บทที่ 1230 ศึกเดียวปราบเทพ
คืนพินาศของหวังเป่าเล่อ แตกต่างกับวิถีเต๋าของบิดาหวังอีอีอยู่บ้าง แม้จะเป็นวิชาสังหารเหมือนกัน แต่เมื่ออยู่ในมือบิดาหวังอีอี เนื่องจากเดิมก็เป็นเต๋าของเขา ดังนั้นจึงยิ่งกว้าง ยิ่งลึกซึ้ง ยิ่งแฝงความล้ำลึก
ส่วนทางหวังเป่าเล่อ เหตุเพราะความพยายามอดกลั้นอย่างยิ่งยวดที่จะ ไม่ไปสัมผัสต้นกำเนิดเต๋าคืนพินาศอย่างลึกซึ้ง ทำให้ในเวลานี้จึงมีพลังลึกไม่พอ แฝงความล้ำลึกไม่เท่า แต่…พลังสังหารกลับไม่ลดลงแม้แต่น้อย
เพราะ…ในคืนพินาศของหวังเป่าเล่อได้ใส่วิชาดวงเนตรปีศาจของตัวเอง ใส่เวทสังหาร ถึงขั้นผสานการสังหารที่รู้ในชีวิตนี้ทั้งหมดลงไปในคืนพินาศ
—-
ซ้อนเพิ่มลงไปเช่นนี้ ก็ทำให้วิชาคืนพินาศนี้ที่แต่เดิมก็อยู่บนพื้นฐานวิชาสังหาร ก็ถูกหวังเป่าเล่อยกระดับขึ้นถึงขีดสุด
สุดยอดการสังหาร!
ทั่วทั้งท้องฟ้าในนาทีนี้ ทั้งๆ ที่ไม่มืดมิด แต่ทุกคนกลับรู้สึกมืดมิดจนยาก จะบรรยาย ดุจท้องฟ้าก่อนฟ้าสาง อีกทั้งไม่เพียงแค่คนที่อยู่ตรงนี้เท่านั้นที่รู้สึกได้ นาทีนี้…ไม่ว่าจะเป็นจักรพรรดิสวรรค์จีเจียตระกูลคงกระพันที่นั่งสะกดอยู่ หรือ ผู้อาวุโสตระกูลเซี่ย หรือจะเป็นมารเต๋าสำนักเต๋าเจ็ดวิญญาณ ปรมาจารย์เต๋าเก้ารัฐ หรือผู้ที่มีความสามารถเฝ้าชมศึกครั้งนี้ ล้วนเกิดระลอกคลื่นลูกใหญ่ขึ้นใน สัมผัสสวรรค์!
วิชาคืนข้างแรม เดิมทีก็ทำพวกเขาแสดงความประทับใจออกมาอยู่แล้ว คล้ายจริงคล้ายฝันยิ่งทำให้พวกเขาสั่นสะท้าน แต่เมื่อเทียบกัน… คืนพินาศที่หวังเป่าเล่อแสดงออกมายิ่งสะเทือนฟ้าสะทือนดิน ผู้ที่สัมผัสได้ทุกคนล้วนเกิดเสียงสนั่นฟ้าขึ้นในใจ
ราวกับมีสิ่งอันตราย มีวิกฤตใหญ่ ความเป็นความตาย ที่กำลังจะมาเยือนโลก
สุสานวิญญาณและนักบุญมืด ผู้เยี่ยมยุทธ์ระดับจักรวาลของสำนักแห่งความมืดทั้งสองหน้าเปลี่ยนสี รีบถอยหลังในทันทีโดยไร้ความลังเล ส่วนจักรพรรดิสวรรค์ กวงหมิงที่ปรากฏตัวข้างตี้ซานก็ผงะไป ขณะที่จะลงมือพร้อมกัน แต่ตี้ซานข้างกายกลับตะโกนดังลั่น
“กวงหมิง นี่เป็นศึกของข้า!” ในฐานะระดับจักรวาล ในฐานะจักรพรรดิสวรรค์ แม้จะเป็นแค่ชั้นต้น แต่ตี้ซานก็ยังคงเย่อหยิ่ง เพราะเขาเป็นผู้ที่ขึ้นสู่ระดับจักรวาล ได้เร็วที่สุดตั้งแต่มีมาในประวัติศาสตร์ตระกูลคงกระพัน อีกทั้งนิสัยบ้าอำนาจ อีกทั้งเต๋าที่ฝึกก็เป็นภูเขา ทรงพลังยิ่ง เดิมก็อยู่ในเส้นทางสะกดปราบอยู่แล้ว ดังนั้นเมื่อเจอกับการลงมือของหวังเป่าเล่อ ด้วยนิสัยเขา ความเย่อหยิ่งของเขา เต๋าของเขา จึงไม่ยอมรับการช่วยเหลือจากผู้อื่น
“ก็๋แค่ระดับดาราจักร!!” แม้ในใจตี้ซานจะถูกทำให้สั่นไหวจนถึงขั้นตัวสั่น แต่ศักดิ์ศรีของเขาไม่ยอมให้ตัวเองก้มหัว เวลานี้คำรามก้องพร้อมยกมือทั้งสองขึ้น พลังปราณระดับจักรวาลก็ระเบิดออกมาสิบสองส่วน พริบตาก็ปรากฏภูเขาลูกหนึ่ง ขึ้นในท้องฟ้าอันมืดมิด
ภูเขาที่ราวกับสามารถสะกดทุกสรรพสิ่งบนโลกได้ จนถึงขนาดที่แม้แต่ท้องฟ้า ก็ไม่สามารถค้ำยันดวงจิตภูเขาเทพของมันได้ ภูเขาลูกนี้…ใหญ่จนราวกับไร้ที่สิ้นสุด วินาทีที่ปรากฏขึ้น พลังสะกดรุนแรงขุมหนึ่งระเบิดสนั่น ทำให้ทุกคนสัมผัสได้ถึง แรงบีบคั้นอย่างรุนแรง
ท้องฟ้าถึงขั้นพังครืน รอยแตกร้าวปรากฏขึ้นรอบๆ ภูเขาและแตกขยายออกไปเรื่อยๆ นี่…ก็คือเคล็ดวิชาลับของตี้ซาน ไม่ใช่วิถีเต๋า ไม่ใช่พลังเทพ แต่ เป็น…ธรรมกายของเขา!
ในธรรมกาย ท่าทางตี้ซานดูดุร้าย ร่างกายเป็นเหมือนจุดสำคัญทำให้ ภูเขาธรรมกายยิ่งทรงพลัง และร่างในธรรมกายนี้ก็คือกายาเต๋าของตี้ซาน
เป็นรากฐานตั้งมั่น!
จากการระเบิดพลังปราณของเขา ทั่วทั้งในกลางจักรพิภพเต๋าไม่รู้สิ้นสั่นสะเทือน แม่น้ำแห่งความมืดไหลเชี่ยว ก่อให้เกิดพายุขึ้นในดาวเคราะห์ที่ตระกูลอารยธรรมต่างๆ อยู่ ขณะที่เสียงดังสนั่นไปทั่วบริเวณ ณ สนามรบ…เพราะความเข้มข้นรุนแรงของพลังวิถีเต๋าได้ปรากฎหลุมยุบขึ้น ทำให้กฎทั่วทั้งใจกลางจักรพิภพเต๋าไม่รู้สิ้น ล้วนเอียงมาทางนี้ และขณะที่กฎทั่วทั้งใจกลางจักรพิภพเต๋าไม่รู้สิ้นกำลังเอียง พริบตาที่ธรรมกายตี้ซานสูงเสียดฟ้า…ในท้องฟ้าอันมืดมิด จุดที่หวังเป่าเล่ออยู่ ฉับพลัน…ปรากฏแสงสว่างขึ้น
หากเปรียบท้องฟ้าเป็นมหาสมุทร เช่นนั้นก็เป็นแสงสว่างแรกบนมหาสมุทร!
หากเปรียบท้องฟ้าเป็นผืนดิน เช่นนั้นนี่ก็คือแสงอรุณเบิกฟ้า!
หากไม่นำไปเปรียบเทียบ เช่นนั้นนี่ก็คือ…แสงแรกของสรรพสิ่งในจักรวางผืนนี้!
แสงสว่างปรากฏ ความมืดมิดกระจายออก ทั่วทั้งท้องฟ้าในเวลานี้ส่งเสียงดังสนั่น ราวกับความมืดมิดกำลังหมุนตลบอยู่ใต้แสงสว่าง แต่ไม่ได้มีลำแสงเดียว… พริบตาต่อมา แสงสองลำ แสงสามลำจวบจนนับไม่ถ้วน พลันระเบิดออกมาจาก จุดเดียวกัน เมื่อแสงทอส่องไปทั่วสารทิศ เมื่อความมืดมิดถูกไล่กระจายหาย อาทิตย์แรก…ก็ปรากฏขึ้นกลางท้องฟ้าที่มืดมิด
เหนือกว่าดารานิรันดร์ แฝงไปด้วยแสงสว่างอันไร้ที่สิ้นสุด แม้จะเป็นเพียง อาทิตย์แรก ไม่ใช่ดวงตะวันที่สมบูรณ์ แต่ในเวลานี้ก็ยังทำให้จักรวาลที่มืดมิดแห่งนี้ บิดเบี้ยวอย่างรุนแรง เมื่อแสงส่องถึงก็กระจายออกไป แม้แต่…ธรรมกายของตี้ซาน ก็ไม่มีคุณสมบัติอยู่ในช่วงที่อาทิตย์แรกกลายเป็นดวงตะวัน
ดังนั้นเพียงพริบตา เมื่อความมืดมิดหมุนวนไม่หยุด เมื่อแสงส่องมายังจักรวาล ธรรมกายของตี้ซานที่แปลงเป็นภูเขาเทพก็ส่งเสียงดังขึ้นมา ราวกับมันได้กลายเป็นสิ่งขัดขวางแสงสว่าง เมื่ออาทิตย์แรกลอยสูงขึ้นเรื่อยๆ นาทีที่ดวงตะวันเกินครึ่ง ภูเขาเทพก็รับไม่ไหวอีกต่อไปจนเกิดรอยแตกร้าวออกมาทางหนึ่ง
เมื่อมีหนึ่ง ก็มีหมื่น!
เพียงพริบตารอยแตกก็ปรากฏขึ้นมาเรื่อยๆ ตี้ซานที่อยู่ข้างในนัยน์ตาเต็มไปด้วยเส้นเลือด ขณะที่คำรามลั่นระเบิดพลังปราณออกมาอย่างสุดกำลังเพื่อยืนหยัดต่อ ทว่า…สุดท้ายความมืดมิดก็กระจายหาย อาทิตย์แรกถูกกำหนดให้ลอยขึ้นเป็น ดวงตะวัน
ดังนั้น เมื่อดวงตะวันสมบูรณ์เต็มดวงลอยขึ้นสู่ท้องฟ้า…ธรรมกายของตี้ซาน ที่แปลงเป็นภูเขาเทพก็พังทลายลงในทันที ขณะที่แตกเป็นเสี่ยงๆ กายาเต๋าตี้ซาน ในนั้นก็กระอักเลือกออกมาคำโต คิดจะถอยหลังแต่กลับสายไป แสงตะวันทอส่อง ไปทั่วท้องฟ้าและก็โอบเขาไว้ภายในด้วยเช่นกัน
“ทำลาย!” หวังเป่าเล่อเอ่ยเนิบๆ เสียงดังสนั่นไปทั่วฟ้า ใจกลางจักรพิภพ เต๋าไม่รู้สิ้นเอียง กฏเกณฑ์ของที่แห่งนี้ล้วนแตกร้าว ราวกับมีเสียงสะอื้นไห้ลอยมา จากอากาศ ขณะที่สะท้อนอยู่ในท้องฟ้า ตี้ซานที่ถูกแสงตะวันโอบหุ้มไว้ ไม่ว่าจะดิ้นรนอย่างไร ไม่ว่าจะขัดขืนเช่นไร ร่างธรรมกายของเขาก็ละลายจนเห็นได้ด้วยตา!
ทว่าอย่างไรเขาก็เป็นคนเย่อหยิ่ง ท่ามกลางความเจ็บปวดแสนสาหัส ก็ไม่ส่งเสียงกรีดร้องใดๆ ออกมาแม้แต่น้อย ทำเพียงเพ่งมองไปทางหวังเป่าเล่อ นัยน์ตาฉายแวว ดุร้าย ราวกับก่อนตายจะสลักหน้าหวังเป่าเล่อไว้ในวิญญาณเทพ
แต่จักรพรรดิสวรรค์กวงหมิงจะยอมให้เกิดขึ้นได้อย่างไร ในช่วงสำคัญของความเป็นความตาย เส้นผมพลิ้วสยาย ระเบิดแสงออกมาจากร่าง เขาที่ใช้ชื่อกวงหมิง[1]เป็นฉายาเต๋า เต๋าที่ฝึกก็เป็นแสงเช่นกัน
ดังนั้น ในนาทีนี้ เมื่อพลังปราณระเบิดขึ้น ร่างกายไหวคราหนึ่งก็ปรากฏตัวขึ้นที่หน้าตี้ซาน วินาทีที่ธรรมกายของตี้ซานกำลังจะแตกสลายก็รวบร่างดึง ดวงวิญญาณเทพของเขาออกมาก่อนถอยออกไปด้วยความรวดเร็ว
ช่วงเวลาเดียวกัน ในตระกูลคงกระพัน ร่างอวตารเว่ยยางจื่อที่กลายเป็นจักรพรรดิสวรรค์จีเจียก็ปรากฏตัวออกมาเช่นกัน แต่ไม่ใช่ที่กวงหมิง แต่เป็น ที่ด้านหน้าของสุสานวิญาณกับนักบุญมืดที่กำลังเข้าไปขัดขวาง มือยกขึ้นกด เสียงดังลั่นฟ้า ทำให้สุสานวิญาณกับนักบุญมืดช้าไปก้าวหนึ่ง
พริบตาต่อมา กวงหมิงพาตี้ซานที่เหลือแต่ดวงวิญญาณเทพออกมา จีเจียก็ถอยออกมาเช่นกัน ทั้งสองไม่มีคำพูดใด ขณะที่ถอยหลัง เงาร่างก้าวเข้าสู่ความว่างเปล่า มุ่งไปข้าหน้าด้วยความรวดเร็ว ไม่หยุดชะงักเลยแม้แต่น้อย
สุสานวิญาณกับนักบุญมืดแววตาวาววับรีบตามเข้าไปในอากาศ ส่วนหวังเป่าเล่อ เขายืนอยู่ที่เดิมมองเรื่องราวที่เกิดขึ้นไม่ลงมือต่อ
ถึงอย่างไร…เขาก็ไม่ใช่ระดับจักรวาล การใช้วิชาคืนพินาศก็ไม่ได้ง่ายดายขนาดนั้น เขาไม่สามารถใช้ครั้งที่สองได้ในเวลาสั้นๆ หากกวงหมิงไม่เข้ามาขวาง เขาสามารถฆ่าตี้ซานได้จริง แต่ผลลัพธ์เช่นนี้ บางทีอาจจะดีกว่า
ตี้ซานจะอยู่หรือตายไม่สำคัญอีกต่อไป ธรรมกายถูกทำลาย กายาเต๋าถูกสับ หากเหลือแค่เพียงดวงวิญญาณเทพก็เหมือนกับพลังปราณเขาถูกตัดไปแปดส่วน ไม่ได้มีอำนาจคุกคามอีกแล้ว
และตนก็ไม่ได้มีความคิดที่จะแตกหักกับตระกูลคงกระพันจริงๆ ในเวลาเดียวกันยังได้เผยพลังต่อสู้ของตัวเองเพียงพอที่จะแสดงอำนาจให้กริ่งเกรงแล้ว บทสรุปเช่นนี้ตรงกับความต้องการของตัวเองมากกว่า
เขายังต้องการเวลาอีกหน่อยที่จะทำให้แปดปรมัตถ์ของตัวเองสมบูรณ์
ดังนั้นหลังจากมองทางที่จักรพรรดิสวรรค์กวงหมิงไป หวังเป่าเล่อก็เอ่ยเสียงเรียบ ไปยังคลื่นดวงจิตเทพทั่วทั้งแปดทิศ
“สหายเต๋าทุกท่านเห็นเรื่องตลกแล้ว” ขณะที่เสียงของเขากระจายไปทั่วฟ้า ผู้อาวุโสตระกูลเซี่ยนิ่งไปหลายอึดใจก่อนตอบกลับ
“สหายเต๋า หากภายหน้ามีเวลาก็มาพูดคุยกันที่ตระกูลเซี่ยของข้า!”
“สหายเต๋ามีจิตเมตตา ไม่มุ่งแต่ฆ่าฟันให้สิ้น เรื่องนี้ข้าสำนักเต๋าเจ็ดวิญญาณสนับสนุนสหายเต๋า ตระกูลคงกระพันบุกเข้าสหพันธรัฐของสหายเต๋าไม่ดูตาม้าตาเรือ ต้องมีคำอธิบาย!” มารเต๋าในจักรพิภพสำนักเสริมเอ่ยออกมาช้าๆ
หวังเป่าเล่อสีหน้าเรียบเฉยพลางประสานหมัดคารวะก่อนหมุนกายไปทาง ความว่างเปล่า ก้าวเดียวก็ปรากฏตัวขึ้นที่เขตแดนของจักรพิภพศักดิ์สิทธิ์แห่งเต๋า ฝั่งซ้ายกับใจกลางจักรพิภพเต๋าไม่รู้สิ้น ก่อนสาวเท้ากลับไปยังเต๋าฝั่งซ้าย
ศึกเดียว ปราบเทพ!
……………………………………….
[1] สว่างไสว