Skip to content

A World Worth Protecting 75

บทที่ 75 ห้ามลบหลู่สาขาปรัชญาเต๋าเด็ดขาด

ศิษย์จำนวนหลายสิบคนจากสาขาปรัชญาเต๋านั่งขัดสมาธิอยู่หน้าถ้ำที่พักของ  หวังเป่าเล่อ ทุกคนต่างก็จ้องเขม็งไปที่ประตูถ้ำที่พัก ดวงตาทุกคู่ฉายแววมุ่งมั่นและ  ดื้อดึง หวังเป่าเล่อผู้ซึ่งยืนดูอยู่ที่ประตูก็ทำสิ่งใดไม่ได้นอกจากเกาหัวแกรกๆ

ไม่สมเหตุสมผลเอาเสียเลย ข้าแค่ผลักพวกเขาไม่กี่ครั้งเท่านั้น นี่พวกเขาเล่นเพิ่มจำนวนจากเจ็ดคนเป็นหลายสิบเนี่ยนะ! หวังเป่าเล่อปวดหัวเป็นอย่างยิ่ง หลังจากจ้องกันอยู่สักพักเขาก็หันหลังกลับ เขานั่งคิดอยู่ในถ้ำที่พักครู่หนึ่งแล้วจึงได้แต่พ่นลมออกมาทางจมูก

ช่างปะไร ข้าจะเมินพวกเขาเสียก็แล้วกัน คงไม่มีใครนั่งอยู่ข้างนอกนั่นได้ตลอดไปหรอก! หวังเป่าเล่อที่กำลังรำคาญจึงตัดสินใจนั่งสมาธิและฝึกตนอยู่ในถ้ำที่พัก        เขาตัดสินใจเก็บตัว เพื่อจะไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับสิ่งที่อยู่ด้านนอก

การเก็บตัวครั้งนี้ยาวนานราวครึ่งเดือน

หลังจากช่วงเวลาครึ่งเดือนผ่านพ้นไป หวังเป่าเล่อก็ฝึกตนจนเสร็จด้วยความรู้สึกปลาบปลื้มยินดี เขายืนขึ้นและผลักประตูถ้ำที่พักออกเพื่อจะออกไปสูดอากาศ แต่ทว่าเมื่อเปิดประตูออกมา นัยน์ตาของหวังเป่าเล่อถึงกับเบิกโพลง

ศิษย์สาขาปรัชญาเต๋าเหล่านั้นยังคงอยู่ที่เดิม บ้างก็นั่งสมาธิ บ้างก็กำลังกินอาหาร

ภาพตรงหน้าสั่นคลอนหวังเป่าเล่อเป็นอย่างยิ่ง เป็นเวลากว่าครึ่งเดือนแล้วแต่พวกเขาก็ยังอยู่ตรงนั้น ดูราวกับว่าพวกเขาตั้งใจจะลงหลักปักฐานที่นี่ก็ไม่ปาน       หวังเป่าเล่อรู้สึกกลัวขึ้นมาเล็กน้อย

เขายิ่งรู้สึกกลัวมากขึ้นไปอีกเมื่อศิษย์เหล่านั้นหันมาจ้องมองทันทีที่เห็นเขาออกมา หวังเป่าเล่อปวดหัวขึ้นมาอีกครั้ง อย่างไรก็ดี เขาไม่ยอมแพ้ง่ายๆ ความคิดที่ว่าหวังเป่าเล่อ หัวหน้าศิษย์หนึ่งเดียวแห่งสาขาอาวุธเวทถูกรังแกโดยศิษย์          สาขาปรัชญาเต๋ากลุ่มหนึ่งนั้นทำให้เขารู้สึกโมโหยิ่งนัก

หวังเป่าเล่อยกมือไขว้หลังและเริ่มเดินไปโดยไม่ใส่ใจศิษย์เหล่านั้น แต่ทว่า       เมื่อเขาเริ่มออกเดิน เหล่าศิษย์จากสาขาปรัชญาเต๋าก็ลุกขึ้นและออกเดินไปกับเขาด้วย

เมื่อหวังเป่าเล่อเดิน พวกนั้นก็ตาม เมื่อหวังเป่าเล่อหยุด พวกเขาก็หยุด แถมพากันนั่งขัดสมาธิล้อมรอบหวังเป่าเล่อไว้พลางจ้องมองเขม็งด้วยสายตาดุดัน หวังเป่าเล่อรู้สึกราวกับว่าเขากำลังจะเสียสติ ไม่ว่าเขาจะทำสิ่งใด หรือไปที่ไหน ศิษย์สาขา   ปรัชญาเต๋าเหล่านี้ก็ตามเขาไปด้วย

แม้ว่าเขาจะไปเรียน ศิษย์สาขาปรัชญาเต๋าก็ตามเขาไปด้วย เหล่าอาจารย์ที่มองเห็นก็ไม่ได้ว่ากล่าวแต่อย่างใด

หวังเป่าเล่อรำคาญศิษย์เหล่านี้เป็นอย่างมาก พวกเขาต่างเฝ้ามองและนั่งสมาธิอยู่รอบๆ หวังเป่าเล่ออดรนทนไม่ได้จึงตะโกนใส่ไปทีหนึ่ง

“พอได้หรือยัง พวกเจ้าจะติดตามข้าไปถึงไหนกัน!”

เมื่อหวังเป่าเล่อพูดขึ้น ศิษย์จำนวนหลายสิบคนของสาขาปรัชญาเต๋าต่างก็       ยิ้มเยาะและเอ่ยพร้อมกันด้วยเสียงอันดัง “เต๋าเบิกตาข้าให้เห็นธรรม!”

ประโยคยิ่งทำให้หวังเป่าเล่อโกรธสุดๆ เขาจ้องมองไปที่กลุ่มศิษย์อย่างดุร้ายพร้อมกำหมัดแน่น

“ข้าขอเตือนพวกเจ้าไว้ก่อน อย่ามายุ่งกับข้า ก่อนหน้านี้ข้าเพียงแค่ผลักพวกเจ้าเท่านั้น ต่อไป…ข้าไม่เกรงใจแล้วนะ!”

คำเตือนของหวังเป่าเล่อไร้ผล เหล่าศิษย์สาขาปรัชญาเต๋าเพียงแต่ยิ้มเยาะ         ไร้ซึ่งท่าทีกังวลใดๆ นัยน์ตาของพวกเขาแฝงแววบ้าคลั่งอยู่ภายใน

“มาสิ เจ้ากล้าชกพวกเราหรือ พวกเราจะแสดงให้เจ้าเห็นว่าผลของการขัดขวางการบรรลุธรรมของสาขาปรัชญาเต๋าเป็นเช่นไร!”

“หวังเป่าเล่อ ถ้าเจ้าไม่ต่อยพวกเรา เจ้าไม่ใช่ลูกผู้ชาย!”

“นี่หวังเป่าเล่อ ชกหัวข้าสิ ใช้วิชาที่รุนแรงที่สุดแล้วชกข้าให้เต็มแรงเลย!”

เหล่าศิษย์ของสาขาปรัชญาเต๋าตะโกนเสียงดัง ความบ้าคลั่งของพวกเขาทำให้หวังเป่าเล่อสูดลมหายใจลึก เขาเคยเห็นคนบ้ามาก่อน แต่เขาไม่เคยเห็นใครบ้าเท่านี้…

เมื่อเห็นหวังเป่าเล่อสูดหายใจ เหล่าศิษย์สาขาปรัชญาเต๋าก็กระชับวงเข้ามาใกล้และล้อมเขาเอาไว้ ทุกคนต่างก็จ้องมองหวังเป่าเล่อ ศิษย์สาขาอาวุธเวทคนอื่นที่เห็นเหตุการณ์ต่างก็พากันถอยหนีพลางซุบซิบพูดคุยกันไปด้วย

“สมกับเป็นหัวหน้าศิษย์ เขาเท่านั้นล่ะที่จะกล้าต่อกรกับสาขาปรัชญาเต๋า!”

“ความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันของสาขาปรัญชาเต๋าเป็นคุณสมบัติที่หาได้ยากยิ่งในสำนักศึกษาเต๋าศักดิ์สิทธิ์ของเรา!”

เมื่อเหล่าศิษย์สาขาอาวุธเวทคนอื่นเริ่มซุบซิบกัน หวังเป่าเล่อได้แต่เพ่งมองไปยังศิษย์บ้าเลือดของสาขาปรัชญาเต๋า เขาควบคุมความโกรธเอาไว้ไม่ได้อีกต่อไป

“พวกเจ้าคิดว่าข้าจะไม่กล้าชกพวกเจ้าจริงๆ สินะ!” หวังเป่าเล่อเปิดแหวนสื่อสารและเรียกตัวหลิวต้าวปินมาทันที

เมื่อได้รับคำสั่ง หลิวต้าวปินรู้สึกอึดอัดใจยิ่ง เมื่อเตรียมใจเสร็จเรียบร้อย เขาก็พากลุ่มศิษย์ฝ่ายวินัยจำนวนมากมุ่งตรงไปหาหวังเป่าเล่อทันที เมื่อเขามาถึงเขาได้เสียงหวังเป่าเล่อดังมาจากที่ไกลๆ

“ไล่ผู้รบกวนการศึกษาของศิษย์สาขาอาวุธเวทออกไปและอย่าให้พวกเขากลับมาอีก!”

หลิวต้าวปินและศิษย์ฝ่ายวินัยมองตากันไปมา ก่อนจะกัดฟันและพุ่งตรงไปข้างหน้าอย่างห้าวหาญ แม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้ใช้ความรุนแรง แต่เพราะจำนวนที่มากกว่าทำให้ศิษย์สาขาปรัชญาเต๋าถูกไล่ตะเพิดพ้นยอดเขาไป

ขณะนั้น หวังเป่าเล่อพลันรู้สึกว่าสิ่งรอบกายกลับมาสงบอีกครั้ง

จะสู้กับข้าหรือ หวังเป่าเล่อยกมือไขว้หลังพลางเดินกลับไปยังถ้ำเตาหลอมวิญญาณอย่างสบายใจ หวังเป่าเล่อรู้สึกว่าเขาชำนาญการหลอมวัตถุเวทเพียงพอแล้ว เขาจึงหยิบเกราะมือของชายชราชุดดำจากป่าฝนบ่อเมฆออกมา

สิ่งนี้เป็นสมบัติที่มีพลังมหาศาลอย่างแท้จริง ข้าต้องปรับแต่งอีกนิดหน่อยเท่านั้น เติมพิษเข้าไปข้างใน และเพิ่มความสามารถในการระเบิดหากตกอยู่ในสถานการณ์  คับขัน มันจะแข็งแกร่งกว่านี้ได้อย่างแน่นอน!

หวังเป่าเล่อใช้เวลาของเขาไปกับการปรับแต่งถุงมือ วันเวลาของเขากลับมาสงบสุขเช่นก่อน

ทว่า ความสงบสุขคงอยู่ได้สามวันเท่านั้น สามวันให้หลัง เมื่อหวังเป่ากำลังหลอมวัตถุเวทอยู่นั่นเอง เขาก็ได้รับข้อความเสียงจากหลิวต้าวปินผู้กำลังตื่นตระหนก

“หัวหน้าศิษย์ขอรับ แย่แล้วขอรับ เกิดเรื่องแล้ว ศิษย์สาขาปรัชญาเต๋าหลายร้อยคนมาถึงที่นี่แล้ว พวกเราหยุดพวกเขาไม่ไหวขอรับ พวกเขากำลังมุ่งหน้าไปหาท่าน!”

ได้ยินดังนั้น วัตถุเวทในมือหวังเป่าเล่อร่วงหล่นลงพื้นอย่างแรง เสี่ยงต่อการระเบิดเป็นอย่างยิ่ง นัยน์ตาหวังเป่าเล่อเบิกกว้างค้าง ชายหนุ่มยืนขึ้นอย่างรวดเร็วและเดินออกจากถ้ำเตาหลอมวิญญาณ เขาเห็นกลุ่มศิษย์สาขาปรัชญาเต๋าทันที ศิษย์นับร้อยเหล่านั้นกำลังเคลื่อนที่มาหาเขาอย่างอึกทึกครึกโครม…

“สวรรค์ พวกมันต้องการสิ่งใดกัน!” หวังเป่าเล่อปวดหัวจนจะระเบิด หัวใจเขาเต้นแรง เขาตัดสินใจวิ่งหนีในทันทีเพื่อไปซ่อน

แต่ทว่ามีจำนวนศิษย์สาขาปรัชญาเต๋ามากเกินกว่าจะหลบพ้น หนึ่งในนั้นมองเห็นหวังเป่าเล่อและตะโกนออกมาสุดเสียง ทันใดนั้นเองขบวนศิษย์สาขาปรัชญาเต๋าก็    วิ่งตรงเข้าหาเขา ท้ายที่สุด ศิษย์นับร้อยเหล่านั้นก็กระจายตัวกันตามหาหวังเป่าเล่อกันจ้าละหวั่น

ในเวลาเดียวกันนั้น ศิษย์สาขาอาวุธเวทที่เห็นเหตุการณ์ต่างก็พากันจ้องอย่างตะลึงงัน ในความเป็นจริงแล้ว แม้แต่ศิษย์ปีสูงก็ไม่เคยเห็นเหตุการณ์นี้กับตา          เคยได้ยินแต่เพียงคำบอกเล่าเท่านั้น

“หัวหน้าศิษย์มีปัญหาหนักแล้วล่ะคราวนี้!”

“เล่นกับใครไม่เล่น ดันไปยุ่งกับพวกคนบ้าเอาเสียได้!”

“ใครมันกล้าไปลบหลู่สาขาปรัชญาเต๋านะ!”

ท่ามกลางเสียงพูดคุยเซ็งแซ่ หวังเป่าเล่อหงุดหงิดใจเป็นอย่างยิ่ง จำนวนคนที่    ไล่ล่าเขามีเยอะเกินไป ในที่สุดพวกเขาก็พบหวังเป่าเล่อ เมื่อศิษย์สาขาปรัชญาเต๋าพบหวังเป่าเล่อ พวกเขาไม่ได้เริ่มทุบตีหรือดุด่าแต่อย่างใด พวกเขาเพียงแต่จ้องมองเท่านั้น ไม่ว่าเขาจะไปที่ไหน เหล่าศิษย์ก็ตามไปด้วย นั่งล้อมอยู่ใกล้ๆ เพื่อจ้องมองเขาและพยายามจะบรรลุธรรมไปด้วย

กิจกรรมนี้ดำเนินต่อไปอีกสามวัน หวังเป่าเล่อใกล้จะเสียสติเต็มทน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อตอนที่จะไปเข้าห้องน้ำ บรรดาศิษย์สาขาปรัชญาเต๋าจำนวนมากก็ปรากฏตัวขึ้นมานั่งปฏิบัติธรรมอยู่รอบๆ หากหวังเป่าเล่อใช้เวลานานไปสักหน่อย ก็จะมี   ศิษย์สาขาปรัชญาเต๋านับร้อยนั่งรายล้อมห้องน้ำไว้ กิจวัตรนี้ทำให้หวังเป่าเล่อ       แทบคลั่ง

มันจะมากเกินไปแล้วนะ สาขาปรัชญาเต๋าอะไรกัน สาขาอันธพาลล่ะสิไม่ว่า!   หวังเป่าเล่อดึงกางเกงขึ้นอย่างโกรธเกรี้ยว เขาไม่กล้าทำร้ายศิษย์เหล่านั้น ซ้ำร้าย ชายหนุ่มไม่กล้าแม้แต่จะไล่พวกเขาไป เขากังวลว่าหากทำอะไรสักอย่างลงไปแล้ว วันรุ่งขึ้น…จะยิ่งมีศิษย์จากสาขาปรัชญาเต๋ามาล้อมเขามากขึ้นอีก

ในที่สุด หวังเป่าเล่อก็ทำใจแข็ง ชายหนุ่มซื้ออาหารจำนวนมากและกลับไปยังถ้ำที่พัก เขาตัดสินใจจะกักตัวเป็นเวลานานและดูว่าศิษย์สาขาปรัชญาเต๋าจะทำอย่างไรต่อ

แต่ทว่า…หลายวันผ่านไป หวังเป่าเล่อเพิ่งรู้สึกตัวว่าวิธีการของเขานั้นตื้นเขินเกินไป ราวกับว่าศิษย์สาขาปรัชญาเต๋าเหล่านั้นเดาทางเขาออก หรืออาจเป็นเพราะพวกเขาคุ้นชินกับสถานการณ์เช่นนี้ดี เพราะพวกเขา…พาศิษย์มาเพิ่มอีกร้อยคน!

ศิษย์สาขาปรัชญาเต๋าที่ตอนนี้มีจำนวนหลายร้อยต่างพากันจ้องมาถ้ำที่พักของหวังเป่าเล่อพลางเพียรพยายามจะบรรลุธรรม หัวใจหวังเป่าเล่อสั่นไหวเมื่อมองเห็นผู้คนที่หนาแน่นราวกับป่าดงดิบ

ยังไม่จบเพียงเท่านั้น สิบวันต่อมา จำนวนศิษย์ก็เพิ่มขึ้นอีก…บางคนถึงกับเริ่ม  กางกระโจมหน้าถ้ำที่พักของหวังเป่าเล่อ

หวังเป่าเล่อสับสนวุ่นวายไปหมด ยิ่งไปกว่านั้นเหตุการณ์ครั้งนี้กลายเป็นที่กล่าวขวัญถึงไปทั่วทั้งสำนักศึกษาเต๋าศักดิ์สิทธิ์และบนเครือข่ายวิญญาณ ในชั่วอึดใจเครือข่ายวิญญาณแทบจะระเบิดออกเป็นเสี่ยงๆ

“เกือบจะสองเดือนแล้วนะ!”

“ไม่มีใครกล้าลบหลู่สาขาปรัชญาเต๋ามาก่อน เจ้าหวังเป่าเล่อโดนหนักแน่คราวนี้!”

“ข้าได้ยินมาว่าเรื่องเกิดขึ้นเพราะหวังเป่าเล่อไปแย่งคนรักของศิษย์สาขา   ปรัชญาเต๋ามา!”

ขณะที่ทั่วทั้งเครือข่ายวิญญาณเต็มไปด้วยเรื่องเล่าซุบซิบเกี่ยวกับสถานการณ์นี้ เจ้าเต๋าน้อยผู้กำลังถ่ายทอดสดอยู่ก็เกิดตื่นเต้นขึ้นมา ในทุกๆ วัน เขาจะหยิบกล้องและมุ่งหน้าไปยังสาขาอาวุธเวทเพื่อทำการสัมภาษณ์ผู้คนแล้วถ่ายทอดสดออกไป

เขาตั้งใจจะมาถ่ายทอดสดสีหน้าของหวังเป่าเล่อผู้กำลังทนทุกข์เพื่อเป็นการล้างแค้น แต่ทว่า ขณะที่เขากำลังถ่ายทอดสดอยู่นั่นเอง มหาเศรษฐีปริศนานามว่าบิดาผู้นำสหพันธรัฐก็ปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง

บุคคลผู้นี้ปรากฏตัวและสาบสูญไปในเวลารวดเร็วราวกับเงา ทุกครั้งที่เขาปรากฏตัวขึ้น เจ้าเต๋าน้อยจะได้รับไอเท็มกระสวยกว่าสิบลำ เจ้าเต๋าน้อยถือว่าเขาเป็นลูกค้ารายใหญ่ และลูกค้ารายใหญ่ท่านนี้ก็บังเอิญไม่ค่อยชอบสาขาปรัชญาเต๋าเท่าใดนัก เพราะฉะนั้น เพื่อเป็นการแสดงความนอบน้อม เจ้าเต๋าน้อยจึงเปลี่ยนวิธีการและหันมารายงานการกระทำที่ไม่มีเหตุผลของศิษย์จากสาขาปรัชญาเต๋าแทน

ในเวลาไม่นานนัก ยอดผู้ชมของเขาบนเครือข่ายวิญญาณเริ่มลดลง ผู้ชมหลายคนถูกปองร้ายด้วยวิธีดื้อแพ่งของสาขาปรัชญาเต๋าจนต้องหยุดดูรายการ

การออกอากาศดำเนินมาได้ไม่ถึงสี่วันดีเมื่อเจ้าเต๋าน้อยเริ่มร้องไห้ ภายนอกห้องพักของเขา ศิษย์สาขาปรัชญาเต๋าห้าคนปรากฏตัวขึ้น พวกเขานั่งลงและเริ่มจ้องมองมาที่เจ้าเต๋าน้อยพลางพยายามบรรลุธรรมไปด้วย

เมื่อเจ้าเต๋าน้อยสัญญาว่าจะเลิกถ่ายทอดสดเรื่องสาขาปรัชญาเต๋าแล้ว พวกเขาจึงลุกขึ้นแล้วพากันเดินจากไปด้วยสีหน้าเรียบเฉย

“ห้ามลบหลู่สาขาปรัชญาเต๋าเด็ดขาด…” เจ้าเต๋าน้อยทอดถอนใจ เขามองไปที่สาขาอาวุธเวท เริ่มรู้สึกสงสารหวังเป่าเล่อขึ้นมาเป็นครั้งแรกในชีวิต

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!