30. ล้างแค้น
ฉินมู่เก็บตำลึงทองเข้าห่อพกแล้วกล่าว “ตั้งใจฝึกพลังวัตรนะเจ้าตัวใหญ่ ข้าจะมาใหม่พรุ่งนี้ อ้อ…แล้วอย่าเข้าไปในโถงปีกตึกนั้นล่ะ ไอ้มารเฒ่านั่นเจ้าเล่ห์สุดๆ!”
ลิงยักษ์อสูรพยักหน้า
ฉินมู่รีบกลับไปที่หมู่บ้านพิการชรา ไม่นานเขาก็มาถึงขอบชายหมู่บ้าน เขาเห็นเรือกระดาษลำใหญ่สองลำลอยนิ่งอยู่บนอากาศหน้าประตูทางเข้าหมู่บ้าน นกกะเรียนกระดาษลงจอดที่ใต้ร่มไม้ใกล้ๆ ไม่มีผู้คนหลงเหลืออยู่บนเรือเลย แสดงว่าพวกเขาเข้าไปในหมู่บ้านกันหมดแล้ว
เมื่อเขาเดินเข้าไปในหมู่บ้าน เขาเห็นผู้อาวุโสที่ออกคำสั่งบนเรือก่อนหน้านี้นั่งประจันหน้าอยู่กับผู้ใหญ่บ้าน และกำลังเอ่ยปากสนทนา “ข้าได้ยินว่ายายเฒ่าซีแห่งหมู่บ้านพิการชราช่ำชองเรื่องเย็บปักถักร้อย ดังนั้นพวกเข้าจึงมาที่เพื่อจ้างยายเฒ่าซีตัดเย็บเสื้อผ้า”
ผู้ใหญ่บ้านถาม “ไม่ทราบว่าท่านจะจ้างนางให้ตัดเย็บเสื้อผ้าแบบใดและขนาดใด”
ผู้อาวุโสตอบ “ข้าจะให้นางตัดเย็บเสื้อผ้าสวมศพ ทั้งหมดเก้าชุด ส่วนขนาดนั้นเอาเป็นว่าตามขนาดตัวของทุกคนในหมู่บ้านนี้ก็แล้วกัน ข้ายังได้ยินมาอีกว่าฝีมือช่างไม้ของเฒ่าหม่านั้นก็ไม่เลว ก็เลยจะรบกวนเฒ่าหม่าให้ช่วยประกอบโลงศพสักเก้าโลง ส่วนความยาวโลงนั้น ก็เอาตามความยาวตัวของชาวบ้านทุกคนที่นี่”
ทันใดนั้นผู้อาวุโสก็เห็นฉินมู่เดินเข้ามาในหมู่บ้าน เขาทำหน้าตกใจ แล้วกล่าว “โอ้…ดูท่าข้าพูดผิดไป คงต้องขอเปลี่ยนเป็นเสื้อผ้าสวมศพสิบชุด และโลงศพอีกสิบโลง เฉียนชิ่ว รีบนำเงินค่ามัดจำมา”
บุรุษนามเฉียนชิ่วสาวเท้าเข้ามาแล้วโบกมือหนึ่งครา หนึ่งในเรือกระดาษที่อยู่หน้าหมู่บ้านร่อนเข้ามาแล้วลงจอดข้างๆ ผู้ใหญ่บ้าน ฉินมู่เห็นทันทีว่าในเรือนั้นเต็มไปด้วยสิ่งของอัปมงคล เช่นกระดาษเงินกระดาษทอง เทียนไข ธงขาวงานศพ ฯลฯ
ผู้อาวุโสชี้ให้เฉียนชิ่วจอดเรือไว้ในหมู่บ้านเสร็จ ก็กล่าวต่อ “นี่คือค่ามัดจำสำหรับเสื้อผ้าสวมศพและโลงทั้งสิบ ไม่ทราบว่ายายเฒ่าซีและเฒ่าหม่าจะจัดทำเสร็จในวันนี้ได้หรือไม่ ว่ากันตามตรง ข้าต้องรีบใช้มันเร็วๆ นี้น่ะนะ”
เฒ่าเป๋ ช่างตีเหล็ก นักปรุงยาที่กำลังง่วนอยู่กับงานของตน หยุดมือทันที ทั้งหมู่บ้านตกในความเงียบ มีแต่ยายเฒ่าซีที่เดินกระย่องกระแย่งเข้ามาแล้วหัวเราะร่วน “เฮะๆ เสื้อสวมศพสิบชุดภายในหนึ่งวัน ข้าว่าจะด่วนเร่งเกินไปหรือเปล่านะคุณลูกค้า”
เฒ่าหม่าก็เดินเข้ามาแล้วพูดด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ “ข้าทำงานเร็ว โลงศพที่สั่งคงได้ในวันนี้ ไม่ทราบว่าผู้เฒ่าท่านนี้จะรอได้หรือไม่”
ผู้อาวุโสแย้มยิ้ม “มันก็เร่งร้อนไปจริงๆ นั่นล่ะ แต่ข้าเชื่อมือของทุกคนที่นี่ว่าล้วนแต่เป็นมือดี เช่นนั้นแล้วคงเร่งงานให้เสร็จได้ในระยะอันสั้น จริงไหม”
ท่านยายซีชำเลืองมองกระดาษทองและเทียนไข จากนั้นแสยะยิ้มเย็นชา “ถ้าเจ้าเร่งร้อนอยากใส่มันนัก ข้าจะตัดเย็บให้เดี๋ยวนี้แหละ บังเอิญเสียจริงข้าเพิ่งซื้อม้วนผ้ามาพอดี”
ผู้อาวุโสขยับลุกขึ้นค่อนเก้าอี้ “ต้องรบกวนหน่อยนะ ยายเฒ่า”
ท่านยายซีเดินกลับไปที่เรือนของนาง แล้วหอบหิ้วม้วนผ้ามาหลายม้วน นางสะบัดแขนหนึ่งครา ม้วนผ้าเหล่านั้นก็คลี่คลายปลิวว่อนในอากาศ กรรไกรเล่มหนึ่งแล่นลิ่วไปโดยเร็ว ตัดฉับๆ กลางอากาศ และในพริบตาเดียว รูปทรงของเสื้อผ้าก็ถูกตัดออกมา
เข็มเงินพุ่งวาบออกมาจากตะกร้าพร้อมกับด้ายที่ร้อยอยู่ในเข็ม เข็มเงินนั้นเย็บสลับไปมาบนท้องฟ้า ไม่นานชุดสวมศพก็ใกล้เสร็จสมบูรณ์
ส่วนอีกด้าน เฒ่าหม่าเดินไปที่ต้นหลิวต้นใหญ่ใกล้หมู่บ้าน ปล่อยปราณสีเขียวออกมาจากปลายนิ้วเข้าไปม้วนพันรอบๆ ต้นไม้ส่งเสียงฉึกฉักๆ เหมือนเสียงเลื่อย ไม่นานนักต้นไม้ใหญ่ก็ถูกเลื่อยและประกอบกันเป็นโลงไม้สีขาวหลายโลง
โลงไม้ขาวเหล่านั้นลอยลิ่วเข้ามาตั้งวางใจกลางหมู่บ้าน
ชุดของยายเฒ่าซีก็เสร็จเรียบร้อยเช่นกัน นางวาดมือคราหนึ่ง ชุดสวมศพแต่ละชุดก็ร่อนลงไปวางคู่กับโลงแต่ละโลง
เฒ่าหม่าก้าวอาดๆ กลับเข้ามาในหมู่บ้าน แล้วกล่าวเสียงเย็น “เจ้าให้ค่าจ้างเราค่อนข้างมาก ข้าเลยแถมให้ฟรีอีกสองโลง รวมแล้วเป็นสิบสองโลงสำหรับพวกเจ้า และทุกโลงจัดทำตามสัดส่วนร่างกายของเจ้าทุกคน รับรองได้ว่าไม่สั้นไปยาวไปพวกเจ้าลงไปนอนก็คงพอดิบพอดี! เจ้าพอใจในผลงานของข้าหรือไม่ ผู้เฒ่า”
ท่านยายซีแย้มยิ้ม “ข้าก็แถมชุดสวมศพให้อีกสอง และน่าจะพอดีตัวพวกเจ้านะ?”
ผู้อาวุโสฟังแล้วก็หัวเราะในคอ “พอใจสิ หึๆ ข้าพอใจอยู่แล้ว”
ฉินมู่รู้สึกว่าบรรยากาศระหว่างพวกเขาดูแปลกประหลาด เขาแอบนับจำนวนคนและพบว่าเมื่อนับพวกคนชุดเขียวและผู้อาวุโสนี้รวมเข้าด้วยกัน ก็เป็นสิบสองคนพอดี!
นักปรุงยาตามเข้ามาสมทบ ใบหน้าเขาดูอัปลักษณ์ชั่วร้ายเหมือนที่เคย แต่น้ำเสียงเขานุ่มนวลไพเราะอย่างไม่น่าเชื่อ “จากสำเนียงของผู้เฒ่าท่านนี้ ดูเหมือนท่านจะไม่ใช่คนแถบนี้ สำเนียงของท่านน่าจะมาจากชายแดนทางใต้”
ผู้อาวุโสยิ้มกลับอย่างสุภาพแล้วตอบ “ถูกต้องแล้ว พวกเรามาจากชายแดนทิศใต้ สถานที่ซึ่งแม่น้ำหลี่ไหลผ่าน”
เฒ่าเป๋เดินเข้ามาพร้อมรอยยิ้มกริ่ม “ข้าได้ยินมาว่าริมแม่น้ำหลี่มีสำนักใหญ่ นามว่าสำนักแม่น้ำหลี่ เต็มไปด้วยยอดฝีมือซุ่มซ่อน ข้ายังได้ยินมาอีกว่าเจ้าสำนักของสำนักแม่น้ำหลี่เรียกว่ามู่เป่ยเฝิง ทักษะเทวะของเขาบรรลุขั้นไร้ที่ติ เพียงแค่ยื่นมือออกไปก็ตัดฟันแม่น้ำได้”
ผู้อาวุโสรีบตอบทันที “ท่านชมเกินไปแล้ว ข้าไม่ถึงขนาดนั้นหรอก ข้าคือมู่เป่ยเฝิงจริงๆ นั่นล่ะ สำนักแม่น้ำหลี่ของเราก็เป็นแค่สำนักเล็กๆ ทำอยู่ทำกินริมแม่น้ำไปวันๆ ข้ายังมีศิษย์น้องอีกห้าคนซึ่งเป็นที่รู้จักนับถือ และถูกเรียกหาว่าห้าอาวุโสแม่น้ำหลี่”
ฉินมู่ใจกระตุกวูบ สีหน้าแปรเปลี่ยนไปเล็กน้อย ห้าอาวุโสแม่น้ำหลี่ ไม่ใช่ผู้อาวุโสห้าคนที่ตกตายในน้ำมือของท่านยายหรอกหรือ
หรือว่ามู่เป่ยเฝิงจะยกพวกมาที่นี่เพื่อแก้แค้นให้กับห้าอาวุโสแม่น้ำหลี่
เขายังต้องการโลงศพสิบโลงและชุดสวมศพสิบชุด ซึ่งชัดเจนว่าตระเตรียมให้ทุกคนในหมู่บ้านพิการชรา หลังจากสังหารชาวบ้านทั้งหมดแล้วพวกเขาคงสวมชุดสวมศพให้ กลบฝังในโลง แล้วเผากระดาษเงินกระดาษทองส่งท้าย
เรือกระดาษและนกกระเรียนกระดาษ ก็เตรียมไว้ให้ทุกคนในหมู่บ้านใช้สอยในโลกหลังความตาย!
มู่เป่ยเฝิงคลึงหมุนตะขอหยกตรึงเรือในมือไปมา แล้วพูดด้วยน้ำเสียงสงบ “เมื่อสองปีก่อนองค์จักพรรดิมีราชโองการ ซึ่งถูกอัญเชิญมายังพวกเราโดยท่านราชครู เมื่อเขามาถึงสำนักแม่น้ำหลี่ เขาก็นั่งลงถกเรื่องเต๋ากับข้า ภายในเวลาหนึ่งก้านธูป ข้ายอมรับนับถือความคิดเขาและยอมรับราชโองการอย่างเต็มใจ ขอบพระทัยองค์จักรพรรดิที่แผ่พระบารมีมา ข้าติดค้างองค์จักรพรรดิและท่านราชครูที่ไว้วางใจในตัวข้า และแต่งตั้งข้าให้เป็นผู้ปกครองห้ามณฑลชาวเหมี่ยวในแดนใต้ ข้าราชการขั้นสองผู้ปกครองเหมี่ยวทั้งห้า จากนั้นท่านราชครูก็ได้แต่งตั้งห้าอาวุโสแม่น้ำหลี่เป็นรองผู้ปกครองมณฑล ข้าราชการขั้นที่สาม แต่ทว่าพวกเราสำนักแม่น้ำหลี่ล้วนแต่เป็นคนพเนจรไร้ราก แม้ว่าจะมีตำแหน่งทางการ ก็ยังคงชอบเดินทางท่องไปทั่ว”
ผู้ใหญ่บ้านยิ้มตอบ “จักรวรรดิสันตินิรันดร์แท้จริงแล้วเป็นสำนักที่สวมคราบจักรวรรดิ ด้วยมีอันดับหนึ่งใต้เทวะเป็นผู้สนับสนุนองค์จักรพรรดิ ชะตาของจักรวรรดินี้ก็มีแต่จะรุ่งเรืองเกรียงไกร ไม่แปลกที่สำนักต่างๆ จะยอมก้มหัวให้ จักรวรรดิยังยอมให้ศิษย์จากสำนักต่างเข้าร่วมกองทัพเพื่อบุกเบิกดินแดนใหม่ พี่มู่ท่านแต่เดิมเสรีไร้พันธะ จวบจนเป็นข้าราชการ ต้องถูกจำกัดด้วยกฎหมายและองค์จักพรรดิ น่าเห็นใจน่าเข้าใจว่าทำไมท่านจึงรู้สึกไม่คุ้นเคย”
มู่เป่ยเฝิงตอบ “ดังนั้นศิษย์น้องทั้งห้าของข้าถึงออกท่องเที่ยวไปข้างนอกเพื่อคลายความอึดอัด พาห้าศิษย์แม่น้ำหลี่เดินทางเข้ามาในแดนโบราณวินาศ ห้าศิษย์แม่น้ำหลี่คือลูกศิษย์สืบสันดานที่ศิษย์น้องทั้งห้าของข้ารับเข้ามาสืบทอดวิชา พวกเขาล้วนแต่มีพรสวรรค์ในทางของตนเอง ศิษย์น้องทั้งห้าของข้าจึงพาพวกเขามาฝึกฝนแสวงประสบการณ์ด้วย”
เฒ่าบอดเดินแตะไม้เท้าต็อกแต็กเข้ามาแล้วร่วมวงสนทนา “ห้าอาวุโสแม่น้ำหลี่เข้ามาฝึกฝนแสวงประสบการณ์ในแดนโบราณวินาศ? แล้วพวกเขายังหอบหิ้วลูกศิษย์มาอีกด้วย? แดนโบราณวินาศออกจะเต็มไปด้วยอันตราย ข้าฟังแล้วก็อดเป็นห่วงพวกเขาไม่ได้”
มู่เป่ยเฝิงถอนหายใจยาว “กล่าวถูกแล้ว แดนโบราณวินาศอันตรายเหลือแสนและเต็มไปด้วยผู้คนชั่วร้ายป่าเถื่อน พวกเขาออกจากสำนักไปได้สองเดือนแล้ว และไม่มีข่าวคราวกลับมา ข้าสงสัยว่าต้องมีอะไรเกิดขึ้น ดังนั้นจึงมาตามหาพวกเขา ข้าพบสถานที่ที่ศิษย์น้องทั้งห้าถูกสังหารโดยบังเอิญ พวกเขาล้วนแต่ตกตายอย่างน่าสังเวช จากรอยแผลบนกระดูกของพวกเขา ฆาตกรน่าจะเป็นยอดฝีมือจากลัทธิมารฟ้าที่มีร่างเตี้ยเล็ก สูงราวๆ ยายเฒ่าซี”
เขาส่ายหน้าแล้วกล่าวต่อ “หลังจากนั้น ข้าสืบเสาะพบสถานที่ห้าศิษย์ตกตาย ซึ่งเป็นหุบเขาแห่งหนึ่ง ซากสังขารพวกเขาถูกสัตว์เถื่อนแทะทึ้ง…ตายอย่างน่าเวทนาอะไรอย่างนี้…จากรอยแผลบนซากร่างของพวกเขา ฆาตกรน่าจะเป็นผู้ฝึกยุทธอายุเยาว์ คล้ายๆ กับน้องชายท่านที่อยู่ตรงนี้ ข้าได้ยินว่าหมู่บ้านของพวกท่านมีทั้งช่างตัดเย็บและช่างไม้ จึงเข้ามาสั่งทำเสื้อผ้าโลงศพไว้ให้แก่เหล่าฆาตกรที่สังหารศิษย์น้องของข้าและศิษย์หลานทั้งห้า ที่เหลือก็มีแค่พาพวกมันเข้าโลงเท่านั้น”
สีหน้าเขาพลันเจือด้วยความโอหังเข้าไปเล็กน้อย “ตอนนี้ข้าอาจจะรับใช้ทางการ แต่ก็ไม่คุ้นชินกับพิธีรีตองอ้อมค้อมของราชสำนัก ดังนั้นพวกเรามาเจรจากันตามประสายุทธภพกันเถอะ ข้ามาที่นี่เพื่อล้างแค้นให้กับศิษย์น้องทั้งห้าและศิษย์หลานของพวกเขา เฉียนชิ่ว”
เมื่อกล่าวถึงตรงนี้ ผู้อาวุโสก็หุบปาก และไม่เอ่ยคำต่อ
ข้างหลังเขา ผู้ฝึกยุทธหนุ่มก้าวออกมาข้างหน้าและมองมาที่ฉินมู่ คือชายผู้ที่โยนตำลึงทองให้เมื่อเขาบอกทางไปหมู่บ้าน “ศิษย์น้องฉูของข้าตายจากวิชามีดที่ถูกร่ายผ่านท่อนไม้ น้องชาย…ดูจากมีดยักษ์กลางหลังของเจ้า รบกวนเจ้าแสดงวิชามีดและประลองฝีมือกับข้าเสียหน่อย?”
ฉินมู่ลังเล แล้วหันไปมองท่านยายซี ผู้ใหญ่บ้าน และผู้เฒ่าคนอื่นๆ
ท่านยายซีอดปากไม่ได้ กล่าวแก่ฉินมู่ “มู่เอ๋อ ชาวแดนใต้มีขนบธรรมเนียมป่าเถื่อน วิถีของพวกเขาดุร้ายไร้ปรานี ในเมื่อเขาอยากเห็นวิชามีดของเจ้า เจ้าน่าจะใช้…”
“หุบปากของเจ้า!”
ผู้ใหญ่บ้านตะโกนยับยั้งยายเฒ่าซีไม่ได้พูดมากไปกว่านี้ แล้วอธิบายด้วยน้ำเสียงสงบ “พวกเขามาที่นี่ใช้ธรรมเนียมของยุทธภพ มิได้อาศัยอำนาจราชสำนักและราชครูสันตินิรันดร์มากดดันพวกเรา ดังนั้นพวกเราไม่ควรฝ่าฝืนธรรมเนียมเช่นกัน ห้ามใครก็ตามให้คำแนะนำหรือช่วยเหลือฉินมู่เด็ดขาด”
ด้วยสายตาที่เข้มข้นทรงอำนาจ ผู้ใหญ่บ้านจ้องมองฉินมู่และกล่าว “ฉินมู่ โลงศพและชุดสวมศพมีพร้อมที่นี่หมดแล้ว หากว่าเจ้าใจอ่อนมืออ่อน โลงศพที่นี่หนึ่งโลงจะเป็นของเจ้า! มีแค่เจ้าตายไม่ก็เขาตาย! เขาได้ท้าทายเจ้าให้ออกไปประลองเรียบร้อยแล้ว ไฉนเจ้ายังยืนเซ่ออยู่อีกล่ะ”