50. ปีศาจจิ้งจอกน้อย
ฉินมู่ซาบซึ้งตื้นตันเมื่อเขาประสานมือโค้งคารวะหัวแทบจรดพื้น “ขอบพระคุณผู้อาวุโสสำหรับการสอนสั่ง ผู้เยาว์จะจดจำบุญคุณนี้ใส่ใจ”
กู่ลี่หนวนแย้มยิ้ม “หากเจ้าอยากตอบแทนคุณข้า ก็รีบฝึกปรือเร็วเข้า แล้วสังหารแม่มังกรตัวนี้! ถ้าเจ้ามีข้อสงสัยอะไรในการฝึกวิชา มาถามข้าได้ทุกเมื่อ”
ฉินมู่โคจรเคล็ดลับหัวใจหนึ่งยาอมตะทันที เคล็ดลับหัวใจหนึ่งยาอมตะเรียกร้องให้ผู้ฝึกใช้จุดตันเถียนของตนแทนพื้นที่เพาะปลูก พรวนดินในตันเถียนแล้วเพาะแก่นกำเนิดไฟ เมื่อเรียกดวงอาทิตย์สิบดวงขึ้นในท้องฟ้าเหนือตันเถียนได้ พวกมันก็จะหล่อเลี้ยงเสริมสร้างแก่นกำเนิดไฟให้แข็งแกร่ง เปลี่ยนตันเถียนให้กลายเป็นเตาหลอมยาอันสถิตไว้ด้วยเพลิงไฟศักดิ์สิทธิ์ร้อนแรง!
เมื่อสำเร็จขั้นต้นนี้ ผู้ฝึกจึงจะถือว่าบรรลุขั้นพื้นฐานของหัวใจหนึ่งยาอมตะ
เมื่อสำเร็จขั้นต้น กระบี่จะแล่นไปตามใจคิดของผู้คุมกระบี่ ให้หัวใจรวมเป็นหนึ่งกับกระบี่
มันพูดง่ายและทำยาก การหล่อเลี้ยงแก่นกำเนิดไฟด้วยเพลิงศักดิ์สิทธิ์นั้นไม่ง่ายดายเลย และยิ่งการหลอมปรุงหัวใจให้เป็นยาอมตะก็ยิ่งยากไปใหญ่ ดังนั้นหัวใจหนึ่งยาอมตะจึงแบ่งออกเป็นการเปลี่ยนแปลงเก้าครั้ง ตราบเท่าที่ฉินมู่สามารถฝึกการเปลี่ยนแปลงครั้งแรกได้ ทักษะการคุมกระบี่บินของเขาก็จะรุดหน้าเหนือล้ำจากทักษะฝีมือเดิม และต้องสามารถไล่กวดวิญญาณแม่มังกรได้ทัน!
“หืม…ฐานพลังวัตรของเจ้าแน่นหนากล้าแข็งจริงๆ!”
กูลี่หนวนถึงกับตระหนกแตกตื่น ในช่วงเวลาอันสั้น ฉินมู่สามารถขุดพรวนตันเถียนของเขา และเพาะปลูกแก่นกำเนิดไฟลงไปในนั้น ดวงอาทิตย์สิบดวงก็ขึ้นมากลางท้องฟ้าของตันเถียน ส่งรัศมีเพลิงแรงกล้าเข้าไปหล่อเลี้ยงเสริมสร้างแก่นกำเนิดไฟ
นี่แสดงว่าฐานพลังวัตรของฉินมู่นั้นเข้มข้นมาก หากว่าเป็นผู้ฝึกยุทธธรรมดาทั่วไป คงยากลำบากกว่าที่พวกเขาจะเพาะปลุกแก่นกำเนิดไฟลงไปได้ อย่าว่าแต่จะเรียกดวงตะวันขึ้นมาสิบดวงเลย ก็ต่อเมื่อพวกเขากลืนกินยาวิญญาณและสมุนไพรวิเศษอย่างต่อเนื่องเท่านั้น พวกเขาจึงจะรักษาระดับพลังปราณชีวิตให้เพียงพอแก่การเพาะปลูกแก่นกำเนิดไฟให้เพียงพอได้
ฉินมู่กลับไม่จำเป็นต้องกลืนกินยาวิญญาณและสมุนไพรวิเศษ แต่ก็สามารถเพาะแก่นกำเนิดไฟเต็มไปทั้งตันเถียนเขาได้ในปราดเดียว ไม่เพียงแค่นั้นเขายังเหลือปราณชีวิตมากพอที่จะเปลี่ยนแปลงพวกมันให้กลายเป็นดวงตะวันสิบดวงที่แผดแสงส่องบนฟากฟ้าเหนือตันเถียน ผู้คนที่มีพลังวัตรเข้มข้นหนาแน่นขนาดนี้ แทบจะหาตัวจับไม่ได้ในหมู่ผู้ฝึกยุทธขั้นทารกวิญญาณ!
ด้วยความเร็วการฝึกปรือจนน่าขนลุกของเขา ไม่ต้องรอสิบวันหรือสองวันหรอก แค่วันเดียวเขาก็ต้องสำเร็จการเปลี่ยนแปลงครั้งแรกของหัวใจหนึ่งยาอมตะ สามารถสังหารแม่มังกร และปลดปล่อยข้าออกไปจากที่นี่!
สายตาของกู่ลี่หนวนหวั่นไหว ยอดอัจฉริยะอายุเยาว์ยากพบพานเยี่ยงนี้ ข้าไม่อยากสังหารเขาเลยจริงๆ
เขาลอบถอนใจด้วยความเสียดาย แต่ทว่า แดนโบราณวินาศเป็นดินแดนที่เทพเจ้าละทิ้ง แม้กระทั่งแมลงในดินแดนนี้ยังมีบาปติดตัว ประสาอะไรกับผู้คน อีกอย่างข้าหิวจนแทบตาย ตลอดห้าสิบปีมานี้ข้ายังไม่มีอะไรตกถึงท้องเลย…
ระยะเวลาที่ฉินมู่ใช้สำเร็จการเปลี่ยนแปลงครั้งแรกสั้นกว่าที่กู่ลี่หนวนคาดคะเนไว้ เวลานี้ยามราตรีได้ผ่านพ้นไปแล้ว ท้องฟ้าภายนอกแจ่มจ้าขึ้นทุกขณะ แสงอรุณรุ่งสาดส่องผ่านผิวแม่น้ำหย่ง ลงทาบทาวังมังกรใต้น้ำ
ฉินมู่ลุกขึ้นยืน ความคิดเขาบังเกิดขึ้นในจิต ทันใดนั้นปราณชีวิตเขาก็ม้วนพันรอบกระบี่ผู้พิทักษ์เยาว์ พามันพุ่งวาบแทงทะลุหมอกหนาเสียงหวีดหวือ บิ่งพุ่งไปมาด้วยความเร็วปานสายฟ้า!
ชี่ ชี่ ชี่
เสียงกระบี่ผู้พิทักษ์เยาว์จ้วงแทงฝ่าอากาศดังขึ้นมา เมื่อฉินมู่บังคับกระบี่ให้แทงไปข้างหน้าหนึ่งร้อยครั้ง ดูละลานตาไปหมด
แม้เขาจะไม่รู้เพลงกระบี่ใด การแทงกระบี่ธรรมดาของเขาก็ร้ายกาจน่ากลัวยิ่งกว่าเฉียนชิ่ว ศิษย์แม่น้ำหลี่ สำนักอันโด่งดังในฐานะสำนักกระบี่!
เคล็บลับหัวใจหนึ่งยาอมตะช่างโดดเด่นเหนือธรรมดา!
ฉินมู่โค้งกายคารวะกู่ลี่หนวนอย่างจริงใจอีกครั้ง เพื่อแสดงความขอบคุณ “ขอบคุณผู้อาวุโสที่ถ่ายทอดวิชาให้ ผู้เยาว์จะจดจำผู้อาวุโสไว้ตลอดชั่วชีวิต”
กู่ลี่หนวนหัวเราะร่า “เจ้าเองก็มีสุดยอดพรสวรรค์ ถึงกับสามารถเข้าใจอย่างถ่องแท้ และสำเร็จการเปลี่ยนแปลงครั้งแรกของหัวใจหนึ่งยาอมตะภายในระยะเวลาอันสั้น ทว่าจิ้งจอกที่อยู่ข้างๆ เจ้า ฝึกได้ไม่รวดเร็วเท่า แต่เร็วเข้า รีบคุมกระบี่บินไปสังหารแม่มังกรให้ข้า!”
กู่ลี่หนวนตื่นเต้นเกินจะห้ามใจ ด้วยเห็นเสรีภาพอยู่ใกล้แค่เอื้อม แม้แต่ผู้เยี่ยมยุทธเช่นเขาก็ยังต้องใจสั่นหวั่นไหว เนื่องจากกังวลกับการได้เสีย
เด็กคนนี้พรสวรรค์ล้ำเลิศ ซ้ำยังช่วยข้าให้หลุดไปได้ ข้าล่ะตัดใจฆ่าเขาไม่ค่อยจะลงเลย…
และในตอนนั้นเอง ฉินมู่ก็หันหลังกลับ แล้วเดินออกไป นำกระบี่ผู้พิทักษ์เยาว์ออกจากวังมังกร ร่างของเขากลืนหายไปกับหมอกหนา
กู่ลี่หนวนจ้องตาค้าง ไม่หายตกตะลึงกับสิ่งที่เกิดขึ้น จนฉินมู่นำกระบี่และฮู่หลิงเอ๋อออกจากวังมังกรโดยไม่มีอาการลังเลเลยแม้แต่น้อย
“เจ้ากลับมาเดี๋ยวนี้!”
กู่ลี่หนวนคำรามด้วยความโกรธเกรี้ยว “เจ้าผิดสัญญา เด็กชั่ว! ข้าถ่ายทอดวิชาให้เจ้าทั้งยังให้กระบี่แก่เจ้า ทำไมเจ้าไม่สังหารแม่มังกรให้ข้า”
นอกวังนั้น เสียงของฉินมู่ตอบกลับมาห่างไกลออกไปทุกที “ผู้อาวุโส แม่มังกรใช้ลูกแก้วมังกรสังหารผู้ฝึกยุทธนับไม่ถ้วนที่ล่วงล้ำเข้าไปในวังนี้จริง ๆ นั่นแหละ แต่ลูกแก้วมังกรเพียงแค่เปลี่ยนพวกเขาให้เป็นศพแห้งหนังติดกระดูก แต่ว่าในวังมังกรนี้ มีศพหลายศพที่มิได้ตายจากอิทธิฤทธิ์ของลูกแก้วมังกร พวกเขาไม่ได้เปลี่ยนเป็นมัมมี่ แต่กลายเป็นโครงกระดูกแทน”
กู่ลี่หนวนสะดุ้งขึ้นมา “เด็กชั่วช้าเจ้าสังเกตเห็นตั้งแต่เมื่อไหร่”
“ข้าสังเกตเห็นตั้งแต่วินาทีแรกที่ย่างเท้าเข้ามาในวังมังกร”
กู่ลี่หนวนขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน และย้อนถามอย่างเย็นชา “เจ้าอายุแค่สิบสองแน่หรือ เด็กอายุสิบสองที่ไหนถึงสังเกตเห็นอะไรมากมายขนาดนี้ ถึงกับเข้าใจปรุโปร่งถึงสิ่งที่เกิดขึ้น ถึงกับย้อนมาหลอกข้าโดยไม่กะพริบตาได้ ในเกมที่ข้าวางหมากเอาไว้”
“ผู้เยาว์จะครบสิบสองในฤดูใบไม้ร่วงที่จะมาถึง ตอนนี้ข้าแค่สิบเอ็ด…” เสียงของฉินมู่แผ่วเบาลง แผ่วเบาลง จนกระทั่งจางหายไป
เสียงด่าทอหยาบคายถูกผรุสวาทออกมาดังลั่นจากข้างในวังมังกร ลอยลมมาจนถึงหูฉินมู่และฮู่หลิงเอ๋อ
ฮู่หลิงเอ๋อโผล่หัวออกมาจากอกเสื้อแล้วถามอย่างฉงน “คุณชายมู่ ท่านรู้ได้อย่างไรว่าเขามีเจตนาร้าย”
ฉินมู่อธิบาย “เมื่อพวกเราเพิ่งเข้าไปถึง ยามที่ข้าใช้ไม้เท้าขักขระขับไล่หมอก เจ้าสังเกตเห็นโครงกระดูกหลายโครงที่ร่วงลงมาปะปนกับศพแห้งเหล่านั้นหรือไม่”
ฮู่หลิงเอ๋อพยักหน้า นางก็สังเกตเห็นโครงกระดูกที่ใส่ชุดขุนนางถูกบดกระแทกโดยซากศพแห้งที่หล่นลงมาทัน
“เสื้อผ้าของโครงกระดูกเหล่านั้นเป็นชุดนางราชสำนัก”
ฉินมู่กล่าวต่อ “กู่ลี่หนวนบอกว่าเขาพาศิษย์หลายคนเข้ามาแสวงประสบการณ์ในแดนโบราณวินาศ และพบพานวังมังกรใต้น้ำ ถ้าเหล่าศิษย์ของเขาถูกสังหารด้วยลูกแก้วมังกร แก่นชีวิตและโลหิตในร่างของพวกเขาก็ต้องสูบออกจนกลายเป็นมัมมี่ แต่นี่พวกเขากลับกลายเป็นโครงกระดูก ถ้าพวกเขาไม่ได้ถูกลูกแก้วมังกรสังหาร แล้วพวกเขาตายได้อย่างไร”
ฮู่หลิงเอ๋อกระจ่างแจ้งขึ้นมาทันที และตอบกลับ “กู่ลี่หนวนมีธงดำประหลาดพิกลในมืออีกข้างของเขา! ในระหว่างที่เขากำลังจะถูกผนึกโดยสมบูรณ์ เขาคงใช้ธงนั้นสังหารเหล่าศิษย์
เมื่อเขาถูกลูกแก้วมังกรผนึกไว้ในแท่งน้ำแข็งลี้ลับ และไม่อาจหลีกลี้ไปได้ เขาก็ตระหนักว่าคงจะติดอยู่ที่นี่ไปอีกนาน ในวงขุนนางข้าราชการ การขัดแย้งผลประโยชน์เกิดขึ้นตลอดเวลา แม้ว่าศิษย์เหล่านั้นจะเรียกว่าเป็นศิษย์ของเขา แต่ทั้งหมดล้วนเป็นขุนนางข้าราชการในจักรวรรดิสันตินิรันดร์ หาได้ผูกพันแน่นเหนียวแบบศิษย์และอาจารย์ไม่ ศิษย์เหล่านี้อาจจะไม่รายงานให้ราชสำนักรู้และมาช่วยเหลือเขาด้วยซ้ำ เพราะถึงอย่างไรเก้าอี้ครูสอนรัชทายาทที่ว่างเว้นก็หอมหวนยวนใจกับพวกเขาทุกคน”
ฉินมู่พยักหน้า “ในเมื่อราชสำนักอาจจะไม่มาช่วยเหลือเขา เขามีแค่สองทางเลือกคือยอมปลง หรือสูบกลืนแก่นชีวิตและโลหิตของศิษย์ทั้งหมดของเขา เพื่อต่อชีวิตยืดอายุเขาให้พ้นจากความหิวโหย จากการที่ถูกผนึกไว้ไปไหนไม่ได้เป็นเวลาเนิ่นนาน แต่ว่าวิธีการของเขาแตกต่างจากจากลูกแก้วมังกรของแม่มังกร ยิ่งชั่วร้ายประหลาดกว่าเพราะถึงกับสูบเอาเนื้อหนังของสานุศิษย์เข้าไปด้วย ทำให้คนเหล่านั้นเหลือแต่โครงกระดูก ทีนี้เจ้าจำได้ไหมว่า ตอนแรกที่พวกเราเข้ามาในวังไม้เท้าขักขระของข้าก็สั่นกรุ๊งกริ๊งไม่หยุด”
ฮู่หลิงเอ๋อจำได้ เป็นตอนที่นางเกาะขากางเกงฉินมู่แน่นและตัวสั่นงันงกด้วยความหวาดผวา ฉินมู่ยังบอกนางให้ยกหางออกไปจากไม้เท้า
“ตอนแรกข้าคิดว่าเป็นจิตร้ายของมัมมี่พวกนั้นที่ทำให้ไม้เท้าขักขระสั่นไหว จนมันสั่นกรุ๊งกริ๊งไม่มีพัก แต่ทว่าศพแห้งเหี่ยวเหล่านั้นไม่มีความคิดจิตใจ ดังนั้นข้าเลยสงสัยว่าอาจจะเป็นจิตร้ายไม่บริสุทธิ์ของวิญญาณแม่มังกร ดังนั้นมันจึงแปลกที่เมื่อข้าเข้าไปใกล้กู่ลี่หนวน ไม้เท้าพระก็หยุดสั่นไหวไป ดังนั้นจิตร้ายนี้ย่อมไม่ใช่ของวิญญาณแม่มังกร แต่เป็นของกู่ลี่หนวน”
ฉินมู่กล่าวต่อ “เหตุที่ว่าไม้เท้าขักขระหยุดสั่นไหว ก็เพราะกูลี่หนวนไม่มีจิตร้ายอีกต่อไป ในเมื่อเรามีไม้เท้าปกป้อง เขาจึงละวางความคิดที่จะกินพวกเรา และหมายใจเพียงแค่ให้พวกเราปลดปล่อยเขา!”
ฮู่หลิงเอ๋ออ้าปากค้าง ผ่านไปพักหนึ่งนางถึงถามตะกุกตะกัก “คะ…คุณชาย ทะ…ท่านอายุแค่สิบสองจริงน่ะหรือ”
“ข้าจะครบสิบสองฤดูใบไม้ร่วงนี้” ฉินมู่ยิ้มยิงฟันสีหน้าซื่อ
“ท่านต้องเป็นปีศาจจิ้งจอกเช่นกันใช่ไหม”
ฮู่หลิงเอ๋อตื่นเต้นทันใด “ท่านต้องเป็นจิ้งจอกหนุ่มที่กลายเป็นเซียนปีศาจ จิ้งจอกพวกที่ฉลาดเจ้าเล่ห์เป็นพิเศษ!”
ฉินมู่พึมพำบ่น “เจ้าไม่รู้หรอกว่าข้าใช้ชีวิตวัยเด็กอย่างไร! ตั้งแต่เล็กๆ ข้าโดนทั้งหญิงแก่ชายเฒ่าหลอกต้มตุ๋นทั้งซ้ายทั้งขวา ก่อนที่ข้าจะมาออกล่านี้ ข้ายังโดนท่านยายหลอกให้ไปหยิบไข่ไก่จากในเล้า และในเล้านั่นมีแม่ไก่มังกรที่ร้ายกาจจนข้าเอาชนะไม่ได้! หลังจากถูกไล่จิกตีจนยับเยินไม่ว่าข้าจะวิ่งหนีไปทางไหน ท่านยายก็ฉวยโอกาสนั้นลอบเข้าไปในเล้าและคว้าไข่ไก่ออกมา!”
ไม่นานนัก พวกเขาก็ข้ามบ่อน้ำอย่างปลอดภัย และเดินออกมาจากวิหารมังกร
ฮู่หลิงเอ๋อเรียกลมปีศาจด้วยคาถาของนาง นางและฉินมู่เดินทางไปด้วยลมนั้นกลับมายังกระท่อมหญ้าฟางหน้าน้ำตก ฉินมู่ร้อนใจอยากจะกลับหมู่บ้าน เขาจึงบอกลาฮู่หลิงเอ๋อ ซึ่งแย้มยิ้มแล้วกล่าวว่า “ทำไมท่านจะรีบกลับไปล่ะ ในเมื่อตัวของท่านทั้งสกปรกทั้งเหม็นขนาดนี้ มีสระน้ำอยู่ใกล้ๆ น้ำตกของข้า ที่คุณชายไปอาบน้ำได้ก่อน ข้าจะซักเสื้อผ้าให้ท่านแล้วตากให้แห้ง ไม่ดีกว่าหรือที่จะใส่เสื้อผ้าสะอาดๆ นอกจากนั้นข้ายังมีข้อสงสัยเกี่ยวกับการฝึกวิชาที่อยากจะปรึกษาด้วย”
ฉินมู่ลังเลอยู่ครู่หนึ่งและกำลังอ้าปากจะตอบนาง แต่ทันใดนั้นเสียงหัวเราะเย็นเยียบของท่านยายซีก็ดังมาจากในกระท่อมฟาง “เฮอะๆ อาบน้ำ? ฝึกวิชา? วิชาที่ว่าเนี่ยคือการดูดหยินมาเติมหยาง หรือดูดหยางมาเติมหยินล่ะ?”
“ท่านยาย?”
ฉินมู่ตกตะลึง ประหลาดใจ “ทำไมท่านถึงอยู่ที่นี่เนี่ย”