Skip to content

I Shall Seal The Heaven Chapter 317

ตอนที่ 317

ข้าคือปักษาเซียนโบราณ

สามารถกล่าวได้ว่า ถ้าไม่มีของวิเศษชิ้นนี้ เมิ่งฮ่าวก็คงไม่มีพื้นฐานฝึกตนเช่นนี้ หรือไม่อาจจะเดินทางมายังดินแดนด้านใต้ หรือเข้าสังกัดสำนักจื่อยิ่นได้ เขาอาจจะยังคงอยู่ในแคว้นจ้าว ลอยไปพร้อมกับเต่าชราปรมาจารย์เอกะเทวะ ไปยังที่ห่างไกลที่ไหนสักแห่ง

ความทรงจำแวบผ่านจิตใจเมิ่งฮ่าว มีเรื่องราวมากมายหลายสิ่งเกิดขึ้น ตั้งแต่เขาได้ครอบครองกระจกทองแดง ซึ่งชอบรังแกสิ่งมีชีวิตที่มีขนปกคลุมร่างกายอย่างหนาแน่น ทั้งขนสัตว์ทั่วไปและขนนกต่างๆ ยิ่งไปกว่านั้น มันยังมีความสามารถที่ขัดขืนสวรรค์ในการคัดลอกเลียนแบบสิ่งของต่างๆ

ยังมีความเกลียดชังอย่างลึกล้ำที่ผีโต้งได้แสดงออกมา มันเคยเปลี่ยนร่างเป็นนกแก้วซึ่งพูดจาไร้สาระอยู่ตลอดเวลามานานแล้ว

เมิ่งฮ่าวคิดย้อนกลับไปตอนที่เขาได้ออกมาจาก การแข่งขันล่าขุมทรัพย์เซียนโลหิต ปรมาจารย์ตระกูลหลี่เกือบจะควบคุมจิตใจเขาได้แล้ว เมื่อเขากำลังจะสัมผัสหน้ากากสีโลหิต แต่เป็นเพราะเสียงนกร้องที่ดังออกมาจากกระจกทองแดง ทำให้เขาได้สติกลับคืนมาหลีกเลี่ยงคราเคราะห์ครั้งนั้นไปได้

จากนั้นก็เป็นตอนที่อยู่ในดินแดนสงบสุขโบราณ เมื่อพลังของกระจกทองแดงได้ช่วยให้เขาก้าวเท้าเข้าไปในกระถางสี่เหลี่ยมยักษ์นั้นได้ ถึงแม้เขาไม่ได้เป็นลูกหลานของเก้าครอบครัวใหญ่ในสมัยโบราณ

ทันทีที่เมิ่งฮ่าวได้บรรลุขั้นสร้างแกนลมปราณ เขาก็รู้สึกว่ากำลังมีบางสิ่งตื่นขึ้นมาจากภายในกระจกทองแดง

“นกแก้ว…” เขากล่าว ดวงตาสาดประกาย แกนลมปราณสีม่วงเริ่มหมุนวนไปมา ขณะที่เขาแผ่พุ่งพลังพื้นฐานฝึกตนออกไป ใช้เจตจำนงส่งพลังผ่านมือขวาเข้าไปในกระจก

กระจกค่อยๆ เริ่มเรืองแสงอันลี้ลับออกมา แสงนั้นเริ่มเข้มข้นมากขึ้นเรื่อยๆ และจากนั้น จู่ๆ ผีโต้งก็ลอยออกมาจากหน้ากากสีโลหิตที่อยู่ในถุงสมบัติ มันปรากฎตัวเป็นลำแสง และใบหน้าของชายชราก็โผล่ออกมา

ดวงตาของมันวาววับด้วยความดื้อรั้นและมุ่งมั่นอย่างแท้จริง ราวกับว่ามันกำลังเผชิญหน้ากับศัตรูตัวฉกาจ สีหน้ามันประกอบด้วยความเคร่งขรึมอยู่เล็กน้อย ราวกับว่ามันมีภารกิจที่ต้องเข้าร่วมทำศึกสงครามใหญ่ ซึ่งเป็นศึกที่ตัดสินโชคชะตาของดวงดาวทั้งหมด

“ปีศาจเจ้าเล่ห์, ในที่สุดเจ้าก็ปรากฎออกมา” มันกล่าว ใบหน้าเต็มไปด้วยความเคร่งขรึม “ข้ารอคอยเจ้ามาเป็นเวลานาน, นานมากแล้ว ครั้งนี้ สิ่งแรกที่เจ้าจะได้เห็นเมื่อตื่นขึ้นมาก็คือข้า ข้าต้องเปลี่ยนเจ้าให้ได้อย่างแน่นอน ข้าจะนำเจ้ากลับมาจากเส้นทางแห่งความชั่วร้าย” อันที่จริงดูเหมือนผีโต้งจะพูดจาเยิ่นเย้อน้อยลงกว่าเดิม บรรยากาศชอบอวดภูมิความรู้ค่อยๆ เริ่มเข้มข้นมากขึ้นเรื่อยๆ

โดยไม่สนใจผีโต้ง เมิ่งฮ่าวเพ่งสมาธิไปที่พื้นฐานฝึกตน ส่งพลังเข้าไปในกระจกทองแดงอย่างต่อเนื่อง ซึ่งดูเหมือนจะเป็นหลุมที่ไร้ก้น เวลาผ่านไปอย่างช้าๆ และในที่สุด เมิ่งฮ่าวก็ใช้พลังไปเกือบหกในสิบส่วน

ในตอนนี้เองที่แสงในกระจกได้ระเบิดออกมา เงาภาพภูติผีเริ่มปรากฎขึ้นเหนือพื้นผิวของกระจก

มันยังคงเลือนลางเป็นอย่างมาก

“ออกมา, ศัตรูตัวฉกาจของข้า!” ผีโต้งกล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจัง “ออกมา! พวกเราถูกกำหนดให้ต้องต่อสู้กัน ออกมา! อืม…เอ่อ, เมิ่งฮ่าว, พยายามให้มากกว่านี้อีกเล็กน้อย มันใกล้จะออกมาแล้ว!”

เมื่อได้ยินเสียงผีโต้ง ก็ทำให้เมิ่งฮ่าวจำบางสิ่งขึ้นมาได้ เขากระแอมไอเบาๆ อันที่จริง หนึ่งในเป้าหมายหลัก ที่เป็นเหตุให้วิญญาณโผล่ออกมาจากกระจก

ก็เป็นเพราะเขาต้องการจะให้มันมาขับเคี่ยวกับผีโต้ง บางทีมันอาจจะสามารถสะกดข่มการพูดจาไร้สาระของผีโต้งได้

เขาสูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ และจากนั้นก็ส่งพลังจากพื้นฐานฝึกตนของเขามากขึ้นไปอีก เจ็ดส่วน, แปดส่วน, เก้าส่วน…

ภาพที่อยู่เหนือกระจกเริ่มเห็นชัดมากขึ้น ตอนนี้เห็นได้ชัดว่ามันมีรูปร่างเป็นนก ที่มีขนสีสดใสจนดูฉูดฉาด ดวงตามันปิดอยู่ มีจงอยปากที่โค้งและมีกรงเล็บที่แหลมคม อันที่จริง รูปลักษณ์ของมันก็ไม่ได้แปลกประหลาด เหมือนที่ผีโต้งได้แปลงร่างเป็นนกแก้วก่อนหน้านี้ แต่มันกระจายกลิ่นอายของความหยิ่งผยองอันป่าเถื่อนออกมา แม้จะหลับอยู่ กลิ่นอายหยิ่งยโสนั้นก็ดูเหมือนจะพุ่งเข้ามาปะทะที่ใบหน้าเมิ่งฮ่าว

“ช่างมีกลิ่นอายปีศาจรุนแรงนัก” ผีโต้งกล่าว ตัวสั่นสะท้าน “นั่นก็คือมัน! นั่นเป็นกลิ่นอายของมัน เป็นรูปลักษณ์ของมันจริงๆ นี่คือศัตรูตัวฉกาจของข้า นี่คือภารกิจในชีวิตนี้ของข้า ข้าต้องเปลี่ยนแปลงมัน!” บรรยากาศความเคร่งขรึมกระจายออกไปรอบๆ ตัวผีโต้งหนาแน่นมากยิ่งขึ้น

ทันใดนั้น เมิ่งฮ่าวก็รู้สึกอ่อนแออยู่ด้านใน ทำให้เขาตื่นตกใจเล็กน้อย บางทีนี่คงไม่ใช่การตัดสินใจที่ดีในการปลุกเรียกวิญญาณหลังจากที่เพิ่งจะฟื้นฟูอาการบาดเจ็บ ถ้าได้รับบาดเจ็บใดๆ ในตอนนี้ เขาก็คงไม่อาจจะส่งพลังให้กับกระจกทองแดงตามที่มันต้องการได้ ซึ่งจะทำให้เขายิ่งบาดเจ็บมากยิ่งขึ้นไปอีก

เวลาผ่านไป ก่อนที่พื้นฐานฝึกตนของเมิ่งฮ่าวซึ่งถูกส่งเข้าไปในกระจกทองแดงจนใกล้จะหมดสิ้น ทันใดนั้น เสียงร้องแหลมเล็กก็ดังก้องออกมาจากภายในกระจก เป็นเสียงที่ประกอบไปด้วยความหยิ่งยโสและความเจ้ากี้เจ้าการ

เสียงของมันดังก้องออกมา จนอาจจะทำให้สิ่งมีชีวิตที่ได้ยินต้องก้มศีรษะให้ด้วยความนับถือ

ขณะที่เสียงนั้นดังขึ้น นกแก้วที่อยู่ด้านบนกระจก ทันใดนั้น ก็ลืมตาขึ้นมา แสงเจิดจ้าสาดประกายออกมา ตามด้วยกลิ่นอายที่ให้ความรู้สึกคล้ายกับปราณเซียนกระจายออกมา เต็มไปทั่วทั้งถ้ำแห่งนั้น

ความงุนงงรวมถึงกลิ่นอายโบราณปรากฎขึ้นในดวงตา เพียงครู่เดียวความหยิ่งยโสก็เข้ามาแทนที่ เห็นได้ชัดว่า ร่างกายของมันเป็นเพียงนกตัวเล็กๆ แต่ใครก็ตามที่มองมา ก็จะรู้สึกว่ามันสามารถแยกสวรรค์หั่นปฐพีให้กลายเป็นสองส่วนได้อย่างง่ายดาย

แม้แต่อากาศที่อยู่ในบริเวณนั้น ก็ดูเหมือนจะเริ่มหนาแน่นมากขึ้น

ผีโต้งส่งเสียงแผดร้องออกมา ซึ่งยากที่จะตัดสินว่ามันกำลังตื่นเต้นหรือมีโทสะ มันปรากฎขึ้นที่เบื้องหน้านกแก้วในทันที และมองไปอย่างไม่เกรงกลัว “มองดูข้า, ศัตรูตัวฉกาจของข้า เจ้ารู้หรือไม่ว่าข้าเป็นใคร?”

นกแก้วมองกลับไปยังผีโต้ง และท่าทางดูถูกก็ปรากฎขึ้น มันเย่อหยิ่งเหลือประมาณ ขณะที่เอียงศีรษะกลับไปมองดูเมิ่งฮ่าว

เมิ่งฮ่าวไม่ขยับตัวหรือกล่าววาจาใดๆ ออกมา เขาถอยหลังไปสองสามก้าว มองไปยังนกแก้วและผีโต้ง รวมถึงพยายามฟื้นฟูพื้นฐานฝึกตนของตัวเองไปด้วย จากประสบการณ์ของเขากับเจ้าผีโต้ง ก็รู้ดีว่าควรจะสังเกตการณ์ไปก่อนว่ากำลังจะเกิดอะไรขึ้น

ผีโต้งส่งเสียงแผดร้องด้วยโทสะออกมา จากนั้นก็ขยับตัว เคลื่อนที่ไปปิดกั้นสายตาของนกแก้ว

ผีโต้งจ้องไปยังนกแก้ว และขณะที่มันทำเช่นนั้น ก็ดูเหมือนว่าความเป็นปฏิปักษ์ทั้งหมดของมันได้ลอยขึ้นมา “ศัตรูตัวฉกาจในชีวิตของข้า สวรรค์มีนัยน์ตาจึงทำให้พวกเราได้พบกันอีกครั้ง เจ้ามันเป็นปีศาจ! ไร้ศีลธรรม! บอกข้ามา, เจ้าจำข้าได้หรือไม่?”

สีของร่างผีโต้งเปลี่ยนเป็นพลุ่งพล่านเลือนรางขณะที่มันตะโกน

“พูด! ทำไมเจ้าไม่พูด!? เจ้านกวิตถาร, ชั่วร้าย! ทำไมเจ้าไม่พูด!” มันรอคอยมานานหลายปี ตอนนี้นกแก้วก็อยู่ที่นี่ตรงหน้ามัน แต่ก็ไม่ตอบโต้

จากนั้น

“เจ้าบ้าไปแล้ว? ข้าจะจัดการน้องสาวเจ้า! มารดามันเถอะ” นกแก้วเต้นแร้งเต้นกา สีหน้าหมดความอดทน

ทันใดนั้น ดวงตาผีโต้งก็เริ่มเปล่งประกาย ปฏิกิริยานี้เป็นส่วนหนึ่งของนกแก้วที่ดูเหมือนจะตรงกับความชั่วร้ายที่มันจดจำได้

“การก่นด่าผู้คนเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง” ผีโต้งกล่าวเสียงเคร่งขรึม “เจ้าก่อบาปขึ้นอีกแล้ว!”

“ข้าจะจัดการยายของเจ้า! ป้าของเจ้า! ย่าของเจ้า! น้าของเจ้า! หลานของเจ้า! น้องสาวเจ้า, มารดามันเถอะ!” นกแก้วค่อยๆ พูดประโยคแล้วประโยคเล่า ไม่สนใจผีโต้งที่จู่ๆ ก็สั่นสะท้านไปทั้งร่าง มันกระพือปีกสองสามครั้ง และจากนั้นก็บินขึ้นไปในอากาศ หมุนเป็นวงกลมไปรอบๆ ถ้ำ สุดท้าย ก็ไปเกาะอยู่บนไหล่ของเมิ่งฮ่าว และมองมาที่เขาอย่างเย่อหยิ่ง

“เจ้าเป็นเจ้านายข้าในโลกแห่งนี้? จำไว้ข้ามีนามว่า อู่เหยีย (ท่านปู่ห้า) ข้าเป็นปักษาเซียนโบราณ หลังจากที่ถือกำเนิดขึ้น ข้าก็เป็นที่เทิดทูนบูชาและเคารพนับถือ แม้แต่สวรรค์ก็ยังต้องก้มศีรษะให้ข้า ก่อนที่ข้าจะถือกำเนิดขึ้นมา สิ่งมีชีวิตทั้งหมดไม่ได้สวมใส่เสื้อผ้า หลังจากที่ข้ากำเนิดขึ้น ใครบังอาจไม่ยอมใส่? ก่อนหน้าข้า ไม่มีสิ่งมีชีวิตใดๆ มีขน หลังจากข้าถือกำเนิดขึ้น ก็เกิดเป็นแรงบันดาลใจ และสัตว์ต่างๆ ที่มีขนก็เป็นสิ่งที่ถูกต้องในสวรรค์และปฐพี หลังจากนั้น สิ่งมีชีวิตในโลกนี้ก็ไม่กล้าจะมีขนอีกแล้ว!”

“เมื่ออยู่ด้านนอก, ข้ายอมให้เจ้าเรียกนามของข้า”

มันกล่าวอย่างเย่อหยิ่ง “เมื่อนามของอู่เหยียถูกพูดขึ้น สิ่งมีชีวิตทั้งหมดก็จะเสียใจและหวาดกลัวเป็นอย่างมาก ไม่มีใครกล้าบังอาจมาต่อต้านเจ้า นั่นเป็นเพราะภายในโลกแห่งนี้ ทั้งในและนอกสวรรค์ ถ้ามีใครมาหาเรื่องข้า, ข้าก็จะจัดการมันจนถึงแก่ความตาย!” บรรยากาศกดขี่ครอบงำกระจายออกไปเต็มอยู่ในพื้นที่บริเวณนั้น แต่…เมิ่งฮ่าวก็มีสีหน้าแปลกๆ จากมุมมองของเขา เขากำลังมองดูนกสีสันสดใสจอมโวโอ้อวด

ที่ห่างออกไปด้านข้าง ผีโต้งกล่าวเสียงเคร่งขรึม “การคุยโวเป็นเรื่องผิดศีลธรรม! เจ้าสร้างบาปขึ้นอีกแล้ว! ข้าจะเปลี่ยนแปลงเจ้า!” บรรยากาศความเที่ยงธรรมพุ่งออกมาจากมัน ตรงไปยังนกแก้ว แต่ขณะที่เข้าไปใกล้ อาการดูถูกก็เต็มอยู่บนใบหน้าของนกแก้ว และความหยิ่งยโสของมันก็เข้มข้นมากขึ้น ราวกับว่ามันเป็นเจ้านาย และสวรรค์ก็เป็นเพียงผู้ช่วยของมัน

มองมายังผีโต้ง มันกล่าว “หลายปีมาแล้ว ผู้ยิ่งใหญ่มากมายนับไม่ถ้วน ได้กลั่นสกัดทางช้างเผือกให้กลายเป็นรูปปั้นของข้าในภูเขาหั่วเยี่ยน เจ้ารู้หรือไม่ว่าทำไม? นานมาแล้ว ลึกลงไปภายในทะเลดวงดาว ข้าได้บังคับให้เต้ากู (นักพรตหญิง) สามหมื่นนางเปลือยกายอาบน้ำต่อหน้าข้า เจ้ารู้หรือไม่ว่าทำไมพวกนางถึงได้ยอม?”

“นานมาแล้วหลายปีจนนับไม่ได้ ใครเป็นคนชั่วมากที่สุดในดวงดาวทั้งหมด? ยิ่งไปกว่านั้น เจ้ายังจำเจ้าอ้วน ผู้ซึ่งครั้งหนึ่งเคยลอบทำร้ายเจ้า และจากนั้นก็มาคุกเข่าโขกศีรษะให้ข้าถึงหนึ่งแสนปีได้หรือไม่? เจ้าอยากรู้หรือไม่ว่าตอนนี้มันอยู่ที่ไหน? เจ้าอยากเรียนรู้วิธีการนับหลังจากหนึ่ง, สอง, สาม หรือไม่?” คำพูดของนกแก้วเปล่งออกมาช้าๆ และขณะที่เป็นเช่นนั้น ผีโต้งก็ค่อยๆ หยุดการเคลื่อนไหว หลังจากที่นกแก้วพูดจบ มันก็จ้องมองไปอย่างเงียบๆ สีหน้าเต็มไปด้วยความสับสน แต่ก็ยังคงดูเหมือนว่า มันพยายามจะสะกดข่มความอยากรู้อยากเห็นของมันไว้

นกแก้วมองไปยังผีโต้งด้วยสายตาที่หยิ่งยโสเป็นอย่างมาก “ถ้าเจ้าต้องการรู้ เจ้าก็จำเป็นต้องประพฤติตัวให้ดีกว่านี้ต่อหน้าอู่เหยีย มารดามันเถอะ, ข้าไม่ได้เห็นเจ้ามาหลายปี แต่เจ้าก็ยังคงปัญญาอ่อนอยู่ตลอดเวลา!”

เมื่อได้เห็นสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดนี้ ทันใดนั้นเมิ่งฮ่าวก็ตระหนักว่านกแก้วสามารถจัดการผีโต้งได้อย่างแท้จริง ผีโต้งเป็นผู้ที่อยากรู้อยากเห็นอย่างน่าเหลือเชื่อ และจริงๆ แล้ว นี่ก็เป็นจุดอ่อนอันยิ่งใหญ่ของมัน

สามารถกล่าวได้ว่า เมิ่งฮ่าวรู้สึกว่าบุคลิกส่วนตัวของนกแก้วตัวนี้ แตกต่างไปจากภาพที่ผีโต้งเคยสร้างไว้ก่อนหน้านี้ เขาไม่รู้สึกถึงความวิตถารใดๆ นอกจากความหยิ่งยโสอย่างป่าเถื่อนของมัน

ในตอนนี้เองที่จงอยปากนกแก้วทันใดนั้นก็กระทบกันเป็นเสียงดัง และสีหน้าหวาดระแวงก็ปรากฎขึ้น มันมองไปรอบๆ สักพัก จากนั้นก็บินไปมาในอากาศ หมุนวนอยู่ในถ้ำเป็นวงกลมสองสามรอบ

“อี๋?” มันพูดขึ้นอย่างระแวง ขณะที่บินไปรอบๆ “ไม่ถูกต้อง นั่นเป็นกลิ่นอะไร?”

ทำให้ความอยากรู้อยากเห็นของผีโต้งพุ่งขึ้นมาในทันที และมันก็เริ่มมองไปรอบๆ ด้วยความสงสัย เมื่อมันเห็นนกแก้วดูเหมือนจะดมกลิ่นบางอย่าง เสียงปะทุจู่ๆ ก็ดังขึ้นเมื่อมันกลายร่างเป็นสุนัขสีขาวตัวใหญ่ มันดันจมูกลงไปที่พื้นดิน และเริ่มดมกลิ่น กระดิกหางไปมา

“มันคืออะไร?” ผีโต้งถามหลังจากที่ดมกลิ่นไปรอบๆ สักพัก “ข้าไม่เห็นได้กลิ่นอะไรเลย! เจ้ากำลังได้กลิ่นอะไร?” มันมองขึ้นไปยังนกแก้วด้วยความสนใจอยากรู้

“เจ้าไม่เข้าใจหรอก! แม้เจ้าจะเปลี่ยนเป็นสุนัข เจ้าก็ไม่อาจจะดมได้กลิ่นอันใด ข้าเป็นปักษาเซียนโบราณ เป็นที่นับถือของสวรรค์ทั้งหมด! สีดำของพื้นดินแห่งนี้มีกลิ่นอายที่แปลกประหลาด ข้ายังไม่รู้ว่ามันคืออะไร ช่างมหัศจรรย์! น่าเหลือเชื่อนัก!

อา, ตอนนี้ข้าเข้าใจแล้วว่าเกิดอะไรขึ้น” ความเย่อหยิ่งปรากฎขึ้นบนใบหน้าของมัน ราวกับว่ามันเข้าใจเรื่องราวทั้งหมดในสวรรค์และปฐพีแห่งนี้

ใบหน้าผีโต้งบิดเบี้ยวด้วยความอยากรู้อยากเห็นจนแทบจะทนทานไม่ได้ ดูเหมือนมันกำลังกระวนกระวายใจ ไม่สำคัญว่ามันกำลังอยู่ในร่างไหน ดูเหมือนมันไม่อาจจะตรวจพบกลิ่นอายนี้ได้

ห่างออกไปด้านข้าง เมิ่งฮ่าวกำลังมองดูความวุ่นวายนั้น เมื่อได้ยินคำพูดของทั้งสอง ทันใดนั้น เขาก็คิดย้อนกลับไปถึงคำพูดของแผ่นหยกผนึกอสูร เมื่อเขาเข้ามายังดินแดนสีดำในตอนแรก และรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาในทันที

“สถานที่แห่งนี้พิเศษเช่นไร?” เขาถาม

นกแก้วชำเลืองมองกลับมาที่เขา เป็นการมองที่บอกว่า มันเป็นปักษาเซียนโบราณ และมันก็ไม่จำเป็นต้องอธิบายสิ่งใดๆ ให้กับเขา มันบินไปรอบๆ อย่างต่อเนื่อง ด้วยสีหน้าเย่อหยิ่ง ราวกับว่าไม่มีใครเทียบกับมันได้ทั่วทั้งสวรรค์และปฐพีนี้

เมิ่งฮ่าวขมวดคิ้ว จากนั้นก็พูดเสียงราบเรียบ “ใครๆ ก็สามารถคุยโวได้ ถ้าเจ้าไม่รู้คำตอบ ก็ไม่จำเป็นต้องเสแสร้งเหมือนที่เจ้าทำอยู่ในตอนนี้”

เขาอยู่ในขั้นสร้างแกนลมปราณ บนเส้นทางที่จะกลายมาเป็นผู้เชี่ยวชาญอันแข็งแกร่ง และการมีประสบการณ์ที่ถ้ำกำเนิดใหม่ ทำให้เขาสามารถพูดจาด้วยน้ำเสียงที่เบื่อหน่าย ราวกับว่าเขาไม่ได้ผิดคาดแม้แต่น้อย และเชื่อมั่นในความคิดนี้ของเขาด้วยเช่นกัน

คำพูดเขาทำให้นกแก้วหยุดอยู่กลางอากาศในทันที ขนที่มีสีสันสดใสบนร่างมันทั้งหมดลุกขึ้นชี้ชัน และจ้องมายังเมิ่งฮ่าว มองราวกับว่ามันกำลังถูกลบหลู่ศักดิ์ศรีเป็นอย่างมาก

“ข้าไม่รู้? ข้าคือปักษาเซียนโบราณ! ข้ารู้เกี่ยวกับเซียนที่อยู่ด้านบน และมนุษย์ที่อยู่ด้านล่าง! เจ้าคิดว่ามีบางสิ่งที่อู่เหยียไม่รู้? ข้ารู้เรื่องทุกสิ่งทุกอย่าง!”

“เจ้าไม่จำเป็นต้องโอ้อวด” เมิ่งฮ่าวกล่าวตอบอย่างรวดเร็ว จิตใจสั่นสะท้าน และดวงตาก็สาดประกายด้วยแสงแปลกๆ

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!