Skip to content

A World Worth Protecting 386

บทที่ 386 ขุนนางระดับสามชั้นสูง

เรื่องนี้มีความสลักสำคัญยิ่งสำหรับทุกคนในสหพันธรัฐ ในอดีตเจ้านครดาวอังคารได้รับการปรับยศเป็นขุนนางระดับสองชั้นรองจากผลงานของนางในนครดาวอังคาร ซึ่งทำให้นางมีคุณสมบัติเป็นผู้เข้าชิงตำแหน่งประธานสหพันธรัฐคนต่อไป

ตอนนี้หวังเป่าเล่อที่เป็นขุนนางระดับสี่ชั้นสูงก็กำลังสร้างผลงานอย่างไม่หยุดหย่อนเช่นกัน ด้วยเหตุนี้เขาจึงกลายเป็นบุคคลที่น่าจับตามอง และเป็นหัวข้อการสนทนาของผู้คนมากมายทั่วอาณาจักร

สื่อทุกแขนงจากทุกหนแห่งทำข่าวเรื่องนี้ในทันที การที่สื่อเหล่านี้รู้ความเคลื่อนไหว แปลว่าผลสำเร็จนี้มีสหพันธรัฐ ดาวอังคาร และกลุ่มอำนาจหลายภาคส่วนอยู่เบื้องหลัง!

เมื่อเรื่องนี้กระจายออกสู่สาธารณชนแล้ว ก็กลายเป็นหัวข้อที่ทุกคนบนโลกพูดถึงกันมาก ชาวดาวอังคารเองก็สนใจเรื่องนี้มากเช่นกัน

ข้อเสนอให้สร้างปราการของหวังเป่าเล่อกระจายไปถึงหูทุกคนในอาณาจักร    สองหัวข้อหลักที่พูดถึงกันมากก็คือ หนึ่ง การที่สุสานใต้ดินแห่งใหม่กำเนิดขึ้นใน     เขตนครใหม่ ซึ่งแปลว่าเจ้านครดาวอังคารคาดคะเนถูก สหพันธรัฐมีเวลาไม่มากนักในการเตรียมพร้อมรับมือกับพัฒนาการของอาวุธเวท

หากทางการไม่ทำอะไรเพื่อจัดการเรื่องนี้ในทันที สุสานแห่งใหม่ที่จะปรากฏขึ้นอีกในอนาคตจะทำให้ดาวอังคารตกอยู่ในสถานการณ์อันตรายกว่าเดิม ขณะเดียวกันเขตนครใหม่นี้เป็นเพียงเขตนครเท่านั้น ถึงอำนาจของเขตนครนี้จะทำให้กำแพงสลายได้ภายในสิบปี แต่ก็ยังช้าเกินไปอยู่ดี!

ด้วยเหตุนี้ ทางดาวอังคารจึงจำเป็นต้องสร้างปราการที่มีขนาดใหญ่ขึ้นเพื่อยับยั้งสุสานใต้ดินแห่งใหม่เอาไว้ และเพื่อควบคุมอัตราการเกิดของสุสานอาวุธเทพใต้ดินอย่างสิ้นเชิง

เรื่องที่สองที่พูดถึงกันมากคือ วงแหวนปราณเป่าเล่อผู้ยิ่งใหญ่ที่หวังเป่าเล่อเสนอ วงแหวนปราณนี้เป็นผลงานของเจ้าเยี่ยเหมิงและสำนักศึกษาเต๋าศักดิ์สิทธิ์ตามทฤษฎีและเคล็ดวิชาของหวังเป่าเล่อ วงแหวนปราณนี้ได้รับการทดลองและพิสูจน์เรียบร้อยว่าใช้ได้ผลจริง เมื่อติดตั้งวงแหวนปราณนี้ในขนาดใหญ่เท่าปราการแล้ว จะใช้เวลาเพียงสามปีเป็นอย่างมาก ในการทลายกำแพง!

หากทำสำเร็จ ความเร็วในการทลายกำแพงจะทำให้อัตราการเกิดใหม่ของสุสานใต้ดินช้าลง และดาวอังคารก็จะควบคุมสถานการณ์ไว้ได้ภายในสองถึงสามปี!

เหตุผลในการสร้างปราการที่ใหญ่ขึ้นเหล่านี้พิสูจน์ได้ และมีข้อมูลน่าเชื่อถือสนับสนุน และยังขยายผลต่อไปได้ด้วย  ดังนั้นทั้งดาวอังคารและสหพันธรัฐจึงให้ความสำคัญกับภารกิจนี้เป็นอันมาก

ผลลัพธ์ที่หวังเป่าเล่อนำเสนอนั้นล่อตาล่อใจทั้งสหพันธรัฐและดาวอังคารมาก การทลายกำแพงภายในสามปีนั้น สั้นกว่าแผนการที่วางไว้ก่อนหน้าถึงสามเท่า

แม้เวลาที่ถูกย่อลงนั้นจะแค่สามเท่า แต่สำหรับทั้งสหพันธรัฐและดาวอังคาร   เวลาเท่านั้นก็มีค่ามากล้นเพราะสามารถนำไปทำอย่างอื่นแทนได้ และยังช่วยประหยัดทรัพยากรไปได้มากอีกด้วย

ถึงกระนั้น หากไม่มีใครสนับสนุนแผนการนี้ หรือหากมีผู้ไม่เห็นด้วยจำนวนมาก สหพันธรัฐก็ต้องศึกษาข้อดีข้อเสีย และอาจเลือกใช้แผนการอื่นแทนก็เป็นได้ อย่างไรเสียปราการใหม่ก็ไม่ใช่เขตนครใหม่ หากสร้างแล้วก็ต้องใช้ขุนนางจำนวนมากในการดำเนินการ และแน่นอนว่าสหพันธรัฐไม่ต้องการใช้ทรัพยากรมากถึงเพียงนั้น

แต่หวังป่าเล่อก็ยกเหตุผลมาสนับสนุนอย่างรัดกุม และมีข้อมูลมากมายมายืนยันความคิดของตน จึงทำให้ข้อเสนอของเขาหนักแน่นน่าเชื่อถือ อีกทั้งเขายังได้รับความสนใจมากขึ้นด้วย ที่สำคัญคือ อาจเพราะกังวลเรื่องความปลอดภัยของดาวอังคาร หรือเพราะความคิดของหวังเป่าเล่อเป็นไปในทางเดียวกัน

หรือเหตุผลอื่นที่ไม่มีวันหยั่งรู้ได้… เจ้านครดาวอังคารเองก็สนับสนุนแผนการนี้อย่างหนักแน่น ทั้งที่ปกติแล้วนางไม่เข้าไปยุ่งเรื่องภายในสหพันธรัฐมากนัก!

นางเห็นด้วยกับหวังเป่าเล่อในการสร้างวงแหวนปราณ และเปลี่ยนเขตนครให้เป็นนครจริงๆ !

ทัศนคติในเชิงบวกของเจ้านครดาวอังคารมีผลต่อการตัดสินใจของสหพันธรัฐเป็นอย่างมาก นอกจากนี้สี่ยอดสำนักศึกษาเต๋ายังแสดงจุดยืนว่าสนับสนุนการเปลี่ยน   เขตนครให้เป็นนครอีกด้วย และยังเสนอว่าจะมอบทรัพยากรเพื่อช่วยสร้างนครแห่งที่สองบนดาวอังคาร ให้สหพันธรัฐและมนุษยชาติ!

คณะเสนาบดีเองก็เดินหมากตามสี่ยอดสำนักศึกษาเต๋า คณะสิบเจ็ดเสนาบดีประกาศเป็นเสียงเดียวกันว่าตนเองสนับสนุนการสร้างนครที่สองบนดาวอังคาร     และเมื่อสองกลุ่มอำนาจซึ่งมีอิทธิพลต่อสหพันธรัฐออกหน้า จึงเป็นไปได้ว่าโครงการสร้างนครใหม่นี้จะได้รับการอนุมัติในที่สุด

แต่ไม่ใช่ทุกกลุ่มอำนาจจะสนับสนุนความคิดนี้ ไม่นานนักสำนักรุ่งสางจักรพิภพ สำนักสหชุมนุมสกุณา และตระกูลนภาห้าสมัย ก็ใช้อำนาจของตนในการคัดค้านการดำเนินงาน กลุ่มการเมืองทั้งสามนั้นทรงอำนาจมาก และเมื่อพวกเขาไม่สนับสนุน   การตัดสินใจเรื่องการสร้างนครใหม่จึงล่าช้าออกไป

ทั้งสามกลุ่มอำนาจนี้เต็มไปด้วยจิ้งจอกแก่เจ้าเล่ห์ เป้าหมายที่แท้จริงในการทำเช่นนี้ทั้งสามกลุ่มอำนาจต่างรู้กันดี พวกเขาจึงเริ่มใช้เส้นสายและอำนาจของตนในทันที แม้แต่กองทัพก็ออกมาประกาศจุดยืนเกี่ยวกับเรื่องนี้ด้วยเช่นกัน แต่หลังจากที่ทั้งสามกลุ่มอำนาจได้รู้เรื่องราวเบื้องหลังการสร้างนครใหม่ พวกเขาก็ทำทีเหมือนต้องการจะเห็นสังคมที่ดีกว่า และเปลี่ยนมาสนับสนุนการสร้างนครใหม่แทน           แต่ความจริงแล้วเบื้องหลังกลับมีการติดสินบนกันมากมาย…

ประธานสหพันธรัฐออกคำสั่งให้ส่งกลุ่มผู้เชี่ยวชาญเข้าตรวจสอบพื้นที่บน       ดาวอังคารทันที เพื่อช่วยในการตัดสินใจขั้นสุดท้าย!

แต่การตรวจสอบนั้นก็แค่พอเป็นพิธีเท่านั้น เนื่องจากแต่ละกลุ่มการเมืองล้วนเต็มไปด้วยบุคคลมากความสามารถ ที่เข้าใจสิ่งที่หวังเป่าเล่อเสนอและสถานการณ์โดยรวมได้ไม่ยาก ดังนั้นภายหลังการสำรวจประเมินพื้นที่และกระบวนการทั้งหมดทั้งมวลหนึ่งเดือน สหพันธรัฐก็ประกาศผลให้สาธารณชนทราบในที่สุด

ทางการอนุมัติให้เขตนครใหม่แห่งดาวอังคารขยับขยายตัวเป็นนครแห่งที่สอง   บนดาวอังคาร

ขนาดของนครใหม่จะใหญ่กว่าเขตนครปัจจุบันถึงสิบเท่า!

ทำให้มันกลายเป็นนครแห่งที่สองบนดาวอังคารอย่างไม่ต้องสงสัย!

ทุกคนทั่วสหพันฐรัฐต่างยินดีเมื่อข่าวนี้แพร่กระจายออกไป อย่างไรเสียมันก็เป็นนวัตกรรมใหม่ และด้วยเหตุนี้ชื่อของหวังเป่าเล่อก็ยิ่งตราตรึงเข้าไปในหัวใจของผู้คนมากขึ้นไปอีก

การอนุมัติสร้างนครใหม่ย่อมแปลว่าบรรดาศักดิ์ของทุกคนในเขตนครจะได้    ปรับขึ้นด้วยเช่นกัน ผลลัพธ์ที่รอคอยนี้ทำให้กงเต๋าและอีกสองคนที่เหลือ ซึ่งกำลังนั่งอยู่ในห้องทำงานของหวังเป่าเล่อพร้อมเจ้าของห้อง ตะโกนออกมาด้วยความดีใจ    เสียงดังลั่นหลังจากที่ได้ยินประกาศของสหพันธรัฐ ทุกคนมารวมตัวกันที่นี่เพื่อรอฟังผลด้วยความคาดหวัง

“สำเร็จ!” หวังเป่าเล่อตบเข่าฉาดและหัวเราะออกมาอย่างมีความสุข จินตั้วหมิง กงเต๋า และหลินเทียนหาวที่นั่งอยู่ข้างๆ เขาก็ดีใจมากเช่นกัน ประกายสว่างวาบขึ้นในดวงตาทุกคน พวกเขาหายใจเร็วด้วยความตื่นเต้น ขณะหัวเราะออกมาสุดเสียงอย่างมีความสุข

นอกจากนี้ ความไม่พอใจในกันและกันและแรงอาฆาตระหว่างคนทั้งสี่ได้สลายหายไปเป็นที่เรียบร้อยจากการร่วมแรงทำงานหนักเพื่อพิชิตเป้าหมายเดียวกัน      จินตั้วหมิงตบมือ และผู้ฝึกตนหญิงมากมายก็เดินเข้ามาในห้องพร้อมเหล้าและอาหารเพื่อการเฉลิมฉลอง

ทันใดนั้นเองห้องของนายกเทศมนตรีก็เปี่ยมไปด้วยความสนุกสนานและเสียงหัวเราะ รวมถึงผู้คนมากมายที่เข้ามาร่วมฉลองความสำเร็จ!

ข่าวการปรับยศหวังเป่าเล่อและผู้ใต้บังคับบัญชาถูกประกาศออกมาอย่างรวดเร็ว หวังเป่าเล่อได้รับการปรับยศจากขุนนางระดับสี่ชั้นสูง เป็นขุนนางระดับสามชั้นสูงตามที่เขาคาดการณ์ไว้

การปรับยศนี้ย่นเวลาให้เขาอย่างน้อยสิบปี และที่สำคัญกว่านั้นคือ ปกติแล้ว      ผู้ฝึกตนที่จะได้ขึ้นเป็นขุนนางระดับสามชั้นสูงต้องมีปราณอยู่ในขั้นกำเนิดแก่นในเสียก่อน ผู้ที่ได้รับตำแหน่งขุนนางระดับสามชั้นสูงโดยที่ยังไม่มีปราณขั้นกำเนิดแก่นในไม่มีมานานถึงยี่สิบปีแล้วในสหพันธรัฐ

อาจกล่าวได้ว่าหวังเป่าเล่อเป็นขุนนางคนเดียวในสหพันธรัฐในยุคปัจจุบัน          ที่ก้าวขึ้นมารับตำแหน่งขุนนางระดับสามชั้นสูงโดยที่ยังมีปราณขั้นรากฐานตั้งมั่น!    ทำให้หวังเป่าเล่อขึ้นมาเทียบหลินโยวได้เลยทีเดียว!

แต่การจะได้ปรับตำแหน่งอีกครั้งคงต้องใช้เวลาอีกสักพัก เนื่องจากการเป็น      ขุนนางระดับสองชั้นรองมีมาตรฐานที่กำหนดไว้อย่างชัดเจน ขุนนางผู้นั้นต้องมี   ปราณขั้นกำเนิดแก่นใน ถึงกระนั้นก็ไม่ใช่ว่าผู้ฝึกตนขั้นกำเนิดแก่นในทุกคนจะได้เป็นขุนนางระดับสองชั้นรอง นอกจากระดับปราณแล้ว สหพันธรัฐยังใช้ตัวกำหนดอื่นเช่นกัน หลายพันปีของการพัฒนากฎหมายบ้านเมือง ทำให้สหพันธรัฐเป็นสังคมที่มีลำดับชั้น จึงไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจที่ผู้ฝึกตนขั้นกำเนิดแก่นในหลายคนจะมีบรรดาศักดิ์ระดับอื่น

อีกอย่างขุนนางระดับสองชั้นรองทุกคนก็มีหน้าที่แตกต่างกันออกไปทว่าก็ยังเต็มเปี่ยมด้วยอิทธิพล อำนาจ และเกียรติ!

บัดนี้หวังเป่าเล่อกลายเป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูงไปแล้วในสายตาของใครหลายๆ คน ทั้งที่ความจริงแล้ว บรรดาศักดิ์ของเขายังเรียกได้ว่าห่างชั้นจากเจ้าหน้าที่ระดับสูงของสหพันธรัฐมากนัก แต่ความก้าวหน้าที่รวดเร็วของเขาก็จัดได้ว่าราวกับเป็นปาฏิหาริย์!

แม้แต่หลินโยวเองยังตกใจเมื่อได้ยินแผนการสร้างนครใหม่ของหวังเป่าเล่อจากหลินเทียนหาว หลินโยวจินตนาการได้ทันทีว่าอำนาจของหวังเป่าเล่อจะก้าวกระโดดเพียงใดหากทำสำเร็จ

แต่แผนการนี้ก็มีข้อเสียเช่นกัน หลินโยวตรึกตรองเรื่องนี้อย่างถี่ถ้วน              และส่งข้อความไปหาหวังเป่าเล่อเพื่อเตือนเขาว่าการก้าวหน้าอย่างรวดเร็วนี้จะทำให้มีคนริษยาเขาเป็นอันมาก ตอนนี้มีหลายคนในสหพันธรัฐที่อยากกดหัวหวังเป่าเล่อเอาไว้ โดยการทำให้เส้นทางการไต่เต้าตำแหน่งของเขายากลำบากขึ้น และเป็นไปได้ว่าเขาอาจไม่ได้รับการปรับตำแหน่งอีกเลยในสิบปีต่อจากนี้

ความจริงแล้วมีหลายภาคส่วนที่คิดขัดแข้งขัดขาหวังเป่าเล่อเช่นนี้ แต่ตัวหวังเป่าเล่อเองไม่สนใจว่าใครจะจ้องทำลายตน เนื่องจากคิดว่าเป็นเรื่องหยุมหยิมไร้สาระ        เขาไม่คิดใส่ใจเรื่องนี้ ตราบใดที่ไม่มีใครจงใจมายั่วให้โกรธ

คราวนี้สหพันธรัฐตั้งใจปูนรางวัลอย่างหนัก เนื่องจากผลของความพยายามของหลายกลุ่มอำนาจ และผลจากที่หวังเป่าเล่อสัญญาเอาไว้ว่าจะมอบให้ สหพันธรัฐจึงตัดสินใจอวยยศหวังเป่าเล่อให้เป็นขุนนางระดับสามชั้นรอง และยังเลื่อนยศให้     หลินเทียนหาว กงเต๋า และจินตั้วหมิงด้วยเช่นกัน!

เช่นเดียวกันกับผู้ใต้บังคับบัญชาของคนทั้งสี่ ทุกคนที่ทำงานอยู่ในเขตนครใหม่แห่งดาวอังคารล้วนได้รับการปรับยศกันถ้วนหน้า!

สหพันธรัฐและดาวอังคารได้วางแผนไว้เรียบร้อยว่าจะทำอย่างไรกับนครใหม่นี้ นครที่สองของดาวอังคารจะมีทั้งหมดหกเขตด้วยกัน โดยมีหลินเทียนหาว จินตั้วหมิง และกงเต๋าเป็นนายกเทศมนตรี และอีกสามเขตก็ต้องการนายกเทศมนตรีมาดูแลเช่นกัน

นอกจากนี้ สิ่งสำคัญที่สุดคือ ตำแหน่งรองเจ้าเมืองของนครแห่งที่สองที่ยังว่างอยู่!!

ในตอนนั้นเองข่าวไม่คาดคิดก็เริ่มแพร่กระจายไปทั่ววงสังคมของเหล่าขุนนางชั้นสูงทั้งหลาย…

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!