Skip to content

A World Worth Protecting 163

บทที่ 163 วัตถุเวทที่มีเครื่องหมายกากบาท

ความฝันช่างสวยงาม แต่ความเป็นจริงช่างโหดร้าย

ในความพยายามครั้งแรก หวังเป่าเล่อหยิบโล่อันเล็กอันหนึ่งออกมาแล้วใส่เข้าไปในเตาหลอม หลังจากที่กะประมาณอยู่นาน เขาใส่ทรายอาวุธเข้าไปหนึ่งเม็ด เมื่อการผสานรวมสำเร็จ โล่นั้นสั่นเทิ้มอย่างรุนแรงก่อนจะสูญเสียพลังวิญญาณไปทั้งหมด

หวังเป่าเล่อทำหน้าบูดพลางหยิบเอาโล่ออกมาเพื่อตรวจสอบดู จึงได้เห็นว่า      ตัวอักขระและแก่นวิญญาณทั้งหมดต่างก็ถูกทำลายไปจนสิ้น วัตถุเวทนั้นต้องจารึก   ตัวอักขระใหม่ทั้งหมด วัสดุภายนอกก็ต้องกำจัดทิ้ง โดยรวมแล้วถือว่าพังไปครึ่งหนึ่ง

หวังเป่าเล่อถอนหายใจ แล้วหันไปหยิบวัตถุเวทอีกชิ้นขึ้นมาเพื่อลองอีกครั้ง ในช่วงแรกถือว่าผ่านไปด้วยตี แต่เมื่อผ่านไปครึ่งชั่วโมงก็เกิดเสียงระเบิดดังสนั่น ทำลายวัตถุเวทชิ้นที่สองจนแหลก หวังเป่าเล่อตกตะลึง เมื่อหยิบเอาวัตถุเวทชิ้นที่สองออกมาตรวจสอบนั้นเอง เขาจึงเห็นว่าไม่เพียงแค่แก่นวิญญาณถูกทำลายจนแหลกเท่านั้น ตัวอักขระทั้งหมดก็บิดงอไปด้วย

“ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่ได้อย่างนั้นหรือ” หวังเป่าเล่อยกมือขึ้นเกาศีรษะ พลางหันหลังไปมองกองวัตถุเวทที่ขายไม่ออกของเขา หลังจากใคร่ครวญอยู่ครู่หนึ่ง เขาจึงตัดสินใจทดลองต่อไป

สามวันผ่านไปในพริบตา หวังเป่าเล่อจมจ่อมอยู่กับความพยายามจะผสานทรายอาวุธเข้ากับวัตถุเวท เขาล้มเหลวไปทั้งสิ้น 18 ครั้งและรู้สึกท้อจนอยากจะยอมแพ้

ใน 18 ครั้งนั้นส่วนใหญ่วัตถุเวทเกิดสั่นไหวอย่างรุนแรง ไม่นานหลังจากที่    ผสานรวมเข้ากับทรายอาวุธ ตัวอักขระทั้งหมดถูกทำลายและบิดงอจนผิดรูปไป    ตามๆ กัน ราวกับว่าวัตถุเวทเหล่านั้นไม่อาจทนรับแรงผสานกับทรายอาวุธได้จึงถูกทำลายในทันที

ตอนที่หวังเป่าเล่อกำลังจะยอมแพ้นั่นเอง ในการทดลองหลอมครั้งที่ 19 ที่เขาใช้กระบี่เหาะเหินระดับสอง มีแสงสว่างจ้าขึ้นมาจากกระบี่เหาะเหิน หลังจากที่มัน      สั่นเทิ้มหลังการผสานรวมกับทรายอาวุธ

แสงสว่างนี้ทำให้หวังเป่าเล่อตื่นเต้นเป็นอย่างยิ่ง เขาตั้งใจควบคุมการหลอมครั้งนี้อย่างเต็มที่ทันที ผ่านไปห้านาที เขาหยิบเอากระบี่เหาะเหินออกมาหลังจากที่       แสงสว่างได้จางหายไปและมองเห็นความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับกระบี่

“สำเร็จแล้ว!” หวังเป่าเล่อตื่นเต้นดีใจเป็นอย่างยิ่ง เขาก้มลงมองกระบี่เหาะเหินในมือ  รู้สึกถึงน้ำหนักที่เพิ่มขึ้น  เพื่อเป็นการทดสอบ หวังเป่าเล่อส่งพลังปราณเข้าไปตรวจสอบกระบี่และพบตัวอักขระที่ซับซ้อนปรากฏขึ้นบนแก่นวิญญาณของ         กระบี่เหาะเหิน คล้ายกับที่ปรากฏอยู่บนฝักกระบี่  ต่างกันเพียงแค่ตัวที่อยู่บน         ฝักกระบี่นั้นซับซ้อนกว่า

เห็นได้ชัดด้วยว่าตัวอักขระบนกระบี่เหาะเหินเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม หลังจากที่วิเคราะห์อย่างถี่ถ้วน หวังเป่าเล่อพบว่าตัวอักขระเปลี่ยนไปทั้งสิ้นเก้าตัว และความเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ก่อให้เกิดรูปแบบการจัดเรียงอักขระแบบใหม่

อย่างไรก็ดี แม้ว่าการเปลี่ยนแปลงจะดูเล็กน้อย แต่พลังของกระบี่เหาะเหินเพิ่มพูนขึ้นอย่างมหาศาล หวังเป่าเล่อไม่เคยเห็นการเรียงตัวอักขระบนแผ่นหยก    แบบนี้มาก่อน เขาจึงไม่อาจคาดเดาได้ว่าเกิดความเปลี่ยนแปลงอะไรขึ้นกับ          กระบี่เหาะเหินบ้างหลังการผสานรวม

โชคยังดีที่หวังเป่าเล่อมีสูตรอักขระจารึกอยู่ เขานั่งลงและพยายามจะถอดความอักขระเหล่านั้น จากนั้นพักใหญ่หวังเป่าเล่อก็เงยหน้าขึ้นด้วยสีหน้างงงวย

“ความเร็วลดลงและความคมก็ลดลงด้วย พลังของกระบี่ลดลงในทุกด้านเว้นเสียแต่…ความแข็งแรงเพิ่มขึ้นเกือบสิบเท่า” หวังเป่าเล่อพึมพำกับตนเอง

คำตอบที่เขาได้จากการถอดสูตรอักขราจารึกทำให้เขาสงสัยกว่าเดิม หลังจากนั้นหวังเป่าเล่อก็ก้มศีรษะลงอีกครั้ง เขาหยิบเอากระบี่เหาะเหินเยือกแข็ง วัตถุเวท    ระดับสองแบบชั้นเยี่ยมออกมาและฟาดมันลงไปบนกระบี่ที่แปรสภาพแล้ว!

ในทางทฤษฎีกระบี่ทั้งสองเล่มเป็นวัตถุเวทระดับสองเหมือนกัน เล่มหนึ่งเป็นแบบชั้นเยี่ยม อีกเล่มเป็นแบบสามัญ เล่มหนึ่งหลอมยากมาก อีกเล่มหนึ่งช่างง่ายดาย    เล่มหนึ่งต้องใช้วัตถุราคาแพงระยับจำนวนมาก อีกเล่มใช้เพียงแค่วัสดุธรรมดาเท่านั้น

หากคิดตามหลักการนี้เมื่อมาปะทะกันแล้วกระบี่แปรสภาพจะต้องแหลกอย่างแน่นอน แต่ขณะนี้เมื่อกระบี่เหาะเหินเยือกแข็งกระทบเข้า กลับก่อให้เกิดเสียงกระทบกันของโลหะดังสนั่น กระบี่เหาะเหินเยือกแข็งเด้งกลับอย่างรุนแรงและมีรอยร้าวเล็กๆ ปรากฏขึ้นบนตัวกระบี่ แต่ทว่ากระบี่เหาะเหินธรรมดานั้นกลับไร้ซึ่งรอยขีดข่วน!

แข็งแกร่งจริงๆ!

เหตุการณ์นี้ทำให้หวังเป่าเล่อตกใจเป็นอย่างมาก เขาหยิบเอากระบี่เหาะเหิน   เล่มที่หลอมทรายอาวุธขึ้นมาและเหวี่ยงออกไปข้างหน้า

ทันใดนั้นเอง เจ้ากระบี่เหาะเหินก็ลอยอ้อยอิ่งตรงไปช้าๆ ความเร็วเทียบเท่ากับ       ยุงตัวหนึ่ง

หวังเป่าเล่อถึงกับนิ่งงันไป หลังจากทดสอบความคมของกระบี่ดูแล้ว เขาก็จ้องมองเจ้ากระบี่แปรสภาพเขม็ง เขาคิดว่าอาวุธชิ้นนี่ไม่ใช่กระบี่อีกต่อไปแล้ว เรียกว่าเป็นหอกอาจจะเหมาะกว่า

อะไรกันนี่ ก่อนหน้านี้ก็เป็นขยะ มาตอนนี้ก็ยังเป็นขยะอยู่ดี…

หวังเป่าเล่อถอนหายใจ เขาอยากจะลองเปลี่ยนอักขระบางตัวเพื่อเพิ่มความคมและความว่องไวโดยยังคงเอาความแข็งแกร่งไว้ แต่ทว่าหลังจากที่หมดเวลากับ       การทดลองอยู่ครู่หนึ่ง หวังเป่าเล่อก็จำต้องยอมแพ้เพราะเขาไม่รู้ว่าจะต้องแก้ที่ใดดี

ถึงอย่างนั้นก็ไม่ใช่ว่าทุกอย่างจะแย่ไปเสียหมด อย่างน้อยหวังเป่าเล่อก็สามารถจดบันทึกตัวอักขระที่เปลี่ยนแปลงไปได้ ต่อไปเมื่อเขาต้องการเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับวัตถุเวท เขาเพียงต้องสลักตัวอักขระลงไปตามลำดับนั้น

สุดท้ายเขาก็ยอมโยนวัตถุเวทชิ้นนั้นทิ้ง หลังจากครุ่นคิดอยู่ชั่วอึดใจ ความดื้อด้านของหวังเป่าเล่อก็ผลักให้เขาพยายามผสานวัตถุเวทเข้ากับทรายอาวุธต่อไป

หนึ่งเดือนผ่านไป

หวังเป่าเล่อก็ใช้วัตถุเวทระดับต่ำไปจนหมด รวมถึงหุ่นเชิดวัตถุเวทอีกหลายสิบชิ้น   เขายกมือขึ้นตบหน้าผากอย่างผิดหวังพลางจ้องมองไปที่กองซากวัตถุเวทตรงหน้า

ทำไมที่นี่ถึงได้รกนัก

ในขั้นตอนการหลอม เขาพบกับความล้มเหลวนับครั้งไม่ถ้วน แม้ว่าเขาจะประสบความสำเร็จในการแปรสภาพวัตถุเวทหลายสิบชิ้น แต่ก็ไม่มีชิ้นไหนที่ตรงใจเขาเลย

ความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นหลังการผสานรวมกับทรายอาวุธนั้นยากจะควบคุมและคาดเดา เป็นไปไม่ได้เลยที่จะปรับให้ได้ผลลัพธ์ในด้านที่ต้องการ ดูเหมือนผลที่ได้จะขึ้นอยู่กับดวงทั้งสิ้น

หากเพียงแค่นั้นก็คงไม่น่าหนักใจเท่าใดนัก แต่ทว่าในบรรดาวัตถุเวทที่แปรสภาพสำเร็จแล้วกลับมีองค์ประกอบใหม่ที่น่าขันปรากฏขึ้นมาจำนวนมาก หวังเป่าเล่อถึงกับอับจน

เช่นกระบี่เหาะเหินที่เคยได้เปรียบอาวุธชิ้นอื่นในด้านความรวดเร็ว ความคม   และความทนทาน ขณะนี้ไม่เพียงแต่กระบี่เล่มแรกที่กลายเป็นขยะไปหลังจาก    หลอมกับทรายอาวุธ หนึ่งในอีกสองเล่มที่ตามมานั้น เล่มหนึ่งรวดเร็วมากแต่กลับเปราะบางและทื่อเป็นอย่างมาก เรียกได้ว่าแทบจะหลุดเป็นชิ้นๆ ขณะบินไป       กลางอากาศ

กระบี่เหาะเหินอีกเล่มยิ่งไปกันใหญ่เพราะไม่สามารถแยกมิตรและศัตรูได้       เมื่อหวังเป่าเล่อสั่งใช้งานกระบี่ก็บินพุ่งเข้าใส่เขาอย่างดุร้าย

ยังมีประคำระฆังทองอีกจำนวนหนึ่ง ที่ยังรอการพัฒนาเป็นวัตถุเวทระดับสองแบบชั้นเยี่ยม บัดนี้กลับแปรสภาพกลายเป็นประคำระเบิด ไม่จำเป็นต้องโยนด้วยซ้ำ ประคำเหล่านี้ก็จะระเบิดตัวเองขึ้นมาหากทุกกระทบแม้เพียงนิดเดียว หวังเป่าเล่อเพียงแค่หยิบขึ้นมาถือเอาไว้หลังจากแปรสภาพเสร็จประคำก็เกิดระเบิดทันที

แต่วัตถุเวทเหล่านี้ก็ยังไม่ใช่ชิ้นที่กวนใจหวังเป่าเล่อที่สุด ชิ้นที่ทำให้หวังเป่าเล่อปวดหัวที่สุดคือร่ม แส้ตียุง บ่วงพันธนาการสวรรค์

ความเปลี่ยนแปลงส่งผลให้วัตถุเวททั้งสามชิ้นนี้แปลกแปร่งออกไปเป็นอย่างมาก ร่มนั้นโดยปกติแล้วใช้แทนโล่เพื่อป้องกัน แม้ว่าคุณสมบัติในการป้องกันจะเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมากหลังจากการแปรสภาพ แต่ทว่า ดูราวกับว่าจะขัดข้องอยู่ตลอดเวลา         ทุกครั้งที่ขัดข้อง ร่มจะโผบินออกไปเหมือนกระบี่เหาะเหิน ราวกับว่าเป็น            กระบี่เหาะเหินกลับชาติมาเกิดเป็นร่มอย่างไรอย่างนั้น

แส้ตียุงทำให้หวังเป่าเล่อถึงกับถอนหายใจอย่างผิดหวัง เพราะทำมาจากเส้นด้ายนุ่มอย่างดี แต่หลังการแปรสภาพด้วยทรายอาวุธแล้วออกมาแข็งกระด้าง เส้นด้ายกลับแข็งราวกับเส้นเหล็กเลยทีเดียว หากจะว่ากันตามตรง หวังเป่าเล่อควรจะดีใจที่แปรสภาพเสร็จสมบูรณ์ออกมาเป็นเช่นนั้น ทว่าในความเป็นจริง เส้นด้ายที่แข็งแกร่งกลับพลันห่อเหี่ยวลงภายในเวลาไม่ถึงสามวินาที…

กระนั้นสิ่งที่กวนใจหวังเป่าเล่อที่สุดก็คือ บ่วงพันธนาการสวรรค์ หวังเป่าเล่อ      ยังจำได้ดีว่าเขาหลอมบ่วงนี้ขึ้นมาห้าวันที่แล้ว เมื่อเขาก้าวออกจากถ้ำที่พักเพื่อทดสอบสมรรถภาพของเชือก มันกลับกระโจนขึ้นไปบนท้องฟ้าแล้วก็…หายวับไป

ไอ้เชือกบ้านั่น ข้าไม่รู้เลยว่าเกิดอะไรขึ้นกับมันหลังจากที่หนีหายไป มันยังไม่กลับมาเลย…

แม้กระนั้น จากในวัตถุเวทจำนวนนับสิบชิ้น ก็มีบ้างบางชิ้นที่หวังเป่าเล่อคิดว่าอยู่ในระดับพอรับได้ ตัวอย่างเช่น ผนึกอันใหญ่ที่แรกเริ่มเป็นเพียงวัตถุเวทระดับ        สองธรรมดา หลังจากการแปรสภาพแล้วกลายเป็นวัตถุเวทระดับสองแบบชั้นเยี่ยมที่มีพลังเพิ่มขึ้นอีก หวังเป่าเล่อถึงกับตะลึง เพราะเขารู้สึกว่าพลังของมันเทียบเท่าสมบัติเวทระดับสามเลยทีเดียว

แม้กระนั้น เมื่อหวังเป่าเล่อเอาออกไปลองใช้ เขาจึงรู้ว่าผนึกยักษ์นั้นบางที         ก็ขัดข้อง และเมื่อเกิดขัดข้องขึ้นมาก็จะไร้ประโยชน์ไปเลย ผนึกจะมีความยืดหยุ่นเพิ่มขึ้นเสียจนด้วยการสัมผัสเพียงเล็กน้อยก็จะเด้งลอยหายขึ้นไปบนท้องฟ้า

ในส่วนของหุ่นเชิดวัตถุเวทของหวังเป่าเล่อ มีสองตัวที่แปรสภาพสำเร็จ ตัวหนึ่งแข็งแรงเป็นอย่างมาก แข็งเสียจนหมัดของหวังเป่าเล่อไม่สามารถพังมันได้            หวังเป่าเล่อแปลกใจเป็นอย่างยิ่ง

หุ่นเชิดอีกตัวมีความเร็วเพิ่มขึ้น หวังเป่าเล่อพาหุ่นเชิดออกไปทดลอง ปรากฏว่าหุ่นตัวนี้วิ่งเร็วกว่าเขาเสียอีก หวังเป่าเล่อจึงรีบศึกษาตัวอักขระบนหุ่นเชิดตัวนั้นและจดบันทึกเอาไว้

“พวกนี้มันอะไรกันนี่” หวังเป่าเล่อมองไปที่กองวัตถุเวทตรงหน้าก่อนจะถอนหายใจยาว เขารู้สึกว่าเขาได้ผลาญทั้งเวลาและทรายอาวุธไปเป็นจำนวนมากในช่วงเวลาทดสอบนี้

โชคยังดีที่หวังเป่าเล่อได้ค้นพบรูปแบบการจัดเรียงตัวอักขระที่ไม่มีอยู่ในตำราของสำนักศึกษาเต๋าศักดิ์สิทธิ์มาก่อน ผลลัพธ์ข้อนี้ช่วยข่มใจเขาได้บ้าง ระหว่างที่เขาตั้งใจจะเก็บวัตถุเวททั้งหมดเข้าที่นั่นเอง ชายหนุ่มกลับต้องชะงัก

ไม่สิ ข้าปล่อยไว้เช่นนี้ไม่ได้ ในเมื่อข้ามีทั้งวัตถุเวทที่ใช้การได้ดี และวัตถุเวทที่เสียหาย หากข้าใช้สลับกันขึ้นมาเล่า…

หวังเป่าเล่อนึกภาพตัวเองต่อสู้และโจมตีศัตรูด้วยกระบี่เหาะเหินที่แปรสภาพแล้ว แทนที่มันจะพุ่งไปเสียบใส่ศัตรู มันกลับจะพุ่งเข้ามาใส่ตัวเขาเสียเอง ความคิดนี้ทำให้หวังเป่าเล่อถอนหายใจ เขารีบแกะสลักเครื่องหมายกากบาทลงบนพื้นผิวของวัตถุเวทที่แปรสภาพแล้วทุกชิ้น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!