บทที่ 731 ยางอายคืออะไร ไม่เห็นรู้จัก
หวังเป่าเล่อไม่ได้รับรู้เรื่องการต่อสู้ระหว่างศิษย์พี่เฉินชิงและชายสวมชุดเกราะ เรื่องนี้ไม่ได้ส่งผลต่อการตัดสินใจของเขาแต่อย่างใด ผ่านไปเพียงครู่เดียว ดวงตาของชายหนุ่มก็ฉายแววเด็ดเดี่ยว ในที่สุดเขาก็ตัดสินใจได้
คิดมากเกินไปก็ยิ่งยากจะตัดสินใจได้ แน่นอนว่าข้าจะต้องแบบรับความเสี่ยงที่เกิดจากการตัดสินใจครั้งนี้ แต่ถ้ามัวคิดเล็กคิดน้อยเกินไป…ก็ไม่สมกับเป็นชายชาตรี ศิษย์พี่ช่วยข้ามาแล้วหลายครั้ง ข้าไม่ควรจะมานึกกังขาเรื่องนี้เลย! หวังเป่าเล่อ สูดหายใจลึกและสร้างผนึกฝ่ามือขึ้น เริ่มเรียนกระบวนเวทที่เฉินชิงมอบให้ทันที
กระบวนเวทดังกล่าวไม่ได้มีอิทธิฤทธิ์ช่วยเพิ่มระดับพลังปราณ แต่ทำให้เขาสามารถสร้างร่างอวตารของตนได้ หวังเป่าเล่อใช้วิชาแห่งศาสตร์มืดช่วยเร่งกระบวนการเรียนรู้ ไม่กี่ชั่วโมงต่อมา ชายหนุ่มก็ลืมตาขึ้น เผยให้เห็นดวงแสงจางๆ ในตา
ร่างของเขาพลันเลือนรางก่อนจะแบ่งแยกออกเป็นชั้นๆ ซ้อนทับกันไปมา หากมองดูใกล้ๆ จะเห็นว่ามีร่างแยกถึงเก้าร่างด้วยกัน
“ร่างอวตาร จงปรากฏ!” หวังเป่าเล่อร้องคำราม ทันใดนั้น ร่างอวตารร่างหนึ่ง ก็ค่อยๆ แยกออกจากร่างของเขา ตามมาด้วยร่างที่สอง สาม ไปเรื่อยๆ จนถึงร่างที่เก้า ทั้งเก้าร่างผสานรวมกันเป็นหนึ่งตรงหน้าชายหนุ่มอย่างรวดเร็ว ดูแล้วไม่แตกต่างจากร่างจริงเลยแม้แต่นิด
ร่างอวตารนั้นมีเลือดเนื้อและวิญญาณเหมือนร่างจริง วิญญาณจุติดวงดาราของชายหนุ่มก็แบ่งร่างออกเป็นสองส่วน แยกเข้าไปอยู่ในร่างอวตารด้วย ความจริงจะเรียกมันว่าร่างอวตารก็ไม่ได้ เพราะนี่คือ…วิญญาณสารัตถะดวงที่สองของหวังเป่าเล่อ!
วิญญาณสารัตถะดวงที่สองของผู้ฝึกตนจะใช้ทุกอย่างร่วมกับร่างจริง ดังนั้นเขาจะสั่งระเบิดตัวเองมั่วๆ ไม่ได้ ระดับพลังปราณและความสามารถในการต่อสู้ของวิญญาณสารัตถะดวงที่สองด้อยกว่าร่างจริงเล็กน้อย ซึ่งก็หมายความว่า วิญญาณสารัตถะดวงที่สองของเขามีพลังอยู่ในขั้นจุติวิญญาณชั้นต้น
แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้กระบวนเวทนี้ดูด้อยค่าแต่อย่างใด สิ่งนี้ไม่เหมือนร่างอวตารก่อนๆ ของชายหนุ่ม วิญญาณสารัตถะดวงที่สองสามารถฝึกวิชาได้ด้วยตนเอง เมื่อกลับมารวมร่างกับหวังเป่าเล่ออีกครั้งก็จะช่วยเพิ่มพลังปราณให้กับร่างจริงด้วย วิญญาณสารัตถะดวงที่สองนั้นอยู่คาบเกี่ยวระหว่างร่างจริงและร่างมายา นอกจากนี้ หวังเป่าเล่อยังสามารถสลับที่กับวิญญาณสารัตถะได้ทุกเมื่อ!
เพราะเหตุผลสุดสำคัญสองข้อนี้ เฉินชิงจึงมอบกระบวนเวทนี้ให้หวังเป่าเล่อ!
หลังจากประเมินความสามารถเฉพาะของร่างอวตารเสร็จ หวังเป่าเล่อก็สูดหายใจลึกและหลับตาลง ทันทีที่ตาของเขาปิดสนิท…วิญญาณสารัตถะดวงที่สอง ก็ลืมตาตื่นขึ้น!
ก็คล้ายๆ กับการคุมร่างอวตารร่างก่อนๆ ในหลายๆ จุด แล้วก็แตกต่างกันในบางจุด… หวังเป่าเล่อหมายเลขสองเงยหน้าขึ้นและจับใบหน้าตนเอง เขาจ้องไปยังหวังเป่าเล่อหมายเลขหนึ่งที่พลันลืมตาขึ้นจ้องกลับมาทันใด
“ก่อนหน้านี้ การควบคุมร่างอวตารก็เหมือนการควบคุมอวัยวะในร่างกาย เหมือนการขยับแขน ที่แค่คิดก็ส่งผ่านคำสั่งทั้งหมดไปได้ ทว่าร่างอวตารนี่… ไม่ได้เหมือนแขนข้างหนึ่งอีกต่อไป แต่เหมือนมีตัวข้าเพิ่มขึ้นมาอีกคน!” หวังเป่าเล่อหมายเลขสองพึมพำขณะจ้องหวังเป่าเล่อหมายเลขหนึ่ง เขากระแอมกระไอขึ้น
“เจ้าคิดเห็นอย่างไร”
“น่าจะเป็นเช่นนั้น น่าสนใจดี” หวังเป่าเล่อหมายเลขหนึ่งว่าขณะลูบคางและพยักหน้าตอบ
“ถ้าอย่างนั้น เจ้าพักผ่อนอยู่นี่ เดี๋ยวข้าออกไปดูเองว่าเกิดอะไรขึ้นข้างนอก แล้วจะลองหาร่องรอยของศิษย์พี่ไปด้วย” หวังเป่าเล่อหมายเลขสองกล่าวอย่างจริงจัง
“ได้ ระวังตัวด้วยตอนออกไปข้างนอก ถ้าเป็นไปได้ ลองตรวจดูด้วยว่าเราอยู่ห่างจากระบบสุริยะไกลเพียงใด” หวังเป่าเล่อหมายเลขหนึ่งพูดด้วยสีหน้าพินิจพิเคราะห์ จากนั้นก็จ้องหวังเป่าเล่อหมายเลขสองอีกครั้ง
“ดูตลกเกินไปไหมที่เราสองคนคุยกันเช่นนี้ เราเป็นคนคนเดียวกัน แต่มาทำเป็นคุยกันเหมือนเป็นคนสองคน…เจ้าคิดว่าศิษย์พี่คิดอะไรอยู่ถึงมอบกระบวนเวทนี้ให้เรา เขาน่าจะมีวิญญาณสารัตถะดวงที่สองด้วยเช่นกัน ข้าว่า…จากนิสัยของศิษย์พี่แล้ว วิญญาณสารัตถะดวงที่สองของเขาต้องเป็นผู้หญิงแน่…” ผ่านไปพักหนึ่ง หวังเป่าเล่อหมายเลขสองก็กะพริบตาและกล่าวขึ้น
“ข้าก็คิดเช่นนั้น! แต่พวกเราหวังเป่าเล่อเป็นคนมีคุณธรรม เราไม่มีทางแม้แต่จะคิดทำอะไรวิปริตเช่นนั้น พเราต้องทำตัวให้คุ้นชินกับการคุยกันเช่นนี้ตั้งแต่นี้ เป็นต้นไป!” หวังเป่าเล่อหมายเลขหนึ่งสูดหายใจลึกและพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“ก็ได้…ข้าจะออกไปข้างนอกแล้วนะ แต่ก่อนจะไปข้าขอฝากอะไรไว้สักเล็กน้อย หวังเป่าเล่อ เจ้าช่างหล่อเหลาเอาการเสียจริง!”
“หวังเป่าเล่อ เจ้าก็หล่อเหลาเกินบรรยายไม่ต่างกัน!”
หวังเป่าเล่อหมายเลขหนึ่งและหมายเลขสองฮึกเหิมขึ้นเมื่อได้ยินคำชมอย่างจริงใจจากตนเอง หวังเป่าเล่อหมายเลขหนึ่งยื่นกระเป๋าคลังเก็บให้หวังเป่าเล่อหมายเลขสอง จากนั้นหวังเป่าเล่อหมายเลขสองก็ปลดปล่อยเปลวไฟสีดำใส่ฝาโลงศพ ทันทีที่เปลวไฟสีดำสัมผัสโลงศพ หวังเป่าเล่อหมายเลขสองก็กลายเป็นดวงไฟมายาลอยทะลุผ่านโลงศพไป!
ก่อนจะปรากฏตัวอีกครั้ง…ด้านนอกโลงศพ!
รอบโลงศพเต็มไปด้วยน้ำแข็งสีดำปนสีน้ำตาล ไอเย็นหนาวจัดขนาดแช่แข็งวิญญาณของคนได้พัดเข้าใส่หวังเป่าเล่อหมายเลขสองในทันใด ดวงตาของเขาฉาย แสงวาบขณะขยายจิตสัมผัสวิญญาณออกไปเต็มขีดจำกัด แต่ก็เหมือนว่าจะขยายได้ไกลสุดแค่ราวสามสิบเมตรเท่านั้น โชคดีที่ชายหนุ่มสามารถเห็นทุกอย่างได้ชัดเจน ตอนนี้เขากำลังยืนอยู่บนชั้นน้ำแข็งที่ไม่รู้ว่ามีอายุเท่าใด โลงศพฝังลึกอยู่ในน้ำแข็ง นอกจากนั้นแล้วก็สัมผัสอะไรไม่ได้อีกเลย!
โลงศพน่าจะมีกลไกบางอย่างช่วยป้องกันไม่ให้น้ำแข็งถูกเจาะเป็นรู จนดูเหมือนว่าโลงศพทะลุผ่านชั้นน้ำแข็งเข้าไปปรากฏข้างในได้เลย พลังกดดัน พัดกระจายไปทั่วบรรยากาศเยือกแข็งและลมหนาวเหน็บ แม้ร่างของชายหนุ่มจะเป็นเพียงภาพมายา แต่ก็ไม่สามารถทานทนความหนาวเย็นได้ เขามั่นใจว่าถ้าวิญญาณสารัตถะดวงที่สองมีกายหยาบจะต้องหนาวตายอย่างรวดเร็วเป็นแน่
หลังจากตรวจสอบพื้นที่โดยรอบคร่าวๆ หวังเป่าเล่อก็ตัดสินใจไม่อ้อยอิ่งอยู่ที่เดิม ร่างมายาของเขาพลันเลือนรางขณะออกวิ่งตรงไป เป็นการเดินทางที่แสนหนักหนา ความหนาวเหน็บและน้ำแข็งเริ่มก่อตัวบนร่างกายเรื่อยๆ จนส่งผลถึงความรู้สึกนึกคิด
โชคดีที่ชายหนุ่มมีวิญญาณจุติดวงดาราและเปลวไฟสีดำ ทั้งสองสิ่งช่วยต้าน ความหนาวเย็นที่คืบคลานเข้ามา หลายชั่วโมงผ่านไป ร่างมายาของหวังเป่าเล่อก็พุ่งผ่านน้ำแข็งไปโผล่ด้านในถ้ำแห่งหนึ่ง!
ที่ผนังถ้ำไม่มีน้ำแข็งเกาะเลยแม้แต่น้อย ถึงกระนั้นก็ยังเต็มไปด้วยความหนาวเย็น หวังเป่าเล่อมองไปรอบๆ จากนั้นก็เงยหน้าและมองไปยังพื้นน้ำแข็ง แสงจางๆ สองดวงฉายชัดขึ้นในหัว
นี่คือดาวเคราะห์หรือ หวังเป่าเล่อนึกสงสัย เขาขยายจิตสัมผัสวิญญาณผ่านชั้นน้ำแข็งออกไปไกล
ชายหนุ่มสัมผัสได้ถึงพลังกดดันในโลกแห่งนี้ ปราณวิญญาณที่นี่หนาแน่นกว่าปราณวิญญาณของสหพันธรัฐ แต่การจะดูดซับมานั้นเป็นเรื่องยาก เพราะมีบางอย่างขวางเขาไว้ไม่ให้ทำเช่นนั้นได้
ที่นี่มีกฎบางอย่างแตกต่างออกไป ดวงตาของหวังเป่าเล่อฉายแสงวาบ เขาพุ่งขึ้นฟ้า ปลดปล่อยพลังปราณพร้อมกับขยายจิตสัมผัสวิญญาณออกไปสุดกำลัง ไม่นาน จิตสัมผัสวิญญาณก็ขยายเกินดินแดนน้ำแข็งออกไป!
ฟากฟ้าไม่ได้เป็นสีฟ้าใสหากแต่มืดหม่นกว่า ทว่าดูเหมือนท้องนภาบนโลก ดวงอาทิตย์ลอยเด่นอยู่กลางฟ้าคอยฉายแสงสว่างและให้ความอบอุ่น แต่แสงที่ส่องออกมากลับหนาวเย็น ความอบอุ่นที่แผ่ออกมาไม่สามารถละลายน้ำแข็งบนพื้นได้!
เมื่อมองลงมาด้านล่าง…จะเห็นทิวเขาสูงต่ำ ทั่วพื้นที่ดูเหมือนป่ารกชัฏ ผืนดินไม่ได้ปกคลุมไปด้วยน้ำแข็งและหิมะจนหมด แต่ดินก็แข็งและหนาวเย็นไม่ต่างจากความชื้นในอากาศ สายลมที่พัดไปมานำพาความหนาวเหน็บจนทะลุไปถึงกระดูก!
ไกลออกไปมีภูเขาที่ยุบตัวลง เศษหินกระจายไปทั่วพื้นที่ ด้านใต้กองหินมีแอ่งดินที่มีศพสี่ศพนอนอยู่ ด้านบนแอ่งดินมีคนผู้หนึ่งกำลังวิ่งออกไปไกล เหมือนจะได้รับบาดเจ็บ
หวังเป่าเล่อหรี่ตากลับไปมองคนที่กำลังวิ่งห่างออกไป เหมือนคนผู้นั้นจะไม่สังเกตถึงตัวตนของเขา พริบตาต่อมา ชายหนุ่มก็ไปปรากฏอยู่ข้างๆ แอ่งดิน ดวงตาของเขาเลื่อนไปหยุดอยู่ตรงศพทั้งสี่ พวกเขาเพิ่งตายได้ไม่นาน มีร่องรอยการถูกค้นตัว
ฆ่าชิงทรัพย์หรือ ชายหนุ่มลูบคาง จากนั้นก็ยกมือขวาสร้างผนึกฝ่ามือชี้ไปทางศพ
“วิญญาณ จงปรากฏ!”
ในช่วงเวลาเดียวกันนั้นเอง ไกลจากอารยธรรมดวงเนตรสวรรค์ออกไป ในวงแหวนปราณที่สร้างขึ้นจากดารานิรันดร์นับพัน การต่อสู้สุดดุดันได้เปิดฉากขึ้น เฉินชิงปลดปล่อยพลังรัศมีรุนแรงกว่าปกติ การตัดสินใจของหวังเป่าเล่อทำให้เขา รู้สึกยินดีและสบายใจไม่น้อย
ชายชุดเกราะดูท่าไม่ค่อยดีเท่าไหร่ เขานึกว่าตนพบจุดอ่อนของเฉินชิงแล้ว ตอนแรกคิดจะใช้จุดอ่อนนี้ดึงความสนใจจากอีกฝ่ายไป เพราะแค่อีกฝ่ายเสียสมาธิไปเล็กน้อยก็จะสร้างโอกาสให้กับตนได้ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นกลับผิดไปจากที่คาด เด็กหนุ่มที่เขาเคยมองว่าเป็นแค่มดปลวกกลับไม่ตกหลุมพรางที่ตนวางไว้
“ข้าใจร้อนเกินไป แผนของข้าน่าจะสำเร็จลุล่วงหากอดทนรออีกสักหน่อย!”