บทที่ 62 ต้องตอบโต้เท่านั้น!
“ฉิบหาย!” เหล่าชายชุดดำที่เพิ่งออกมาสมทบจากยานแม่สีหน้าเปลี่ยน เมื่อเห็นหวังเป่าเล่อกระโจนออกจากเรือบินอยากไม่ลังเล สายเกินไปเสียแล้วที่จะหยุดเขา
หวังเป่าเล่อตัดสินใจอย่างไร้ซึ่งความลังเล ตั้งแต่ตอนควักโทรโข่งออกมาไปจนถึงตอนพุ่งออกจากดาดฟ้า นี่ทำให้เหล่าโจรสลัดตัวแข็งทื่อด้วยความทึ่ง
เมื่อพุ่งไปยังจุดที่หวังเป่าเล่อเคยอยู่ พวกเขาก็เห็นเพียงร่างของหวังเป่าเล่อที่พุ่งดิ่งลงไปยังพื้นดินเบื้องล่างพร้อมเสียงร้องเท่านั้น ร่างนั้นค่อยๆ เล็กลง แต่ก็ยังพอเห็นสีหน้าเย็นเยียบของหวังเป่าเล่อเมื่อชายหนุ่มผงกหัวขึ้นมา
สายตาพิฆาตนี้ทำให้เหล่าชายฉกรรจ์ตัวสั่นอย่างอธิบายไม่ได้
เหยื่อของพวกเขามุทะลุเหนือความคาดหมายไปมาก ถึงอย่างไรหวังเป่าเล่อก็ยังเป็นเพียงเด็กวัยรุ่นเท่านั้น แต่กลับทำให้พวกเขาอึ้งตะลึงงันถึงสองครั้งสองครา!
เหล่าโจรสลัดชุดดำประเมินหวังเป่าเล่อต่ำไป สีหน้าหวาดกลัวของเขาทำให้ กลุ่มแรกที่ก้าวขึ้นยานมาประมาท ย่ามใจในชัยชนะ แต่พวกเขาก็ต้องตกใจเมื่อ ชายหนุ่มควักเอาวัตถุเวทออกมาสู้ ระเบิดคลื่นเสียงนั้นทำให้พวกคนหนึ่งของเขาบาดเจ็บและทำให้ที่เหลือถอยร่น นี่เปิดช่องให้เจ้าตัวหนีรอดไปได้!
วิธีการแบบนี้…ไม่ใช่สิ่งที่เด็กวัยรุ่นทั่วไปทำได้ เพราะต้องใช้การตัดสินใจที่ เยือกเย็นและจังหวะอันพอเหมาะพอดี ทันทีที่เหล่าโจรชุดที่สองเหยียบยานโดยสาร สิ่งที่ทำให้น่าตกใจที่สุด ก็คือหวังเป่าเล่อตัดสินใจ…ทิ้งดิ่งลงไปยังพื้นพสุธา!
แน่นอนว่าคงไม่มีใครในหมู่พวกเขาใจเด็ดพอที่จะกระโดดลงไป แต่หวังเป่าเล่อทำได้!
เนื่องจากยานอยู่สูงจากพื้นหลายกิโลเมตร หากเป็นคนอื่นคงมีท่าทีลังเลก่อน ทิ้งตัวลงไปแบบนั้น จากความสูงระดับนี้ คงมีแต่ผู้ฝึกตนระดับลมหายใจเที่ยงแท้เท่านั้นที่รอดชีวิตไปได้ ผู้ที่อยู่ในระดับการฝึกตนโบราณถึงอย่างไรก็คงสิ้นชีพแน่นอน หากไม่เตรียมทางหนีทีไล่ให้ดีเสียก่อน!
แต่หวังเป่าเล่อไม่แม้แต่จะหยุดคิด เท่านี้ก็เห็นได้อย่างชัดเจนแล้วว่าหวังเป่าเล่อนั้นโหดเหี้ยมเพียงใด แม้กระทั่งกับตนเอง!
สิ่งที่เขาทำเป็นหนทางเดียวที่จะหนีออกจากสถานการณ์นี้ได้!
“ร้ายกาจยิ่งนัก เจ้าเด็กนั่นยังไม่ยี่สิบเลยด้วยซ้ำ หากปล่อยให้มันเติบใหญ่กว่านี้ มันต้องกลายเป็นนักฆ่าเลือดเย็นเป็นแน่!”
“ก่อนหน้านี้ข้าก็สงสัยว่าเหตุใดจึงมีหมายออกมาให้ฆ่าเด็กวัยรุ่น…ตอนนี้ข้าเข้าใจแล้ว!”
“เจ้าเด็กนี่โหดเหี้ยมแม้แต่กับตัวเอง แล้วกับศัตรูเล่าจะขนาดไหน!”
เหล่าชายฉกรรจ์ในชุดดำเกือบสามสิบคนจากทั้งสองระลอกต่างรู้สึกประหวั่นพรั่นพรึง หลังจากมองหน้ากันไปมาสักครู่ พวกเขาก็หันไปหาท่านท่านผู้เฒ่าที่มาถึงพร้อมกับกลุ่มที่สอง
ชายผู้นี้แต่งกายเฉกเช่นเดียวกับคนอื่น แตกต่างก็เพียงถุงมือสีดำที่มือขวาเท่านั้น ถุงมือนี้เหมือนทำมาจากโลหะและดูยากหาสิ่งใดเหมือน แววตาของชายชราเย็นเยียบ บรรยากาศที่เขาปล่อยออกมาอันแน่นไปด้วยความรู้สึกคุกคาม เขาคือผู้นำของ เหล่าชายชุดดำ
“เจ้าหวังเป่าเล่อนี่…ปล่อยให้มันรอดไปไม่ได้ ไม่ว่าอย่างไรวันนี้เราก็ต้องล่าหัวมันไปให้ได้ ล่ามัน!” ชายชราพูดด้วยน้ำเสียงเย็น บรรดาลูกน้องชุดดำก็ส่งเสียงรับ พร้อมกันเป็นหนึ่งเดียว
เหล่าโจรสลัดถอยกลับไปที่ยานของตนเพื่อตามล่าหวังเป่าเล่อ โดยไม่สนใจผู้เคราะห์ร้ายคนอื่นในยาน
ขณะเดียวกันนั้น หวังเป่าเล่อก็ลอยเท้งเต้งอยู่กลางอากาศและกำลังพุ่งหัวลงสู่พื้น เขาไม่มีเวลามาหาเหตุผลว่าเหตุใดชายชุดดำเหล่านั้นจึงต้องการปลิดชีวิตเขา ในหัวของชายหนุ่มกำลังคิดคำนวณอย่างบ้าคลั่งเพื่อหาความเร็วในการลดระดับ ของตน และระยะทางก่อนที่ร่างจะกระทบพื้น
การคำนวณและการปรับท่วงท่าอย่างต่อเนื่องเพื่อเปลี่ยนทิศทางกลางอากาศนั้น เป็นผลโดยตรงจากการฝึกแก้โจทย์อักขราจารึก ที่ทำให้เขาชำนาญด้านการคิดคำนวณเป็นพิเศษ
เพิ่มแรงต้าน ข้าต้องหาทางเพิ่มแรงต้าน อย่างน้อยเก้ารอบ!
แรงอัดของความเร็วจากการดิ่งพสุธาทำให้หวังเป่าเล่อหายใจลำบาก ชายหนุ่มรู้สึกเหมือนร่างของเขากำลังถูกบีบให้แหลก วิสัยทัศน์ก็เริ่มมืดมิด แต่หวังเป่าเล่อก็ กัดฟันอย่างแน่วแน่เพื่อให้จิตใจปลอดโปร่ง ในไม่กี่ลมหายใจ เขาสะบัดมือขวาออกอย่างดุดัน ตราผนึกก็พลันปรากฏขึ้น
ตราผนึกนี้เป็นหนึ่งในวัตถุเวทที่เขาหลอมด้วยตนเอง หวังเป่าเล่อไม่รีรอที่จะส่งพลังปราณทั้งหมดที่มีไปที่วัตถุเสียงดังหวีดหวิว เขารีบจารึกตัวอักขระลงบนตราผนึกเพื่อหลอมแก่นวิญญาณ ยับยั้งพลังงานทั้งหมดไม่ให้ไหลออกมาจากตรานั้น บีบอัดจนนำไปสู่การระเบิดในท้ายที่สุด
หากเป็นผู้อื่นคงไม่สามารถทำการนี้ได้โดยง่าย แต่หวังเป่าเล่อเป็นคนหลอม วัตถุเวทชิ้นนี้ขึ้นมาเอง ชายหนุ่มเป็นคนจารึกอักขระลงไปเองทุกตัว เขาจึงรู้โครงสร้างของตราผนึกเป็นอย่างดี ไม่กี่อึดใจ ตราผนึกในมือเขาก็เปล่งแสงวาบออกมา หวังเป่าเล่อปามันลงเบื้องล่าง ระเบิดก็พลันปะทุขึ้นพร้อมเสียงกึกก้อง!
ร่างของหวังเป่าเล่อปะทะเข้ากับแรงระเบิดอย่างจัง เลือดไหลออกมาจากมุมปากของชายหนุ่ม แต่ขณะเดียวกัน ความเร็วในการทิ้งดิ่งของเขาก็ลดลงไปด้วย
รู้ดังนั้นสายตาของหวังเป่าเล่อพลันเหี้ยมขึ้น เขาหยิบวัตถุเวทออกมาแล้วทำให้มันระเบิดออกซ้ำแล้วซ้ำเล่า ด้วยเหตุนี้ร่างของเขาจึงเริ่มลดความเร็วลง จนทำให้เขาสามารถเปลี่ยนจุดที่ตนเองจะลงถึงพื้นได้ ชายหนุ่มไม่ได้พุ่งตรงไปยังลานโล่งแจ้งเหมือนเมื่อก่อนหน้า แต่กระแทกลงกับหน้าผาในหุบเขาแทน
ถึงกระนั้น หากปล่อยให้เป็นแบบนี้ เมื่อหวังเป่าเล่อตกลงไปกระทบหน้าผา แรงกระแทกก็ยังเหลืออยู่อีกมาก แม้ความเร็วจะลดลงบ้างแล้ว แต่หากพุ่งเข้าปะทะหินและต้นไม้ อย่างไรร่างเขาคงแหลกเป็นเสี่ยงๆ ตายคาที่ทันทีที่ตกถึงพื้น
หวังเป่าเล่อตระหนักดีว่าช่วงเวลาชี้เป็นชี้ตายมาเยือนแล้ว ก่อนที่จะพุ่งเข้า ปะทะหน้าผา ชายหนุ่มระเบิดเสียงร้องออกมา พร้อมระเบิดเมล็ดแห่งการดูดกลืนที่อยู่ในตัวพร้อมกัน
ด้วยคลื่นยักษ์ของพลังปราณและสัญชาตญาณการเอาตัวรอดที่แสนบ้าคลั่ง เมล็ดหลุมดำในร่างของหวังเป่าเล่อปล่อยแรงสูบมหาศาลออกไปยังหน้าผานั้น
แรงสูบนั้นทรงพลังมาก เมื่อแรงนั้นสวนทางกับความเร็วที่หวังเป่าเล่อพุ่งลงสู่พื้น จึงเกิดเป็นแรงกระชากมหาศาลที่ส่งให้ชายหนุ่มส่งเสียงร้องแหลมสูงออกมา ราวกับร่างของเขากำลังจะแหลกเป็นชิ้นๆ แต่ความเจ็บปวดแสนขาดใจจากแรงกระชากนั้น ก็ดูเหมือนจะคุ้มค่า เมื่อความเร็วของเขาลดลงเป็นลำดับเพราะแรงสูบกำลังมหาศาลภายในกาย กระชากเขากลับขึ้นสู่ฟ้า ความเร็วของหวังเป่าเล่อก็…ชะลอช้าลงโดยสมบูรณ์
ขณะที่อยู่ห่างจากพื้นอีกประมาณหนึ่งเมตร ชายหนุ่มก็ตั้งท่าได้ แม้จะไม่ได้ถึงพื้นอย่างนิ่มนวลนัก เครื่องแบบหัวหน้าศิษย์และกำไลคลังเวทก็ช่วยปกป้องร่างกายของเขาเอาไว้ได้เป็นอย่างดี
หวังเป่าเล่อตกลงกระทบพื้นเสียงดังตึง แต่ก็ไม่ได้รับบาดเจ็บร้ายแรงอะไร มีเพียงรอยแผลถลอกเล็กน้อย เขารีบเดินขึ้นเขาด้วยความเร็วคงที่ไปบนถนนสายเล็กที่ ทอดยาวตามรอยผา
หวังเป่าเล่อกระหืดกระหอบไปตลอดทาง เขารู้ตัวดีว่าภยันตรายคืบเข้ามาใกล้ แต่นี่ก็เทียบอะไรไม่ได้กับประสบการณ์เสี่ยงตายที่เขาพบเจอมาก่อนหน้า!
เหล่าชายชุดดำบุกมาหาเขาอย่างอุกอาจ ราวกับจะไม่มีวันหยุดพักหากไม่เห็นร่างอันไร้ลมหายใจของเขา
พวกนั้นเป็นใครกันนะ
เหตุใดจึงต้องการชีวิตข้า
มันรู้ได้อย่างไรว่าข้าอยู่บนยานบินลำนั้น
หวังเป่าเล่อกำหมัดแน่น ถึงอย่างไรเขาก็ยังเป็นเพียงชายหนุ่มวัยรุ่น เขาพยายามปัดความกลัวและความหวาดหวั่นทิ้งออกไป ก่อนขอความช่วยเหลือผ่านแหวนสื่อสาร แต่ไม่มีสัญญาณ ความหวังสุดท้ายของเขาได้พังทลายลงเสียแล้ว
เมื่อรู้ดังนั้น แววตาของชายหนุ่มจะเริ่มฉายแววคลุ้มคลั่งออกมา เขาเข้าใจว่าเหล่านักฆ่าได้เตรียมการมาเป็นอย่างดี มิเช่นนั้นคงไม่พอเหมาะพอเจาะเท่านี้
ข้อความเรียกตัวกลับฉุกเฉินนั่นต้องมีเอี่ยวด้วยแน่ๆ!
ความเด็ดเดี่ยวฉายชัดบนใบหน้าของหวังเป่าเล่อ ชายหนุ่มรู้ดีว่าไม่มีประโยชน์ที่จะหาคำตอบนี้ในเวลานี้ แม้แต่จะหลบหนีไปให้พ้นจากเงื้อมมือแห่งความตายยังดูแทบเป็นไปไม่ได้
วันนี้ มีแต่เขาเท่านั้นที่จะช่วยชีวิตตนเองได้!
ทางเดียวที่เหลืออยู่ก็คือ…ตอบโต้กลับ! หวังเป่าเล่อขบกรามแน่น เขาพุ่งกระโจนไปตามเทือกเขาด้วยความเร็วลมกรด ไม่นานนักก็มาถึงยอดหน้าผา
ขณะวิ่งอยู่นั้น ชายหนุ่มก็หยิบโอสถหลายเม็ดขึ้นมากิน เมื่อรู้สึกว่าบาดแผลในร่างกายเริ่มสมาน ลมหายใจก็พลันหอบถี่
ข้าต้องทำใจให้สงบ จะกลัวแบบนี้ไม่ได้ ข้าต้องสงบ! หวังเป่าเล่อค่อยๆ ปรับจังหวะการหายใจเพื่อบังคับร่างกายให้กลับสู่สภาวะปกติ แม้ใจจะยังสั่นอยู่บ้างแต่โดยรวมแล้วเขาก็รู้สึกเย็นขึ้น
โจรสลัดพวกนั้นต้องการปลิดชีวิตข้า เพียงเพื่อฆ่าข้าคนเดียวมันนำเรือเหาะมา ตั้งหลายลำ แถมยังมีคนเกือบสามสิบที่โผล่มาให้เห็น ใครจะรู้ว่าจริงๆ แล้วมันเอากำลังคนมาเท่าไหร่ ที่แย่ที่สุดคือแต่ละคนบรรลุขั้นปราณบำรุงชีพจรอีก อย่างมาก ข้าก็จัดการได้แค่คนเดียวเท่านั้น หากโดนรุมเช่นนี้ ข้าคงกลายเป็นศพแน่!
แต่ข้าก็ไม่ได้สิ้นไร้ไม้ตอกเสียทีเดียว ข้ายังมีวัตถุเวทติดตัวมามากโข แม้ว่าจะรู้วิธีใช้แค่แบบพื้นๆ เพราะยังไม่บรรลุระดับลมหายใจเที่ยงแท้ แต่ถ้าข้าปรับแต่ง อักขระเสริมสักหน่อย ก็คงพอสู้ได้อยู่!
ต้องให้พวกมันกระจายตัวกันหา จะปล่อยให้มารุมล้อมไม่ได้! อยู่ในที่โล่งไม่น่ารอด…ป่า ข้าต้องเข้าไปในป่า!
คิดได้ดังนี้ หวังเป่าเล่อก็เงยหน้าขึ้นโดยพลัน ชายหนุ่มมองไปรอบกาย ก่อนวิ่งตรงเข้าไปยังป่าฝนบ่อเมฆที่เห็นอยู่ลิบๆ
เมื่อถึงเขตป่าชายหนุ่มก็ได้ยินเสียงอากาศยานจากระยะไกล ทันทีที่ย่างเท้าแรกเข้าไป เขาก็หยุดแล้วหันหลังกลับ เพื่อที่จะพบเรือบินห้าลำกำลังพุ่งตรงมาทางเขา
อยากจบชีวิตข้างั้นหรือ มาดูกันว่าจะมีน้ำยาหรือเปล่า! หวังเป่าเล่อเหมือนสัตว์ร้ายจนมุมที่ขู่ฟ่อออกมาอย่างอำมหิต เขาหันหน้ากลับและวิ่งตรงลึกเข้าไปในดงต้นไม้มืดมิด
ไม่นานนักหลังจากที่หวังเป่าเล่อเข้าป่าไป ยานโจรสลัดทั้งห้าลำก็มาถึงที่หมาย ยานทั้งห้าลำนั้นบินอยู่เหนือป่าฝนบ่อเมฆเพื่อตามล่าเหยื่อ ด้วยความที่ทัศนียภาพเป็นป่ารกชัฏ ต้นไม้พืชพันธุ์นานาต่างชูกิ่งก้านสาขาไปบนฟ้าบดบังสิ่งที่เกิดขึ้น เบื้องล่าง อากาศยานห้าลำนี้ก็พลันหมดความได้เปรียบไป ไม่นานนักแต่ละลำ ก็กระจายตัวออกไปตามจุดต่างๆ เหล่าชายฉกรรจ์กว่ายี่สิบคนลงมาจากเรือ และเริ่มต้อนหาหวังเป่าเล่อ
“จงหาไอ้หวังเป่าเล่อ เมื่อเจอ ฆ่ามันทิ้งทันที!”