Skip to content

Tales of Herding Gods 49

49. วิชาหัวใจหนึ่งยาอมตะ

ฉินมู่ขบคิดอยู่ครู่หนึ่ง เจ้าสำนักสำนักแม่น้ำหลี่ มูเป่ยเฝิงเป็นเพียงขุนนางชั้นสองระดับต่ำ ขณะที่กู่ลี่หนวนผู้นี้เป็นขุนนางชั้นหนึ่งระดับต่ำ เขาต้องทรงพลังมากกว่าแน่!

“ผู้อาวุโสท่านนี้น่าจะไม่โกหก” เขากล่าวกับฮู่หลิงเอ๋อ

ฮู่หลิงเอ๋อถามอย่างพิศวง “เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าเขาพูดจริง”

“หมอกนี้แผ่ออกมาจากวิญญาณมังกร”

ฉินมู่ชี้ไปที่วิญญาณมารดามังกรที่ว่ายวนไปรอบๆ ไม่ว่าวิญญาณมังกรจะผ่านไปที่ใด หมอกประหลาดในที่แห่งนั้นก็จะหนาแน่นขึ้น ศพแห้งเหี่ยวเหล่านี้ก็จะลุกขึ้นมาอีกครั้งและลอยมาทางฉินมู่ราวกับได้กลิ่นเหยื่อ

“หมอกประหลาดนี้สามารถทำให้ศพแห้งเหี่ยวเหล่านี้อยู่ในสภาพผีดิบไม่เป็นไม่ตาย มันเป็นวิธีที่ใช้ในการปกป้องบุตรของนาง และป้องกันโถงกลางนี้จากผู้รุกล้ำ” ฉินมู่วิเคราะห์

ฮู่หลิงเอ๋อจึงสังเกตเห็นประเด็นนี้เช่นกัน เมื่อหมอกที่แผ่ออกจากวิญญาณมังกรถูกชำระล้าง ศพมัมมี่พวกนั้นก็จะหยุดเคลื่อนไหวและร่วงลงสู่พื้น และเมื่อหมอกหนาคลี่คลุมพวกมันอีกครา ศพมัมมี่ก็จะลุกขึ้นและพยายามโจมตีทุกคนที่อยู่ใกล้

ศพแห้งพวกนี้เหมือนกับผู้พิทักษ์ของโถงกลาง ป้องกันมิให้ผู้คนเข้ามาขโมยลูกแก้วมังกร และขัดจังหวะ ‘การเยียวยา’ ลูกมังกร

และที่มาของซากร่างพวกนี้ก็คงอย่างที่ผู้อาวุโสบอก ว่าเป็นพฤติการณ์ของลูกแก้วมังกรอันสูบเอาแก่นชีวิตและโลหิตทุกหยาดหยดจากผู้ฝึกยุทธที่ล่วงล้ำเข้ามาในวังมังกรเพื่อยืดอายุต่อชีวิตให้กับมังกรน้อย

ฉินมู่ยุ่งยากใจ “ผู้อาวุโสกู่ แม้ว่าข้ามีจิตคิดช่วยเหลือ แต่ด้วยพละกำลังอันน้อยนิดของผู้เยาว์ คงทำอะไรไม่ได้”

กู่ลี่หนวนหัวเราะเบาๆ “แน่ล่ะ เจ้าไม่มีพละกำลังเพียงพอที่จะทลายน้ำแข็งลี้ลับของลูกแก้วมังกร แต่ข้ามี ตราบใดที่เจ้าทำตามที่ข้าบอก เจ้าจะปล่อยข้าให้เป็นอิสระได้ และเมื่อข้าหลุดออกไป เจ้าอยากได้อะไร ข้าหาให้เจ้าได้ทั้งนั้น!”

น้ำเสียงของเขาเจือความหยิ่งยโส อันแสดงว่าตำแหน่งครูสอนองค์ชายรัชทายาท เป็นตำแหน่งสูงล้ำทรงอิทธิพล

“ข้าอาจจะถูกผนึกในน้ำแข็ง แต่พลังวัตรข้ายังไม่เสื่อมสลาย ลูกแก้วมังกรถึงยังแช่แข็งข้าให้ตายไม่สำเร็จ”

กู่ลี่หนวนกล่าวต่อ “ข้าจะใช้พลังวัตรเฮือกสุดท้าย เพื่อผลักกระบี่ของข้าออกจากแท่งน้ำแข็ง ด้วยกระบี่นี้ เจ้าใช้มันสังหารวิญญาณแม่มังกร! เมื่อวิญญาณของมันถูกสังหาร ลูกแก้วมังกรก็จะผนึกข้าไว้ไม่ได้อีกต่อไป! และเมื่อข้าเป็นอิสระ แม้แต่ลูกแก้วมังกรนี้ข้าก็จะยกให้เจ้า!”

ฉินมู่กระโดดโลดด้วยความตกใจแล้วร้องออกมา “สังหารวิญญาณแม่มังกร? ผู้อาวุโส ผู้เยาว์เพิ่งฝึกพลังวัตรถึงขั้นทารกวิญญาณ เป็นแค่ผู้ฝึกยุทธปลาซิวปลาสร้อย ข้าจะสามารถสังหารวิญญาณแม่มังกรได้อย่างไร”

กู่ลี่หนวนหัวร่ออย่างเย็นเยือก “ลำพังเจ้าคงไม่สามารถ แต่ด้วยกระบี่ของข้า เจ้าต้องทำได้! กระบี่ของข้ามิใช่กระบี่ธรรมดา หรือเศษขยะที่เจ้าแบกไว้บนหลัง กระบี่นี่เป็นกระบี่ชั้นหนึ่งที่มาจากราชสำนัก! มันถูกหลอมสร้างด้วยสมบัติวิเศษล้ำค่า และโดยบรรดาช่างตีเหล็กทั่วหล้าที่จักวรรดิสันตินิรันดร์รวบรวมมา! ขุนนางชั้นหนึ่งมีทั้งหมดสิบหกตำแหน่ง และกระบี่เยี่ยงนี้ก็มีทั้งหมดสิบหกเล่ม กระบี่แต่ละเล่มมีนามของมัน และนามกระบี่ข้าเรียกว่ากระบี่ผู้พิทักษ์เยาว์!”

ฉินมู่ลังเล “แล้วถ้าเทียบกระบี่นี้กับไม้เท้าพระในมือข้าล่ะ?”

กู่ลี่หนวนแค่นหัวเราะ “ไม้เท้าขักขระของหลวงจีนเฒ่านับว่าพอไปวัดไปวาได้ และวัดใหญ่ฟ้าคำรามก็เป็นหนึ่งในสำนักใหญ่ที่มีไม่กี่สำนักในโลกนี้ แต่ถึงยังไงอาวุธวิเศษที่ถูกหลอมสร้างโดยทรัพยากรและอิทธิพลของหนึ่งสำนัก จะเทียบกับอาวุธวิเศษที่ถูกหลอมสร้างโดยทรัพยากรและอิทธิพลของทั้งจักรวรรดิได้อย่างไร ในจักรวรรดิสันตินิรันดร์ มีสำนักใหญ่ระดับเดียวกับวัดใหญ่ฟ้าคำรามตั้งสองสามสำนักแน่ะ”

ฉินมู่รับฟังจนตะลานใจ เขาพิศวงเล็กน้อย ก่อนถามต่อ “ในเมื่อผู้อาวุโสมีอาวุธวิเศษระดับนี้ ทำไมท่านไม่สังหารวิญญาณแม่มังกรตั้งแต่แรก”

กู่ลี่หนวนอึ้งไปพักหนึ่ง ก่อนจะกล่าวต่อหลังจากนั้น “ตอนนั้นข้าไม่คิดว่าจุดนี้จะสำคัญ ข้ามัวแต่พะวงในการขจัดภัยร้ายจากลูกแก้วมังกรให้อนุชนรุ่นหลัง แต่ด้วยข้าไม่ระวังจึงตกลงสู่กับดัก และสำเหนียกคิดอีกที ข้าก็ออกไปจากน้ำแข็งไม่ได้แล้ว มันสายเกินไป!”

“หลังจากถูกผนึก ข้าได้แต่โคจรปราณในกายเพื่อป้องกันตนจากการถูกแช่แข็งจนตายด้วยน้ำแข็งลี้ลับนี้ แม้ว่าข้าอยากจะควบคุมกระบี่ ข้าก็ไม่อาจกระทำได้ในสภาวะอันบอบบางร่อแร่แบบนี้ เจ้ารู้ไหมว่าข้าถูกผนึกไว้ที่นี่นานแค่ไหน”

กู่ลี่หนวนถอนหายใจ “สองร้อยปีเต็มๆ! ตลอดสองร้อยปีมานี้ ข้าถูกผนึกไว้ที่นี่ ข้ากระเสือกกระสนอย่างลำบากยากเข็ญที่จะรักษาชีวิตตนไว้จนบัดนี้!”

ฉินมู่เห็นอกเห็นใจในชะตากรรมของเขาแล้วกล่าวว่า “ถูกผนึกไว้ในน้ำแข็งตั้งสองร้อยปี ถ้าเป็นข้าคงเป็นบ้าไปแล้ว ผู้อาวุโสสุดยอดมากๆ ที่อดทนได้จนถึงบัดนี้”

กู่ลี่หนวนถอนหายใจอีกครา “โชคดีที่เจ้ามา ข้าจะใช้ปราณชีวิตที่หลงเหลืออยู่ของข้าส่งกระบี่ผู้พิทักษ์เยาว์ออกไปจากแท่งน้ำแข็งลี้ลับ สังหารแม่มังกรนั่นซะและปล่อยข้าให้เป็นอิสระ!”

ฉินมู่ผงกหัวรับคำ และกล่าวอย่างนอบน้อม “ผู้เยาว์จะทำอย่างสุดฝีมือ!”

กู่ลี่หนวนรวบรวมปราณชีวิตของเขา กระบี่อันแขวนไว้ที่เอวเขาเริ่มขยับ ทว่ามันขยับอย่างเชื่องช้ามากๆ สองชั่วโมงผ่านไป ปลายด้ามกระบี่ถึงเพิ่งโผล่ออกมาออกจากน้ำแข็ง

ผ่านไปสักระยะหนึ่ง ด้ามกระบี่ทั้งด้ามก็โผล่ออกมา แต่ทว่าฝักกระบี่ยังคงถูกแช่ในน้ำแข็ง

กู่ลี่หนวนดูเหมือนจะเหนื่อยอ่อนเป็นอย่างมาก เสียงของเขาแผ่วระโหย “ปราณชีวิตของข้าเกือบหมดแล้ว เร็วเข้า รีบสังหารแม่มังกร!”

ฉินมู่ผงกหัวรับ แล้วส่งเส้นด้ายปราณชีวิตอันหนาเท่าท่อนแขนของเขาออกไปดึงคว้าด้ามกระบี่ ด้วยเสียงครืด กระบี่ผู้พิทักษ์เยาว์ก็ถูกชักออกมาจากฝัก และเปล่งแสงจ้าบาดตา

ดวงตาของฉินมู่และฮู่หลิงเอ๋อเจ็บแปลบ เมื่อแสงกระบี่สาดส่องเสียดแทงตาของพวกเขา นานอยู่หลังจากนั้นดวงตาของพวกเขาถึงค่อยหายเจ็บ และสามารถมองเห็นได้อีกครา

“เจ้าทำอะไรของเจ้า”

กูลี่หนวนไม่รู้จะหัวเราะหรือร่ำไห้เมื่อเขาเห็นฉินมู่ใช้เส้นด้ายปราณชีวิตอันหนาใหญ่อย่างไม่น่าเชื่อ ม้วนพันกระบี่ผู้พิทักษ์เยาว์เพื่อไล่ฟันวิญญาณแม่มังกรอย่างเงอะงะ ทว่ามิอาจแตะต้องมันได้แม้แต่ปลายเกล็ด

“เจ้าทำอะไรเนี่ย ใครเขาคุมกระบี่บินแบบเจ้ากัน ใครสอนวิชาคุมกระบี่ให้เจ้า ใครสอนเพลงกระบี่เจ้า”

ฉินมู่หยุดมือ แล้วกล่าวตอบไปตามตรง “ข้าไม่รู้วิชาคุมกระบี่บิน และไม่รู้เพลงกระบี่ใด”

กู่ลี่หนวนโมโหจนเส้นเลือดในสมองแทบแตกตาย เขาถามอย่างหงุดหงิด “แล้วเจ้าแบกถุงกระบี่นั่นไปมาทำไม ถ้าเจ้าไม่รู้วิชาคุมกระบี่และเพลงกระบี่น่ะ”

ฉินมู่ตอบอย่างอายๆ “เพราะถุงกระบี่นี้หนักเป็นพิเศษ ข้าเลยแบกมันไปไหนมาไหนเพื่อใช้เป็นน้ำหนักถ่วงฝึกร่างกาย…”

กู่ลี่หนวนฟังแล้วแทบกระอักเลือด วิธีบังคับกระบี่ที่ทะเล่อทะล่าขนาดนี้ ทำเขาอยากกระโดดออกไปจากแท่งน้ำแข็งยิ่งกว่าสิ่งใด

“ก็ได้ งั้นข้าจะถ่ายทอดวิชาคุมกระบี่บินด้วยปราณให้เจ้า รวมทั้งเพลงกระบี่ด้วย”

เขาข่มระงับความโมโหแล้วกล่าวต่อ “เมื่อเจ้าเรียนมันแล้ว เจ้าก็จะสังหารแม่มังกรได้”

ฉินมู่ส่ายศีรษะ “ข้าไม่เรียน”

กู่ลี่หนวนโกรธจนโลดเต้น นี่ถ้าเขาไม่ได้ถูกผนึกไว้ในน้ำแข็งลึกลับ เขาคงกระโดดออกไปแล้วทุบตีไอ้เด็กเปรตนี่ให้ปางตาย

“ท่านยายบอกข้าว่า มีคนรอสอนเพลงกระบี่ที่ดีกว่านี้ให้ข้าอยู่ แต่หากข้าไปเรียนเพลงกระบี่ของผู้อื่นก่อน คนผู้นั้นก็จะไม่ยอมสอนข้า”

กู่หลี่หนวนข่มใจสงบอีกครั้ง ก่อนจะระเบิดหัวเราะ “ฮ่าๆ เพลงกระบี่ที่ดีกว่านี้? เจ้ารู้หรือไม่ว่าเพลงกระบี่อันดับหนึ่งในโลกคือเพลงกระบี่ของจักรวรรดิสันตินิรันดร์ ท่านราชครูได้รวบรวมเพลงกระบี่ทั้งหมดในโลกและเรียกตัวปรมาจารย์กระบี่ทั้งหมดในยุทธจักรมาร่วมกันขัดเกลาคิดค้นเพลงกระบี่แห่งจักรวรรดิสันตินิรันดร์ มันจะไม่เป็นสุดยอดเพลงกระบี่อันดับหนึ่งได้อย่างไรในเมื่ออาศัยมันสมองปัญญาของปรมาจารย์กระบี่ทั้งยุทธจักร มันจะไม่ก้าวล้ำเหนือเพลงกระบี่ที่คิดค้นโดยเจ้าสำนักของสำนักที่เรียกตนว่าสำนักกระบี่หรอกหรือ พวกสำนักกระบี่พรรค์นั้นก็ได้แต่ตามรอยเท้าของบรรพจารย์ และยึดติดงมงายกับหนทางเดิมๆ คิดไปเองว่าวิชากระบี่ตนสุดยอดในแดนดิน ไม่รู้ว่าจริงๆ แล้วล้าสมัยถูกทิ้งไว้แบบไม่ติดฝุ่น!”

ฉินมู่มองตะลึง เขารู้สึกว่าคำพูดของกู่ลี่หนวนก็ฟังดูมีเหตุมีผล และเขานึกข้อโต้แย้งไม่ออก

เพราะการปะทะกับสำนักแม่น้ำหลี่ เขาก็ไม่ค่อยชอบราชครูจักรวรรดิเท่าไหร่นัก แต่ถึงยังไงก็ต้องยอมรับในความโออ่าใจกว้างของราชครู

ความโอ่อ่าใจกว้างที่ไม่สนใจอคติและความแตกต่างระหว่างสำนัก ส่งเสริมให้ปรมาจารย์กระบี่จากทั่วทุกมุมโลกมาระดมสติปัญญาร่วมกันเพื่อสรรสร้างเพลงกระบี่ใหม่โดยสิ้นเชิง คนที่โอ่อ่าใจกว้างขนาดนี้ยากนักที่ใครจะไม่ประทับใจ

“ไม่เรียน” ฉินมู่ยังคงส่ายศีรษะ

กู่ลี่หนวนแทบอยากจะทลายน้ำแข็งด้วยมือตนเอง แล้วตีก้นฉินมู่ให้แตกเป็นแปดเสี่ยง หลังจากที่เขาเปลืองน้ำลายอธิบายขนาดนี้ ไอ้เด็กนี่มันยังไม่อยากเรียนอีก

หลังจากนั้นไม่นาน กูลี่หนวนจึงเผยยิ้มทันใด “ก็ได้ ก็ได้ ข้าไม่สอนเพลงกระบี่เจ้า แต่จะสอนวิชาคุมกระบี่บิน วิชาคุมกระบี่บินมิใช่เพลงกระบี่ ดังนั้นคงไม่ขัดขวางการเรียนเพลงกระบี่เจ้ากับคนผู้นั้น”

ฉินมู่หวั่นไหวขึ้นมาทันที และพยักหน้าอย่างเสียไม่ได้

“ดูเท่าเจ้าไม่ได้หัวรั้นดันตะแบงเหมือนลาโง่ และยังคงรู้ดีรู้ชั่วอยู่บ้าง วิชาคุมกระบี่บินนี้เรียกว่าเคล็ดลับหัวใจหนึ่งยาอมตะ ข้าจะสอนให้เจ้ารู้วิธีควบคุมกระบี่และมิได้สอนเพลงกระบี่”

กู่ลี่หนวนปลุกจิตวิญญาณขึงขังขึ้นมาทันทีและกล่าว “อะไรคือหัวใจหนึ่งยาอมตะ ยาอมตะนั้นผ่องพิสุทธิ์ประดุจหยก ยาวิญญาณเก้าเปลี่ยนแปลง หัวใจกระจ่างใสไร้ที่ติ ไร้ราคีปราศจากมลทิน วิชาคุมกระบี่บินนี้ต้องใช้หัวใจอันบริสุทธิ์และไร้เดียงสาเพื่อควบคุมกระบี่ เมื่อหัวใจขอเจ้าไปที่ใด กระบี่ของเจ้าต้องไปที่นั่น กระบี่ต้องไปตามใจสั่งมิเช่นนั้นจะมิได้ผลลัพธ์! ความง่อยเปลี้ยของวิชาคุมกระบี่บินในโลกนี้เกิดขึ้นจากการยึดติดกับขนบเดิมๆ! ขั้นแรกของการฝึกปรือหัวใจให้กลายเป็นยาอมตะ ใช้หัวใจแทนเพลิงไฟ ตันเถียนแทนเตาหลอม ใช้เพลิงหัวใจหล่อหลอมพลังชีวิตอันเที่ยงแท้ ด้วยเตาหลอมแทนดินอุดม และปลูกไฟต่างเมล็ดพันธุ์! ท้าทายเทพพระอาทิตย์ให้ผุดดวงตะวันสิบดวง ใช้เปลวเพลิงจากสิบตะวันแผดเผาโหมกระพือ…”

ฉินมู่รีบเงี่ยหู่จดจ่อฟัง วิชาคุมกระบี่ของเคล็ดลับหัวใจหนึ่งยาอมตะนั้นทั้งลึกซึ้งและเที่ยงธรรม หากว่าเขาเพียงแต่ได้ยินคำร่ายท่องเคล็ดวิชา โดยปราศจากผู้ชี้แนะความนัยอันลึกซึ้งของมัน เขาคงไม่รู้ว่าจะฝึกปรือเคล็ดลับนี้อย่างไร

กู่ลี่หนวนท่องเคล็ดวิชาของเคล็ดลับหัวใจหนึ่งยาอมตะซ้ำอีกหน แล้วจึงอธิบายรายละเอียดความลึกซึ้งของวิธีการฝึกปรือคำต่อคำ เมื่อเขารับฟัง หัวใจของฉินมู่ก็โลดเต้นไปมาราวกับลิงวิเศษที่อยู่ไม่สุขชอบแคะหูและเกาแก้มแกรกๆ

หลังจากนั้นไม่นาน กู่ลี่หนวนก็เสร็จสิ้นการอธิบายขยายความเคล็ดวิชาเป็นครั้งที่สอง “เจ้าไปฝึกปรือก่อนที่จะลองใช้เคล็ดลับนี้คุมกระบี่ หากว่าเจ้าหัวช้าก็คงต้องฝึกสักสิบวัน และถ้าหัวไวคงใช้เวลาสองวันก็สามารถใช้ปราณคุมกระบี่ผู้พิทักษ์เยาว์สังหารแม่มังกรได้! จิ้งจอกน้อยในเสื้อเจ้าก็พลอยได้ประโยชน์ไปด้วย ในเมื่อมันมีโอกาสร่ำเรียนสุดยอดวิชาคุมกระบี่อันดับหนึ่งในแดนดิน”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!