Skip to content

A World Worth Protecting 66

บทที่ 66 ช่างรู้จักหาความสำราญกันเสียจริง

คิดได้เช่นนั้น หวังเป่าเล่อก็สูดลมหายใจเข้าลึกๆ เขาพร้อมทุ่มสุดตัวเพื่อจัดการคนเหล่านี้ สถานการณ์อับจนถึงพลิกมาเป็นเช่นในปัจจุบันได้

เมื่อเห็นยุงยักษ์บินผ่านไปแล้ว เขาก็ไม่มีเวลาจะคิดหาหนทาง เพราะเป็นไปได้ว่าผู้อาวุโสอาจยังมีชีวิตอยู่และกำลังไล่ล่าเขา ยิ่งเห็นยุงยักษ์จากไปแล้ว ก็ยิ่งมีแนวโน้มจะเป็นเช่นนั้นได้มาก!

ตายเสียเถิด! หวังเป่าเล่อกู่ร้องในใจ ดวงตาเขาแปรเป็นเย็นชา โอสถละลายส่ง   ความร้อนแล่นทั่วร่าง กำลังวังชาพวยพุ่งท่วมตัว เขาออกวิ่งสุดแรงเกิด พุ่งเข้าใส่     คนทั้งเจ็ด

เดิมด้วยรูปร่างภายนอกของเขา พวกนั้นน่าจะสังเกตเห็นเขาในทันที แต่ยุงที่บินผ่านไปดึงความสนใจของทั้งเจ็ดคนที่ยังกลัวกันอยู่…หวังเป่าเล่อฉวยโอกาสนั้นเข้าประชิดทันที

“หวังเป่าเล่อ!” กว่าพวกเขาจะเห็นหวังเป่าเล่อ ชายหนุ่มก็เข้าไปถึงพวกนั้นในระยะสามสิบเมตรแล้ว พลังปราณขั้นบำรุงชีพจรในตัวเขาระเบิดพวยพุ่ง เขาขยับตัวแล้วหยิบเอาโทรโข่งออกมา ส่งพลังเสียงรุนแรงและดังสุดในรอบสิบกว่าปี อย่างที่    ไม่เคยส่งเสียงมาก่อน

เสียงนั้นดังเกินทน หวังเป่าเล่อไม่ยั้งพลังแม้แต่นิดเดียว ตัวโทรโข่งยังไม่อาจทนได้แล้วแตกเป็นเสี่ยงๆ ซึ่งวินาทีที่เครื่องแตก เสียงสนั่นปฐพีนั้นเหมือนพายุไต้ฝุ่น      ตาเปล่าก็ยังมองเห็นแรงที่พัดกวาดทุกอย่าง

ชายในชุดดำทั้งเจ็ดพร้อมตั้งรับไว้แล้ว แต่กระนั้นก็ยังตกใจจนไม่ทันป้องกันตัวเอง พวกเขานิ่งงันตัวสั่นเทิ้ม สมองทุกคนส่งเสียงสะเทือนครืนครัน

สมองที่นิ่งงันและร่างกายที่แข็งทื่อเปิดโอกาสให้หวังเป่าเล่อ เขาเร่งความเร็ว    อีกครั้งแล้วเข้าไปใกล้กว่าร้อยเมตร

แต่ไม่ใช่ทุกคนจะโดนคลื่นเสียงเล่นงาน มีอยู่สามคนที่ดึงวัตถุเวทมาใช้ก่อน       หวังเป่าเล่อจะหยิบโทรโข่งออกมา พวกเขารวมพลังกันสร้างเกราะป้องกัน ดังนั้น    ต่อให้พวกเขาจะอยู่ในสภาพตัวสั่นเช่นกัน แต่ผลกระทบก็ยังไม่หนักหนา พอเห็น    หวังเป่าเล่อเข้ามาถึงตัว ทั้งสามคำรามแล้วพุ่งเข้าใส่หวังเป่าเล่อ!

สองคนในนั้นเป็นยอดฝีมือขั้นบำรุงชีพจรซึ่งหวังเป่าเล่อยังต้องพรั่นพรึง

ถ้าเป็นเมื่อก่อน หวังเป่าเล่อคงจะถอยล่าแล้วไล่จัดการทีละคน ทว่าสายตาเขาพลันแปรเปลี่ยนเป็นดุร้าย ไม่ถอยร่นไปแห่งใด แต่กลับยิ่งเร่งความเร็วเข้าใกล้ขึ้น พริบตานั้นเอง เขาพลิกมือขวาอย่างดุดันแล้วตะโกนลั่น

“จับพวกมัน!”

จังหวะที่เขาเอ่ย หวังเป่าเล่อดึงเอาเชือกเจ็ดเส้นและหุ่นเชิดเจ็ดตัวออกมาจากกำไลคลังเวท มีทั้งหุ่นเชิดชาย หญิงและอสูร เมื่อหุ่นปรากฏตัวออกมา ทุกตัวทำตามคำสั่งของหวังเป่าเล่อ บินตรงเข้าใส่สองยอดฝีมือวัยกลางคนชุดดำขั้นบำรุงชีพจรทันที

สีหน้าชายสองคนนั้นเปลี่ยนไป พวกเขาพยายามป้องกันอย่างรวดเร็ว แต่หุ่นทั้ง    มีมากเกินไปและทนทานยิ่งนัก พวกหุ่นเชิดพยายามใช้เชือกพันธนาการพวกเขา      ทำให้ยิ่งรับมือยาก หนึ่งในนั้นถึงขั้นถอยแล้วหายตัวไปในระหว่างที่หุ่นเชิดห้าตัวกับเชือกห้าเส้นกำลังไล่ตามเขา

ชายคนที่ยังเหลืออยู่หลบไม่ทัน โดนเชือกพันเข้าที่ขา เขาร่วงลงกับพื้น หุ่นเชิดอีกสองตัวมัดตัวเขาแน่น ขณะที่ดิ้นขัดขืน สีหน้าของยอดฝีมือวัยกลางคนชุดดำขั้น     บำรุงชีพจรก็เปลี่ยนไป

ตั้งแต่คลื่นเสียงระเบิดมาจนถึงใช้หุ่นเชิดพันธนาการโจมตี ทั้งหมดล้วนเกิดขึ้นเร็วเกินไป หวังเป่าเล่ออยากจะหาโอกาสฆ่าชายพวกนี้ด้วยกระบี่ แต่เขาสังเกตเห็นสายตาของชายคนนั้นหลุกหลิก ในมือกำบางสิ่งเอาไว้ หวังเป่าเล่อจึงรีบหันมองไปอีกทาง เมินยอดฝีมือวัยกลางคนชุดดำขั้นบำรุงชีพจรไปก่อน แล้วเปลี่ยนทิศทางเข้าไปชนหลังชายคนที่สามแทน

ชายชุดดำกระอักเลือด หวังเป่าเล่อโบกมือขวาตอนที่ชายคนที่สามรีบถอย     กระบี่บินสิบเล่มปรากฏขึ้นมาในทันที แต่ละเล่มคมยิ่งกว่าเล่มก่อนหน้า และต่างพุ่งตรงเข้าใส่ชายชุดดำผู้กำลังหนีไป

ถึงแม้ชายชุดดำจะส่งเสียงร้องพร้อมนำเอาวัตถุเวทมาใช้ปัดป้องก็ไม่มีประโยชน์ กระบี่พุ่งทะลุตัวเขาไม่หยุด หวังเป่าเล่อหอบหายใจ พุ่งเข้าใส่อีกสี่คนที่เหลือ

สี่คนนั้นถูกโทรโข่งเล่นงานจนตัวแข็งทื่อมา แต่เมื่อต้องเผชิญกับอันตราย           ก็กลับหน้าซีด ล่าถอยไปพร้อมกับความคิดแค้น แต่เพียงหวังเป่าเล่อโบกมือ พลันผนึกขนาดเล็กทั้งเจ็ดก็อัดเข้าใส่พวกเขาทั้งหมด เมื่อผนึกเข้าใกล้คนเหล่านั้น มันก็เริ่มระเบิดออก ชายคนหนึ่งหลบไม่ทัน ผนึกชิ้นหนึ่งพุ่งตรงเข้ากลางศีรษะจนระเบิดออก เขาร่วงลงกับพื้น

“สวรรค์โปรด! เขามีวัตถุเวทเยอะขนาดนี้ได้อย่างไรกัน ต่อให้มาจากสาขาอาวุธเวทของสำนักศึกษาเต๋าศักดิ์สิทธิ์ก็ยังไม่ควรมีมากขนาดนี้!”

ชายชุดดำคนอื่นสั่นเทิ้ม วัตถุเวทของหวังเป่าเล่อแข็งแกร่งเพราะเขาใช้          ศิลาวิญญาณชั้นยอดสร้างแก่นวิญญาณ ถึงคนพวกนี้จะกล้าเสี่ยงตายผิดธรรมดา     และต่อให้เขาโจมตีไม่โดนตรงๆ ก็ยังพอจะทำให้อีกสามคนกระอักเลือด หวังเป่าเล่อไล่ตามไปเมื่อชายเหล่านั้นเสียหลัก ยกกระบี่สีม่วงตวัดปาดคอชายคนหนึ่งในนั้น

หวังเป่าเล่อยกเท้าขวาขึ้นแล้วเตะเป้าชายอีกคน เสียงร้องเจ็บปวดดังก้อง    แหวกอากาศ หวังเป่าเล่อหักข้อมือชายคนสุดท้าย ชกเข้าอย่างจังที่หน้าผากอีกคน ใบหน้าเขาช่างน่าหวาดกลัว เขาหอบหนักพลางมองยังยอดฝีมือขั้นบำรุงชีพจรที่ยังถูกจับอยู่

เขาต้องสู้กับคนถึงเจ็ดคน และฆ่าไปห้าคนแล้ว!

เพียงพริบตาต่อมา เขาเห็นชายชุดดำในขั้นบำรุงชีพจรที่นอนอยู่บนพื้นหลุดจากพันธนาการจนได้อย่างทุลักทุเล เหตุที่เขาหลุดมาได้ก็เพราะเชือกไม่ยาวพอจะรัดร่างเขาไว้ได้ และมีหุ่นเชิดจับกุมเขาอยู่เพียงสองตัวเท่านั้น เขามองมายังหวังเป่าเล่อ     เนื้อตัวระริกด้วยความโล่งใจ มือหนึ่งยกขึ้น โยนโอสถแปลกประหลาดที่กำไว้ทิ้งไป

“หวังเป่าเล่อ จริงอยู่ว่าเจ้ามันหลักแหลม แต่เจ้าพลาดโอกาสดีที่สุดที่จะได้ฆ่าข้าไปแล้ว!”

สายตาหวังเป่าเล่อวูบไหว จริงอยู่ว่าเขาวางแผนจะฆ่าชายคนนี้เป็นรายแรก     แต่ชายคนนี้มีบางอย่างอยู่ในมือ เป็นไปได้ว่าเขาอาจลักไก่ แต่ถ้าเขามีลูกไม้ซ่อน     อยู่จริง หวังเป่าเล่ออาจโดนเล่นงานเข้าได้ และถ้าอีกสี่คนที่หมดสติไปฟื้นขึ้นมา       ตัวหวังเป่าเล่อจะเสียเปรียบ

เขาถึงปล่อยโอกาสนั้นไปแล้วเลือกไปฆ่าอีกห้าคนก่อน เช่นนี้แล้วต่อให้ตัดสินใจผิดพลาด เขาก็ยังมีโอกาสสู้ชนะ

“ตอนนี้ก็ยังไม่สายเกินไป” สายตาหวังเป่าเล่อเยือกเย็น เขารีบพุ่งเข้าใส่ยอดฝีมือวัยกลางคนชุดดำขั้นบำรุงชีพจร ชายคนนั้นบิดตัว หันมาประจันหน้ากับหวังเป่าเล่อ

ทั้งสองต่อสู้กันอย่างฉับไว ภายในสิบอึดใจ พวกเขาประมือกันไปกว่าสิบครั้ง นับว่าน่าประทับใจ ชายวัยกลางคนชุดดำรายนี้ฝึกตนจนเป็นยอดฝีมือขั้นบำรุงชีพ    ทั้งยังมีดาบวัตถุเวทไว้ในครอบครอง เมื่อเขาแกว่งดาบ มีพลังปราณวิญญาณ          แผ่ออกมา ตัวดาบปะทะเข้ากับกระบี่สีม่วงของหวังเป่าเล่อหลายครั้ง

ชายวัยกลางคนใกล้จะจับจังหวะของหวังเป่าเล่อได้ สายตาของหวังเป่าเล่อฉายวาบ เมล็ดดูดกลืนในตัวเขาระเบิดแรงสูบน่ากลัวออกมาจากร่างกายของเขา

ชายวัยกลางคนชุดดำเจ้าเล่ห์นัก เหมือนเขาจับจังหวะอีกฝ่ายได้ แต่ก็ระวังตัวตลอดเวลา ไม่กล้าประมาทหวังเป่าเล่อแม้แต่น้อย กระนั้นแล้ว…เขาก็หารู้ไม่ว่า     หวังเป่าเล่อเก่งฉกาจขนาดถึงขั้นเหนือกว่าระดับการฝึกตนโบราณแล้ว!

เพราะในการต่อสู้ที่ผ่านมา ไม่ว่าใครได้เจอเข้ากับแรงสูบจากเมล็ดดูดกลืนในตัวหวังเป่าเล่อล้วนแต่สิ้นชีพด้วยกันทั้งนั้น!

เขาไม่มีโอกาสได้ทำตามแผนที่เตรียมมาเป็นอย่างดีด้วยซ้ำ จู่ๆ ทั้งร่างเขาก็ถูกเมล็ดดูดกลืนของหวังเป่าเล่อสูบเข้ามาหา นัยน์ตาเบิกกว้าง ยังไม่ทันได้ส่งเสียงร้อง กระบี่สีม่วงของหวังเป่าเล่อก็พุ่งทะลุลำคอเขาเสียก่อน!

ดวงตาเขาเบิกกว้างค้างไว้แม้หมดลมไปแล้ว มือขวายังจับชายเสื้อหวังเป่าเล่อ ร่างเขาร่วงกระแทกพื้น แววตาไม่ยอมแพ้ยังคงฉายชัด

หวังเป่าเล่อก้มตัวลง มือซ้ายพักบนเข่า เขาหายใจหอบเฮือกใหญ่ เมื่อดึงเอากระบี่สีม่วงกลับมา เขาได้ยินเสียงฝีเท้าจากด้านหลัง จึงหันไปมอง

ในป่ามืดทึบ สายลมดูเหมือนหอบเอาร่างๆ หนึ่งตรงเข้ามา…ชายชราชุดดำนั่นเอง!

นัยน์ตาชายชราเป็นสีแดงก่ำ เขาอยู่ห่างจากตัวหวังเป่าเล่อเพียงสามเมตร    กวาดมองยังกองศพรอบด้าน สักพักใหญ่ต่อมาจึงมองที่หวังเป่าเล่ออีกครั้ง           เสียงแหบพร่าสะท้อนก้องต่ำ

“ถ้าข้ารู้ว่าจะกลายเป็นแบบนี้ ข้าคงไม่รับงานนี้มา ช่างน่าเสียดายนัก…ที่ข้าต้องฆ่าเจ้าตอนนี้!”

ชายชรายกมือสวมถุงมือข้างขวาขึ้นแล้วกำแน่น ทันใดนั้นเองเกิดกระแสลมหมุนรอบตัวเขา พลังรุนแรงจนไม่น่าเชื่อและเปี่ยมล้นเจตนาสังหาร

ในขณะเดียวกัน ไม่ไกลออกไปเท่าไรนักตรงที่โล่งเตียน ยอดฝีมือวัยกลางคน    ชุดดำขั้นบำรุงชีพจรอีกคนที่เหลือได้แต่มองไปข้างหน้าอย่างหวาดกลัว

รอบตัวเขามีสายเอ็นขาดไม่กี่สาย หุ่นเชิดเกาะกุมร่างเขาสามตัว ทั้งสามตัวมีขนาดใหญ่และดุร้าย มีอีกสองตัวเป็นหญิงรับใช้ ทุกตัวจับรัดเขาโดยไม่แสดงสีหน้าใดๆ ดูท่าแล้วถ้าหากไม่ถูกทำลายก็จะไม่มีวันยอมปล่อยเขา

ถ้ามีเพียงเท่านี้เขาคงไม่นึกหวาดกลัว แต่ในขณะนั้น มีหมอกสีดำปรากฏตรงหน้าชายวัยกลางคน ในหมอกนั้นมีสิ่งรูปร่างคล้ายลิงอยู่ด้วย เป็นชายหนุ่มตัวผอมแห้ง ปากยื่น คางเหมือนมนุษย์วานร ชายหนุ่มคนนี้ดูเหมือนมาเพื่อทรยศ เป็นคนประเภทที่เอาแน่เอานอนไม่ได้ ชอบรังแกคนอ่อนแอ แต่กลัวคนแข็งแกร่ง เขานั่งยองๆ       กลางอากาศแล้วเอานิ้วหนึ่งแตะปาก บอกให้ชายวัยกลางคนชุดดำเงียบปาก      สายตาเขากวาดมองหุ่นเชิดทั้งหลาย

“เงียบเสีย อย่าไปรบกวนคนเขากำลังต่อสู้กันทางนั้น แต่พวกเจ้านี่…น่าสนใจทีเดียว คนของโลกนี้ช่างรู้จักหาความสำราญกันเสียจริง หุ่นเชิดพวกนี้…ไม่เลวเลยทีเดียว ไม่ต้องกลัว ผ่อนคลาย เจ้านายดาวมฤตยูของข้าไม่ยอมให้ข้าฆ่าคน ข้าแค่มาช่วยเจ้าเท่านั้น…”

ว่าแล้วก็ปรากฏแววประหลาดในดวงตาคู่นั้น เขายื่นมือขวาออกไปหาเหล่าหุ่นเชิด

ทันใดนั้นเอง พวกหุ่นเชิดเริ่มสั่น ราวกับว่า…มีอะไรบางอย่างเปลี่ยนไป

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!