Skip to content

A World Worth Protecting 91

บทที่ 91 เกาเฉวียนน่วมคามือ!

ใบพัดของเกาเฉวียนพุ่งตัดอากาศ ตามมาติดๆ ด้วยกระบี่เหาะเหิน!

การโจมตีของเกาเฉวียนเผยกระบวนท่าที่เขารู้ทั้งหมดในระดับลมหายใจเที่ยงแท้ ทั้งหมดนี้เป็นเพราะหวังเป่าเล่อต้านทานแรงกดดันของเขาได้สำเร็จ มิเช่นนั้น        การต่อสู้นี้คงจบไม่สวยแน่ๆ คงไม่มีผู้ฝึกปราณขั้นการฝึกตนโบราณคนใดแข็งแกร่งพอจะตอบโต้กลับได้ หลังจากเจอแรงมหาศาลนั้นเข้าไป

แรงกดที่ไม่อาจต้านทานนี้แหละ คือ เอกลักษณ์ของลมหายใจเที่ยงแท้!

หวังเป่าเล่อตาเป็นประกาย เขาเตรียมตัวมาตั้งแต่ตอนที่ตัดสินใจมาเหยียบที่นี่แล้ว และจะไม่หยุดพักจนกว่าภารกิจจะสำเร็จ ทันทีที่ใบพัดและกระบี่เหาะเหินของ      เกาเฉวียนพุ่งมาหาเขาหมายเอาชีวิต หวังเป่าเล่อก็ยกมือขวาขึ้นเพื่อเรียกถุงมือออกมาจากกำไลคลังเวท

ถุงมือนี้มีสีม่วงเรียบ รังสีประหลาดแผ่ออกมาพร้อมคลื่นพลังงานจาก            ศิลาวิญญาณที่บรรจุอยู่ภายใน แค่เห็นก็รู้ว่าไม่ธรรมดา เจ้าถุงมือนี่…คือสิ่งที่         หวังเป่าเล่อเก็บมา หลังจากสังหารชายชราชุดดำที่ป่าฝนบ่อเมฆเรียบร้อย เขาจัดการปรับปรุงเพื่อเพิ่มพลังให้กับมันจนร้ายกาจกว่าเก่ามาก

ถุงมือสีม่วงนี้สร้างพายุไต้ฝุ่นได้ แถมยังเพิ่มพลังการโจมตีให้กับผู้ใช้งาน         เรียกได้ว่า เป็นอาวุธที่มีพลังทำลายล้างมากที่สุดเท่าที่หวังเป่าเล่อมี

หลังจากใส่ถุงมือเรียบร้อย หวังเป่าเล่อกำหมัดแน่น ปราณโลหิตทั้งหมดในร่างกายเขาหลั่งไหลเข้าไปที่มือข้างนั้น พายุไต้ฝุ่นสีเลือดก็พลันอุบัติขึ้นรอบตัว       หวังเป่าเล่อ และพัดไปข้างหน้าอย่างรุนแรง ทันทีที่ลมร้ายปะทะเข้ากับใบพัด       หวังเป่าเล่อก็ก้าวไปข้างหน้าก้าวใหญ่ และตวัดมือขวาอีกครั้ง

กระบี่เหาะเหินอีกสิบเล่มแหวกอากาศออกมาพร้อมลมพายุรุนแรง กระบี่นี้ไม่ได้พุ่งเข้าไปหาเกาเฉวียน แต่ลอยวนอยู่รอบกายหวังเป่าเล่อ เพื่อปกป้องตัวเขาจากการโจมตี วังวนกระบี่เหาะเหินนี้ทำให้ตัวของชายหนุ่มดูราวกับลูกบอลที่มีหนามแหลม พร้อมที่จะตัดใบพัดให้แตกเป็นเสี่ยงๆ

เสียงระเบิดปะทุจากกระบี่เหาะเหินของเกาเฉวียน ก่อนจะแตกออกเป็นชิ้น พร้อมพายุสีเลือดที่อ่อนกำลังลง โล่กระบี่เหาะเหินของหวังเป่าเล่อปกป้องตัวเขาจากใบพัด ส่งให้เขามาหยุดอยู่ตรงหน้าเกาเฉวียนได้สำเร็จ รองเจ้าสำนักส่งกระบี่เหาะเหินมาโจมตีเขาอีกสามเล่ม ชายหนุ่มร้องคำรามก่อนจะหยิบเอาวัตถุเวทอีกชิ้นออกมา

สิ่งที่อยู่ในมือหวังเป่าเล่อ…คือ ลูกประคำที่สร้างเกราะระฆังทองคำได้            หวังเป่าเล่อหลอมลูกประคำแบบเดียวกันนี้เตรียมไว้มากมาย แต่แทนที่จะใช้เกราะนี้คุ้มกันตัวเองจากกระบี่เหาะเหิน ชายหนุ่มกลับปาลูกประคำจำนวนมากเข้าใส่      กระบี่เหาะเหินสามเล่มของเกาเฉวียน ทำให้อาวุธคมกริบเหล่านั้นติดกับอยู่ใน        กรงแข็งแกร่งสีทอง

เสียงกระบี่ปะทะเกราะดังสะเทือนเลื่อนลั่น เกราะกำบังแตกลงกว่าครึ่งด้วยอานุภาพของกระบี่ แต่หวังเป่าเล่อก็ใช้โอกาสที่กระบี่พุ่งเข้าติดกับดัก หลบลี้เอาตัวรอดมาได้ ก่อนพุ่งไปอยู่ตรงหน้าเกาเฉวียนอีกครั้ง

“เกาเฉวียน วันนี้ข้าจะโค่นเจ้าให้ดูเอง!”

เกาเฉวียนสีหน้าบิดเบี้ยว ตัวเขาเองหนีถอยร่นไปอีก แต่หวังเป่าเล่อก็ไวกว่ามากนัก

ดวงตาของชายหนุ่มแสดงความมุ่งมั่นแก่กล้า เขาส่งหมัดซ้ายออกไปใส่เกาเฉวียนทันที

“ไอ้หวังเป่าเล่อ อยากตายมากนักใช่ไหม”

แววอำมหิตฉายชัดอยู่ในดวงตาเกาเฉวียน ขณะที่กำลังถอยร่น เขาควบคุมเกราะกำบังขนาดเล็กให้ปกป้องร่างของตนเองไว้จากการโจมตีของหวังเป่าเล่อ สองมือก็วาดขึ้นเพื่อจะร่ายเวท ตราบใดที่เกราะนี้ยังกันหวังเป่าเล่อได้อยู่ เขาก็ยังร่ายคาถาเวทได้

แต่คราวนี้…หวังเป่าเล่อตวัดแขนซ้ายขึ้นจับเกราะป้องกันของเกาเฉวียนอย่างรวดเร็ว แรงสั่นสะเทือนจากเกราะกระจายเข้าไปในร่างหวังเป่าเล่อ ผ่านมือซ้ายที่จับเอาไว้มั่น

ร่างทั้งร่างของชายหนุ่มสั่นสะท้านไปถึงอวัยวะภายใน เลือดสดๆ ไหลทะลักออกมาจากมุมปากในทันที แรงสั่นรุนแรงจากเกราะใบเล็กนี้ ทำให้มือซ้ายของ      หวังเป่าเล่อแทบแหลกไม่เป็นชิ้นดี แต่เขาก็กัดฟันอดทนกับความเจ็บปวดนี้ไว้ และส่งมือขวาตวัดขึ้นคว้าเอานิ้วของเกาเฉวียนที่กำลังร่ายมนต์

ขณะที่เกาเฉวียนตกใจด้วยความกลัว หวังเป่าเล่อก็ระเบิดเสียงหัวเราะดังก้อง

“ข้าอยากหักนิ้วเจ้ามานานแล้ว!” และหวังเป่าเล่อก็ไม่รอช้า รีบบิดนิ้วของ       เกาเฉวียนไปข้างหลังทันที

สีหน้าของรองเจ้าสำนักซีดเผือด ความเจ็บปวดร้ายกาจที่เขาไม่เคยพบเจอมาก่อนกรีดแทงไปทั่วทั้งนิ้ว ทำให้คาถาที่เขาร่ายอยู่เมื่อกี้ต้องชะงักกลางคัน แต่ถึงอย่างไรเกาเฉวียนก็ยังมีความแข็งแกร่งของผู้ฝึกตนระดับลมหายใจเที่ยงแท้อยู่         แม้ความเจ็บจากการหักนิ้วนี้จะหนักหนาสาหัสอยู่มาก และร่างกายของเขาไม่ได้แข็งแกร่งเท่าหวังเป่าเล่อ แต่เกาเฉวียนก็ผ่านการฝึกปราณขั้นบำรุงชีพจรมาก่อน     เขามองข้ามความเจ็บปวด และสะบัดมืออีกข้างเข้าหาหวังเป่าเล่อ เส้นเลือดสีเขียว  ปูดโปนบนหน้าผาก

แต่ก็ช้าเกินไป หวังเป่าเล่อยิ้มเยาะก่อนยกมือขวาขึ้นกัน เสียงหวดดังแหวกอากาศ ขาของชายหนุ่มวาดขึ้น…เตะเข้าที่กลางเป้าเกาเฉวียนอย่างไม่ออมแรง!

“ไอ้เกาเฉวียน เจ้าอยากไล่ข้าออกจากสำนักอย่างนั้นหรือ”

หวังเป่าเล่อตั้งใจเตะจุดยุทธศาสตร์ของศัตรูคู่อาฆาตอย่างเต็มแรงที่สุด ทันทีที่หน้าแข้งสัมผัสเข้ากับของรักของเกาเฉวียน รองเจ้าสำนักก็ไม่อาจต้านทานความเจ็บปวดได้อีกต่อไป เขาร้องโหยหวนออกมาอย่างสุดทน

เกาเฉวียนหมดเรี่ยวแรงลงเสียตรงนั้น ความเจ็บซัดเขาร่างเขาเหมือนน้ำป่าไหลหลาก เปลี่ยนหน้าเขาให้กลายเป็นสีเขียว หวังเป่าเล่อฉวยโอกาสที่คู่ต่อสู้กำลังโหยหวนเพื่อพุ่งเข้าประชิด ความอัดอั้นที่อยากอัดเกาเฉวียนให้เละคามือ ระเบิดออกมาใน      วินาทีนั้น

“ไอ้เกาเฉวียน อยากใส่ร้ายป้ายสีข้าอย่างนั้นหรือ” หวังเป่าเล่อตะโกนก้องด้วยความแค้น ก่อนอัดหมัดลุ่นๆ เข้าที่หน้าอกอริ

เลือดทะลักออกมาจากปากเกาเฉวียน ก่อนร่างของเขาจะล้มตึงไปข้างหลัง    ความเจ็บปวดจากหว่างขากระจายไปทั่วร่างเหมือนเนื้อร้าย แต่พลังปราณอันแก่กล้าของลมหายใจเที่ยงแท้ ส่งให้รังสีอำมหิตของเขายังคงรุนแรงอย่างน่าตกใจ เส้นเลือด   สีเขียวปูดโปนขึ้นทั่วใบหน้าและร่างกายของเขา!

“ไอ้ระยำ ตายห่าเสียเถอะ!” เกาเฉวียนประกาศก้อง กางแขนทั้งสองข้างออก แสงสีฟ้าระเบิดออกมาจากร่างและปกคลุมท้องฟ้าบริเวณนั้นโดยฉับพลัน ทันใดนั้น ร่างสีฟ้าก็กระโจนออกมาจากร่างรองเจ้าสำนัก พุ่งเข้าหาหวังเป่าเล่อในทันที

ร่างนั้นไม่ใช่วิญญาณ ไม่ใช่แก่นของจิต แต่เป็น…คาถาเวทต้องห้ามของ            ลมหายใจเที่ยงแท้ คาถานี้จะดูดกลืนร่างกายของเป้าหมายด้วยรากฐานวิญญาณของ  ผู้ฝึกตน เขมือบร่างทั้งร่างให้จมดิ่งลงสู่ความตายอันมืดมิด!

โดยปกติแล้ว คาถาต้องห้ามนี้จะใช้ก็ต่อเมื่อผู้ฝึกตนตกอยู่ในสถานการณ์เสี่ยงเป็นเสี่ยงตายเท่านั้น แต่วันนี้ เกาเฉวียนได้ใช้พลังทั้งหมดเท่าที่ตัวเองมีในการต่อกรกับหวังเป่าเล่อแล้ว จนเหลือวิธีนี้อยู่วิธีเดียวเท่านั้น

ม่านตาของหวังเป่าเล่อหดลง กระแสอำมหิตกระจายอยู่ในดวงตาของเขา        เมื่อเห็นความเป็นความตายอยู่ตรงหน้า

“อยากรนหาที่ตายอย่างนั้นหรือ!” จิตของหวังเป่าเล่อเย็นเป็นน้ำแข็ง เขายกมือขวาขึ้นกำถุงมือไว้แน่น ตั้งใจจะส่งถุงมือให้ระเบิดออก

ในวินาทีที่เวทบทสุดท้ายของเกาเฉวียนเริ่มเป็นรูปเป็นร่าง และถุงมือของ       หวังเป่าเล่อใกล้จะระเบิด ยอดเขาเจ้าสำนักก็สั่นสะเทือน วงแหวนปราณขนาดมหึมาที่ยอดเขาระเบิดแรงกดดันมหาศาลมาห้ามทัพ พลังนั้นพุ่งเข้าตรงกลางระหว่าง     หวังเป่าเล่อและเกาเฉวียน เพื่อแยกทั้งสองออกจากกัน!

ร่างของเกาเฉวียนสั่นกระตุกจนร่ายเวทต้องห้ามต่อไม่ได้ เลือดไหลออกมาจากมุมปากของเขา ก่อนร่างทั้งร่างจะล้มไปข้างหลัง

ถุงมือของหวังเป่าเล่อก็ทำลายตนเองไม่ได้เช่นกัน แรงนั้นซัดให้หวังเป่าเล่อเซไปข้างหลัง

ในเวลาเดียวกันนั้น ตราประจำตำแหน่งก็ปรากฏขึ้นในมือของเจ้าสำนัก         ตรานั้นส่องแสงสุกปลั่ง ขณะควบคุมแรงกดดันของยอดเขา ในช่วงเวลาแห่งความเป็นความตายนี้ ท่านเจ้าสำนักไม่ลังเลเลยที่จะใช้พลังของวงแหวนปราณแยกคู่ต่อสู้ทั้งสองออกจากกัน

หวังเป่าเล่อหรี่ตา แม้เขาจะตกใจกับคาถาบทสุดท้ายของเกาเฉวียน แต่ตัวเขาเองก็รู้สึกผิดเช่นกัน ชายหนุ่มหยุดพยายามโจมตีต่อ เขาหันไปหาเจ้าสำนัก หายใจเข้าและทำมือคารวะ

“ขอบคุณท่านเจ้าสำนักขอรับ!”

สีหน้าของเกาเฉวียนมืดทะมึน เขาไม่แม้แต่จะหันหน้าไปมองหวังเป่าเล่อ         แต่เหล่ตามองเจ้าสำนักและตะโกนก้อง “เจ้าสำนัก เจ้าเด็กนี่ลบหลู่ผู้อาวุโสและ   หยามเกียรติข้า ข้ามีสิทธิ์สั่งสอนมัน ท่านมาหยุดข้าทำไม!”

ทุกคนในที่แห่งนั้นเงียบกริบ พวกเขาทั้งตกใจกับการโจมตีของหวังเป่าเล่อ และก็รู้สึกเช่นกันว่าเจ้าสำนักเข้าข้างหวังเป่าเล่อมากเกินไป

“ทำไมข้าถึงหยุดเจ้าอย่างนั้นหรือ” สีหน้าเจ้าสำนักก็อึมครึมลงเช่นกัน “เกาเฉวียน ตั้งสติหน่อยเถิด เจ้าคิดว่าข้าหยุดการต่อสู้นี้เพื่อช่วยหวังเป่าเล่ออย่างนั้นหรือ”

เกาเฉวียนชะงัก เขาหันกลับมามองหวังเป่าเล่อ ก่อนจะหยุดสายตาลงที่ถุงมือนั้น สีหน้าของเขาบ่งบอกว่าสังเกตได้ถึงอะไรบางอย่าง เหงื่อผุดขึ้นเต็มหน้าผาก ลมหายใจก็พลันหอบถี่ สายตาของเขาฉายชัดไปด้วยความกลัว

เจ้าสำนักยิ้มเยาะและเลิกสนใจเกาเฉวียน ท่านหันกลับมามองหวังเป่าเล่อ สายตาหยุดลงที่ถุงมือสีม่วงนั่นชั่วครู่

หวังเป่าเล่อกะพริบตา เขารู้แล้วว่าท่านเจ้าสำนักปะติดปะต่อได้ว่าเขาจะทำอะไร ความจริงแล้วเขาดัดแปลงถุงมือให้อาบไปด้วยพิษของอสรพิษทารกขาวกระดูกแดงจำนวนมาก พิษนั้นมีมากพอที่จะย่อยร่างของเกาเฉวียนให้เหลือเพียงซาก ทันทีที่    ถุงมือระเบิดออก เกาเฉวียนจะตายคาที่อย่างทุกข์ทรมาน ก่อนจะมีโอกาสร่ายคาถาเสร็จด้วยซ้ำ!

นี่คือ ไพ่ตายที่เขาถืออยู่ในมือ

หากเจ้าสำนักไม่มาห้ามทัพ เขาคงให้การว่าตนทำไปเพื่อป้องกันตัว เนื่องจาก  เกาเฉวียนเริ่มร่ายมนต์อันตรายนี้ก่อน

แม้ท่านเจ้าสำนักจะจับได้ แต่หวังเป่าเล่อก็ไม่ได้รู้สึกว่าตนเองทำผิดอย่างไร      แต่เมื่อทบทวนคำแนะนำในอัตชีวประวัติของเจ้าพนักงานระดับสูงแล้ว เขาก็ตัดสินใจว่าผู้น้อยควรทำให้ผู้นำรู้สึกมีอำนาจในเหตุการณ์สำคัญ ชายหนุ่มจึงยอมถอดถุงมือออกเก็บใส่คลังเวท ก่อนก้มหัวคำนับเพื่อแสดงความสำนึกผิด

“ท่านเจ้าสำนัก เป็นความผิดของข้าเองที่โจมตีท่านรองเจ้าสำนัก ข้าปล่อยให้อารมณ์โกรธครอบงำจิตใจ”

เมื่อเห็นท่าทีสำนึกผิดของหวังเป่าเล่อ ความกริ้วโกรธของเจ้าสำนักก็พอคลายลงไปบ้าง แต่หากจะปล่อยให้เรื่องผ่านไปก็ไม่ใช่ที่ ท่านเจ้าสำนักรู้ดีว่าตนต้องว่ากล่าวตักเตือนหวังเป่าเล่อเพื่อให้หลาบจำ ราวกับเข้าใจเจตนาของท่านเจ้าสำนัก           หวังเป่าเล่อหยิบสมุดจดเล่มเล็กออกมาถือไว้ในมือทันที เขาเตรียมพร้อมที่จะฟัง  อย่างตั้งใจ ผงกหัวรับรู้ และจดคำที่ท่านเจ้าสำนักกำลังจะเอ่ย

ภาพนี้ทำให้ทุกคนชะงัก แม้แต่เกาเฉวียนที่ทั้งโกรธทั้งกลัวยังอดงงไม่ได้          เขามองหน้าหวังเป่าเล่ออย่างจนด้วยคำพูด

ท่านเจ้าสำนักเองก็ไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี เมื่อนึกย้อนไปถึงตอนที่       หวังเป่าเล่อขึ้นเรือบินของสำนักศึกษาเป็นครั้งแรก ความโกรธของเขาก็เบาบางลง    ไปอีก ท่านทำได้แค่มองไปที่ตัวต้นเรื่อง

“ข้าจะยอมให้เรื่องนี้ผ่านไปก็แล้วกัน ข้ารู้ดีว่าเจ้าทนมามาก แต่อย่าให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นอีกเป็นอันขาด!”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!