Skip to content

Tales of Herding Gods 36

36. วัดใหญ่ฟ้าคำราม

“มู่เอ๋อ ตลาดนัดงานวัดนี้เหมาะที่จะใช้หาประสบการณ์”

เฒ่าหม่าเหลาไม้ค้ำเสร็จหนึ่งคู่ พิงมันไว้ตรงเครื่องเรือนที่ขาย แล้วกล่าวกับฉินมู่ “มีหมู่บ้านมากมายในแดนโบราณวินาศ และชาวบ้านหลายคน จริงๆ แล้วเป็นยอดฝีมือที่มิอาจร่วมวงยุทธจักรโลกภายนอกได้อีกต่อไป พวกเขาลงหลักปักฐานที่นี่หลังจากถูกบังคับให้หลบหนีเข้ามาในแดนโบราณวินาศ และรับศิษย์ถ่ายทอดวิชาฝีมือตนเอง เฉพาะในตลาดนัดงานวัดเท่านั้นที่ยอดฝีมือและศิษย์ของพวกเขาเหล่านั้นจะได้มารวมตัวกันที่นี่ เฉพาะในตลาดนัดงานวัดเท่านั้นที่เจ้าจะได้พบเห็นวิชาและทักษะอันหลากหลายในโลกนี้!”

ฉินมู่ไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่ แต่ก็พยายามลำดับความคิด “ข้าปราศจากประสบการณ์ต่อสู้จริง ดังนั้นจึงยากที่จะเปลี่ยนพลังวัตรอันสั่งสมมาให้กลายเป็นพลังการต่อสู้จริง หรือว่านี่คือสาเหตุที่ท่านปู่หม่าอยากให้ข้าฉวยโอกาสนี้ต่อสู้ประลองกับผู้ฝึกยุทธจากสำนักต่างๆ”

เฒ่าหม่าแสดงสีหน้ายืนยัน “นั่นแหละ ใช่เลย”

“แล้วมันเกี่ยวอะไรกับการขายไม้ค้ำ”

ฉินมู่ถามด้วยความฉงน “แล้วทำไมท่านปู่บอดถึงตั้งโต๊ะพนัน อีกอย่าง สัตว์พิสดารที่ท่านปู่คนแล่เนื้อขายนั้น เห็นชัดๆ ว่าไม่ใช่งูมังกร แต่ทำไมเขาตะโกนว่าขายโลหิตล้ำค่าของงูมังกร แล้วทำไมท่านปู่นักปรุงยาเตรียมยารักษาบาดเจ็บไว้ขายล่วงหน้า”

เฒ่าหม่ากระแอมไอสองสามที “นั่นเป็นธุระของผู้ใหญ่น่า เจ้ายังเด็กจะซักถามอะไรมากมาย แล้วนี่ยังจะรีรออะไรอยู่อีกล่ะ”

ฉินมู่จึงได้แต่เดินขึ้นไปแขวนป้ายที่เฒ่าหนวกเขียนให้บนเสาในสนามประลอง

ไม่นานนัก พวกชาวบ้านก็มาออกันอยู่รอบๆ สนามประลอง เสียงวิจารณ์อื้ออึงของพวกเขาทำให้ฉินมู่รู้สึกว่าคำโฆษณาที่เฒ่าหนวกเขียนให้เขาเหมือนจะไม่ชอบมาพากล แต่ใจหนึ่งเขาก็ทึ่งกับแรงดึงดูดของป้ายผ้านี้ที่่เรียกคนมามุงกันเต็มไปหมด

“บุรุษไร้เทียมทานเตะแม่น้ำหย่งขาดครึ่ง สยบแปดร้อยหมู่บ้านแดนโบราณวินาศ! โม้ชะมัด! เจ้าดูเพิ่งสิบเอ็ดสิบสอง ต่อให้ฝึกวรยุทธมาแต่ในครรภ์มารดา วรยุทธเจ้าก็ได้แค่งั้นๆ แหละ”

เสียงติเตียนท่าทีสูงส่งดังขึ้นมา “เจ้าแปะป้ายนี้หมายจะหยามท้าทายทุกหมู่บ้านทั่วแดนโบราณวินาศหรือไง เจ้ากินดีหมีดีเสือมาจากไหนถึงโอหังขนาดนี้”

ฉินมู่รับฟังจนใบหน้าแดงฉาน ก่อนจะตอบโต้ด้วยการถลึงมองเฒ่าบอดด้วยความโกรธ มิน่าล่ะเสียงเมื่อกี้ฟังคุ้นหู ก็เสียงเฒ่าบอดที่เพิ่งตะโกนยุแยงไม่ใช่รึ

เฒ่าบอดยังใช้น้ำเสียง ‘เดือดแค้นแทนสวรรค์’ ชักจูงยุยงผู้คนต่อ “ไม่มีชายชาตรีหลงเหลือในแดนโบราณวินาศเราแล้วหรืออย่างไร ทำไมพวกเจ้าทนให้เด็กสิบเอ็ดสิบสองนี่หยามน้ำหน้าโดยไม่ทำอะไรอยู่ได้ ความองอาจห้าวหาญของยอดชายแห่งแดนโบราณวินาศหายไปไหนกันหมดแล้วล่ะ”

เมื่อได้ยินคำพูดเหล่านี้ รอบข้างก็เริ่มปั่นป่วนทันที เมื่อเด็กหนุ่มเลือดร้อนสิบกว่าคน กระโดดขึ้นไปบนสนามประลองพร้อมๆ กัน ทำเอาฉินมู่หน้าเขียวหน้าดำ

“แต่ถึงอย่างไร ยอดชายแห่งแดนโบราณวินาศของเราก็อย่าดูเบาเด็กนี่ไป”

เสียงของเฒ่าบอดเหมือนระฆังยักษ์ที่ลั่นในหูของทุกๆ คนในบริเวณ “ในเมื่อเขาตั้งสนามประลองขึ้นมา เราก็ควรทำตามกฎ เขามาเพื่อท้าสู้ประลอง มิใช่ยกพวกตีกัน พวกเราน่าจะผลัดกันประลองกับเขาทีละคน และในเมื่อเด็กนี่มีพลังวัตรขั้นทารกวิญญาณ ผู้ท้าประลองก็ต้องอยู่ในขั้นทารกวิญญาณเช่นกัน อย่ารังแกเด็กให้เสียหน้าของชาวบ้านแดนโบราณวินาศ”

เมื่อเสียงของเขาสิ้นสุดลง ชายหนุ่มสิบกว่าคนก็กระโดดลงจากสนามประลอง เหลือผู้ท้าประลองเพียงคนเดียว

ฉินมู่ลอบระบายลมหายใจ แล้วเอ่ยปาก “ไม่ทราบว่าศิษย์พี่ท่านนี้มีนามว่า…”

“จะสู้ก็สู้! ใครมีเวลามาเหยาะแยะกะเจ้า”

เด็กหนุ่มก้มลงยืนด้วยสองแขนสองขา ปราณชีวิตเขาพลุ่งพล่านขึ้นมาทันที ลายริ้วหนังเสือปรากฏทั่วร่างข้างหลังเขา ทาบลายเขาให้ดูคล้ายกับพยัคฆ์ร้าย!

กรงเล็บแหลมคมอันก่อรูปจากปราณชีวิตพลันปรากฎที่มือและเท้าของเขา และทันใดนั้น เขาก็กระโจนขย้ำใส่ฉินมู่ เร็วยิ่งกว่าเงา!

การกระโจนขย้ำนี้ทำให้ฉินมู่พลันรู้สึกเหมือนถูกจ้องล่าจากสัตว์พิสดารอันเถื่อนร้าย ลมเกรี้ยวกราดพัดใส่หน้า ฟังคล้ายเสือคำราม รังสีอันโอหังน่าเกรงขามนี้คือสิ่งที่เขาไม่มี และต้องผ่านประสบการณ์เฉียดเป็นเฉียดตายถึงจะได้มันมา!

ผู้ฝึกยุทธหมู่บ้านอื่น ล้วนแต่มีจุดเด่นเฉพาะตนจริงๆ แฮะ!

รูปลายมังกรพลันปรากฎที่กลางหลังฉินมู่ และขามังกรทั้งสี่ก็ขดพันรอบๆ แขนขาเขา ท่าย่างเท้าเขาจังหวะแปรเปลี่ยนคลับคล้ายแม่น้ำเชี่ยวทะลวงทะเล ด้วยคลื่นลมที่โหมกระหน่ำครืนครันยังกับเสียงสายฟ้าฟาด เขาใช้ธาตุน้ำจากปราณชีวิตเต่าดำเพื่อร่ายรำกระบวนท่าแรกของฟ้าคำรามแปดจู่โจม แม้ว่าเขาจะยังไม่บรรลุถึงขั้นเรียกสายฟ้ามาไว้ในอุ้งมือ แต่ก็สามารถปลดปล่อยมหิทธานุภาพของแม่น้ำเชี่ยวทะลวงทะเลได้อย่างไร้ที่ติ!

เมื่อทั้งคู่ปะทะกัน ฉินมู่ส่งกำปั้นของตนรับมือศัตรู พลานุภาพธาตุน้ำในปราณชีวิตเต่าดำปะทุพลุ่งพล่านสร้างเงารูปศีรษะมังกรห่อหุ้มกำปั้นของเขา ซัดหมัดนั้นไปเบื้องหน้า!

เด็กหนุ่มนั่นแตกตื่นทันที คู่ต่อสู้ของเขาแข็งแกร่งร้ายกาจมหัศจรรย์ ปราณชีวิตของเขาถูกทำลาย และเขาก็ปลิวกระเด็นกลับไปจากการโจมตีของฉินมู่

แต่ในเสี้ยววินาทีที่เขาโดนชกกระเด็น เขาฉวยจังหวะตวัดเท้าฟาดเตะช่วงอกฉินมู่ เท้าของเขาคมกริบเหมือนเล็บเสือ ฉีกเสื้อของฉินมู่ขาดฉัวะเกือบจะเฉือนหน้าท้องเข้าให้!

ฉินมู่รีบหงายหลังโดยที่เท้าหนึ่งยังติดพื้น เท้าอีกข้างเตะสวนกลับไปไวดุจสายฟ้า ฝ่ายตรงข้ามกระเด็นกระดอนขึ้นไปในอากาศแล้วกลิ้งเกลือกไปไกลหลายวาจากสนามประลอง

เด็กหนุ่มผู้นั้นพลิกยันตัวหมายจะลุกขึ้นยืน แต่เสียงกร๊อบดังมาจากขาของเขา ขาของเขาหักจากลูกเตะของฉินมู่

เสียงนักปรุงยาโฆษณาลอยลมมา “เร่เข้ามา เร่เข้ามา…ขายยาวิเศษชั้นเยี่ยม สมานกระดูกหายได้ในวันเดียว รับรองว่าวันพรุ่งวิ่งปร๋อไปล่าสัตว์ได้ทันที”

เฒ่าหม่าก็ตะโกนเรียกลูกค้าบ้าง “ไม้ค้ำจ้าไม้ค้ำ ไม้ค้ำคู่นี้เหลาสลักจากไม้เนตรมังกร แข็งแรงทนทานอย่างหนาต้องตราเฒ่าหม่า”

เฒ่าบอดรับช่วงต่อด้วยเสียงกังวานของเขา “หากช่วงนี้เจ้าดวงตก มาแก้ชะตาสะเดาะเคราะห์ได้ที่นี่”

“ขายป้ายอักษรคู่เรียกโชคลาภ เงินทองหลั่งไหลเข้าตระกูล” เฒ่าหนวกร้องเร่ด้วยเสียงอันดัง

ฉินมู่หน้าดำคล้ำทันที และรีบฟื้นฟูเรี่ยวแรงให้เข้าที่ การต่อสู้เมื่อกี้สำหรับเขานั้นอันตรายเฉียดเส้นยาแดงผ่าแปด แต่ผู้เฒ่าพวกนี้กลับกังวลอยู่แค่ว่าจะขายสินค้าตัวเองยังไง!

แต่ก็จริงว่าท่านปู่หม่าและคนอื่นๆ พูดถูก ข้าขาดประสบการณ์เฉียดเป็นเฉียดตาย คนเมื่อกี้นี้ไม่ได้มีพลังวัตรเหนือกว่าข้าเลย แต่กลับเกือบเฉือนพุงข้าได้แม้ตอนที่เขาโดนต่อยกระเด็นไป เรียกว่าเกือบพลิกเกมชนะ!

ฉินมู่สูดลมหายใจลึก สองตาเขาเป็นประกาย ข้ายังมีประสบการณ์ในเรื่องนี้น้อยเกินไป และตลาดนัดงานวัดนี่เป็นโอกาสดีๆ ที่ข้าจะได้สู้ประลองกับผู้ฝึกยุทธจากหมู่บ้านอื่นๆ แถวๆ นี้ นี่คือโอกาสที่ข้าจะซึมซับประสบการณ์การต่อสู้! ข้าจะยืนหยัดบนสนามประลองนี้ให้ได้จนกว่าการประลองจะจบสิ้น!

ผู้คนมาออดูกันรอบๆ สนามประลองมากขึ้นทุกที แออัดวุ่นวาย จากที่ฉินมู่ต่อสู้กับเด็กหนุ่มเมื่อครู่ ทุกคนเห็นได้ชัดว่าฉินมู่มีพลังวัตรสูงมากแต่ขาดประสบการณ์การต่อสู้

เพื่อที่จะเอาชีวิตรอดในแดนโบราณวินาศ หมู่บ้านไหนๆ ในแดนต้องสาปแห่งนี้ล้วนแต่มีผู้ฝึกวิชายุทธ และผู้ฝึกทักษะเทวะ นี่ก็เพราะแดนโบราณวินาศนั้นอันตรายเกินไป ชาวบ้านทุกคนจึงยกย่องนับถือผู้มีวรยุทธ มีความกล้า และเชี่ยวชาญในการต่อสู้

แผล็บเดียวก็มีผู้ท้าประลองอีกคนกระโดดขึ้นมาบนเวทีประลอง เป็นเด็กสาวที่มีปราณเต่าดำแบบพิเศษเฉพาะ แต่การโจมตีของนางร้ายกาจไร้ปรานี เพียงแค่เริ่มประมือ ปราณชีวิตของนางก็เข้ามาพัวพันรัดขาฉินมู่แน่น เหมือนอสรพิษตัวใหญ่ตัวหนึ่ง

หลังจากที่รัดพันขาของเขา เด็กสาวก็บิดเอวตัวอ่อนเหมือนอสรพิษตัวเมีย เลื้อยไล่รุกบนเรือนร่างของเขา หมายจะใช้ท่าไม้ตายพิฆาต

ปราณชีวิตของนางพิลึกพิลั่นเกินบรรยาย เมื่อมันเปลี่ยนรูปเป็นงูยักษ์ที่รัดพันรอบๆ ฉินมู่ ปราณชีวิตนี้แตกต่างจากปราณชีวิตเต่าดำบริสุทธิ์ แต่ก็ยังนับว่าเป็นแขนงหนึ่งของปราณเต่าดำ

ทั้งเต่าและงูต่างก็ถือเป็นพงศ์พันธุ์เดียวกับเต่าดำ แต่ว่าร่างทารกวิญญาณของนางน่าจะเป็นรูปงูมิใช่เต่า หนึ่งในสาแหรกตระกูลเต่าดำ ดังนั้นท่าร่างของนางจึงพิลึกกึกกือ

ฉินมู่ใช้พุทธองค์พันกรตั้งรับการจู่โจมของนาง และไม่ว่าท่วงท่าของนางจะบิดพลิ้วแปลกประหลาดสักเพียงไหน ฉินมู่ก็เหมือนมีมืองอกเงยเป็นพันมือรอบๆ ตัวเขา และไม่นานนัก นางก็กินกำปั้นฉินมู่ไปกว่าร้อยหมัดก่อนจะสลบไป

เฒ่าหม่าขายเปลพยาบาลเปลแรกออกจนได้

ฉินมู่พบกับท่าร่างแปลกประหลาดแบบนี้เป็นครั้งแรก และเพลี้ยงพล้ำบาดเจ็บบ้างเล็กน้อย ยังดีที่ว่าบาดแผลเหล่านั้นผิวเผินไม่อันตราย

บนสนามประลอง การต่อสู้ยังคงดำเนินต่อไป และก็มีหลายต่อหลายคนเข้าไปวางเดิมพันว่าใครจะชนะกับโต๊ะดูดวงของเฒ่าบอด ด้วยไม่มีสกุลเงินที่ตายตัวในแดนโบราณวินาศ การแลกเปลี่ยนเดิมพันจึงกระทำผ่านการแลกเปลี่ยนสิ่งของสินค้าต่างๆ หากว่าว่าผู้แลกเปลี่ยนคิดว่าสิ่งที่เขาจะแลกมามีค่าเท่าเทียมกับสิ่งที่เขาแลกไป ก็จะตกลงแลกเปลี่ยน เช่นเดียวกับการพนันขันต่อ ไม่ว่าจะเป็นเครื่องประดับ แร่ธาตุ หยก สัตว์เป็นๆ ถูกเอาออกมาเป็นเดิมพัน

ข้าวของสินค้ากองสุมมากมายอยู่ข้างหลังเฒ่าบอด มีของแทบทุกประเภท อย่างเช่น แม่ไก่แก่ขนสีรุ้งที่ตัวใหญ่โตสูงเท่าคน ในจะงอยปากของมันมีเขี้ยวคมกริบเต็มไปหมด ทั้งยังดูดุร้ายแบบสุดๆ เมื่อมันกระพือปีกเป่าทรายรอบๆ กระจุยหวีดหวือยังกับลูกธนู

และนี่คือแม่ไก่มังกร ไม่ใช่แม่ไก่ธรรมดา มันเป็นลูกผสมของไก่และมังกร แม้ว่าสายเลือดมังกรในตัวมันจะจืดจาง แต่ไข่ที่มันออกออกมานั้นล้ำค่าเกือบจะเป็นสมบัติวิเศษ

“ศึกถัดไป อาตมาของพนันว่าศิษย์ของอาตมาจะชนะ”

ทันใดนั้นเสียงสรรเสริญอมิตาภพุทธก็ดังขึ้นมา เมื่อหลวงจีนชราเบียดเสียดผู้คนมาที่หน้าโต๊ะดูดวง และวางไม้เท้าพระลงบนโต๊ะ หลวงจีนเฒ่านั่งลงเบื้องหน้าเฒ่าบอด ประสานมือสำรวม “นี่คือเดิมพัน! ผู้ใดกล้าท้าพนันกับอาตมา”

เฒ่าบอดใจเต้นตึก ถามเสียงหนัก “วัดใหญ่ฟ้าคำราม?”

หลวงจีนชราตอบ “วัดใหญ่ฟ้าคำราม”

เฒ่าบอดหันไปมองเฒ่าหม่าแล้วกล่าว “เฒ่าหม่า เจ้ามาคุยแทนซิ”

เฒ่าหม่าวางไม้ค้ำในมือของตน แล้วมานั่งลงตรงหน้าหลวงจีนชรา หลวงจีนผู้นั้นเงยหน้าขึ้นและจ้องเฒ่าหม่าด้วยสายตานิ่งไร้อารมณ์ “ศิษย์น้อง”

เฒ่าหม่าตอบด้วยสีหน้ามืดคล้ำ “ศิษย์พี่”

“เจ้าถ่ายทอดทักษะเทวะของวัดใหญ่ฟ้าคำรามให้แก่คนนอก ฝ่าฝืนกฎวัดใหญ่ฟ้าคำรามของพวกเรา”

คิ้วของหลวงจีนเฒ่าหรุบหรู่ลง เมื่อเขากล่าวด้วยเสียงแผ่วเบา “เมื่อครั้งกระโน้น เจ้าตัดแขนข้างหนึ่งของตน แล้วส่งคืนให้วัดใหญ่ฟ้าคำราม บอกว่านี่คือการส่งคืนทักษะเทวะของวัดใหญ่ฟ้าคำรามให้กับพวกเรา บัดนี้เจ้าถ่ายทอดทักษะเทวะของวัดใหญ่ฟ้าคำรามให้เด็กน้อยนั่นอีกครา นับว่ากลืนน้ำลายตนเอง”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!