อื่นเพราะบริษัทนี้เป็นบริษัทแรกที่เปิดโอกาสให้เธอได้ทำงาน ได้มีโอกาสส่งเสียตัวเองจนเรียนจบปริญญาโท ทั้งๆ ที่วันเสาร์เป็นวันทำงาน แต่วัชระก็อนุญาตให้เธอหยุดเพื่อไปเรียนต่อได้ ใครจะว่าเธอโง่ก็ช่าง ในเมื่อเจ้านายใจดีกับเธอขนาดนี้เธอก็อยากจะตอบแทนบุญคุณให้ดีที่สุด

แล้วเธอก็เริ่มลงมือทำงานต่อ…

จนใกล้เที่ยงอิงฟ้าเพื่อนร่วมงานและเพื่อนสนิทตอนเรียนมหาวิทยาลัยก็เดินโฉบมาที่โต๊ะ

“เม เกือบเที่ยงแล้วไปกินข้าวด้วยกันนะ”

เมษาเงยหน้าจากจอคอม “ฟ้าไปเถอะ เรานัดกับกรณ์ไว้แล้วอ่ะ”

“แหมๆๆ สวีทกันจังนะแก ห่างๆ กันมั่งก็ได้หรอก เพื่อนอิจฉานะว๊อย” อิงฟ้าแซว

“สวีทไร แค่กินข้าวกลางวัน” เมษากดเซฟงานแล้วก็ปิดคอม

“แล้วจะแต่งเมื่อไหร่ล่ะ เรียนจบแล้วนี่ เพื่อนรอกั้นประตูเงินประตูทองอยู่นะเว้ย”

เมษาค้อนอย่างเขินๆ “แต่งเติ่งอะไรแก กรณ์ยังไม่เคยขอเลย”

“มันไม่ขอ แกก็ขอมันซิ คบกันมาก็ตั้งหลายปีแล้วไม่ใช่เหรอ ระวังนะเมหมามันจะ มคปด.(หมาคาบไปแดก) กรณ์มันก็เข้าขั้นหนุ่มหล่ออยู่นะ เสียอย่างเดียวท่าทางสำอางขนาดนั้นไม่รู้เป็นเก้งกวางรึป่ะ?” อิงฟ้านั่งพิงขอบโต๊ะทำงาน

“พูดงี้อีกแล้วนะฟ้า กรณ์เขาไม่ได้เป็นหรอก เขาก็เป็นแบบนี้มาตั้งแต่สมัยเรียนแล้ว ช่วงที่เราเรียนมหาลัยก็ได้ข่าวว่าเขาก็มีแฟนหลายคนเหมือนกัน พอมาเจอกันอีกที…”

“ย่ะ ไม่ต้องเล่าต่อแล้ว” อิงฟ้ารีบเบรก “มาเจอกันอีกที เขาก็ยังเป็นเพื่อนแสนดี คุยกันถูกคอ ถ่านไฟเก่ามันก็เลยคุๆๆๆ พอๆๆๆ ขี้เกียจฟังเส้นทางรักของแกล่ะ ฟังแล้วมันแสลงใจคนไม่มีแฟนว่ะ แมร่ง…ไอ้เรารึก็สวยออกขนาดนี้ ทำไมไม่มีใครมาชอบมั่งวะ? เซ็งโว้ย”

“สวยขนาดนี้ แต่ปากหมากัดไม่เลือกผู้ชายก็ขยาดนะฟ้า” ซินดี้ขยับเข้ามาเบรก

“โหย…พี่ซิน กัดฟ้าอีกแล้ว ไอ้เรารึก็ออกจะเริ่ดเลอเพอร์เฟคขนาดนี้ จะหาผัวทั้งทีถ้ามันทนปากฟ้าไม่ได้ก็อย่าไปคบแมร่งเลย ไปๆ งั้นพี่ไปกินข้าวกับฟ้าดีกว่า เมมันนัดแฟนแล้ว” อิงฟ้าคว้าแขนซินดี้แล้วก็หันไปโบกมือให้เพื่อน “ไปล่ะนะเม ไว้กลับมาค่อยเม้ากันต่อ”

เมษาพยักหน้ายิ้มให้มองตามเพื่อนกับหัวหน้าเดินออกไป เธอก็หยิบกระเป๋าสะพายขึ้นมาคล้องไหล่แล้วก็ลุกขึ้นเดินออกจากบริษัทไป

ณ ร้านอาหารร้านประจำ ปกรณ์นั่งรออยู่ที่โต๊ะ พอเห็นเมษาเปิดประตูเข้ามาก็โบกมือทักทาย “เม ทางนี้ๆ”

เมษาเดินเข้าไปหา “รอนานไหมกรณ์?”

“ไม่นาน เราเพิ่งมาถึงก่อนเมซักสิบนาที” กรณ์ยื่นเมนูให้ “เราสั่งน้ำมะพร้าวของโปรดเมให้แล้วนะ”

“ขอบใจนะ” เมษารับเมนูมาแล้วก็วาง หันไปกวักมือเรียกเด็กเสิร์ฟ

เด็กเสิร์ฟเดินเข้ามา “สวัสดีค่ะ จะรับอะไรดีคะ?”

“เอ่อ…เอาข้าวอบสับปะรดกับต้มจืดสาหร่ายค่ะ” เมษาสั่งอย่างที่ชอบแล้วก็หันไปถามปกรณ์ว่า “แล้วกรณ์สั่งอะไรรึยัง?”

“สั่งแล้ว เราสั่งกุ้งอบวุ้นเส้น ปลาทอดผัดเปรี้ยวหวานแล้วก็ต้มยำกุ้ง” ปกรณ์บอก

“สั่งมาตั้งหลายอย่าง จะกินหมดเหรอ?” แล้วเมษาก็หันไปสั่งเด็กเสิร์ฟว่า “งั้นต้มจืดสาหร่ายไม่เอาแล้วนะคะ”

เด็กเสิร์ฟขีดฆ่ารายการอาหารออกแล้วก็เดินไปวางบิลที่ห้องครัว

“ทำงานเป็นไงมั่งเหรอเม?” ปกรณ์ถาม

“เราได้คุมโปรเจ็คใหม่ด้วยล่ะ บอสให้เราคุมตั้งแต่ออกแบบจนถึงผลิตเลย วันนี้ก็เพิ่งเข้าไปฝ่ายผลิตไปคัดเพชรคัดพลอย เราก็เพิ่งเคยเข้าไปครั้งแรกเลย ตรวจเข้มตั้งแต่หน้าประตูเลยอ่ะกรณ์ ต้องเปลี่ยนเสื้อผ้าด้วย แล้วตอนออกมายังต้องเจอตรวจอีก คุณวราวุธก็ดุ๊ดุ ถึงว่าทำไมพี่ซินถึงไม่ค่อยชอบเข้าฝ่ายผลิต ตรวจซะเข้มแบบนี้นี่เอง” เมษาคุยอวด

“โห น่าอิจฉาจัง เมคงได้ดูเพชรดูพลอยสวยๆ เต็มไปหมดเลยซิ”

“อื้ม” เมษาพยักหน้ารับ “คุณวราวุธเอาออกจากตู้เซฟมาให้เราคัดทีละถาดๆ เกรด DD ทั้งนั้นเลย”

เด็กเสิร์ฟยกอาหารมาทำให้การสนทนาหยุดชะงัก

“กับข้าวมาแล้ว น่ากินทั้งนั้นเลย” ปกรณ์มองอาหารตาเป็นประกาย

“น่ากินก็ต้องกินให้หมดนะกรณ์ สั่งมาตั้งเยอะอย่าให้เหลือล่ะ” เมษาบอกอย่างเคยชิน เพราะแม่สอนว่าไม่ให้กินทิ้งกินขว้าง

“หมดอยู่แล้ว เชื่อเราซิ เราต้องยกของใช้แรงเยอะนะเม เราไม่ได้ทำงานออฟฟิตสบายๆ เหมือนเมนี่จะได้กินน้อยๆ ได้” ปกรณ์หยอกเล่นตามประสาเพื่อนสนิท

เด็กเสิร์ฟวางอาหารครบแล้วก็เดินไป ปกรณ์รีบตักกับข้าวเอาใจ “เมซิต้องกินเยอะๆ เธออ่ะผอมยิ่งกว่านางแบบแล้วนะรู้ตัวมั่งป่ะ”

“ไม่ผอมนะกรณ์ น้ำหนักขึ้นมาตั้งโลแล้ว” เมษาพูดพลางตักอาหารกิน

ระหว่างที่ทั้งสองคนคุยกัน โอเวนก็ลอบมองอยู่ตลอดเวลา เขามากับหญิงสาวคนหนึ่ง เข้ามานั่งในร้านหลังจากที่เป้าหมายเดินเข้าไปในร้าน สั่งเครื่องดื่มและอาหารมากินไปคุยกับหญิงสาวที่มาด้วยกัน สายตาก็ลอบมองเป้าหมายเกือบจะตลอดเวลาพร้อมทั้งแอบบันทึกคลิปไปด้วย

ระหว่างที่นั่งอยู่นั้นเขาก็พิมพ์ข้อความสั่งหญิงสาวที่มาด้วยกันว่า “แอนนา คุณตามมิสบุญรักษ์นะ ส่วนผมจะตามผู้ชายคนนั้นเอง”

แอนนาอ่านข้อความแล้วก็สบตาอย่างเข้าใจความหมาย แล้วก็พิมพ์ตอบกลับไปว่า “ค่ะบอส”

พอทานอาหารเสร็จ ปกรณ์ก็สั่งเช็คบิล พอเด็กเสิร์ฟเอาบิลมายื่นให้เขาก็ล้วงกระเป๋าหากระเป๋าสตาง

“หาไรเหรอกรณ์?” เมษาถามพลางหยิบกระเป๋าสตางออกมาจ่าย มากินข้าวด้วยกันทีไรเมื่อก่อนก็จะแชร์กัน แต่พักหลังๆ มาเธอต้องจ่ายเองเสมอ

ปกรณ์ทำหน้าเจื่อน “เม สงสัยเราลืมกระเป๋าไว้ที่ๆ ทำงานน่ะ เมออกไปก่อนนะแล้วเดี๋ยวครั้งหน้าเราเลี้ยงเอง”

เมษาไม่พูดอะไรเพราะเริ่มเจอมุขนี้บ่อยจนชิน เดี๋ยวก็ลืมกระเป๋าไว้ที่ทำงานบ้างล่ะ ลืมไว้ที่บ้านบ้างล่ะ ไปดูหนังด้วยกันทีไรเธอก็ต้องออกให้ตลอด บ่อยเข้าๆ เธอก็ชักจะเอือมระอาเหมือนกัน

เธอหยิบเงินจ่ายให้เด็กเสิร์ฟ

โอเวนพอเห็นเป้าหมายเรียกเช็คบิล เขาก็รีบเรียกบ้าง

“เราสัญญานะเม ครั้งหน้าเราจะไม่ลืมจริงๆ” ปกรณ์ยกมือชูสามนิ้วน้ำเสียงแข็งขัน

“จ้าๆ” เมษาพยักหน้า พยายามทำความเข้าใจแฟนหนุ่ม เพราะเขาต้องทำงานเป็นพนักงานยกของในห้าง งานมันหนักมันเหนื่อยก็ทำให้คนเราเผลอลืมกันได้ เธอเหลือบมองนาฬิกาข้อมือ พอเด็กเสิร์ฟนำเงินทอนมาให้ก็รับคืนมาเหลือแบงค์ยี่สิบไว้บนถาดหนึ่งใบเป็นทิปให้เด็กเสิร์ฟ

“ใกล้จะได้เวลาเข้างานแล้ว เราไปก่อนนะกรณ์” เธอบอกพร้อมกับลุกขึ้น จังหวะนั้นเองคีย์การ์ดประตูเข้าฝ่ายผลิตก็หล่นออกจากกระเป๋าเสื้อตกปุไปตรงหน้าปกรณ์

ปกรณ์รีบเก็บการ์ดให้ “การ์ดอะไรเหรอเม?”

“อุ้ย ตายจริง เราลืมไปเลยอ่ะ การ์ดเข้าแผนกผลิตน่ะ ต้องเอาไปคืนบอสซะด้วย” เมษาบอก แบมือรอ

ปกรณ์ตาวาวชั่วแว๊บ “โห ของสำคัญขนาดนี้ถ้าหายไปคงแย่เน้อะ” เขาขยับเข้าไปหย่อนการ์ดใส่กระเป๋าเสื้อคืนให้ “เก็บดีๆล่ะเม อย่าทำหายนะ”

“ขอบใจนะกรณ์” เมษายิ้มให้

ปกรณ์ยิ้มตอบแล้วก็เตือนว่า “มัวแต่คุย เดี๋ยวเข้างานสายนะเม”

“จ้า” เมษาโบกมือให้แล้วก็เดินออกไป

ปกรณ์มองตามจนแฟนสาวเดินลับไปแล้วก็หันไปหยิบแบงค์ยี่สิบในถาดเก็บใส่กระเป๋ากางเกง จากนั้นก็เดินออกไปขึ้นคร่อมมอเตอร์ไซด์ที่จอดอยู่หน้าร้าน ค่อยๆ บรรจงเสยผมสวมหมวกกันน็อคแล้วก็สตาร์ทรถขี่ออกไป

โอเวนรีบตามไป แต่เมื่อเห็นว่าเป้าหมายขี่มอเตอร์ไซด์ออกไปแล้ว เขาจึงได้แต่นึกเสียดายเพราะจะตามไปยังไงก็ไม่ทันหรอก เพราะเขาขับรถมา สภาพการจราจรในกรุงเทพฯเป็นยังไงใครๆ ก็รู้ บางครั้งเดินไปเองยังถึงเร็วกว่าขับรถซะอีก

แอนนาเดินตามมากระซิบเบาๆ “เราจะทำยังไงต่อไปคะ?”

“ไม่เป็นไร เราคอยตามดูมิสบุญรักษ์ต่อไป ยังไงผู้ชายคนนั้นก็ไม่ใช่เป้าหมายของเราอยู่แล้ว” โอเวนบอกแล้วก็เดินกลับไปที่ร้านคาเฟ่ติดกับบริษัท

“แต่ฉันเห็นผู้ชายคนนั้นเอาบางอย่างไป แล้วยังหยิบทิปไปอีก ช่างเป็นผู้ชายที่น่ารังเกียจจริงๆ”

“ผมก็เห็น แต่ดูเขาสองคนสนิทกันมาก คงเป็นแฟนกันล่ะมั้ง” โอเวนเดา

“ยี้ ถ้าฉันมีแฟนแบบนี้ฉันขออยู่เป็นโสดดีกว่าค่ะ” แอนนาบ่นพลางส่ายหน้า “แล้วเราต้องคอยตามดูเธอตลอดทั้งวันอย่างนี้เลยเหรอคะบอส?”

“ไม่หรอก แค่เฉพาะวันนี้เท่านั้น เย็นนี้นักสืบจะมารับช่วงต่อเอง อีกอย่างเราสองคนเป็นชาวต่างชาติมันเด่นเกินไป ผมแค่อยากให้แน่ใจว่านักสืบที่นี่จะคอยตามถูกคน แล้วผมก็อยากประมาณค่าใช้จ่ายที่จะต้องจ่ายให้นักสืบด้วย”

“แล้วบอสคิดยังไงบ้างหลังจากเห็นเธอแล้ว?”

“เขาไม่พูดอะไรเลย คุณก็รู้นี่ว่าเขาซ่อนความรู้สึกเก่งขนาดไหน”

“ค่ะฉันรู้ เขาช็อคมากหลังจากที่ได้รู้เรื่องนั้นแล้ว เป็นฉันๆ ก็คงช็อคเหมือนกันค่ะ”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!