Skip to content

A World Worth Protecting 63

บทที่ 63 ตามล่าสุนัขจนตรอก

พื้นดินในป่าฝนบ่อเมฆนั้นเปียกแฉะด้วยน้ำขัง บนพื้นยั้วเยี้ยไปด้วยตะขาบตัวยาวเป็นฟุตและงูพิษมากมายนับไม่ถ้วน นอกจากนี้ยังมีสัตว์ร้ายหลายชนิดดักซุ่มอยู่

รอบนอกของป่านั้นเต็มไปด้วยภัยทุกซอกทุกมุม

แม้หวังเป่าเล่อจะไม่เคยมาเหยียบสถานที่จริงมาก่อน แต่มิติมายาที่เขาเคยเจอมาก่อนหน้านั้นสร้างมาเพื่อเลียนแบบสถานที่แห่งนี้ รายละเอียดปลีกย่อยมากมายก็ดูคล้ายกับบรรยากาศจริงของป่ามืดนี้ คงพอพูดได้ว่า หวังเป่าเล่อคุ้นกับสภาพภูมิประเทศของป่าฝนพ่อเมฆอยู่พอประมาณ

ชายหนุ่มผู้ถูกล่าทิ้งตัวให้จมมิดลงในโคลน อมยาคลายพิษไว้ในปาก และทำตัวแข็งนิ่งไม่ขยับเขยื้อน เขาพยายามอดทนต่อความรู้สึกไม่สบายตัว ปล่อยให้ตาเพียงข้างเดียวและรูจมูกหนึ่งข้างโผล่พ้นออกมาเท่านั้น ตาข้างที่เป็นอิสระนั้นหรี่ลงเพื่อสังเกตความเคลื่อนไหวรอบตัว

ไม่นานนัก หัวใจของหวังเป่าเล่อก็เต้นแรง ชายชุดดำผู้หนึ่งปรากฏกายขึ้นตรงหน้าเขา ชายผู้นี้กำลังวิ่งด้วยความเร็วเต็มข้อ ขณะสอดส่ายสายตามองหาตัว     หวังเป่าเล่อ เขาถือวัตถุเวทรูปวงแหวนอยู่ในมือ

หวังเป่าเล่อหรี่ตาเมื่อเห็นวัตถุเวทในมือของชายนักฆ่า แม้จะไม่รู้แน่ชัดว่ามัน    คืออะไร ประสบการณ์ในฐานะศิษย์สาขาอาวุธเวทและการควบตำแหน่งหัวหน้าศิษย์ทั้งสามโถง ก็ทำให้เขาพอเดาได้ว่ามันคือวัตถุที่ใช้ในการค้นหาโดยใช้วิธีจับ        กระแสปราณที่แปรเปลี่ยน

นี่ก็เพราะเมื่อย่างกรายเข้าสู่ขั้นผนึกกายา ผู้ฝึกตนจะสามารถซ่อนตัวเองจาก   โลกภายนอกได้ การค้นหาด้วยอุณหภูมิจึงใช้ไม่ได้ผลอีกต่อไป มีแต่วัตถุเวทที่ตรวจจับพลังปราณเท่านั้นที่พอจะใช้ตามตัวเจอ

ทันทีที่เห็นวัตถุเวทนั้น หวังเป่าเล่อก็รู้สึกเหมือนมีอะไรไม่ชอบมาพากล แต่เขาไม่มีเวลาคิดหาคำตอบเท่าไร ชายหนุ่มกระโจนขึ้นมาจากโคลนตมเสียงดังลั่น ทันทีที่ปรากฏกายออกมา ชายชุดดำที่ดูเหมือนจะไม่รู้เลยว่าหวังเป่าเล่อซ่อนอยู่เมื่อครู่นี้ พลันตอบโต้กลับพอดีกับหวังเป่าเล่ออย่างน่าฉงน เขาพุ่งตรงไปยังจุดที่ชายหนุ่มอยู่ในตอนแรกในทันที!

จุดก่อนหน้าที่หวังเป่าเล่ออยู่ระเบิดดังปัง ดินโคลนสาดกระจายไปทุกทิศทุกทาง หากช้าไปเสี้ยววินาทีเดียว เขาคงบาดเจ็บสาหัสเสียแล้ว

เมื่อหลบหนีความตายมาได้แบบเส้นยาแดงผ่าแปด หวังเป่าเล่อก็พลันตกใจกลัว จึงหันหลังกลับเตรียมตัวหนี

“หวังเป่าเล่อ!” เมื่อเห็นหวังเป่าเล่อพลาดดังนั้น ชายชุดดำก็ยิ้มหยันก่อนสาวเท้ายาวตรงดิ่งมาที่ตัวชายหนุ่ม ความเร็วของเขาพุ่งพรวดขึ้นเมื่อปลดปล่อยปราณ        ขั้นบำรุงชีพจร ไม่ช้าเขาก็ตามชายหนุ่มทัน ง้างมือขวาขึ้นเพื่อจับตัวหวังเป่าเล่อไว้

แต่…ตอนนั้นเอง กลับมีแรงสูบมวลมหาศาลก่อตัวขึ้นเบื้องหลังชายหนุ่ม แรงสูบนี้ทรงพลังเสียจนชายในชุดดำหน้าถอดสี เขาเซถลาไปตามแรง

แม้จะเซไปเพียงก้าวเดียว แต่ก็เป็นโอกาสทองของหวังป่าเล่อ เขาขยับตัวหันกลับ แววตาไม่ได้ฉายความกลัวอีกต่อไป แต่กลับมีสัญชาตญาณสุดอำมหิตของเหยื่อจนตรอกเข้ามาแทนที่

“เจ้าจะสังหารข้างั้นหรือ ข้าจะฆ่าเจ้าเอง!”

ขณะที่กู่ร้องออกมา หวังเป่าเล่อก็ยกแขนขวาขึ้น ชายชุดดำติดกับอยู่ในแรงสูบจนร่างเสียศูนย์ ในอึดใจนั้น หวังเป่าเล่อก็คว้าเอาข้อมือชายคนนั้นมาบิด               เสียงกระดูกหักดังเป๊าะ

ก่อนที่ชายชุดดำจะทันได้ส่งเสียงร้องด้วยความเจ็บปวดออกมา หวังเป่าเล่อก็พุ่งไปข้างหลังเพื่อปิดปากเขาไว้ เส้นเลือดของชายหนุ่มปูดโปนออกมา ลมหายใจเร็วถี่ ก่อนหักคอชายชุดดำอย่างโหดเหี้ยม!

สิ้นเสียงกระดูกแหลกอีกครั้ง ดวงตาของชายชุดดำก็เบิกโพลง ร่างเขากระตุกเกร็งอยู่พักหนึ่งก่อนแน่นิ่ง

สรรพเสียงรอบกายพลันเงียบกริบลง เหลือเพียงเสียงลมหายใจหนักของ         หวังเป่าเล่อนั้น ชายหนุ่มยังคงปิดปากเหยื่อของตนเอาไว้แม้ขณะที่หักคอเขา         เมื่อตนเองหายใจครบสิบครั้ง เขาก็ผลักร่างชายผู้นั้นออก สีหน้าของเขาซีดเผือด พลางมองด้วยแววตาว่างเปล่าไปที่ศพตรงหน้า

“ข้าฆ่าคนตาย” หวังเป่าเล่อพึมพำเบาๆ กับตัวเอง ร่างก็อดสั่นเทาขึ้นมาไม่ได้ กระนั้น แววตาของเขาก็เริ่มฉายให้เห็น…สัญชาตญาณนักฆ่ามือเปื้อนเลือด สัญชาตญาณนักฆ่านี้ต่างจากความโหดเหี้ยมที่ชายหนุ่มเคยแสดงให้เห็นก่อนหน้า ความน่าเกรงขามก่อนหน้านั้นเป็นเพียงแค่ความมุทะลุของวัยหนุ่ม หาใช่ความอำมหิตเช่นครั้งนี้ไม่!

หลังจากผ่านไปสักพักใหญ่ หวังเป่าเล่อก็เงยหน้าขึ้น ท่ามกลางป่าที่มืดมิด    ดวงตาของเขาฉายแสงเจิดจ้าโดดเด่นออกมากลางเงามืด

หลังเงียบอยู่เป็นเวลานาน หวังเป่าเล่อก็จัดการปลดทรัพย์สินของชายผู้นั้นออกมา เขามองไปที่วงแหวนค้นหาที่บัดนี้มืดดับสนิท มองดูก็รู้ว่าเจ้าแหวนนี่จะทำงานก็ต่อเมื่อถูกปลุกด้วยวิธีการพิเศษ ไม่มีทางที่คนทั่วไปจะหยิบขึ้นมาใช้ได้ทันที

วิธีการพิเศษนี้อาจเป็นลายนิ้วมือ รูม่านตา กลิ่นโลหิต หรือการเพิ่มขึ้นหรือลดลงของพลังปราณก็ได้ ทั้งหมดนี้เปรียบเสมือนรหัสลับที่จะปลุกอำนาจของวงแหวนขึ้นมาได้

หวังเป่าเล่อหรี่ตามองวัตถุเวทดังกล่าว หลังจากหยิบมาใส่เข้ากำไลคลังเวทเรียบร้อยแล้ว เขาก็หยิบวัตถุเวทตราผนึกออกมาราวเจ็ดถึงแปดอัน ปรับแต่งมัน    ก่อนจะซ่อนเข้าไปตามเสื้อผ้าศพ เขาหยุดคิดอยู่ชั่วครู่ก่อนจะซ่อนกระบี่เหาะเหินลงในโคลนตมแถวนั้น สลักอักขราจารึกเพิ่มเติมให้ผนึกทำงานเป็นลูกโซ่ ก่อนจะหลีกหนีหายไปในพงไพร

ไม่นานนัก ชายชุดดำสามคนก็ตรงมาด้วยความเร่งรีบ ทันทีที่มาถึงและมองเห็นศพของผู้เป็นสหาย สีหน้าของพวกเขาก็เปลี่ยนไปทันที พวกเขาเริ่มตรวจตราพื้นที่    รอบกายด้วยความระแวดระวัง เมื่อแน่ใจแล้วว่าหวังเป่าเล่อไม่ได้อยู่ตรงนั้น พวกเขาก็เข้าไปยังศพด้วยสีหน้าน่ากลัว เพื่อหาสาเหตุการตาย

แต่หนึ่งในนั้นกลับระวังมากเป็นพิเศษ เขารั้งเพื่อนสองคนไว้ก่อนจะยกมือขวาขึ้นเรียกลมให้พัดไปที่ศพ ลมนั้นพัดเสื้อผ้าของเหยื่อผู้เคราะห์ร้ายปลิวขึ้น เผยให้เห็นตราผนึกวัตถุเวทที่เปลี่ยนเป็นสีแดงเข้ม

ระเบิดปะทุขึ้นทันทีเมื่อสายลมพัดต้องตราผนึก ศพกระจุยออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย

“โหดเหี้ยมเหลือเกิน!”

“ไอ้หวังเป่าเล่อนี่มันปีศาจชัดๆ!”

ชายชุดดำทั้งสามคนสูดหายใจเข้าลึก รู้สึกโชคดีที่ตนเองไม่ได้เข้าไปใกล้กว่านั้น ทันใดนั้นกระบี่เหาะเหินนับสิบเล่มก็พุ่งออกมาทั่วทุกทิศทางจากโคลนตมโดยรอบ ความเร็วของคมกระบี่บวกกับความตกตะลึงในกับระเบิดทำให้พวกเขาไม่ทันได้ตั้งตัว สีหน้าของพวกเขาเปลี่ยนไป และเสียงกรีดร้องก็ดังระงม

กระบี่เหาะเหินเฉือนอากาศและพุ่งเข้าเสียบร่างของชายทั้งสามทันที…

เสียงโหยหวนมรณะดังสะท้อนไปทั่วป่าที่เงียบสงัด ทำให้เหล่าชายชุดดำที่เหลือหน้าเปลี่ยนสี ทุกคนพยายามมองหาทิศทางของเสียงร้องนั้น

หวังเป่าเล่อก็ได้ยินเสียงนั้นเช่นกัน แต่ชายหนุ่มก็ไม่ได้หยุดนิ่งอยู่กับที่ เขาค่อยๆ ย่องเข้าหาชายวัยกลางคนคนหนึ่งตรงหน้าอย่างเงียบเชียบ

ทันทีที่ชายคนนั้นตะลึงไปกับเสียงร้องโหยหวนของเพื่อนร่วมอาชีพและเงยหน้าขึ้นมา แววตาของหวังเป่าเล่อก็เปลี่ยนเป็นเย็นเยียบ เขาเตรียมตัวเข้าจู่โจมทันที       แต่ครั้นเห็นพงหญ้ารอบกายบิดเบี้ยวไป สีหน้าของชายหนุ่มก็เปลี่ยน เขาอยากหนีแต่ไม่ทันเสียแล้ว

“ไอ้หน้าโง่ โดนต้มเสียเปื่อย!” ชายวัยกลางคนฉีกยิ้มบูดเบี้ยวอัปลักษณ์ ทันใดนั้น ชายในชุดดำหกคนก็ปรากฏตัวออกมาจากอากาศธาตุท่ามกลางหมู่ไม้โดยรอบ       พวกเขาตีวงล้อมหวังเป่าเล่อเข้ามาทุกขณะ หนึ่งในนั้นถือลูกประคำอยู่ในมือ เป็นลูกประคำนี้เองที่สร้างภาพมายาปิดบังกายของชายหกคนนี้ไว้

“ฆ่ามัน!” เมื่อนับรวมชายวัยกลางคนผู้นั้นแล้ว ศัตรูมีทั้งหมดเจ็ดคน ทุกคนควักวัตถุเวทคู่กายของตนออกมา และถ่ายเทพลังปราณขั้นบำรุงชีพจรเข้าไป ดูราวกับว่ากระแสพลังปราณโลหิตแปรปรวนในบริเวณนั้น ล้วนกระโจนเข้าใส่หวังเป่าเล่อโดยพร้อมเพรียง

เมื่ออันตรายกระซิบอยู่ข้างหู หวังเป่าเล่อทำได้เพียงสู้สุดใจเท่านั้น ความเร็วของเขาทะยานขึ้นในฉับพลัน เขาพุ่งเข้าใส่ชายวัยกลางคนก่อนเป็นอันดับแรก มือขวา     ก็ยกขึ้นปาตราผนึกสิบอันกระจายไปทุกทิศ เหล่าศัตรูรอบกายต่างกำบังตนเอง สายตาของหวังเป่าเล่อเอ่อล้นด้วยความทารุณ ขณะที่แรงสูบจากเมล็ดแห่งการดูดกลืนของเขาอัดกระจายไปทั่วสารทิศ เสี้ยววินาทีที่สีหน้าของชายวัยกลางคนเปลี่ยนไป หวังเป่าเล่อก็คว้านิ้วของเขาเข้าให้ แล้วหักมันไปด้านหลัง

ชายผู้นั้นกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด แต่เขาเองก็เป็นคนโหดเหี้ยมเหลือหลาย   เขาไม่สนแม้กระทั่งนิ้วที่แตกหักของตนเอง แต่กลับใช้หัวโขกหวังเป่าเล่อ ชายหนุ่มโยกตัวหลบการโจมตีทัน จึงโดนศีรษะของอีกฝ่ายโหม่งเข้าที่บ่าแทน เขาจับข้อมือ   ชายวัยกลางคนและบิดข้อต่อเต็มแรง

เมื่อโดนโจมตีอย่างต่อเนื่อง หน้าผากของชายวัยกลางคนก็ผุดไปด้วยเหงื่อ        เขาร้องโหยหวนและกระเสือกกระสนเอาตัวรอด แต่หวังเป่าเล่อว่องไวเกินไป         เขาเคลื่อนไหวร่างกายอย่างพลิ้วไหว ยกเท้าขึ้นอัดเข้าไปเต็มแรงที่เป้าของเหยื่อผู้เคราะห์ร้าย แรงอัดจากฝีเท้าของเขาทรงพลังมากเสียจนชายผู้นั้นปล่อยเสียงร้องโหยหวยออกมาเสียยิ่งกว่าเก่า และกระโจนถอยหลังไปสองก้าว เมื่อเท้าถึงพื้น      เสียงร้องของเขาก็แหลมสูงขึ้นกว่าเดิม ชายวัยกลางคนกลิ้งไปมาบนพื้นและ       ครวญครางราวกับกำลังจะสิ้นใจ

ภาพนี้ทำให้อีกหกคนที่เหลือหายใจสะดุด พลันนิ่งอึ้งอยู่กับที่ด้วยความประหวั่นพรั่นพรึงขณะมองไปยังคนที่ควรจะเป็นเหยื่อ แต่หวังเป่าเล่อไม่หยุดแค่นั้น แม้กำลังหอบเหนื่อย สายตาของเขายังคงเย็นเยียบไม่เปลี่ยนแปลง ชายหนุ่มยกมือขวาขึ้นราวกับกำลังควบคุมตราผนึกทั้งหมดที่โยนออกไปเมื่อก่อนหน้า ตราผนึกทั้งหลายพุ่งเข้าหาโจรสลัดคนหนึ่ง และตกลงสู่พื้นก่อนสั่นสะท้าน

หวังเป่าเล่อวาดมือขวาอีกครั้ง คราวนี้กระบี่เหาะเหินมากกว่าสิบเล่มพุ่งเข้าใส่อีกห้าคนที่เหลือ กระบี่นั้นรวดเร็วและมีจำนวนมากจนทำให้ชายชุดดำที่เหลือต้องกระโดดหลบคมดาบ ดาบบินนั้นพุ่งเข้าเสียบร่างชายสองคน แม้ทั้งคู่จะไม่ตาย         แต่ก็ได้รับบาดเจ็บสาหัส

หวังเป่าเล่อใช้โอกาสนี้ให้เป็นประโยชน์และคืบเข้าใกล้เหยื่อคนต่อไป แม้จะมีใครบางคนฟาดเขาเข้าเต็มแรงจากด้านหลัง จนเลือดทะลักออกมุมปาก แต่หวังเป่าเล่อก็กัดฟันทน เข้าประชิดตัวเหยื่อผู้นั้น ก่อนหักข้อมือเขาเสียสะบั้น แล้วเตะเข้าที่กล่องดวงใจตามสูตร

ขณะที่เหยื่อกำลังกรีดร้องเสียงหลง มุมปากของหวังเป่าเล่อก็มีเลือดไหลเป็นสาย ชายชุดดำที่ตีเขาจากทางด้านหลังมีสีหน้าหวาดกลัวและเหมือนต้องการจะหนี        แต่แรงสูบจากด้านหลังของหวังเป่าเล่อก็ทำให้เขาไปไหนไม่ได้ ภายในพริบตาเดียว ใบหน้าเหี้ยมเกรียมของหวังเป่าเล่อก็ปรากฏขึ้นเบื้องหน้าเขา

“ตายเสีย!” หวังเป่าเล่อตะโกนเหมือนสัตว์ป่า เขาเล็งหมัดไปที่หน้าอกของชายผู้นั้น เสียงซี่โครงหักเป็นสัญญาณว่าหวังเป่าเล่อได้ฆ่าคนตายอีกครั้งแล้ว

ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นในกระพริบตา จากที่เขาโดนล้อมมาจนถึงหมัดที่คร่าชีวิตชาย  คนที่สามนี้ ใช้เวลาเพียงไม่กี่วินาทีเท่านั้น ชายชุดดำอีกสี่คนที่เหลือต่างตะลึงงันอยู่  กับที่ ไม่คาดคิดมาก่อนเลยว่าหวังเป่าเล่อจะอำมหิตถึงเพียงนี้

อย่างไรก็ดี ชายฉกรรจ์เหล่านี้ต่างเป็นนักฆ่ามืออาชีพที่ใช้ชีวิตเสี่ยงตายอยู่ที่  ปลายคมดาบ ทั้งสี่คนที่เหลือแสดงสีหน้ากระหายเลือด หยิบวัตถุเวทคู่กายขึ้นมา   ก่อนพุ่งตรงมาที่หวังเป่าเล่อ

ชายหนุ่มผู้ตกเป็นเป้าหรี่ตาลง เมื่อเขาตวัดมือ ตราผนึกและกระบี่เหาะเหินทั้งหมดก็พุ่งแหวกกระแสลมออกมา ในเวลาเดียวกันนั้น เขาก็พุ่งเข้าหาชายทั้งสี่

ห้านาทีต่อมา หวังเป่าเล่อก็กุมหน้าอก ถ่มเลือดออกมาหนักกว่าเก่า แต่ท้ายที่สุดเขาก็จากที่แห่งนั้นไป โดยทิ้งทั้งเจ็ดศพเอาไว้ ให้จมลงในโคลนตมอย่างช้าๆ

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!