บทที่ 932 เจ้ากล้ายั่วโมโหข้ารึ?
แทบจะวินาทีเดียวกับที่ใบหน้าของป๋ายเสี่ยวฉุนลอยขึ้นมาบนท้องฟ้า อวิ๋นเหลยจื่ออีกคนหนึ่งของสำนักเมฆาอัสนีเก้าฟ้าที่อยู่ในหนองบึงแห่งนี้ก็กำลังบินผ่านทางมาด้วยสีหน้ามืดทะมึน
เขาพลันเงยหน้าขึ้น สัมผัสได้ถึงคลื่นคนฟ้าที่แผ่มาจากทิศไกล ดวงตาก็มีแสงเย็นเยียบเปล่งวาบ
สามารถพูดได้ว่าเขาคือแฝดอวิ๋นเหลยจื่อคนพี่ พวกเขาสองคนเคยเป็นร่างเดียวกัน แม้ว่าอุบัติเหตุจากการฝึกบำเพ็ญตบะจะทำให้พวกเขาแยกร่างเป็นสองคน แต่กลับยังสามารถใช้เวทลับมาสื่อสารทางจิตถึงกันได้
สำหรับเรื่องระหว่างป๋ายเสี่ยวฉุนกับแฝดอีกคนหนึ่งของเขา เขาล้วนรับรู้มาหมดแล้ว อันที่จริงตอนที่ป๋ายเสี่ยวฉุนไล่ฆ่าน้องชายของเขา เขากำลังอยู่ในเขตที่ราบซึ่งตรงกลางมีหนองบึงกั้นขวาง แล้วถึงจะเป็นทะเลทราย
แม้ว่าไม่สามารถไปให้ความช่วยเหลือได้ในเวลาอันสั้น แต่เขาก็ยังรีบทะยานมา ยามนี้เมื่อสัมผัสได้ถึงปราณของป๋ายเสี่ยวฉุน ดวงตาของเขาก็โชนแสงคมกริบ รีบใช้เวทลับติดต่อกับน้องชายของตัวเองทันที
“ป๋ายเสี่ยวฉุนอยู่ในหนองบึง เจ้าจงรีบมา เราผสานรวมร่างเป็นหนึ่งเดียวกันแล้วสังหารป๋ายเสี่ยวฉุนผู้นี้ทิ้งซะ!”
แฝดน้องอวิ๋นเหลยจื่อที่หนีออกมาจากทะเลทราย ทั้งยังฝ่าออกไปจากเขตหนองบึงและเวลานี้อยู่ในพื้นที่ราบ เมื่อได้รับข้อความเสียงผ่านเวทลับจากพี่ชายตัวเอง ดวงตาก็ฉายแสงโหดเหี้ยม พลันหมุนตัวหันกลับไปยังเขตหนองบึง
และเวลานี้เมื่อปณิธานคนฟ้าของป๋ายเสี่ยวฉุนพวยพุ่งขึ้นฟ้า ความเร็วของเขาก็พลันระเบิดปะทุ ร่างทั้งร่างพุ่งไปยังจุดที่จางต้าพั่งอยู่ด้วยความเร็วสูงสุดราวกับดาวตกดวงหนึ่ง
ระยะห่างระหว่างพวกเขาไม่นับว่าไกลนัก อีกทั้งความเร็วของป๋ายเสี่ยวฉุนยังมีมาก ร่างยังไม่ทันมาถึง ทว่าปราณและพลานุภาพสยบของเขากลับเยื้องกรายมาปกคลุมรอบกายจางต้าพั่งเอาไว้แล้ว
แมงมุมใหญ่ยักษ์ในหนองบึงตัวสั่นสะท้าน ประกายแสงในดวงตาเปล่งวูบวาบอยู่สองสามที และคล้ายว่ามันจะสัมผัสได้ถึงความพิเศษของจางต้าพั่งจึงเลือกที่จะมองเมินพลานุภาพสยบของป๋ายเสี่ยวฉุน พลันกระโดดผลุงขึ้นมาพร้อมร้องคำรามเสียงหวีดแหลม ทะยานร่างเข้าหาจางต้าพั่ง
เหลยหยวนจื่อสามคนกำลังจะก้าวถอยหนีด้วยความตะลึงพรึงเพริด
ทว่ายังไม่ทันรอให้พวกเขาได้ถอยหนี แมงมุมยักษ์ตัวนั้นกลับอ้าปากกว้าง ทันใดนั้นใยแมงมุมสีดำจำนวนมากก็ถูกพ่นออกมาจากปากของมัน พริบตาเดียวก็ร้อยรัดพันร่างของจางต้าพั่งและพวกเหลยหยวนจื่อเอาไว้ ก่อนจะกระชากร่างของพวกเขาเข้ามาหาตัว จางต้าพั่งกระอักเลือด ถูกแรงมหาศาลกระชากร่างให้ลอยลิ่วลงไปยังหนองบึงที่อยู่เบื้องล่าง
พวกเหลยหยวนจื่อสามคนเองก็สิ้นหวังเต็มที ไม่ว่าพวกเขาจะดิ้นรนอย่างไรก็มิอาจสลัดได้หลุด ได้แต่ถูกกระชากลงไปยังหนองบึงพร้อมจางต้าพั่ง อีกทั้งบนใบหน้าของคนทั้งสี่ยังมีควันสีดำลอยขึ้นมาคล้ายถูกพิษร้ายแรง พิษนี้ประหลาดอย่างยิ่ง มันยังสามารถเลื้อยขยุกขยิกได้อีกด้วย หากมองอย่างละเอียดจะเห็นว่ามันคล้ายกับแมงมุมมายาสีดำหลายตัวที่ไต่ขึ้นมาบนร่างของทุกคน
ตบะของจางต้าพั่งอ่อนแอที่สุด อีกทั้งก่อนหน้านี้ยังบาดเจ็บสาหัส พอมาถูกพิษร้ายแรง เขาจึงหมดสติไปทันที ส่วนพวกเหลยหยวนจื่อสามคนนั้นเนื่องจากตบะยังหนาแน่นเข้มข้น ตอนนี้จึงยังพอฝืนยืนหยัดเอาไว้ได้
ขณะเดียวกัน แมงมุมตัวนั้นก็รีบลดตัวหายเข้าไปในหนองบึงพร้อมกับลากพวกจางต้าพั่งสามคนให้เคลื่อนมาข้างหน้าอย่างรวดเร็ว
และเวลานี้เอง เสียงอสนีบาตสะเทือนเลือนลั่นโลกาก็พลันดังเกริกก้อง ใบหน้ามหึมาของป๋ายเสี่ยวฉุนโผล่พรวดขึ้นมาบนท้องฟ้าเหนือพื้นที่แห่งนี้ ดวงตาของเขาฉายแววเดือดดาล คำรามกร้าว
“เจ้ากล้ารึ!!”
เสียงนี้ดังราวฟ้าผ่าที่มาระเบิดอยู่ตรงหนองบึงเบื้องหลัง ทำให้พื้นดินฉ่ำแฉะยุบยวบลงไป ขณะเดียวกันก็เผยให้เห็นพวกจางต้าพั่งที่กำลังถูกลากลงข้างล่างอย่างรวดเร็ว
แมงมุมที่อยู่ด้านใต้หนองบึงก็ตัวสั่นเยือก แต่กระนั้นมันกลับเพิ่มความเร็วมากกว่าเดิม
เวลาเดียวกันนั้น ใบหน้าของป๋ายเสี่ยวฉุนบนท้องฟ้าก็พลันบิดเบือนแล้วกลายมาเป็นรุ้งยาวเส้นหนึ่งที่พุ่งดิ่งลงมา เสียงตูมดังสนั่นหวั่นไหว เมื่อเผยกายอีกครั้งก็มาอยู่ในหนองบึงที่ยุบยวบลงไปแล้ว จากนั้นป๋ายเสี่ยวฉุนก็พุ่งเข้าไปในหนองบึงอย่างไม่มีลังเล
บัดนี้เขาไม่สนใจเรื่องที่ต้องเก็บพลังวิญญาณไว้อีกแล้ว เพียงรีบร่ายตบะทุกด้านออกมาทั้งหมด พลังกล้ามเนื้อก็ระเบิดตามมาติดๆ อีกทั้งพอโบกมือกระสวยชิ้นนั้นก็พลันเปล่งแสงเจิดจ้า ครั้นจึงพุ่งสวบออกไปเบื้องหน้า
ทุกที่ที่ผ่าน พื้นของหนองบึงก็ระเบิดกระจายอย่างต่อเนื่องจนพื้นดินยุบยวบลงไปชั้นแล้วชั้นเล่า ปลิงจำนวนนับไม่ถ้วนร่างระเบิดเป็นเสี่ยงๆ แมลงที่เป็นเส้นใยก็แหลกเหลวตายดับ และต่อให้ความเร็วของแมงมุมตัวนั้นจะมากแค่ไหน
ทว่าพอป๋ายเสี่ยวฉุนลงมือก็ยังคงได้เห็นพวกจางต้าพั่งที่ถูกแมงมุมมัดร่างพาลงไปในหนองบึงอีกครั้ง
ป๋ายเสี่ยวฉุนไม่พูดพร่ำเพลงก็เอื้อมคว้าไปยังใยแมงมุมที่รัดพันร่างของจางต้าพั่งแล้วกระชากกลับมาอย่างแรง แมงมุมยักษ์ที่อยู่ใต้ดินสั่นสะท้านไปทั้งร่าง ไม่สามารถสกัดกั้นพละกำลังมหาศาลที่มาเยือนกะทันหันนี้ได้เลย
เสียงตูมดังหนึ่งครั้ง แมงมุมขนาดร้อยจั้งก็ถูกป๋ายเสี่ยวฉุนกระชากตัวออกมาจากในบึงและมายืนตัวสั่นอยู่กลางอากาศ
แมงมุมที่อยู่กลางอากาศนัยน์ตาแดงก่ำ มันแผดเสียงร้องด้วยความไม่ยินยอม คล้ายจะรู้ว่าตัวเองหนีไม่พ้นแน่แล้วจึงอ้าปากพ่นใยแมงมุมจำนวนมากเข้าใส่ป๋ายเสี่ยวฉุน
“รนหาที่ตาย!” ป๋ายเสี่ยวฉุนโกรธเข้าให้แล้ว ก่อนหน้านี้แม้ร่างเขายังไม่มาถึง แต่อย่างไรซะเขาก็เปล่งเสียงคำรามดังมาก่อนตัว ทั้งยังร่ายตบะออกมาก่อนแล้ว หากแมงมุมตัวนี้รู้หนักรู้เบาก็จะต้องทิ้งเหยื่อที่มันจับมาได้ในทันที
ทว่ามันกลับยังคิดจะพาตัวจางต้าพั่งไปด้วย นี่จึงทำให้ป๋ายเสี่ยวฉุนไม่สบอารมณ์อย่างยิ่ง โดยเฉพาะเห็นใบหน้าจางต้าพั่งที่เปลี่ยนมาเป็นสีดำคล้ำ เห็นได้ชัดว่าถูกพิษร้ายแรง ทั้งพิษนี้ยังแปลกประหลาดคล้ายมีแมงมุมมายาสีดำหลายตัวไต่ไปตามร่าง พิษร้ายประเภทนี้หากเป็นคนอื่นคงยากจะแยกแยะได้ แต่ป๋ายเสี่ยวฉุนเป็นถึงปรมาจารย์โอสถ มองปราดเดียวเขาก็รู้ว่านี่คือพิษที่มีความเกี่ยวข้องกับจิตวิญญาณ!
วิธีถอนพิษมีอย่างเดียว นั่นคือ…ฆ่าคนที่วางยาพิษซึ่งเป็นดั่งที่พักพิงของพิษร้ายทิ้งซะ!
ดวงตาป๋ายเสี่ยวฉุนฉายแสงเย็นเยียบ ระหว่างที่ทำมุทรา กระสวยที่อยู่ในมือของเขาก็พุ่งฉิวออกไปบินฉวัดเฉวียนอยู่บนเส้นใยแมงมุมพวกนั้นสองสามที ใยแมงมุมที่รัดร่างของจางต้าพั่งเอาไว้ก็ถูกตัดขาดทันที
จากนั้นเมื่อป๋ายเสี่ยวฉุนเงยหน้าขึ้น ดวงตาของเขาก็พลันมีภาพสะท้อนกลับหัวของดวงจันทร์ดวงหนึ่งลอยขึ้นมา เขารู้ว่าในหนองบึงแห่งนี้มีสิ่งมีชีวิตจำนวนไม่น้อยที่ต่อให้เป็นเขาเองก็ยังไม่อยากมีเรื่องด้วย เข้าใจดีว่าศึกครั้งนี้ต้องรีบรบรีบจบ ยามนี้เมื่อลงมือจึงใช้วิชา…คาถาสุริยันจันทราฟ้าไพศาลทันที!
ขั้นที่หนึ่งของคาถานี้ก็คือเลี้ยงดวงจันทร์ และการฝึกฝนของป๋ายเสี่ยวฉุนก็ได้มาถึงขั้นจันทร์เสี้ยวแล้ว ยามนี้เมื่อสายตาของเขามองไป บนนภากาศก็พลันมีจันทร์เสี้ยวดวงหนึ่งจำแลงขึ้นมา
จันทร์เสี้ยวดวงนี้ปรากฏตัวกะทันหันอย่างยิ่ง วินาทีที่จำแลงขึ้นมาก็ยิ่งมีแสงจันทร์สาดส่องลงมาจากท้องฟ้า อาบย้อมฟ้าดินให้กลายเป็นสีเงินยวง
ท่ามกลางแสงจันทร์นี้ ใยแมงมุมทุกเส้นที่แมงมุมตัวนั้นพ่นเหมือนถูกหลอมละลาย พริบตาเดียวก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย ส่วนดวงตาของแมงมุมตัวนั้นก็ยิ่งมีความหวาดกลัวและลนลานฉายออกมา มันรีบลดตัวลงเบื้องล่างหมายจะกลับเข้าไปในหนองบึง ทว่ากลับช้าเกินการณ์ เพราะเวลานี้บนร่างของมันได้มีรอยดวงจันทร์ที่เหมือนกับบนฟากฟ้าอย่างไม่มีผิดเพี้ยนลอยขึ้นมาแล้ว!
“จันทร์ดับ!” ป๋ายเสี่ยวฉุนคำรามกร้าว
จันทร์เสี้ยวบนท้องฟ้าพลันส่องแสงเจิดจ้า ระหว่างที่แสงจันทร์กะพริบพร่างพราว แสงจันทร์ทั้งหมดที่อยู่รอบด้านก็พากันมารวมอยู่บนร่างของแมงมุมทั้งหมด ทำให้รอยดวงจันทร์บนร่างของมันยิ่งขยายใหญ่ ยิ่งบาดลงลึก เสียงร้องโหยหวนของมันฟังแล้วน่าเวทนาอย่างถึงที่สุด ร่างทั้งร่างของมันสั่นเทิ้ม ของเหลวสีเขียวจำนวนนับไม่ถ้วนหยดลงมาจากร่างของมัน แต่มันก็ยังคงพกพาเอาความเจ็บปวดลดตัวหมายดำดิ่งลงไปยังหนองบึง ทว่ายังไม่ทันรอให้มันได้สัมผัสกับหนองบึง เสียงตูมดังกัมปนาทก็ดังออกมาจากร่างของมัน เมื่อถูกรอยดวงจันทร์ขยายใหญ่จนกลบทับไปทั่วกาย ร่างทั้งร่างของมันจึงระเบิดกระจัดกระจายทันที!
ดับสลายทั้งกายและจิต!
เมื่อแมงมุมตายไป ควันสีดำที่อยู่บนร่างของพวกจางต้าพั่งจึงหายวับไปในเสี้ยววินาที
พวกเหลยหยวนจื่อก่อนหน้านี้ก็ไม่ได้หมดสติ พวกเขาจึงเห็นทุกภาพเหตุการณ์กับตาของตัวเอง เมื่อพิษร้ายจางหาย คนทั้งสามที่หน้าซีดขาวก็พลันบินออกมาแล้วเลือกเผ่นหนีกันไปคนละทิศละทางอย่างไม่มัวรีรอ
หัวใจของพวกเขาสั่นระรัวอย่างบ้าคลั่ง ไม่ว่าอย่างไรพวกเขาก็คาดไม่ถึงว่าการไล่ฆ่าจางต้าพั่งคนเดียวจะชักนำบุรพาจารย์คนฟ้าของสำนักอันตมรรคาฟ้าดาราให้มาเยือน คนทั้งสามร้องโอดครวญอยู่ในใจด้วยความสิ้นหวัง ยามนี้แต่ละคนได้แต่โกยแนบอย่างสุดชีวิต
“รังแกศิษย์พี่ใหญ่ของข้าแล้วคิดหนีอย่างนั้นรึ?” มีหรือที่ป๋ายเสี่ยวฉุนจะยอมให้สามคนนี้หนีไปได้ เขาเอื้อมมือคว้าร่างของจางต้าพั่งที่เพิ่งฟื้นตื่นมาไว้ เท้าก็ก้าวออกไปหนึ่งก้าว มือขวายกขึ้นชี้ ทันใดนั้นกระสวยก็บินออกไปดังสวบ ครั้นจึงกลายร่างเป็นรุ้งยาวเส้นหนึ่งที่พุ่งทะลวงร่างของหนึ่งในสามคนที่หนีไป
เสียงร้องโหยหวนยังดังก้อง กระสวยเพิ่มความเร็วอีกครั้ง พริบตาเดียวก็ลอดทะลุร่างของคนที่สอง หลังจากฆ่าคนสองคนไปติดๆ กัน กระสวยชิ้นนี้ก็เพิ่มความเร็วตรงดิ่งเข้าหาเหลยหยวนจื่อ
และเวลานี้เอง จู่ๆ ท้องฟ้าก็กลิ้งซัดหลุนๆ ใบหน้าขนาดมหึมาของอวิ๋นเหลยจื่อที่เปี่ยมล้นไปด้วยปณิธานแห่งคนฟ้าพลันแผดเสียงคำรามเดือดดาลดังก้องไปทั้งฟ้าดิน
“ป๋ายเสี่ยวฉุน เจ้ากล้ารึ!!”
การมาถึงของอวิ๋นเหลยจื่อ ป๋ายเสี่ยวฉุนไม่ได้รู้สึกแปลกใจ เพราะก่อนหน้านี้เขาก็สัมผัสได้แล้ว เพียงแต่ว่าต้องช่วยจางต้าพั่งจึงไม่ได้สนใจอะไรมากนัก ยามนี้เมื่อได้ยินคำพูดของอีกฝ่าย ป๋ายเสี่ยวฉุนก็พลันถลึงตาดุดัน
“เจ้ากล้ายั่วโมโหข้าอย่างนั้นรึ?! ข้าล่ะเดือดที่สุดถ้าใครกล้ามายั่วโมโหข้า!”
ป๋ายเสี่ยวฉุนคำรามดังลั่น กระสวยก็ยิ่งพุ่งทะยานไปเร็วมากกว่าเดิม!
ร่างกายที่ลักษณะเหมือนลิงของเหลยหยวนจื่อที่ต่อให้จะปราดเปรียวแค่ไหนก็ยังมิอาจหลบเลี่ยงได้พ้น นัยน์ตาของเขาฉายความสิ้นหวัง ปากก็ร้องแหบโหย
“อาจารย์ช่วย…” ยังไม่ทันกล่าวจบ กระสวยที่พุ่งแหวกอากาศก็ทะลวงเข้ากลางหว่างคิ้วของเขา ทำให้คำพูดของเขาขาดหายไปกลางคัน
หาใช่ป๋ายเสี่ยวฉุนกระหายการเข่นฆ่า แต่หากตนมาไม่ทัน จางต้าพั่งคงต้องตายอยู่ที่นี่แน่นอน และตัวการของเรื่องราวทั้งหมดนี้ก็คือคนทั้งสามจากสายเหนือพวกนี้
“ป๋ายเสี่ยวฉุน!!” อวิ๋นเหลยจื่อที่เห็นว่าลูกศิษย์ตนตายไปต่อหน้าต่อหน้า ดวงตาของเขาก็เปลี่ยนมาเป็นแดงฉาน ใบหน้ายักษ์บนท้องฟ้าที่ร้องคำรามพลันก่อตัวเข้าด้วยกันกลายเป็นรุ้งยาวเส้นหนึ่งที่พกพาปราณสังหารทำลายล้างฟ้าดินแหวกอากาศพุ่งเข้าหาป๋ายเสี่ยวฉุน!