Skip to content

A World Worth Protecting 61

บทที่ 61 แววสังหาร

มีเอกสารชุดหนึ่งแนบมากับข้อความเรียกตัวกลับที่หวังเป่าเล่อได้รับ ดูเหมือนว่าเมื่อสามวันก่อนจะเกิดเรื่องขึ้นในหมู่ศิษย์สาขาอาวุธเวท ที่ยังอยู่ในสำนักศึกษา      เต๋าศักดิ์สิทธิ์ช่วงปิดภาคเรียน

เท่าที่อ่านเอกสาร เรื่องนี้ดูท่าเป็นเรื่องรุนแรงที่ฝ่ายวินัยสำนักต้องจัดการทันที หวังเป่าเล่อในฐานะที่เป็นหัวหน้าศิษย์หนึ่งเดียวของสาขาอาวุธเวท จึงต้องรีบเดินทางกลับไปเพื่อแก้ไข

โดยปกติแล้วหากมีเหตุการณ์ทำนองนี้เกิดขึ้นในสาขาอื่น หัวหน้าศิษย์ที่มีภูมิลำเนาอยู่ใกล้สำนักศึกษาเต๋าศักดิ์สิทธิ์ที่สุด จะต้องเป็นผู้เดินทางกลับไปจัดการ แต่ด้วยความที่สาขาอาวุธเวทมีหัวหน้าศิษย์อยู่เพียงคนเดียว ภาระจึงตกมาที่        หวังเป่าเล่อทั้งหมด มากเป็นเงาตามตัวด้วย

หวังเป่าเล่อเข้าใจในทันทีว่าเขาต้องเป็นผู้รับผิดชอบเรื่องนี้

นี่แหละความท้าทายของบทบาทหัวหน้าศิษย์ พวกเราต่างต้องละทิ้งความสุขส่วนตัวเพื่อจุนเจือส่วนรวม

หวังเป่าเล่อไม่รอช้า รีบบอกบิดามารดาของตนทันทีที่ได้รับข่าวร้อน แม้ทั้งสองจะไม่อยากให้หวังเป่าเล่อจากไป แต่ก็เข้าใจดีว่าบัดนี้บุตรของตนเติบใหญ่แล้ว         จึงยอมไปส่งเขาที่สนามบิน

อีกหลายวันกว่าปีการศึกษาใหม่จะเริ่มขึ้น เรือบินของสำนักศึกษาเต๋าศักดิ์สิทธิ์จึงยังไม่มาจอดเทียบท่าเพื่อรับนักเรียนกลับ หวังเป่าเล่อต้องเดินทางกลับอย่างด่วนที่สุด จึงจำเป็นต้องขึ้นเรือเหาะขนาดเล็กกว่าเพื่อกลับไปยังนครศักดิ์สิทธิ์

แม้ค่าเดินทางจะแพงเอาเรื่อง แต่หวังเป่าเล่อก็สามารถกลับไปเบิกเอากับสำนักได้    เขาจองรอบบินที่เร็วที่สุด ร่ำลาบิดามารดาเรียบร้อย และกลับไปลอยอยู่บนฟ้าใน        ครึ่งชั่วโมงถัดมา

แน่นอนว่าอากาศยานลำเล็กที่รับส่งผู้คนจากเมืองหนึ่งไปสู่อีกเมืองหนึ่ง         ไม่ได้ปลอดภัยเท่าเรือบินลำใหญ่ของสำนักศึกษาเต๋าศักดิ์สิทธิ์ แต่หากไม่มีเหตุการณ์ฉุกเฉินเกิดขึ้นระหว่างทาง การเดินทางก็มักจะราบรื่นจนถึงที่หมายทุกครั้งไป

เที่ยวบินทุกเที่ยวจะถูกตรวจตราอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีอุปสรรคตลอดเส้นทางบิน

หวังเป่าเล่ออ้าปากหาวขณะนั่งอยู่ในห้องพัก

ช่วงปิดภาคเรียนทำให้เขารู้สึกผ่อนคลายขึ้น ชายหนุ่มขยี้ตาก่อนหันไปมองท้องฟ้ายามราตรีนอกหน้าต่าง

ต่อให้เรือบินลำนี้บินเร็วขึ้นอีกหน่อย กว่าข้าจะไปถึงก็คงห้าวันพอดี

คิดได้ดังนั้นหวังเป่าเล่าก็ทิ้งตัวลงนอนบนเตียง และผล็อยหลับไป

เช้าของคืนวันที่สอง หวังเป่าเล่อเดินออกมาจากห้องพักเพื่อยืดเส้นยืดสาย และสำรวจดูเพื่อนร่วมเดินทาง

ทั้งลำมีผู้โดยสารอยู่ประมาณสิบคนนิดๆ เจ็ดถึงแปดคนดูปราดเดียวก็รู้ว่าเป็นพ่อค้าที่เดินทางไปมาหาสู่ระหว่างเมือง ผู้โดยสารที่เหลือดูเป็นคนธรรมดาทั่วไป         มีสองสามคนที่ดูจะรุ่นราวคราวเดียวกับเขา มีชายหนุ่มร่างท้วมเหมือนเขาคนหนึ่งโดยสารมาด้วยกัน อีกฝ่ายเห็นเขาแล้วโบกมือทักทายทันที

หลังจากทักทายกันเรียบร้อย หวังเป่าเล่อก็เดินเข้าห้องอาหารไป เมื่อทานเสร็จ ชายหนุ่มก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกเบื่อขณะนั่งเล่นอยู่ที่ดาดฟ้า ตาก็มองลงไปที่ทัศนียภาพด้านล่าง

น่าจะบินให้เร็วกว่านี้หน่อย หากตรงไปทางนี้เรื่อยๆ สักพักก็คงผ่านป่าฝนบ่อเมฆสินะ หวังเป่าเล่อนึกย้อนไปถึงแนวเทือกเขาที่บิดาเคยเล่าให้ฟัง ขณะที่มองภูมิประเทศเคลื่อนผ่านไป

น่าเสียดายความสามารถของข้ายังด้อยนัก มิเช่นนั้นคงจะได้ไปเยือนเสียหน่อย หวังเป่าเล่อส่ายศีรษะด้วยความรู้สึกเสียดาย เขารู้ดีว่าสัตว์ร้ายมีอยู่ทั่วไปใน           ภูมิประเทศรกชัฏ แม้บัดนี้เขาจะบรรลุปราณขั้นบำรุงชีพจรแล้ว โอกาสที่จะโดน    สัตว์ร้ายสังหารก็ยังมีมากเหลือเกิน ซุ้มโบราณคดีที่ท่านพ่อของเขาทำงานอยู่          นักโบราณคดีนับร้อยในสำนักล้วนมีผู้อารักขาดูแลอย่างเข้มงวดมากมาย ทั้งนี้ก็เพื่อรักษาชีวิตของพวกเขาระหว่างทำงานในสถานที่จริง

หวังเป่าเล่อคิดว่าควรต้องมีผู้อารักขาความปลอดภัยมากกว่าที่เป็นอยู่ แต่ก็ไม่กล้าบอกให้ผู้อื่นที่ซุ้มโบราณคดีรับรู้ ชายหนุ่มถอนหายใจ ขณะวางแผนว่าวันหนึ่งเขาต้องไปเห็นป่านั้นกับตาตนเองให้จงได้ แต่คงต้องหลังจากที่เขาฝึกปราณขั้นบำรุงชีพจรของตนให้สมบูรณ์แบบ และสะสมวัตถุเวทกับโอสถให้มากกว่านี้เสียก่อน

ขณะที่ชายหนุ่มกำลังจะกลับไปห้องของตนเพื่อพักผ่อน เขาก็พลันสังเกตเห็นแสงกลุ่มหนึ่งสว่างจ้าอยู่บนท้องฟ้าเบื้องหน้า!

ด้านหน้าอากาศยานที่กำลังแล่นฉิวนั้น มีแสงเรืองสีเข้มคล้ายแผ่นโลหะยักษ์      ที่ยาวออกไปราวครึ่งกิโลเมตร!

เจ้าสิ่งแปลกปลอมบนฟ้านี้ปรากฏขึ้นโดยฉับพลันจนเรือบินของเขาหักหัวหลบไม่ทัน หวังเป่าเล่อตาเบิกกว้างเมื่อเห็นเรือบินที่ตนโดยสารอยู่พุ่งเข้าชนวัตถุแปลกปลอมนั้น

เสียงปะทะดังสะเทือนเลื่อนลั่นราวแผ่นดินไหว!

พลังกระชากรุนแรงปะทุขึ้นในเรือบินในบัดดล

“เกิดบ้าอะไรขึ้น”

“ขับประสาอะไรของเจ้า”

ทุกอย่างเกิดขึ้นในเสี้ยววินาที บรรดาผู้โดยสารต่างร้องโอดโอย เวลาเดียวกันนั้นแรงปะทะก็ทำให้อากาศยานหักออกเป็นสองท่อน

เนื่องจากเรือเหาะบินมาด้วยความเร็ว เศษซากจากการพุ่งชนจึงปลิวกระจายออกทุกทิศทางด้วยความแรงมหาศาล ซากนั้นตกลงราวกับฝนดาวตกที่เจาะทำลาย     ส่วนอื่นของตัวยานเสียแทบพรุน!

สีหน้าของหวังเป่าเล่อเปลี่ยนทันทีที่ซากวัตถุชั้นหนึ่งแล่นเฉียดเขาไป แม้จะ  แคล้วคลาดปลอดภัย แต่แรงลมที่อัดมาใส่เขานั้นทำให้หวังเป่าเล่อตัวแข็งทื่อ

หากไม่ใช่เพราะเขาจับราวเหล็กเอาไว้เสียแน่น ชายหนุ่มคงจะปลิวออกจากยานไปเสียแล้ว

เกิดบ้าอะไรขึ้นกันนี่ รูม่านตาของหวังเป่าเล่อตีบแคบ ความคิดกระจัดกระจายไปหมด ตั้งแต่แสงประหลาดสีดำไปจนถึงการพุ่งชน ทุกอย่างเกิดขึ้นภายในเวลาไม่กี่วินาทีจนหวังเป่าเล่อไม่ทันได้ตั้งตัว เขาเฉียดความตายไปแบบเส้นยาแดงผ่าแปด

โชคดีที่ตัวเครื่องหลักของอากาศยานแข็งแรงมาก และแสงประหลาดสีดำนั้นก็ไม่ได้ควบแน่นจนเป็นของแข็ง การปะทะจึงไม่ได้ทำลายเรือบินที่เขาโดยสารมานี้จนไม่เหลือชิ้นดี แต่สิ่งที่ตามมาหลังจากนั้นกลับเลวร้ายไม่แพ้กัน

หลังจากที่ชนเข้ากับแสงสีดำนั้น อากาศยานที่พุ่งมาด้วยความเร็วก็หยุดในทันที แรงเฉื่อยที่เป็นผลมาจากการหยุดนิ่งอย่างฉับพลันกลางอากาศ โยนผู้โดยสารทุกคนออกจากเบาะที่นั่งเข้ามาปะทะกันเอง

ในเวลาเดียวกันนั้น หวูดเตือนภัยก็กรีดร้องลั่นไปทั่วตัวเครื่อง

“เราถูกโจมตี!”

“ระวังศัตรู!”

บรรดาลูกเรือและพนักงานรักษาความปลอดภัยปีนขึ้นมาที่ดาดฟ้า สีหน้าซีดเผือดไปด้วยความตระหนกถึงขีดสุด พวกเขามองไปรอบๆ ขณะกลั้นหายใจ สายตาก็ฟ้อง   แววหมดหวังขึ้นมา

ผู้โดยสารทุกคนมืดแปดด้านไม่แพ้กัน แม้บางคนจะพยายามซ่อนตัว แต่ส่วนใหญ่ก็พุ่งออกจากห้องพักขึ้นไปยังดาดฟ้าเพื่อดูว่าอะไรเกิดขึ้น ทันทีที่เห็น ความเย็นเยือกก็วาบลงไปตามไขสันหลัง ทุกคนต่างอ้าปากค้างเพื่อกรีดร้อง หากแต่กลับไม่มีสรรพเสียงใดเล็ดรอดออกมา

นั่นมัน…โจรสลัด!

หวังเป่าเล่อหายใจไม่เป็นจังหวะ การทดสอบในมิติมายาที่ตนเคยประสบ     เทียบไม่ได้กับเหตุการณ์เบื้องหน้าที่เปลี่ยนอย่างฉับพลัน ชายหนุ่มก็เห็นเช่นเดียว    กับทุกคนว่ามีอากาศยานห้าลำบินวนอยู่ที่น่านฟ้าเบื้องหน้า และกำลังคืบเข้ามาใกล้ทุกทีๆ

อากาศยานห้าลำนั้นสีแดงจัดราวกับเลือด สัญลักษณ์สลัดอากาศสลักอยู่บนตัวยาน คอยแผ่รังสีความอำมหิตออกมาสู่ยานโดยสารที่โดนตีล้อม

หากจบแค่นั้นยังคงจะพอมีทางสู้กลับอยู่บ้าง แต่ขณะที่ยานโจรสลัดห้าลำนั้น   คืบเข้ามาใกล้ เหล่าชายฉกรรจ์ราวสิบเจ็ดสิบแปดคนก็กระโดดออกมา แต่ละคนมีใบหน้าโหดเหี้ยมจนดูก็รู้ว่าเลือดและความตายไม่ใช่เรื่องแปลกสำหรับพวกเขา      แววตาอำมหิตเลือดเย็นนั้นพิสูจน์ความจริงข้อนี้ได้เป็นอย่างดี ไม่ว่าใครได้มองก็พากันเสียวสันหลังไปตามกัน

โจรสลัดทุกคนบรรลุปราณขั้นบำรุงชีพจร บางคนบรรลุขั้นสมบูรณ์ของปราณ   ขั้นบำรุงชีพจรด้วยซ้ำ ผู้พิทักษ์ความปลอดภัยประจำยานโดยสารรู้สึกอับจนหนทาง ส่วนผู้โดยสารบางคนก็เริ่มร้องไห้ออกมา ขณะที่มองเห็นความตายยืนรออยู่ที่        ปากประตู

ในกลุ่มผู้เคราะห์ร้ายนั้น ชายวัยกลางคนที่เป็นผู้บังคับยานโดยสารกล่าวออกมาด้วยเสียงสั่นเครือว่า “สายการบินตงหลิน…”

แต่ก่อนที่เขาจะประกาศจบ เหล่าชายชุดดำที่ก้าวขึ้นมาบนยานเรียบร้อยก็ตะคอก

“หุบปาก!”

โจรสลัดชุดดำก้าวขึ้นมาบนยานโดยสารทีละคน พลางกวาดตามองไปใน         หมู่ผู้เคราะห์ร้ายราวกับกำลังมองหาใครบางคนอยู่ พวกเขาทำแม้กระทั่งหยิบ       แผ่นหยกขึ้นมาเทียบดู หลังจากที่เห็นชายร่างอ้วนอายุรุ่นราวคราวเดียวกับ           หวังเป่าเล่อแล้ว ดวงตาของพวกเขาก็ส่องประกายระยับ แต่เมื่อเทียบดูกับรูปอีกครั้ง คิ้วก็พลันขมวดมุ่น

ฉากนี้ทำให้หวังเป่าเล่อหรี่ตาลง หัวใจเต้นรัวขึ้น ชายหนุ่มรู้สึกได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ สิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้านี้เป็นความจริง หาใช่ภาพลวงในมิติมายาไม่ นี่เป็น    นาทีชีวิต ชายหนุ่มสอดมือเข้าไปในแขนเสื้อ และหยิบกระบี่เหาะเหินออกมาจาก   กำไลคลังเวทอย่างไม่ลังเล

สีหน้าของหวังเป่าเล่อเคลือบไปด้วยความตกใจ ร่างของเขาสั่นเทาขณะที่ซ่อนกระบี่ไว้ในฝ่ามือ ตาก็ประสานเข้ากับเหล่าชายชุดดำเจ้าของปราณขั้นบำรุงชีพจร

แววตาของพวกเขาทอประกายขึ้นมาอีกครั้ง หลังจากที่แน่ใจแล้วว่าเป็นหวังเป่าเล่อ รังสีสังหารเด่นชัดขึ้นมาในบรรยากาศ พวกเขาเลิกสนใจผู้โดยสารคนอื่นโดยทันที    เมื่อเหล่าโจรสลัดพุ่งเข้าหาเขา หวังเป่าเล่อก็รู้ในทันทีว่าเขานี่แหละคือ เป้าหมายของโจรชั่วพวกนี้!

“ไอ้สวะนั่นอยู่นี่!” หนึ่งในโจรสลัดประกาศก้อง พวกพ้องของเขาต่างกระโจนเข้าใส่ชายหนุ่มด้วยความเร็วแสง ภายในเสี้ยววินาที ชายชุดดำกว่าสิบคนก็พุ่งเข้ารุม     หวังเป่าเล่อด้วยความเร็วขั้นบำรุงชีพจร หมายจะสังหาร

หวังเป่าเล่อกลั้นหายใจอย่างตื่นตระหนก เมื่อเหล่าโจรสลัดชุดดำคืบเข้ามาใกล้ กระบี่เหาะเหินที่เขาซ่อนไว้ก็หายไป เปลี่ยนเป็นโทรโข่งวัตถุเวทที่หลอมเองขึ้นมาแทนที่ ชายหนุ่มหยิบโทรโข่งขึ้นจ่อปากด้วยท่าทางอำมหิต เส้นเลือดก็พลันปูดโปนขึ้นตามแรงกดดัน เขารวบรวมพลังเสียงทั้งหมดที่มีอัดเข้าไปในโทรโข่ง “พวกเจ้า         นั่นแหละไอ้สวะ!”

เสียงจากปากเขาก็ดังพออยู่แล้ว แต่โทรโข่งวัตถุเวทของเขานั้นกลับทำงานได้     ดีเสียยิ่งกว่า เสียงตะโกนของหวังเป่าเล่อเหมือนอสนีบาต อัดแน่นเป็นคลื่นเสียง   ขนาดมหึมาที่ระเบิดออกมาจากปลายโทรโข่ง!

ชายชุดดำที่เข้ามาใกล้หวังเป่าเล่อที่สุดจ้องตาถลึง ก่อนปล่อยเสียงกรีดร้องแหลมออกมา แก้วหูของเขาระเบิดออก และร่างก็พลันปลิวออกตามแรงระเบิดนั้น         ขณะร้องโหยหวนอย่างทุกข์ระทม

โจรสลัดชุดดำคนอื่นก็พากันทุรนทุรายจากคลื่นเสียงนี้ด้วยเช่นกัน คนที่โดนเข้าไปเต็มๆ หน่อยก็เริ่มกระอักเลือด ส่วนคนที่อยู่ไกลออกไป ก็ตกอยู่ในความพรั่นพรึงจนต้องหยุดเท้าเอาไว้

หวังเป่าเล่อแก้วหูสั่นไม่แพ้กันทั้งที่เตรียมตัวเตรียมใจไว้แล้ว ชายหนุ่มสังเกตว่า   มีโจรสลัดชุดดำหลายคนก้าวขึ้นยานบินมาสมทบ จึงสูดลมหายใจเข้าเต็มปอด       และฉวยโอกาสที่กลุ่มชายฉกรรจ์ตัวแข็งทื่อด้วยความตกใจนี้ กระโดดข้ามราวดาดฟ้าทิ้งดิ่งลงสู่พื้นพสุธาเบื้องล่าง!

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!