Skip to content

A World Worth Protecting 26

บทที่ 26 ข้ารับใช้ผู้ต้อยต่ำ เซี่ยไห่หยาง

สำเร็จกระบวนท่าบิดหมุนมหาสูญอย่างยิ่งใหญ่ทีเดียว!

เมื่อคู่ต่อสู้รุ่นพี่ที่แสนจะน่ากลัวในนิมิตมายาไม่อาจจะหักนิ้ว เตะผ่าหมาก หรือบิดข้อต่อใดๆ ของหวังเป่าเล่อได้อีก จนต้องเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ให้แก่เขาในที่สุด        ชายหนุ่มก็ตื่นเต้นยิ่งนัก

จะไม่มีผู้ใดหยุดยั้งไม่ให้ข้าเป็นหัวหน้าศิษย์อีกต่อไป! หลังจากออกมาจาก        มิติมายา ชายหนุ่มยืนเท้าสะเอวมองท้องนภาสีฟ้าสวยตัดกับเมฆขาวภายนอก      ก่อนหัวเราะถูกใจ

ตั้งแต่ชายหนุ่มล่วงรู้ถึงอำนาจของหัวหน้าศิษย์ เขาก็รู้สึกเต็มเปี่ยมไปด้วย     ความคาดหวัง ทั้งใช้เวลากว่าครึ่งปีที่ผ่านมาในการฝึกซ้อมอย่างหนัก เพื่อจะได้ตำแหน่งที่ฝันมาครอง

ชายหนุ่มรู้สึกราวกับจะได้เป็นบุคคลสำคัญ ด้วยสิทธิพิเศษของหัวหน้าศิษย์    และอำนาจในการควบคุมศิษย์ทุกคนในสาขาอาวุธเวท ถึงแม้เขาจะไม่ได้ครอบครองอำนาจทั้งหมดในสำนักศึกษาเต๋าศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้ แต่จะไม่มีผู้ใดกล้ามารังแกเขาได้อีก หวังเป่าเล่อคิดอย่างตื่นเต้น

จิตใจของชายหนุ่มเอ่อล้นไปด้วยความฝันอันเร้าใจทุกครั้งเมื่อจินตนาการ      ภาพเหล่านั้น แต่เขาก็ยังคงใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการฝึกฝนอย่างหนัก ตอนนี้เขาเริ่มเห็นภาพฝันเป็นฉากๆ แล้ว ภาพของการเป็นหัวหน้าศิษย์นั้น…อยู่ไม่ไกลเกินเอื้อม!

ยิ่งเข้าใกล้เป้าหมายเท่าไหร่ หัวใจของชายหนุ่มยิ่งเต้นไม่เป็นจังหวะด้วยความคาดหวังมากเท่านั้น

ท่ามกลางความตื่นเต้น หวังเป่าเล่อแตะหน้าท้องอันแห้งเหี่ยว ขณะกำลังคิดถึงอนาคต ก็อดสงสารตัวเองไม่ได้

เพื่อจะเป็นหัวหน้าศิษย์นั้น ตัวเราจำต้องอดข้าวอดน้ำเพื่อฝึกซ้อมกระบวน      วิชาบิดหมุน หากแต่ว่าตอนนี้ก็สำเร็จวิชาแล้ว จะขอกินอาหารดีๆ สักมื้อคงไม่ใช่ปัญหาอะไร ด้วยความคิดที่แวบเข้ามานี้ ชายหนุ่มรีบแจ้นออกจากห้องไปยัง          โรงอาหารของสำนักศึกษาเต๋าศักดิ์สิทธิ์ ก่อนเพลิดเพลินไปกับอาหารปริมาณสำหรับสามคนทานที่สั่งมา

สองชั่วโมงต่อมา ชายอ้วนเคี้ยวน่องไก่ขณะกำลังกลับห้องด้วยหน้าท้องอันเต่งตึง ก่อนจะโยนกระดูกทิ้งไป แล้วลูบพุงอ้วนๆ พลางดื่มน้ำเย็นหล่อวิญญาณจาก    กระเป๋าใบจิ๋ว หลังจากดื่มน้ำไปอึกใหญ่ ชายหนุ่มจึงเข้าไปยังถ้ำที่พักด้วยความ        พึงพอใจ เขาเรอออกมา แล้วแกะถุงขนมอีกสองสามห่อมากินอย่างหยุดไม่อยู่       หวังเป่าเล่อเช็ดปากและหายใจเฮือกลึกเข้าปอด

ถึงเวลาที่นามของหัวหน้าศิษย์สาขาอาวุธเวทประจำสำนักศึกษาเต๋าศักดิ์สิทธิ์  ตรงโถงศิลาวิญญาณจะเปลี่ยนไปแล้ว! ความคิดของการเป็นหัวหน้าศิษย์โลดแล่น     อีกครั้ง และยิ่งทำให้ชายหนุ่มตื่นเต้นยิ่งกว่าเคย

หัวหน้าศิษย์จ๋า ข้าจะได้เป็นแล้ว! เขาร้องพลางยกมือขวาขึ้นก่อนขยายพลังของเมล็ดแห่งการดูดกลืนภายในกายไปทั่วร่าง จนเกิดเป็นหลุมดำขนาดใหญ่

หลังจากสำเร็จกระบวนท่าบิดหมุนแล้ว หวังเป่าเล่อก็สามารถควบคุมเมล็ดแห่งการดูดกลืนได้มากขึ้น พลังดึงดูดแผ่ซ่านไปทั่วร่าง พร้อมทั้งศักยภาพในการซึมซับพลังวิญญาณก็มีมากกว่าครั้งไหนๆ

เพียงชั่วพริบตา พื้นที่ในห้องได้บิดเบี้ยวและแปรสภาพกลายเป็นสุญญากาศ เช่นเดียวกับเมล็ดแห่งการดูดกลืน ชายหนุ่มนำพาพลังวิญญาณจากภายนอกเข้ามาสู่ตัวเอง เพื่อจะดูดซับมันเข้าสู่ร่างกายได้โดยตรง แล้วพลังงานเหล่านั้นได้ไปรวมตัวกันตรงฝ่ามือของเขาอย่างรวดเร็ว

ไม่นานนัก ฝ่ามือของหวังเป่าเล่อก็มีลำแสงส่องสว่างออกมา

ความแตกต่างระหว่างศิลาวิญญาณชั้นกลางกับชั้นยอด อยู่ที่ความบริสุทธิ์      ร้อยละ 84 และร้อยละ 85 เท่านั้น ทว่ามันกลับเป็นปัญหาที่ทำให้หลายคนไม่อาจ   ไปต่อได้ ชายหนุ่มผู้นี้เองก็เคยประสบมา ทว่าตอนนี้ทุกอย่างได้เปลี่ยนไปอย่างสุดขั้ว ด้วยพลังของเมล็ดแห่งการดูดกลืนที่แข็งแกร่งขึ้น รวมถึงพลังงานที่ไหลเวียนผ่าน    เส้นปราณของเขาก็มีอุปสรรคน้อยลง หลังจากได้ฝึกฝนกระบวนท่าบิดหมุนนั้น

สิ่งเหล่านี้ทำให้การหลอมศิลาวิญญาณของเขาทะลุจุดคอขวด จนได้มาซึ่ง      ศิลาวิญญาณบริสุทธิ์ถึงร้อยละ 86

อาจเพราะไม่ได้หลอมศิลาวิญญาณมานาน ทำให้เขาแทบไม่มีไขมันวิญญาณในร่างกายนัก แต่ทว่าเมื่อหลอมศิลาวิญญาณ เนื้อตัวของชายหนุ่มกลับใหญ่โตขึ้น       จนสังเกตได้ ช่างน่าตื่นตระหนกอย่างยิ่ง

แม้ว่าน้ำหนักเพิ่มขึ้นก็ไม่ใช่ปัญหา ข้าเพียงต้องหาวิธีลดน้ำหนักลงเท่านั้น เป้าหมายตอนนี้คือ การได้เป็นหัวหน้าศิษย์โดยเร็วที่สุด! ชายหนุ่มครุ่นคิดหลังจาก  ลองชั่งน้ำหนักความสำคัญแล้ว ทำให้รู้ว่าตำแหน่งในฝันนั้นควรมาเป็นอันดับหนึ่ง ชายหนุ่มหยุดให้ความสนใจกับขนาดตัวที่เพิ่มขึ้น และมุ่งมั่นหลอมศิลาวิญญาณต่อ

เวลาได้ผ่านไปหลายวัน จนหวังเป่าเล่อหลอมศิลาวิญญาณบริสุทธิ์ที่ร้อยละ 89 ก่อนจะตัดสินใจ

กักตัว! สันโดษ! ความใฝ่ฝันในการเป็นหัวหน้าศิษย์นั้นแทรกอยู่ในความคิดของชายหนุ่ม เขาเดินทางไปยังโถงศิลาวิญญาณ เพื่อตรวจดูให้แน่ใจว่าอันดับหนึ่งนั้นยังเป็นของเจียงหลิน ซึ่งหลอมศิลาวิญญาณได้บริสุทธิ์ที่ร้อยละ 91

ชายหนุ่มมั่นใจแล้วก็รีบซื้ออาหารจำนวนมากมากักตุนอย่างบ้าคลั่งก่อนเริ่มกักตัว เพื่อมุ่งมั่นฝึกวิชาสู่การเป็นหัวหน้าศิษย์

วันคืนผ่านไป หวังเป่าเล่อหมกมุ่นอยู่กับการหลอมศิลาวิญญาณจนสติไม่อยู่กับเนื้อกับตัว หนึ่งอาทิตย์ผ่านไป ในที่สุดเขาก็หลอมศิลาวิญญาณได้บริสุทธิ์เกิน        ร้อยละ 89…และแตะระดับร้อยละ 90 ได้ในที่สุด!

หากเรื่องนี้แพร่สะพัดออกไป สำนักศึกษาเต๋าคงเกิดความอลหม่านน่าดู      เพราะการหลอมศิลาวิญญาณให้บริสุทธิ์เกินร้อยละ 85 นั้นถือเป็นเรื่องยากมาก      แม้ผู้มีความสามารถอย่างเจียงหลินเอง ยังต้องใช้เวลาสองปี กว่าจะหลอม            ศิลาวิญญาณความบริสุทธิ์ร้อยละ 70 ให้กลายเป็นร้อยละ 90 ได้ และต้องใช้เวลา   อีกหนึ่งปีกว่าความบริสุทธิ์จะแตะที่ร้อยละ 91

ขณะที่หวังเป่าเล่อมีพัฒนาการที่รวดเร็วกว่านั้น จากเดิมเขาหลอมศิลาวิญญาณได้บริสุทธิ์เพียงร้อยละ 50 ช่างเป็นพัฒนาการอันก้าวกระโดดชนิดที่ไม่เคยปรากฏให้เห็นมาก่อน หนำซ้ำยังใช้เวลาเพียงครึ่งปีเท่านั้น

หากผู้ใดหลอมศิลาวิญญาณได้บริสุทธิ์ถึงร้อยละ 90 แล้วละก็ จะได้รับการ   ขนานนามว่าเป็นระดับปรมาจารย์แห่งการหลอมศิลาวิญญาณเลยทีเดียว ซึ่งขณะนี้โถงศิลาวิญญาณสำนักศึกษาเต๋าศักดิ์สิทธิ์ ผู้ที่ทำได้ในระดับร้อยละ 90 มีเพียง       สองคนเท่านั้น!

คนหนึ่งทำได้ที่ร้อยละ 91 ส่วนอีกคนนั้นร้อยละ 90 พอดิบพอดี

แม้ตัวเลขนั้นใกล้เคียงกันมาก หากแต่ความจริงห่างไกลเอาการ

แค่หลอมให้ความบริสุทธิ์นั้นเกินร้อยละ 85 ไปที่ร้อยละ 90 ก็ว่าสาหัสแล้ว แต่ในระดับที่สูงกว่าร้อยละ 90 นั้นหฤโหดยิ่งกว่า ราวกับต้องกระโดดข้ามเหวลึกกว้างเพื่อจะผ่านแต่ละระดับเลยทีเดียว!

ในประวัติศาสตร์ของสำนักศึกษาเต๋าศักดิ์สิทธิ์ บันทึกว่าหัวหน้าศิษย์ที่ได้รับตำแหน่งเร็วที่สุดนั้น ใช้เวลาสองปี และเขาผู้นั้นทำสำเร็จด้วยพรสวรรค์อันน่าทึ่ง

สาขาวิชาอื่นๆ อาจพอมีหัวหน้าศิษย์ผู้เป็นเด็กใหม่ แต่ในสาขาอาวุธเวทนั้น      ไม่เคยปรากฎมาก่อน!

หวังเป่าเล่อใกล้จะทุบสถิติได้ในเร็ววัน เขาหมกมุ่นจนแทบไม่ได้กินไม่ได้นอน และไม่ใยดีกับน้ำหนักที่ทวีขึ้นแม้แต่น้อย ชายหนุ่มทุ่มเทอย่างหนักเพื่อหลอม        ศิลาวิญญาณให้บริสุทธิ์ที่ร้อยละ 91 ให้ได้

ยิ่งหลอมศิลาวิญญาณได้บริสุทธิ์เท่าไร น้ำหนักของเขาก็ยิ่งเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง     อย่างเชื่องช้า เช่นกันกับไขมันวิญญาณ

หลังจากนั้นสองสามวัน ร่างของชายหนุ่มก็ขยายจนอ้วนใหญ่ ยิ่งกว่าสมัยที่เขา   ลดน้ำหนักตอนการทดสอบแรกเข้า และในที่สุดเขาก็หลอมศิลาวิญญาณให้บริสุทธิ์ร้อยละ 91 ได้สำเร็จ!

ด้วยชัยชนะในกำมือ หวังเป่าเล่อไม่มีเวลาให้ความสำคัญกับการลดน้ำหนัก     เขามิได้คิดถึงแผนผังตระกูลหรือบรรพบุรุษจ้ำม่ำเลยแม้แต่น้อย

ชายหนุ่มควบคุมลมปราณ พร้อมให้กำลังใจตนเอง ก่อนหลอมศิลาวิญญาณ   ก้อนอื่นต่อไป

หนึ่งสัปดาห์หลังจากนั้น ชายหนุ่มหลอมได้สูงถึงร้อยละ 92!

แต่เขาไม่หยุดเพียงแค่นั้น เมื่อไตร่ตรองความเป็นไปได้ที่เจียงหลินอาจจะล้มสถิติได้อีก ก็ยิ่งน่าเคืองใจ ฉะนั้นชายหนุ่มร่างใหญ่จึงได้กัดฟันหลอมต่อไปอย่างมุ่งมั่น

ชายหนุ่มไม่รู้ตัวเลยว่าขนาดร่างกายได้ขยายออกมากที่สุดในชีวิตแล้ว ขณะที่เขาหลอมศิลาวิญญาณได้สูงขึ้นจากร้อยละ 92 เป็นร้อยละ 93 หวังเป่าเล่อมองดูศิลาในฝ่ามือ ซึ่งไม่ได้สุกสกาวหรือแวววาวนัก หากแต่กลับปล่อยแสงสีรุ้งราวกับอัญมณี     ชายหนุ่มเงยศีรษะขึ้นพลางระเบิดเสียงหัวเราะออกมา

นี่คือ สิ่งที่กล่าวขานกันมาในตำนาน…ศิลาวิญญาณรุ้ง!

หวังเป่าเล่อเคยได้ยินอาจารย์พูดถึงสิ่งนี้ตอนที่เข้าฟังการบรรยายครั้งแรก ต่อมาจึงรู้ว่ามันคือ ขั้นสูงสุดในการหลอมศิลาวิญญาณ!

หัวหน้าศิษย์คือ ข้าผู้นี้! ภายใต้ความตื่นเต้นดีใจ ชายหนุ่มพยายามจะลุกขึ้น    เพื่อมุ่งหน้าไปยังโถงก่อนทำการทดสอบการเป็นหัวหน้าศิษย์ โดยการทุบสถิติ         การหลอมศิลาวิญญาณ และจะกลายเป็นหัวหน้าศิษย์โดยทันที!

แต่แล้วหวังเป่าเล่อได้เบิกตาโพลงกว้างทันทีที่กำลังจะชันตัวขึ้น ชายหนุ่มใหญ่มองไปรอบตัวอย่างงุนงง

เหตุใดถ้ำที่พักนี้จู่ๆ ถึงได้ดูเล็กไป อย่าบอกนะว่า…

ลมหายใจของชายหนุ่มขาดห้วง เขาพึมพำพลางมองลงมาที่หน้าท้องของตน  สลับกับสิ่งรอบข้าง เพียงครู่เดียวเสียงร่ำร้องโหยหวนก็ดังก้องออกมาจากห้องของ  หวังเป่าเล่อฉับพลัน

ร่างกายของชายหนุ่มได้ขยายร่างอย่างน่าทึ่ง จนกินพื้นที่ภายในห้องไปเกินครึ่ง แม้ว่าห้องแห่งนี้จะไม่ได้ใหญ่โตอยู่แล้ว แต่พอทำให้ตระหนักว่าตนเองนั้นมีขนาด   อ้วนใหญ่ขึ้นมากเพียงใด หากใครได้ยลรูปลักษณ์อันน่ากลัวและชวนขบขันเช่นนี้    ต่างต้องพากันอ้าปากค้างเติ่งเป็นแน่

หวังเป่าเล่อน้ำตาแทบไหลเมื่อมองรอบๆ ห้องของตน ไม่ต้องถามว่าจะลุกขึ้นยืนได้อย่างไร เพราะแม้จะพยายามคืบคลานออกไปก็คงจะลอดบานประตูนั้นไปไม่ได้

ฟ้าดิน ข้าไม่อาจออกไปด้านนอกได้ แล้วข้า…ข้าจะลดน้ำหนักได้อย่างไรเล่า    หวังเป่าเล่อสิ้นหวังหมดคำพูด และเริ่มวิกลจริตจนแทบจะเป็นบ้า เขาเกือบจะได้เป็นหัวหน้าศิษย์อยู่รอมร่อ กลับต้องเจอบททดสอบอื่นก่อนถึงฝั่งฝันอีกเสียนี่ ตอนนี้     ชายร่างยักษ์ไม่อาจออกมาจากห้องได้เลย

นั่นทำให้ไม่มีทางที่จะไปยังห้องหินละลายเพื่อลดน้ำหนักได้ด้วย ทั้งหมดนี้คือ   วัฎจักรอันน่ารันทดที่ทำเอาชายหนุ่มตะลึงงันและต้องเสียสติ

เมื่อหวังเป่าเล่อรู้ตัวว่าการดิ้นรนหาทางแก้ปัญหาอยู่ข้างในนั้นไม่เป็นผล        ชายหนุ่มจึงทำได้เพียงยกแหวนสื่อสารขึ้นมาอย่างเศร้าใจ เพื่อขอความช่วยเหลือจากสหายคนหนึ่ง

หลิวต้าวปินรีบเร่งเท้ามาทันทีเมื่อได้รับรู้ข้อความ หลังจากที่เจอตัว ก็ทำเอา   ชายหนุ่มที่เพิ่งมาถึงนั้นตกใจ

“สวรรค์! หวังเป่าเล่อ เจ้าทำอะไรลงไปนั่น”

เมื่อหลิวต้าวปินเห็นว่าอีกฝ่ายอยู่ในภาวะเศร้าโศก จึงรีบแนะนำวิธีแก้ปัญหามากมาย แต่ใช้ไม่ได้ผลเลยสักข้อ ก่อนจะติดต่อหาผู้อื่นมาช่วย แล้วเจ้ากระต่ายน้อยโจวเสี่ยวหยา ตู้หมิน รวมถึงเฉินจื่อเหิงก็ตามมาสมทบ

เฉินจื่อเหิงเบิกตาโพลงพร้อมพึมพำเบาๆ “ช่างน่าสนใจเสียจริง”

ไม่ต่างจากตู้หมิน ที่กวาดตามองชายหนุ่มด้วยแววตาดูหมิ่นดูแคลน

“เจ้าอ้วนโง่เอ๊ย กินให้มันน้อยลงบ้าง!”

แต่เจ้ากระต่ายน้อยโจวเสี่ยวหยานั้นได้เพียงมองอย่างเป็นกังวล

ชายต้นเรื่องมองไปยังกลุ่มคนนอกถ้ำ รีบกล่าวขึ้นด้วยความอยากมีชีวิตรอดว่า “พวกเราเป็นคนบ้านเดียวกัน เพราะฉะนั้นพวกเจ้าต้องช่วยข้านะ”

อย่างไรก็ตาม คนอื่นๆ ไม่อาจช่วยอะไรได้อยู่ดี ไม่มีผู้ใดคิดวิธีที่พอเป็นไปได้ออกเลย เจ้ากระต่ายน้อยจึงติดต่อศิษย์รุ่นพี่นามว่า เซี่ยไห่หยางมาเพราะเคยรู้จักมาก่อน

เซี่ยไห่หยางนั้นค่อนข้างเป็นคนดังประจำสำนักศึกษาเต๋าศักดิ์สิทธิ์ เขาได้รับการยกย่องทั้งจากเจ้าสำนักและศิษย์หลายคน ไม่มีเรื่องใดที่เขาผู้นี้ไม่สามารถแก้ปัญหาได้ เจ้ากระต่ายน้อยได้รู้จักชายผู้นี้ผ่านการค้าขายโอสถ

ไม่นานนัก ชายหนุ่มร่างสูงมาตรฐานก็ย่างก้าวมาตามทางเดินด้านนอกห้องพักของหวังเป่าเล่อ ทรงผมของชายผู้นี้ตั้งกระทบแสงอาทิตย์เป็นประกาย จนมองจากระยะไกลๆ แล้วแลดูเหมือนหลอดไฟเดินได้

เมื่อชายคนดังกล่าวมาถึงด้านนอกถ้ำที่พัก ดวงตาคู่นั้นก็ทอประกายทันที

“สหายร่วมสำนักศึกษา ข้าคือข้ารับใช้อันต้อยต่ำของท่าน นามว่าเซี่ยไห่หยาง เมื่อได้เรียกใช้ข้าแล้ว ท่านก็สบายใจได้ ข้ายินดีทำธุรกิจกับผู้คนจากสาขาอาวุธเวทเป็นอย่างยิ่ง

“หากท่านมีเงินพอ ก็ไม่มีสิ่งใดที่เซี่ยไห่หยางผู้นี้ทำให้ท่านไม่ได้ มิต้องพูดถึงเรื่องเล็กน้อยของท่านหรอก ต่อให้ท่านต้องการให้เจ้าสำนักหลอมวัตถุเวทให้เป็นการพิเศษ หรือให้ช่างโลหะใช้ทรายเงินลึกลับทำขวดยานัตถุ์คล้ายกับของหัวหน้าสาขาอาวุธเวท ข้าก็สามารถทำให้ได้! สิ่งที่เกิดขึ้นกับท่านช่างขี้ประติ๋วนัก ท่านไม่ต้องการจะออกไปข้างนอกหรอกรึ ข้าทลายถ้ำที่พักของท่านลงได้นะ และนั่นก็คงพอจะทำให้ตัวท่านออกมาได้นะขอรับ” เซี่ยไห่หยางพูดอย่างกระตือรือร้นตรงเข้าประเด็นทันที

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!