Skip to content

A World Worth Protecting 226

บทที่ 226 หนทางผสานรากฐานตั้งมั่น

วงแหวนปราณในมิติเวทเขตอัสนีแห่งนี้เต็มไปด้วยสายฟ้าฟาดและเสียงฟ้าร้องกระหึ่มไปทั่ว ผู้ฝึกตนมากมายนั่งอยู่บนยอดเจดีย์ บางคนหายตัวเข้ามา บางคน     หายตัวลับไป และบางคนกำลังต้านทานสายฟ้าฟาดอยู่

หวังเป่าเล่อมาถึงก็เดินผ่านวงแหวนปราณทันที ก่อนจะปรากฏตัวบนยอดเจดีย์องค์หนึ่ง ผู้คนสองสามคนหันมามองแต่มิได้สนใจมากนัก เพราะสายฟ้าในมิติเวท     แห่งนี้สามารถฟาดใส่ทุกคนได้ทุกเมื่อ

“มาเลย!” ร่างจ้ำม่ำของชายหนุ่มสั่นระริกอย่างตื่นเต้น พลางตะโกนใส่เมฆครึ้มบนท้องฟ้า ก่อนจะโดนสายฟ้าฟาดใส่ในทันที

หลังจากเกิดเสียงดังกึกก้องไปทั้งอากาศ เรือนผมของหวังเป่าเล่อก็ชี้ตั้งพร้อม   ตัวสั่นโยน ประกายไฟมากมายแผ่ซ่านเข้ามาในร่างกาย แรงสั่นสะเทือนรวดเร็ว          บ้าคลั่งนั้น ทำให้ผลึกภายในกายของชายหนุ่มแตกสลายอย่างรวดเร็ว จนหลอมรวมเข้ากับเส้นปราณ

ก็ไม่เห็นเจ็บสักหน่อย ชายหนุ่มนัยน์ตาเป็นประกาย สะดุ้งโหยงอยู่สองสามครั้งด้วยความแปลกใจและเปี่ยมสุข ชายหนุ่มจำได้ว่าประสบการณ์การโดนฟ้าผ่าครั้งแรก ทั้งร่างกายนั้นเจ็บปวดและมึนงงมากเพียงใด

ข้าได้รับกระบวนเวทอันดับแรก อย่างกระบวนเวทประกายสายฟ้ามาแล้ว!

คราวนี้มาดูกันว่าข้าจะได้รับกระบวนเวทอันดับสอง…อย่างกระบวนเวท        คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้ามาได้หรือไม่ หวังเป่าเล่อกระโดดโลดเต้นด้วยความกระตือรือร้น พลางสงสัยว่าหลังจากกินโอสถปลดปล่อยกำลังกายาเพื่อปรับเปลี่ยนร่างกายของตนแล้ว ผลกระทบจากฟ้าผ่าจะน้อยลงบ้างรึเปล่า

เขาเริ่มเพ้อฝันอย่างมั่นอกมั่นใจ ว่าตัวเองจะได้ครอบครองกระบวนเวทจาก    เขตอัสนีครบถ้วนทั้งห้ากระบวนเวท อันได้แก่ กระบวนเวทประกายสายฟ้า      กระบวนเวทคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า กระบวนเวทกระบี่บัดดล กระบวนเวทมังกรระเบิดตน และ…กระบวนเวททะเลอเวจี!

หากผู้ใดครอบครองกระบวนเวทได้ครบห้า ผู้นั้นจะได้รับ…กระบวนเวทระเบิดแม่เหล็กไฟฟ้า!

ตามสถิติของสำนักศึกษาเต๋าศักดิ์สิทธิ์ โดยปกติผู้ฝึกตนขั้นลมหายใจเที่ยงแท้    จะบรรลุแค่กระบวนเวทประกายสายฟ้าเท่านั้น น้อยคนนักจะฝ่าฟันไปจนได้รับกระบวนเวทคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้ามาไว้ในครอบครอง ส่วนกระบวนเวททั้งสามอย่างหลังนั้น มีเพียงผู้ฝึกตนขั้นรากฐานตั้งมั่นเท่านั้นที่สามารถยืนหยัดจนได้มันมาครอบครอง

หวังเป่าเล่อเริ่มปักหลักในเขตอัสนี หลายวันต่อมา เขาก็ทนทานต่อแรงสายฟ้าฟาดมากขึ้นในระดับน่าประทับใจ ผลึกภายในกายเริ่มแตกกระจายออกอย่างรวดเร็วและหลอมรวมเข้ากับเส้นปราณ จนระดับการฝึกตนของชายหนุ่มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

หลายวันผ่านไป สายฟ้าเส้นสุดท้ายฟาดใส่ชายหนุ่ม เขาคว้ากระบวนเวท     อันดับสองแห่งเขตอัสนีมาได้สำเร็จ!

กระบวนเวทคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า! หวังเป่าเล่อตื่นเต้น เมื่อกวาดมือดูก็พบว่ามีสนามพลังแม่เหล็กเกิดขึ้นรอบตัว จนมันบิดเบือนพื้นที่รอบข้างในทันที สนามพลังเริ่มจับแรงไฟฟ้าอย่างน่าทึ่ง

เมื่อเขาปลดปล่อยกระบวนเวทประกายสายฟ้าเข้าใส่สนามพลัง พลังของคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าก็ยิ่งเพิ่มสูงขึ้นไปอีก ชายหนุ่มดีอกดีใจ พยายามท้าทายสายฟ้าฟาดระลอกที่สามต่อทันที เพราะหากเขาทนไหว ก็จะมีโอกาสได้รับกระบวนเวทที่สามแห่งเขตอัสนีด้วย!

กระบวนเวทกระบี่บัดดล!

หวังเป่าเล่อตื่นเต้นพลางคาดหวัง ว่ากันว่ามีเพียงผู้ฝึกตนขั้นรากฐานตั้งมั่นเท่านั้นที่ทรงพลังพอจะครอบครองกระบวนเวทที่สามได้ ซึ่งไม่ใช่หนทางที่ง่ายเลยสำหรับชายหนุ่ม

โชคดีที่เขามีร่างกายอันแข็งแกร่งทำให้ทนทานต่อความเจ็บปวดทรมานอันสาหัสได้ คลื่นสั่นไหวแล่นเข้าสู่ร่างกายทำให้ผลึกภายในกายสลายตัวเพิ่มขึ้น จนเกิดการ   หลอมรวม ทำให้ชายหนุ่มแข็งแกร่งมากขึ้น หลังจากร่อแร่อยู่ในหมอกควันนาน     หลายวัน ระดับการฝึกตนก็พัฒนาขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่วนผลึกภายในกายก็ค่อยๆ หลอมประสานเข้ากับร่างกาย และหลังจากอยู่ในเขตอัสนีเป็นเวลาหนึ่งเดือนเต็ม       ในที่สุด…

สายฟ้าฟาดระลอกที่สามกระแทกลงมา…เหล่าฝูงชนต่างตกใจหันมาจ้องมอง หวังเป่าเล่อต้านทานสายฟ้าระลอกที่สามด้วยร่างกายอันแข็งแกร่งราวกับเป็น       อสูรกายของตัวเอง หลังจากสายฟ้าลูกสุดท้ายหายไป เขายังคงยืนตระหง่าน            แต่ภายในร่างกายแทบไหม้เกรียม คลื่นอารมณ์ถาโถมเข้ามา ชายหนุ่มได้รับ      กระบวนเวทเขตอัสนีอันดับสาม นั่นคือ กระบี่บัดดลเป็นที่เรียบร้อย!

กระบวนเวทกระบี่บัดดลนี้สามารถเรียกใช้สายฟ้าต่างกระบี่เหาะเหินได้ใน       ชั่วพริบตา ความเร็วของกระบี่เหาะเหินสายฟ้านั้นน่าทึ่ง และพลังการโจมตีก็น่า    เกรงขามนัก นับเป็นกระบวนเวทอันทรงพลังอย่างน่าเหลือเชื่อและใกล้เคียงกับระดับของลมหายใจเที่ยงแท้เลยทีเดียว

ต่อให้เป็นผู้ฝึกตนขั้นรากฐานตั้งมั่นยังต้องระวังตนเองเมื่อประจันหน้ากับกระบวนเวทชนิดนี้!

นอกเหนือจากเคล็ดเวทระเบิดกำเนิดดวงดาราแล้วนั้น การครอบครองกระบวนเวทกระบี่บัดดลของหวังเป่าเล่อก็ใช้ต่อกรกับผู้ฝึกตนขั้นรากฐานตั้งมั่นได้อีกด้วย

หนึ่งเดือนแห่งการฟาดฟันกับสายฟ้าผ่านพ้นไป ระดับการฝึกตนจากเดิมซึ่งถูกบีบอัดเหลือแค่ระดับลมหายใจเที่ยงแท้ขั้นที่ห้า ตอนนี้กลับคืนสู่ขั้นสูงสุดตามเดิมเป็นที่เรียบร้อย

มวลพลังของระดับลมหายใจเที่ยงแท้ขั้นสูงสุดในปัจจุบัน กับในตอนแรกนั้นมีความแตกต่างกันอย่างมหาศาล หากตัวเขาในตอนนี้ต้องต่อสู้กับตัวเองเมื่อเดือนก่อน ก็คงจะบดขยี้คนในอดีตเละอย่างไม่ต้องสงสัย!

ในช่วงเดือนนั้น เฉินอวี่ถงกำลังรวบรวมรายละเอียดข้อมูลต่างๆ เกี่ยวกับ         ขั้นรากฐานตั้งมั่น ทั้งยังขอคำแนะนำจากอาจารย์ของตนเองเพิ่มเติมอีกด้วย หลังจากได้ข้อมูลเป็นภาพรวมที่ครอบคลุมมากขึ้น จึงไม่รีรอ รีบส่งต่อให้หวังเป่าเล่อทันที

ศิษย์พี่เฉินไม่เพียงแต่รวบรวมข้อมูลมาจากสำนักศึกษาเต๋าศักดิ์สิทธิ์เท่านั้น      แต่รวมไปถึงข้อมูลจากสำนักศึกษาอื่นๆ และยังมีทฤษฎีที่ยังไม่ได้รับการพิสูจน์ดีอยู่อีกสองสามข้อเกี่ยวกับผู้ฝึกตนขั้นรากฐานตั้งมั่นโบราณในยุคโลกามหากระบี่อีกด้วย

“ขั้นรากฐานตั้งมั่นคือ ขั้นที่สองของการย่างก้าวออกจากความเป็นมนุษย์ปุถุชน สู่ความเป็นอมตะนิรันดร์ เป็นขั้นตอนสำคัญมากในวัฏจักรทั้งหมดนี้!

“จุดเริ่มต้นของเส้นทางสู่ความเป็นนิรันดร์นั้น คือต้องสร้างรากฐานที่เกื้อหนุนความอมตะนิรันดร์เสียก่อน จากนั้นธรรมชาติจึงจะยอมจำนนรับใช้ และอนุญาตให้   ผู้ฝึกตนสามารถเหาะเหินบนกระบี่ได้!

“การบรรลุสู่ขั้นรากฐานตั้งมั่นมีหลายหนทาง ทั้งหนทางรากฐานตั้งมั่นเต๋าสวรรค์ หนทางรากฐานตั้งมั่นชั้นเยี่ยม หนทางลักลอบรากฐานตั้งมั่นชั้นสูง หรือแม้แต่     หนทางป่าเถื่อนทั้งหลาย ซึ่งมีบันทึกไว้ในเศษชิ้นส่วนบางชิ้น…แต่ส่วนใหญ่แล้ว     บันทึกนั้นจะยังไม่สมบูรณ์ดี และไม่ได้จำเป็นสำหรับเราขนาดนั้น

“หนทางอันเหมาะสมที่สุดสำหรับพวกเรานั้นได้รับการคิดค้นขึ้นเมื่อสามสิบปีก่อน หลังจากมีการศึกษาและทดสอบโดยเหล่าผู้ฝึกตนอันกล้าแกร่งและมีเกียรติในยุคแห่งสหพันธรัฐจำนวนนับไม่ถ้วน…หนทางนั้นคือหนทางผสานรากฐานตั้งมั่น

“หนทางผสานที่ว่านั้น คือการเก็บเศษชิ้นส่วนพิเศษจากบรรดาชิ้นส่วนจำนวนมาก    ที่ตกหล่นมาจากกระบี่สำริดเขียวโบราณ แล้วหลอมมันรวมเข้าสู่จุดตันเถียน         และสร้างเป็น…แก่นรากฐานวิญญาณ!

“มีเพียงชิ้นส่วนจากนอกโลกเช่นนี้เท่านั้นที่จะมีแหล่งกำเนิดของปราณวิญญาณอันไม่มีสิ้นสุด และยังสามารถเป็นเชื้อเพลิงให้กับแก่นรากฐานวิญญาณด้วย        ปราณวิญญาณในสหพันธรัฐล้วนแล้วแต่ถือกำเนิดจากชิ้นส่วนจำนวนนับไม่ถ้วนเหล่านั้นทั้งสิ้น

“แต่ไม่ใช่ว่าทุกชิ้นส่วนจากนอกโลกจะให้ผลลัพธ์เดียวกัน ดังนั้นจึงต้องคัดเลือกอย่างระมัดระวัง และต้องพึ่งพาโชคชะตาอยู่พอตัว คนที่โชคดีที่สุดเท่านั้น…ที่จะค้นพบวัตถุเวทสมบูรณ์แบบที่หลอมเป็นแก่นรากฐานวิญญาณได้ในทันที!

“อย่างผู้อาวุโสสูงสุดของสำนักศึกษาของเรา

“หัวกะทิจากขุมอำนาจทางการเมืองอื่นๆ บางคนมีวัตถุเวทสมบูรณ์แบบไว้ในครอบครองอยู่บ้าง แต่โอกาสเช่นนี้ถือว่าเกิดได้ยากมาก ขึ้นอยู่กับโชคชะตาของแต่ละคนเป็นสำคัญ

“บุคคลธรรมดาทั่วไปบรรลุขั้นรากฐานตั้งมั่นด้วยการเก็บเศษชิ้นส่วนมาประสานเอง แต่สำหรับชนชั้นสูงทั้งหลาย ต่างใฝ่ฝันจะได้ครอบครองวัตถุเวทสมบูรณ์แบบ         กันทั้งสิ้น!” หวังเป่าเล่อถอนหายใจเมื่ออ่านมาถึงตรงนี้ เขาเริ่มเข้าใจขั้นรากฐาน     ตั้งมั่นมากขึ้น

ชายหนุ่มเริ่มอ่านต่อ

“เนื่องจากเศษชิ้นส่วนที่แต่ละขุมอำนาจทางการเมืองครอบครองได้ค่อนข้างมีจำนวนจำกัด ชิ้นส่วนเหล่านั้นก็ล้วนแล้วแต่เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ขุมอำนาจทางการเมืองเหล่านั้นแข็งแกร่งขึ้น ในบรรดาเศษชิ้นส่วนทั้งหมด เศษชิ้นส่วนที่ร่างกายสามารถดูดกลืนและใช้หลอมเพื่อบรรลุสู่ขั้นรากฐานตั้งมั่นได้ถือว่ามีมูลค่าสูงยิ่ง       ถ้าไม่มีเหตุอันควร พวกเขาจึงมักจะเก็บซ่อนมันเอาไว้ ไม่ให้ใครใช้ได้ตามใจชอบ

“เขตจันทราเวทบนดวงจันทร์จึงถือกำเนิดขึ้นมาด้วยเหตุนี้! เศษชิ้นส่วนจำนวนมากบนดวงจันทร์ทำให้สภาพอากาศและทัศนียภาพข้างบนนั้นน่ากลัวและโหดร้ายกว่า  บนโลกมนุษย์ตอนนี้เสียอีก…เราส่งคนไปขุดค้นพื้นที่บนนั้นมาสามปีแล้ว แต่เพราะขาดกำลังคนทำให้กระบวนการนี้ล่าช้า แม้ว่าขุมอำนาจทางการเมืองจะใช้เวลา     และพลังงานมากมายขุดค้นพื้นที่อยู่หลายปี ก็ยังมีอีกหลายจุดบนดวงจันทร์             ที่มีเศษชิ้นส่วนจากนอกโลกและวัตถุเวทจำนวนมากเหลือซุกซ่อนอยู่!

“โดยเฉพาะด้านมืดของดวงจันทร์!

“ทั้งนี้ทั้งนั้น…หลังจากเศษชิ้นส่วนบางส่วนได้รับการขุดลงมายังโลกมนุษย์       ภูมิประเทศของดวงจันทร์ก็เปลี่ยนไป และเอื้อให้มนุษย์ดำรงชีวิตอยู่ได้ มีเพียงเหล่า     ผู้ฝึกตนในขั้นรากฐานตั้งมั่นระดับห้าขึ้นไปเท่านั้น ที่จะสามารถมีชีวิตอยู่รอดบน    ดวงจันทร์ได้เป็นระยะเวลานาน

“ดวงจันทร์ค่อยๆ กลายเป็นสถานที่ที่ศิษย์เอกจากขุมอำนาจทางการเมืองต่างๆ ในสหพันธรัฐใช้แสวงหาโอกาสในการฝึกตนจากระดับลมหายใจเที่ยงแท้สู่ขั้นรากฐานตั้งมั่น พวกเขาเดินทางไปที่นั่นเพื่อหาทางบรรลุสู่ขั้นรากฐานตั้งมั่น รวมถึงพยายามจะยึดครองดินแดนแห่งนั้นเช่นกัน!

“เขตจันทราเวทเต็มไปด้วยอันตรายและความตายก็จริง แต่มันยังมีโอกาส        อันยิ่งใหญ่รออยู่อีกด้วย!”

หวังเป่าเล่อแทบอยู่ไม่สุข หลังจากได้อ่านและทำความเข้าใจเนื้อหาที่เฉินอวี่ถง  ส่งมาให้แล้ว ปราณวิญญาณในกายเขาปั่นป่วนลุกโชน เมื่ออ่านมาถึงบรรทัดสุดท้ายที่ศิษย์พี่เฉินสรุปจบว่าเขตจันทราเวทนั้นเปิดให้เข้าแค่ปีละครั้ง

ครั้งต่อไปจะเปิดขึ้นในอีกสองเดือน ขุมอำนาจทางการเมืองทั้งหลายก็จะส่งสมาชิกมาสู้เพื่อคว้าโอกาสทองนั้นไว้ ตัวเฉินอวี่ถงเองก็ลงทะเบียนไปแล้วเช่นกัน

“เป่าเล่อ เจ้าต้องคิดให้ดีๆ เขตจันทราเวทไม่เหมือนกับหมู่บ้านลมปราณวิญญาณที่สี่ยอดสำนักเต๋าเป็นเจ้าของ หมู่บ้านลมปราณวิญญาณมีข้อห้ามมิให้ฆ่าฟันกันถึงชีวิต อย่างมากเจ้าก็แค่ได้รับบาดเจ็บ

“แต่สำหรับขั้นรากฐานตั้งมั่นแล้ว…ทุกอย่างแตกต่างไปโดยสิ้นเชิง นี่คือการต่อสู้อันแท้จริงเพื่อแย่งชิงแหล่งพลังงานสำคัญและโอกาสยิ่งใหญ่ การต่อสู้จนถึงตายกลายเป็นเรื่องธรรมดาขึ้นมาทันทีเมื่อมีโอกาสทองเป็นเดิมพัน ไม่เพียงเท่านั้น…     สมาชิกขั้นรากฐานตั้งมั่นจากขุมอำนาจทางการเมืองทั้งหมด ก็จะเข้าร่วมการต่อสู้ในเขตจันทราเวทด้วย!

“เจ้าจะต้องคิดให้ละเอียดรอบคอบ!”

หวังเป่าเล่อเงียบไปขณะตัดสินใจ ก่อนที่ดวงตาจะทอประกายความดุดันและแน่วแน่ออกมา

ชายหนุ่มรู้ดีว่าหากพลาดโอกาสครั้งนี้ จะต้องรอไปอีกหนึ่งปี และหากทุกอย่างดำเนินไปตามความตั้งใจก่อนหน้านี้ เขาคงไม่อาจเข้าร่วมการเดินทางนี้ได้ อย่างไร     ก็ตามเหตุการณ์ต่อกรกับต้นไม้ยักษ์ รวมถึงการเข้าร่วมฝึกวิชาในแผนพันธุ์กล้าร้อยต้นก็ทำให้ทุกอย่างดำเนินไปเร็วกว่าที่คิดไว้ตอนแรก และทำให้เข้าเข้าร่วมทดสอบได้…

หวังเป่าเล่อครุ่นคิดชั่วครู่ พลันดวงตาคู่นั้นก็ส่องแสงวับวาวด้วยความมุ่งมั่น

ข้าทรงพลังยิ่งนัก คนอื่นต่างหากที่ควรจะเกรงกลัวข้า แล้วมีอะไรให้ข้าต้องหวาดกลัวอีกเล่า

ชายหนุ่มตัดสินใจแล้ว ขณะที่เขายื่นเรื่องขอเข้าสู่เขตจันทราเวทต่อสำนักศึกษาเต๋าศักดิ์สิทธิ์อยู่นั้น ลึกเข้าไปในนครศักดิ์สิทธิ์ เรือนหมู่หลังหนึ่งของเจ้าเมืองมี       ต้นไม้โบราณต้นหนึ่งตั้งตระหง่านสูงกว่าสามเมตร แผ่ร่มเงาปกคลุมไปไกลหลายเมตร กิ่งก้านสาขาห้อยย้อยลงมาจำนวนนับไม่ถ้วน ท่ามกลางใบไม้สีเขียวขจีอันหนาแน่นนั้น มีผลไม้อ่อนซึ่งยังดิบอยู่จำนวนมาก ทว่าตอนนั้นเอง…พวกมันกลับเผยสีแดงเข้มเปล่งประกายและสุกงอม!

กลิ่นหอมรัญจวนของมันแผ่ซ่านไปทั่วเรือนหมู่ของเจ้าเมือง และตลบอบอวล    อยู่ในอากาศ หลินโยว เจ้าเมืองนครศักดิ์สิทธิ์ยืนเอามือไขว้หลังอยู่ตรงหน้า          ต้นไม้โบราณต้นนี้ พลางเฝ้ามองผลไม้ต่างๆ ด้วยรอยยิ้ม

“เราจะมีการเก็บเกี่ยวผลไม้ศักดิ์สิทธิ์ครั้งยิ่งใหญ่…ต้องส่งคำเชิญถึงเหล่าผู้กล้าจากขุมอำนาจทั้งหลายให้มารวมตัวกันในงานเลี้ยงฉลองผลไม้ประจำนครศักดิ์สิทธิ์นี้ และแบ่งปันผลไม้ที่เก็บเกี่ยวมาได้ให้แก่ทุกคน!”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!