Skip to content

A World Worth Protecting 18

บทที่ 18 ผนึกกายา

ขณะความตื่นเต้นกำลังปะทุไปทั่วทั้งเกาะมหาปราชญ์ชั้นรอง จั่วอี้ฟานและพวกกลับกำลังเดือดปุดๆ ด้วยความโกรธ ส่วนหวังเป่าเล่อที่หมกตัวอยู่ในห้องหินละลายเป็นเวลาสองวันสองคืน ก็โทรมไปด้วยเหงื่อ ชายหนุ่มเริ่มเห็นดาวระยิบระยับ

เขาหายใจลำบากมากและเริ่มรู้สึกว่าตนเองใกล้ถึงขีดสุดแล้ว ภายในห้องหินละลายเดือดพล่านด้วยความร้อนราวนรกอเวจี แม้กระทั่งเหงื่อของหวังเป่าเล่อเองยังระเหยจนทั้งห้องพร่ามัวด้วยไอน้ำ

ข้ารู้สึกเหมือน…กำลังจะสุก หวังเป่าเล่อตัวสั่นด้วยความกลัว เขากังวลเหลือเกินว่าตนเองจะโดนย่างทั้งเป็น นั่นคงจะกลายเป็นเรื่องชวนหัวไปทั่วทั้งเกาะ!

ในโลกใบนี้จะมีคนบางประเภทที่ดื้อหัวชนฝาจนถึงขั้นน่ากลัว และแน่นอนว่า     คนพวกนั้นจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจาก…คนที่กำลังลดน้ำหนักอยู่

ขณะที่กำลังเดินหน้าสู่เส้นทางแห่งความผอม พวกเขาจะรู้สึกมีความสุขแบบแปลกๆ และความสุขนั้นจะทวีคูณขึ้นจนแทบจะล้นปรี่ เมื่อเห็นตนเองผอมลงเรื่อยๆ

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง…เวลาที่น้ำหนักลงอย่างรวดเร็วภายในระยะเวลาอันสั้น      หวังเป่าเล่อเป็นตัวอย่างที่ดีของคนประเภทนี้ ชายหนุ่มทำแม้กระทั่งปัดความกังวลว่าตนเองจะโดนย่างสดออกไป เขาก็ดีใจจนเนื้อเต้นขึ้นมาทันที เมื่อเห็นว่าตัวเองผอมลงมากขนาดไหนภายในสองวันที่ผ่านมา

ช่างหัวมันปะไร ข้ายอมโดนย่างสดก็ได้ถ้ามันจะทำให้ผอมขนาดนี้! หวังเป่าเล่อกัดฟันขณะเอื้อมมือขวาไปกดแผงควบคุมวงแหวนปราณ ห้องหินละลายสั่นสะเทือนอีกครั้ง และอุณหภูมิที่พุ่งสูงขึ้นอีกก็ห้อมล้อมกายเขา

ห้องทั้งห้องดูบิดเบี้ยวไปหมด ร่างของหวังเป่าเล่อทั้งภายนอกและภายในรู้สึกเหมือนกำลังลุกเป็นเพลิง แม้กระทั่งลมหายใจของเขาก็พาลร้อนเป็นไฟไปด้วย

เหตุที่ทำให้ชายหนุ่มทนความร้อนระดับอเวจีได้นานขนาดนี้ เป็นเพราะร่างของเขาอุดมไปด้วยไขมันวิญญาณ ขณะที่ร่างเขากำลังร้อนจนแทบระเบิดนั้น            ไขมันวิญญาณที่หลอมละลายก็กลายสภาพเป็นปราณ ไหลเวียนกลับมาหล่อเลี้ยงเลือดเนื้อของเขา

ด้วยพลังบำรุงนี้ ปราณโลหิตของเขาก็พลันแก่กล้าขึ้นตามอุณหภูมิที่สูงขึ้นด้วย พลังปราณโลหิตภายในกายเขาพร้อมใจกันเรืองแสงสีแดงออกมาทั่วร่างชายหนุ่ม

หากมีใครได้มาเห็นปราณโลหิตสีแดงเรืองรองเพียงนี้คงตกใจเป็นอย่างมาก ปราณโลหิตของหวังเป่าเล่อเข้มข้นเสียจนแผ่รังสีอำมหิตที่รุนแรงเกินหน้าผู้ที่อยู่ในระดับเดียวกันออกมา อาจเป็นผลจากความร้อนที่ร่างกายดูดเข้ามาสะสมไว้ก็เป็นได้

เนื่องด้วยก่อนหน้า ปราณโลหิตของหวังเป่าเล่อเดินทางมาถึงจุดที่แทบเรียกได้ว่าสมบูรณ์แบบ หลังจากสองวันของการตรากตรำในความร้อนระอุ ปราณโลหิตของเขาก็ก้าวมาถึงขีดจำกัดที่ร่างกายมนุษย์จะรับไหว

อีกเพียงไม่กี่อึดใจเท่านั้น ชายหนุ่มก็จะบรรลุปราณขั้นผนึกกายา!

ความจริงแล้วหวังเป่าเล่อได้บรรลุขั้นปราณไปแล้ว แต่เขากลับตั้งใจกดมันไว้ให้ไปไม่ถึงฝั่งเสียที จึงทำให้ร่างกายแทบระเบิดไปด้วยปราณโลหิตที่พุ่งพล่านล้นปริ่ม หวังเป่าเล่อรู้ดีว่าหากเขาเข้าสู่ขั้นผนึกกายาเมื่อไหร่ ร่างกายของเขาก็จะกลายเป็นฉนวนกันความร้อน สภาพภายในกายจะถูกแยกออกจากบรรยากาศภายนอก        แล้วแผนการลดน้ำหนักของเขาก็จะล่มไม่เป็นท่า

เพราะผลของความดื้อดึงนี้ร่างกายของหวังเป่าเล่อจึงเริ่มสั่นเทิ้มอย่างควบคุมไม่ได้ แม้ไขมันจะค่อยๆ สลายหายไป ขณะหวังเป่าเล่อกำลังต่อสู้กับความเจ็บปวดระคนความตื่นเต้นจากผลลัพธ์ ผู้คนมากมายก็เริ่มหลั่งไหลเข้ามาชุมนุมที่หน้าห้องหินละลาย หน้าปากประตูนั้นเต็มไปด้วยเสียงคุยเสียงอุทานด้วยความตกใจ

“สาม…สามวัน!”

“แน่ใจนะเจ้าหวังเป่าเล่อนี่ไม่ได้ตายคาห้องฝึกไปแล้วน่ะ…”

“นี่มันเหลือเชื่อเกินไปแล้ว ให้ตายเถิด หมอนี่มันทำแบบนี้เพียงเพราะอยากบรรลุขั้นปราณหรือ”

ขณะที่หลายคนกำลังแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันอย่างออกรส อารมณ์ของ       จั่วอี้ฟานและสหายก็แปรเปลี่ยนจากความโกรธไปเป็นความหดหู่ใจ อย่างไรก็มองเป็นอื่นไปไม่ได้เลย มีเพียงแค่คนเดียวเท่านั้นที่ทนอยู่ในห้องหินละลายได้นานถึงสามวัน ตั้งแต่สำนักศึกษาเต๋าศักดิ์สิทธิ์ถือกำเนิดขึ้น

กระทู้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นเรื่องหวังเป่าเล่อดุเดือดมากยิ่งขึ้นในเครือข่ายวิญญาณ เริ่มมีคนรับพนันแล้วว่าหวังเป่าเล่อจะทำลายสถิติของผู้นำสหพันธรัฐ       รุ่นก่อนได้หรือไม่

ท่ามกลางบรรยากาศการเกาะขอบจอและความคิดเห็นของผู้คนทั่วเกาะ แสงอาทิตย์ลาลับไป และยามรัตติกาลก็เข้ามาแทนที่ เหล่าศิษย์มุงยังคงสังเกตความเคลื่อนไหวอยู่หน้าห้องหินละลาย

ผู้คนที่ยังเกาะติดสถานกาณ์อยู่ในสถานที่จริงนั้น มีบางคนที่มีเครื่องไม้เครื่องมือครบครันแบบมืออาชีพ ในบรรดากลุ่มคนเหล่านั้นที่กำลังรับหน้าที่เป็น                     ผู้ดำเนินรายการ ถือกล้องวิดีโอเพื่อถ่ายทอดสดให้ผู้ชมทางบ้านรับชม มีชายหนุ่มใบหน้ายาวคนหนึ่งปะปนอยู่ด้วย เขาเกล้าผมขึ้นเป็นมวยแบบเต๋าและมีกระกระจายอยู่บนใบหน้า ดวงตาของชายหนุ่มคนนั้นส่องประกายวาววับ เขาชูกล้องวิดีโอของตนขึ้นสูงและกล่าวออกมาด้วยเสียงดังจากความตื่นเต้นว่า

“ขอบคุณฟ้าใสสำหรับไอเท็มถ้ำที่พัก ขอบคุณเถ้าถ่านสำหรับไอเท็มอากาศยาน

“สวัสดีทุกท่าน ข้าชื่อเจ้าเต๋าน้อย จะมารับหน้าที่เป็นพิธีกรในวันนี้ แรงสนับสนุนจากทุกคนเป็นยาชูกำลังชั้นเลิศให้ข้า ขณะนี้เรากำลังจะเริ่มนับถอยหลังสู่เหตุการณ์ประวัติศาสตร์ครั้งสำคัญกันแล้ว หากค่ำคืนนี้ผ่านไป หวังเป่าเล่อจะทำลายสถิติ       ได้สำเร็จ!

“เอาละ อย่าลืมส่งของขวัญเข้ามากันนะทุกท่าน! หากมีผู้ใดส่งไอเท็มกระสวยอวกาศมาให้ข้าในวันนี้ เจ้าเต๋าน้อยคนนี้จะทำรายการเจาะลึกความลับของหวังเป่าเล่อให้  ทุกคนได้รับชม เหตุใดชายผู้นี้ถึงฝึกตนอยู่ในห้องหินละลายถึงสามวันสามคืนได้       ข้าจะพลีกายถวายชีวิตเพื่อภารกิจนี้!”

รายการถ่ายทอดสดที่ดำเนินไปอย่างต่อเนื่องหน้าห้องหินละลายในคืนนั้น        ทำให้บรรยากาศในเครือข่ายวิญญาณเต็มไปด้วยความตื่นเต้น

ชายหนุ่มที่เรียกตนเองว่าเจ้าเต๋าน้อยรายงานเหตุการณ์แบบติดขอบจออยู่   ตลอดทั้งคืน โดยไม่ยอมแพ้ให้กับความอ่อนล้า

ขณะที่แสงอาทิตย์ย่ำรุ่งสาดส่องไปทั่วเกาะมหาปราชญ์ชั้นรอง ร่างกายของ    หวังเป่าเล่อก็เดินทางมาถึงขีดสุด ร่างของเขากลายเป็นสีแดงสว่างและสั่นเทา      อย่างควบคุมไม่ได้

การลดน้ำหนักนี่ช่างทรมานเหลือเกิน…หวังเป่าเล่อตระหนักว่าเขาไม่สามารถ   กดพลังของตนเองให้อยู่ในขั้นปราณโลหิตได้อีกต่อไป เสียงร้องอันโศกเศร้าเคล้ากับเสียงระเบิดหลายลูก ดังกึกก้องราวกับเสียงกลองรัวออกมาจากร่างกายของเขา

เสียงระเบิดสะท้อนดังก้อง จนไปปลุกเอาเมล็ดแห่งการดูดกลืนภายในกายเขาเข้า ทันใดนั้นแรงมวลมหาศาลก็ดูดเอาความร้อนทั้งหมดภายในห้องหินละลายเข้าไป     ทำให้ร่างของเขาอัดแน่นไปด้วยความร้อนเกินจินตนาการ

ขณะที่ไอน้ำหมุนวนรอบตัว ไขมันวิญญาณก็หดลงรวดเร็วอย่างเห็นได้ชัด รูขุมขนทั้งหมดก็พลันปิดตัวลงในฉับพลัน ในที่สุดร่างกายของหวังเป่าเล่อก็แยกตัวออกจากสภาพแวดล้อมภายนอกอย่างเบ็ดเสร็จ ราวกับโดนผนึกเอาไว้!

แล้วคืนที่สี่ก็ได้ผ่านพ้นไป สานุศิษย์มากมายที่เฝ้าอยู่หน้าห้องหินละลายต่างตกอยู่สภาพตื่นตะลึง ณ ตอนนั้น จุดไฟบนกระดานของห้อง 39 ได้ติดอยู่เกินสถิติแล้ว!

นอกจากบรรดาศิษย์ก็ยังมีอาจารย์บางท่านติดตามเรื่องนี้อยู่เช่นกัน กระทู้บนเครือข่ายวิญญาณก็ยิ่งทวีความดุเดือดขึ้นไปอีก

“ผ่านมาสามวันสี่คืนแล้ว หวังเป่าเล่อทำลายสถิติเก่าได้แล้ว!”

“หมอนั่นทุบสถิติของผู้นำสหพันธรัฐคนเก่า!”

ท่ามกลางฝูงชน เสียงตะโกนจากเหล่าศิษย์ที่ทำหน้าที่ถ่ายทอดสดดังออกมาจากทุกทิศทาง และดูเหมือนจะดังเป็นพิเศษจากชายหนุ่มหน้ายาวคนนั้น เขาชูกล้อง     ขึ้นสูงและตะโกนออกมาอย่างสุดเสียง

“ท่านผู้ชมทางบ้าน เห็นหรือไม่ หวังเป่าเล่อได้ทำลายสถิติเป็นที่เรียบร้อยแล้ว หากนี่ไม่ใช่เวลาที่เหมาะแก่การมอบของขวัญให้ข้าก็ไม่รู้จะว่าอย่างไรแล้ว

“ขอย้ำอีกครั้ง หากข้าได้รับไอเท็มกระสวยอวกาศ ข้าจะไปตามล่าหาความจริงนั้น   มาให้ได้!”

ขณะที่เสียงวิพากษ์วิจารณ์ของเหล่านักเรียนดังอึกทึกอยู่หน้าห้องหินละลาย ไฟประจำห้อง 39 ก็ดับลง

มีคนสังเกตเห็นในทันทีและตะโกนออกมาว่า “ดูสิพวกเจ้า ไฟห้องนั้นดับลงแล้ว!”

“หวังเป่าเล่อกำลังจะออกมาแล้ว!”

เจ้าเต๋าน้อยที่กำลังถ่ายทอดสดอยู่ตื่นเต้นถึงขีดสุด เขาแทรกตัวผ่านฝูงชนด้วยความเร็วมายืนอยู่ข้างหน้าปากประตู แต่แม้จะตื่นเต้นมากเขาก็ไม่ลืมทำหน้าที่ต่อ ชายหนุ่มพูดด้วยเสียงอันดังว่า “หวังเป่าเล่อกำลังจะปรากฏตัวแล้ว พวกเจ้า            มีกระสวยอวกาศกันรึเปล่า”

ณ ห้วงเวลานั้น สายตาทุกคู่จับจ้องไปที่ประตูทางเข้าห้องหินละลายอย่างไม่กล้ากระพริบ ศิษย์น้อยใหญ่ที่ดูการถ่ายทอดสดอยู่ทางบ้านก็ลุ้นจนแทบลืมหายใจเช่นกัน

ท่ามกลางสายตาที่จับจ้อง บรรดาผู้สังเกตการณ์รู้สึกได้ถึงลมร้อนที่พวยพุ่งออกมาจากปากของสัตว์ร้าย ลมร้อนนั้นกระจายไปทั่วสารทิศ ทำให้อุณหภูมิโดยรอบสูงขึ้นอย่างมาก

“ร้อนเป็นบ้า!”

“ห้อง 39 ต้องเปิดอยู่แน่ๆ ลมร้อนเลยพุ่งออกมา!”

ลมร้อนที่ห้อมล้อมพวกเขาอยู่ทำให้ความตื่นเต้นยิ่งทวีคูณขึ้นไปอีก ทันใดนั้น   ร่างหนึ่งก็ปรากฏขึ้นตรงหน้าพวกเขา ร่างนั้นดูเหมือนเจ้าตุ้ยนุ้ยคนหนึ่งที่กำลังค่อยๆ เดินออกมาทีละก้าว มือหนึ่งก็ยันกับกำแพงเพื่อพยุงตัวไว้

เมื่อร่างนั้นดูเด่นชัดขึ้นตรงหน้า ทุกคนก็รู้สึกได้ถึงพลังที่เจ้าตัวสะกดไว้ รังสีปราณที่แพร่กระจายออกมาจากตัวเขานั้น น่าตกใจเสียยิ่งกว่ารังสีปราณโลหิตในห้องเมื่อก่อนหน้าเสียอีก!

เป็นหวังเป่าเล่อไม่ผิดแน่ ชายหนุ่มดูผอมลงไปมากจากตอนที่เข้าห้องไป         เมื่อหลายวันก่อน แต่ก็ดูทั้งซีดเซียวและอิดโรยด้วยเช่นกัน กระนั้นรังสีที่ร่างของ    หวังเป่าเล่อแผ่ออกมากลับดูโลดแล่นมีชีวิตชีวา แต่ก็ดูราวกับว่าเจ้าของได้พยายามกดมันไว้อย่างอธิบายไม่ถูก!

ไม่ผิดแน่…รังสีที่หวังเป่าเล่อแผ่ออกมานี้ คือผลจากการแยกตนออกจากสภาพแวดล้อมโดยรอบที่เกิดขึ้นเมื่อบรรลุขั้นผนึกกายาอย่างสมบูรณ์ แต่รังสีนี้ก็จะคงอยู่เพียงสองสามวันหลังบรรลุวิชาเท่านั้น

ทันทีที่หวังเป่าเล่อปรากฏตัวออกมา บรรดาฝูงชนหน้าห้องหินละลายก็ต่างอุทานออกมาเป็นเสียงเดียวอย่างแทบไม่เชื่อสายตา

“บรรยากาศแบบนี้…หมอนี่มันบรรลุขั้นปราณจริงๆ ด้วย!”

“นี่มันพลังปราณขั้นผนึกกายา!”

“ร่างกายของหมอนี่ปิดตนเองจากทุกสิ่งโดยรอบ อย่างกับว่าแยกตัวออกจากโลกแล้วอย่างไรอย่างนั้น นี่มัน…ปราณขั้นผนึกกายาไม่ผิดแน่!”

เสียงอุทานที่ดังเซ็งแซ่ทำให้หวังเป่าเล่อที่เพิ่งเดินออกมาชะงัก เขายังจับต้นชนปลายไม่ถูก ร่างกายก็กำลังอ่อนแอทั้งจากการลดน้ำหนักอย่างรวดเร็ว ส่วนจิตใจก็อ่อนแอจากอุณหภูมิร้อนระอุ ชายหนุ่มรู้สึกงงงวยเป็นอันมากกับภาพฝูงชนที่อยู่ตรงหน้า

เหล่าศิษย์ที่กำลังถ่ายทอดสดอยู่ก็พุ่งมาล้อมเขาในทันที โดยเฉพาะเจ้าเต๋าน้อยที่ดูพยายามมากกว่าใคร เขาเป็นคนแรกที่ก้าวออกมายืนข้างหวังเป่าเล่อ และดูตื่นเต้นจนควบคุมตัวเองไม่อยู่ เจ้าเต๋าน้อยยกกล้องวิดีโอขึ้นสูงเพื่อถ่ายทั้งตัวเขาและ        หวังเป่าเล่อเอาไว้ พลางพูดอย่างกระตือรือร้น

“ท่านผู้ชมทางบ้าน ดูนี่สิ! ชายผู้นี้คือ ศิษย์ร่วมสำนักของเรา หวังเป่าเล่อ          แม้จะเห็นหน้าหวังเป่าเล่อไม่หมดเพราะมันใหญ่เกินหน้าจอไปนิด แต่ก็ใช่เขาจริงๆ ท่านผู้ชมยังส่งของขวัญมาให้ข้าได้นะ! หรือหากไม่มีของขวัญก็กดติดตามช่องข้า   แทนได้!”

เจ้าเต๋าน้อยหน้ายาวมองหวังเป่าเล่อด้วยความตื่นเต้น แน่นอนว่าเขาไม่ได้สนใจสภาพหรือความรู้สึกของหวังเป่าเล่อแม้แต่น้อย เจ้าเต๋าน้อยรู้ดีว่าเนื่องจากเขาออกอากาศอยู่ หวังเป่าเล่อก็คงไม่กล้าทำอะไรบุ่มบ่ามแม้จะไม่พอใจ

หวังเป่าเล่อยังคงเบลออยู่ขณะมองไปที่เจ้าเต๋าน้อย แต่เมื่อเขาเห็นจำนวนคนดูและจำนวนของขวัญที่แสดงอยู่บนหน้าจอที่เจ้าเต๋าน้อยชูขึ้นสูงเพื่อเก็บภาพ ชายหนุ่มก็อดแสดงสีหน้าเย้ยหยันไม่ได้

“นี่น่ะหรือวิธีการดำเนินรายการของเจ้า แทบไม่มีคนดูขนาดนั้นคงจะได้ของขวัญมากอยู่หรอก อะไรนะ ได้กระสวยอวกาศแค่สองอันเองหรอกหรือ เจ้าแน่ใจนะว่าไม่ได้แอบซื้อให้ตัวเองน่ะ”

เมื่อได้ยินดังนั้นเจ้าเต๋าน้อยก็เริ่มรู้สึกอายขึ้นมาในทันที ชายหนุ่มรีบเปลี่ยนเรื่องขณะอยู่หน้ากล้อง

“ทุกท่าน คิดว่าหวังเป่าเล่อนี้หล่อเหลาหรือไม่ หากคิดว่าหล่อกดหนึ่ง หากคิดว่าไม่กดสอง”

“นี่เจ้าอ่อนประสบการณ์หรืออย่างไร ทำแบบนั้นมันจะได้เรื่องได้อย่างไรกัน” หวังเป่าเล่อขมวดคิ้วและฉวยเอากล้องวิดีโอมาส่องหน้าตัวเอง พลางตะโกนออกมาว่า

“เหล่าสหายที่อยู่ทางบ้าน หากเจ้าคิดว่าข้าหล่อกดหนึ่ง หากเจ้าคิดว่าข้า       หล่อมากกดสอง ส่วนใครที่ไม่ตอบก็ถือว่าเห็นด้วยว่าข้าหล่อที่สุดในจักรวาล!”

เจ้าเต๋าน้อยตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ ทันใดนั้นหน้าจอของเขาก็พลันเต็มไปด้วยความเคลื่อนไหวจากผู้ชมมากมายทางบ้าน คำว่า ‘หน้าไม่อาย’ เด่นหราขึ้น          เต็มหน้าจอ

หวังเป่าเล่อหันกลับมามองเจ้าเต๋าน้อยที่นิ่งอึ้งอยู่ด้วยสีหน้าอวดดี

“เห็นไหม ดูสิว่ามีคนเข้ามาร่วมสนุกด้วยมากขนาดไหน พวกเจ้า ฟังให้ดีนะ      เจ้าเต๋าน้อยนี่จะเข้าไปฝึกตนอยู่ในห้องหินละลายเป็นเวลาสองชั่วโมงต่อหนึ่งกระสวยอวกาศที่เจ้าส่งเข้ามา ยิ่งได้กระสวยนี่มากเท่าไหร่ เจ้าเต๋าน้อยก็จะต้องอยู่ในห้องหินละลายนานเท่านั้น!”

ภายในเวลาไม่กี่วินาที หน้าจอของเจ้าเต๋าน้อยก็เต็มไปด้วยกระสวยอวกาศมากกว่ายี่สิบที่ลอยไปทั่วหน้าจอ

ชายหนุ่มหน้ายาวนิ่งอึ้งทำอะไรไม่ถูก ตาก็พลันเบิกกว้างด้วยความตกใจ         เขาสะอึกก่อนค่อยรู้สึกสันหลังวาบ เหงื่อเย็นเม็ดเป้งผุดขึ้นมาบนหน้า แต่ก่อนที่     เจ้าเต๋าน้อยจะกู้สถานการณ์ได้ทัน หวังเป่าเล่อก็โยนกล้องวิดีโอกลับมาที่เขา

“เห็นไหมล่ะ แค่นี้เจ้าก็ได้ของขวัญมากมายก่ายกองแล้ว!” หวังเป่าเล่อรวบแขนไว้ข้างหลังด้วยความรู้สึกพอใจในตนเอง ชายหนุ่มคิดในใจว่า กล้าดียังไงมาว่าข้า   หน้าใหญ่!

หวังเป่าเล่อเดินจากไปด้วยความรู้สึกดูแคลนภายในใจ ท่ามกลางสายตาทุกคู่ที่จับจ้องไม่วางตา

เจ้าเต๋าน้อยถูกทิ้งให้ยืนถือกล้องวิดีโอค้างเติ่งอยู่ สีหน้าของชายหนุ่มราวกับกำลังจะร้องไห้น้ำตาอาบแก้มสองข้าง เมื่อเห็นกระสวยอวกาศที่ยังคงหลั่งไหลเข้ามาเต็มหน้าจอ

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!