ตอนที่ 120 การประเมินของปรมาจารย์
ฉินมู่งงงัน “ปรมาจารย์ไม่ได้มีความคิดเช่นนี้หรอกหรือ”
ปรมาจารย์เยาว์ตกอยู่ในความเงียบครู่หนึ่ง ก่อนจะถอนหายใจ “ใช่ ข้ามี เก็บหัวเจ้าไว้บนบ่าก่อนก็แล้วกัน พูดต่อซิ”
ฉินมู่กล่าวต่อ “ข้าพบว่าวิถีทางของราชครูสันตินิรันดร์นั้นดูจะสอดคล้องกับคําสอนของลัทธิศักดิ์สิทธิ์เรา นั่นคือหนทางแห่งนักบุญ คือการยังประโยชน์แก่ชีวิตประจําวันของคนทั่วไป หากว่าลัทธิศักดิ์สิทธิเราแอบอิงอยู่กับสันตินิรันดร์ พวกเราก็จะไม่เสื่อมถอยเหมือนกับสํานักอื่นๆ และกลับกลายเป็นแผ่ขยายใหญ่โตและแข็งแกร่งขึ้น นี่คือประเด็นแรก”
เขาเว้นจังหวะครู่หนึ่งจึงกล่าวต่อ “โรงเรียนประถมฐาน วิทยาลัย มหาวิทยาลัยจักรวรรดิของราชครูสันตินิรันดร์มีจุดอ่อนใหญ่หลวงประการหนึ่ง จุดอ่อนนี้อาจจะยังไม่เผยออกมาในระยะเวลาอันสั้นแต่หลังจากนี้ไปอีกสองสามร้อยปี ผลของมันก็จะปรากฏอย่างเด่นชัด”
ปรมาจารย์เยาว์เผยสีหน้าสงสัยใจแล้วถาม “จุดอ่อนอะไรอย่างนั้นหรือ”
ฉินมู่ถามกลับ “ข้าขอบังอาจถามปรมาจารย์ มีบัณฑิตกี่คนในมหาวิทยาลัยจักรวรรดิที่มาจากครอบครัวยากจน”
ปรมาจารย์เยาว์เผยอมยิ้มนกรู้ที่แสดงถึงความสําเหนียกว่า ฉินมู่กําลังจะชี้โยงถึงอะไร เขากล่าวตอบ “10%”
ฉินมู่ถามต่อ “ตลอดหลายปีมานี้ มีกี่เปอร์เซ็นต์ของขุนนาง ข้าราชการรุ่นใหม่ที่มาจากมหาวิทยาลัยจักรวรรดิ”
ปรมาจารย์เยาว์กล่าวตอบ “72 เปอร์เซ็นต์มาจากมหาวิทยาลัยจักรวรรดิ ส่วนที่เหลือมาจากสํานักใหญ่ต่างๆ และมีบางส่วนที่ไต่เต้าขึ้นมาเป็นลําดับ”
“จากการประมาณการณ์ของข้า สองร้อยปีให้หลัง ขุนนางทั้งหมดในโลกหล้าจะมาจากมหาวิทยาลัยจักรวรรดิทั้งสิ้นและจะไม่มีนักเรียนที่มาจากครอบครัวยากจนหลงเหลืออยู่ในมหาวิทยาลัย!”
ฉินมู่เห็นทุ่นเบ็ดของเขาจมดุบๆ ลงไปในนํ้า แต่ไม่รีบร้อนที่จะชักเบ็ดขึ้นมา เขารออยู่พักหนึ่ง “สองร้อยปีให้หลัง นักเรียนจากครอบครัวยากจนก็จะยังข้นแค้นไปตลอดชีวิต และเด็กจากตระกูลรํ่ารวยก็จะรวยอู้ฟู่ไปทั้งชาติ ความเคียดแค้นของผู้คนจะสั่งสมทุกวันทุกคืน ซึ่งก็จะระเบิดออกมาเป็นแน่ ตระกูลมั่งคั่งทรงอิทธิพลก็จะใช้โอกาสนี้ในการก่อกบฏและล้มล้างราชสํานัก และนั่นก็จะเป็นเวลาที่ลัทธิศักดิ์สิทธิ์เราจะได้ปกครองโลก ด้วยอิทธิพลอํานาจอันมหาศาลของพวกเรา จะไม่มีใครเป็นคู่ต่อสู้ได้ และไม่มีผู้ใด ต้านทาน”
เขายกเบ็ดขึ้นและปลายักษ์ถูกเกี่ยวปาก แต่ว่าปลาตัวนี้แข็งแกร่งเกินไป สายเบ็ดจึงขาดผึง ปลายักษ์พลิกตัวกลับลงไปในนํ้าแล้วหายวับไปไร้ร่องรอย
ปรมาจารย์เยาว์หัวเราะอย่างเย็นชา “เจ้าอยากก่อกบฏและทําให้ลัทธิศักดิ์สิทธิ์เราด่างพร้อย ตัดหัวเจ้า!”
ฉินมู่นิ่งไปพัก จากนั้นกล่าว “ปรมาจารย์ หยุดล้อข้าเล่นเถอะ”
ปรมาจารย์เยาว์ก็นิ่งงันไปเช่นกัน เขาก็ตกปลาติดเบ็ดมาได้หนึ่งตัว แต่เป็นปลาตัวเล็ก ขณะที่ยกสายเบ็ดขึ้น เขาก็กล่าวต่อ “ก็ได้ๆ ไม่พูดเล่นแล้วก็ได้ เอาล่ะในสองร้อยปีให้หลังเมื่อเจ้าเปลี่ยนลัทธิศักดิ์สิทธิ์เราให้กลายเป็นจักรวรรดิสันตินิรันดร์แห่งที่สองแล้ว อะไรจะเกิดขึ้น เมื่อการต่อสู้ครั้งใหญ่กวาดล้างสันตินิรันดร์และตระกูลมากอิทธิพลเหล่านั้นจนหมดจดในสองร้อยปีให้หลังมันก็จะมีตระกูลมากอิทธิพลตระกูลใหม่ที่ผุดขึ้นมาล้มล้างลัทธิศักดิ์สิทธิ์เรา แล้วเจ้าจะแก้อย่างไร”
ฉินมู่อึ้งไป และส่ายหน้า “ข้าไม่ได้คิดไปไกลถึงเรื่องหลังจากสองร้อยปีให้หลัง ปรมาจารย์โปรดไขกระจ่างให้ข้าด้วย”
ปรมาจารย์เยาว์หักกิ่งหลิวออกมา แล้วเสียบปลาที่จับได้จากหัวไปหาง จากนั้นเขาจึงลุกขึ้นยืน “แม้แต่ข้าก็ไม่อาจหยั่งรู้อย่างถ่องแท้ได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น จ้าวลัทธิน้อย ในเมื่อเจ้ามีวิสัยทัศน์ยาวไกลถึงสองร้อยปีให้หลัง เจ้าก็ถือว่ามีคุณสมบัติสําหรับการเป็นจ้าวลัทธิแล้ว เจ้าผ่านการทดสอบของข้า กระบวนความคิดของข้านั้นแตกต่างจากเจ้า สิ่งที่ข้าคิดคํานึงนั้นคือคําสอนของลัทธิศักดิ์สิทธิ์เรา”
ฉินมู่ใจวูบไหวและมองไปยังผู้เฒ่าหน้าเด็ก
ปรมาจารย์เยาว์กล่าวอย่างไม่รีบร้อน “เต๋าแห่งนักบุญมิใช่ใดอื่นนอกจากการยังประโยชน์แก่ชีวิตประจําวันของคนทั่วไป ผู้ใดที่กระทําผิดจากนี้ถือว่านอกรีต! กระทําอย่างตรงไปตรงมา เป็นอิสระ
จากธรรมชาติ นั่นคือความหมายของเต๋า เมื่อราชครูสันตินิรันดร์ผงาดขึ้นอย่างปัจจุบันทันด่วน ข้ารู้สึกถึงความทะเยอทะยานอันยิ่งใหญ่ของเขา เมื่อเขาถามเต๋าจากข้า ข้าได้ยกประโยคนี้จากคัมภีร์มารฟ้ามหาศึกษิตบอกแก่เขา สิ่งที่เขากระทําอยู่ในขณะนี้คือแก่นแท้ของประโยคดังกล่าว”
จิตและใจฉินมู่สั่นสะท้านอย่างรุนแรง เขาโค้งคารวะด้วยความเคารพนับถือ “ปรมาจารย์ทรงภูมิปัญญา และสําเร็จนักบุญเรียบร้อยแล้ว ความตั้งใจของท่านคือการสร้างอิทธิพลอํานาจอันมองไม่เห็นและไม่อาจรับรู้ได้ ท่านหวังจะเปลี่ยนจักรวรรดิสันตินิรันดร์ให้กลายเป็นลัทธิศักดิ์สิทธิ์เรา หากว่าจักรวรรดิสันตินิรันดร์สามารถสําเร็จเต๋าแห่งนักบุญ จักรวรรดิสันตินิรันดร์ก็จะกลายเป็นลัทธินักบุญสวรรค์!”
ปรมาจารย์เยาว์ส่ายหน้า “จักรวรรดิสันตินิรันดร์และราชครูมิอาจสําเร็จเต๋าแห่งนักบุญ ข้าก็ไม่ได้เช่นกัน ดังที่เจ้ากล่าว อํานาจ และทรัพยากรจะถูกยึดกุมไว้ในมือของตระกุลใหญ่มากอิทธิ ภายในสองร้อยปีให้หลัง คนจนก็จะยิ่งจนยาก และคนรวยก็จะยิ่งมั่งคั่ง นี่ไม่ใช่เต๋าแห่งนักบุญของลัทธินักบุญสวรรค์เรา ข้าต้องการจะผลักดันและแผ่อิทธิพลความคิดไปยังราชครูและจักรวรรดิสันตินิรันดร์แต่ดูท่าข้าได้ล้มเหลวไปเสียแล้ว ข้านั้นชราภาพ ความรับผิดชอบนี้ต้องส่งต่อให้แก่เจ้า สิ่งที่ข้าพอจะทําได้ก็มีเพียงแต่ช่วยเจ้าบริหารจัดการลัทธิไปอีกสามสี่ปี”
เขาถือปลาไว้ในมือ และแบกเสาไม้ไว้ข้างหลัง ฉินมู่ตามเขาไป และพบว่าผู้เฒ่าผู้นี้หาแอ่งใจกลางสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ในดวงใจของประชาราษฎรแห่งสันตินิรันดร์แห่งนี้ เพื่อวางหม้อใบหนึ่ง เติมนํ้า และจุดไฟ เขาขอดเกล็ดควักไส้ปลาออก จากนั้นโยนมันเข้าไปต้มในหม้อ
มองดูนํ้าในหม้อ ปรมาจารย์เยาว์นําเครื่องเทศเครื่องปรุงจํานวนหนึ่งออกมาแล้วเหยาะลงไปในหม้อ “ไม่กี่เดือนข้างหน้า ข้าจะเกษียณตนเองออกจากตําแหน่งอธิการบดี ข้านั้นชรามากแล้ว และอยากจะใช้เวลาช่วงสุดท้ายในชีวิตเพื่อท่องเที่ยวไปตามที่ต่างๆ ยังมีสถานที่อีกมากมายในโลกนี้ที่ข้ายังไม่ได้ไปสํารวจ ดังนั้นลัทธิศักดิ์สิทธิ์ก็จะตกในการดูแลของเจ้า หลังจากที่ข้าเกษียณแล้ว ก็จะจัดพิธีขึ้นครองลัทธิให้เจ้าและเข้าไปเป็นประจักษ์พยานการขึ้นครองลัทธิศักดิ์สิทธิ์ของเจ้าด้วยสายตาตนเอง”
ฉินมู่กังวลเล็กน้อยและถาม “วรยุทธ์ของข้าเพิ่งอยู่ขั้นห้าธาตุ จะให้ข้าขึ้นครองลัทธิศักดิ์สิทธิ์โดยทันที จะไม่เร็วไปหน่อยหรือ และจะโน้มน้าวผู้คนในลัทธิได้ไหม”
ปรมาจารย์เยาว์กวักมือให้เขานั่งลง ฉินมู่ย่อตัวลงนั่งขัดสมาธิ หน้าหม้อและสูดกลิ่นหอมหวลของซุปปลา
ปรมาจารย์เยาว์กล่าวตอบ “อันที่จริงแล้วลัทธิศักดิ์สิทธิค่อนข้างกระจัดกระจาย หัวหน้าโถงทั้ง 360 โถงอยู่ตามสถานที่ต่างๆ ทั่วแดนดินและสาวกของลัทธิเราก็มีอยู่ทั่วสันตินิรันดร์ แม้แต่เหล่าผู้อาวุโสและบรรดาราชาสวรรค์ก็ยากที่จะมารวมตัวกัน เจ้าสามารถขึ้นเป็นจ้าวลัทธิแล้วก็วางมือไม่ต้องทําอะไรมากมาย หากว่านั่นยังเกิดปัญหาขึ้นมา ข้าก็ยังมีชีวิตอยู่ไม่ใช่หรือ ตราบใดที่ข้ายังมีชีวิตอยู่ ก็จะไม่มีใครกล้าแตะต้องเจ้า แม้แต่ราชครูก็ตาม”
ฉินมู่ฉุกใจและลองถามดู “ราชครูสันตินิรันดร์ก็คงจะพยายามควบคุมลัทธิศักดิ์สิทธิ์ใช่หรือไม่”
“แน่ล่ะว่าเขาอยาก แต่ว่าเจ้าจะทําให้เขาคลายใจ” ปรมาจารย์เยาว์ชิมซุปปลาและพบว่าความร้อนยังไม่ถึง จึงเติมฟืนเข้าไปอีก “เจ้าพึงรู้ว่าเจ้านั้นยังเยาว์อยู่มากและมีวรยุทธ์ตํ่า เขาจะไม่เห็นเจ้าอยู่ในสายตา แล้วคิดว่าจะสามารถควบคุมเจ้าได้ หากว่าเขาทําเต๋าแห่งนักบุญสําเร็จ ก็ไม่เสียหายอะไรถ้าจะปล่อยให้เขา ควบคุมเจ้าและควบคุมลัทธิศักดิ์สิทธิ์ แต่ถ้าเขาทําไม่ได้ เจ้าก็แค่จะต้องเปลี่ยนตัวเขาออกแล้วขึ้นไปแทน”
ราวกับว่าเขากําลังกล่าวถึงเรื่องราวอันไม่สลักสําคัญ ทั้งที่สิ่งที่ออกมาจากปากมันคือเรื่องใหญ่หลวงอันเกี่ยวพันกับการล้มล้าง เปลี่ยนผ่านราชวงศ์
ฉินมู่ชิมซุปปลาและรู้สึกว่ามันช่างเอร็ดอร่อยสดใหม่ เขาจึงอุทานด้วยความชื่นชมอย่างหยุดไม่ได้
ทันใดนั้นเขาก็นึกขึ้นมาได้ และถามทันที “ปรมาจารย์ ในคัมภีร์มารฟ้ามหาศึกษิตมีวิชาที่หายไปหรือเปล่า หลังจากข้าศึกษามันมาพักใหญ่ๆ ข้ากลับไม่พบวิชาที่สามารถร้อยรัดหลอมรวมทุกทักษะวิชาในคัมภีร์มารฟ้ามหาศึกษิตได้”
ปรมาจารย์เยาว์ยื่นมือออกไปข้างหน้า คว้าไปในอากาศเอา 2 ถ้วยกับ 1 ทัพพีออกมาจากใดอันฉินมู่ไม่อาจรู้ได้ ฉินมู่รับทัพพีมาและใช้มันตักนํ้าซุป
เมื่อครู่ที่ปรมาจารย์เยาว์คว้าจับในอากาศ เวทมนตร์ชนิดนี้มีบันทึกไว้ในคัมภีร์มารฟ้ามหาศึกษิต มันเรียกว่าเวทมนตร์ห้าผีย้ายของ สามารถขโมยสิ่งของจากระยะไกลโดยไม่มีใครรู้เห็น
“วิชาร้อยรัดของคัมภีร์มารฟ้ามหาศึกษิตจะถ่ายทอดให้แก่จ้าวลัทธิเท่านั้นและถูกถ่ายทอดจากจ้าวลัทธิรุ่นหนึ่งไปยังอีกรุ่นหนึ่ง”
ปรมาจารย์เยาว์ดื่มซุปปลาเข้าไปอึกใหญ่ ก่อนจะถอนหายใจ “ทุกเนื้อหานิพนธ์ในคัมภีร์มหาศึกษิตสามารถเผยแพร่ออกไปได้ เว้นก็แต่วิชาร้อยรัดที่มีแต่จ้าวลัทธิเท่านั้นสามารถฝึกปรือได้ เมื่อเจ้ากลายเป็นจ้าวลัทธิศักดิ์สิทธิ์ หลี่เทียนซิ่งก็จะถ่ายทอดมันให้แก่เจ้า”
ฉินมู่จ้องตาค้าง ไม่ใช่ว่าจ้าวลัทธิหลี่เทียนซิ่งตายไปแล้วหรอกหรือ จากวิธีพูดของปรมาจารย์เยาว์ หลี่เทียนซิ่งดูเหมือนว่าจะยังมีชีวิตอยู่
ดื่มซุปปลาเข้าไปหลายต่อหลายอึก ฉินมู่ก็พบว่ามันอร่อยขึ้นมากทุกที จึงกล่าวถาม “ปรมาจารย์ ปลานี่มันปลาอะไรหรือ”
ปรมาจารย์เยาว์กล่าวตอบ “ปราณเก้ามังกรมาบรรจบรวมกัน ที่นี่กลั่นเป็นนํ้าในทะเลสาบ ปลาเหล่านี้ดูดซับปราณมังกร ดังนั้นพวกมันจึงเรียกว่าปลาคารปเก้ามังกร ปลาชนิดนี้มีร่างกายที่เต็มไปด้วยกระดูกแข็งเนื้อน้อย ดังนั้นมันจึงเหมาะใช้ต้มเคี่ยวเท่านั้นและนํ้าซุปที่เคี่ยวออกมาได้ก็จะอร่อยเลิศรสเป็นพิเศษ”
ฉินมู่ดูครุ่นคิด “ปรมาจารย์มีนัยหมายว่าให้ข้ากลายเป็นปลาคารปเก้ามังกรที่เต็มไปด้วยกระดูกแข็ง”
ปรมาจารย์เยาว์จ้องเขาทีนึง “เจ้าจะคิดเยอะไปไหม เป็นมนุษย์ไม่ดีตรงไหน ถึงริอยากจะเป็นปลา เจ้าอยากโดนเอาไปเคี่ยวทําซุปหรือ ข้าก็แค่อยากกินซุปปลา นั่นแหละสาเหตุที่ข้าพาเจ้ามาที่นี่”
ฉินมู่รู้สึกขายหน้า ดูท่าเฒ่าผู้นี้คงโหยอยากกินซุปปลาจริง ทั้งคู่นั่งลงและละเลียดซุปในชามของตน เอร็ดอรอ่ยยิ่งนัก
ฉินมู่หยิบก้างปลาออกมาหนึ่งชิ้นแล้ววาดภาพบนพื้น เขาวาดแผนภาพโคจรปราณขั้นหกทิศของวิชากายาจ้าวแดนดินสามอมตะแล้วถาม “ปรมาจารย์ ข้าเห็นแผนภาพโคจรปราณนี้ในโถงหยางเขียวคราม แต่ทว่ากลับไม่มีแผนภาพสําหรับวรยุทธ์ขั้นก่อนหน้า ไม่ทราบว่าปรมาจารย์เคยเห็นแผนภาพของวรยุทธ์ขั้นก่อนหน้าหรือไม่”
ปรมาจารย์เยาว์มองมันอย่างถี่ถ้วนและตกตะลึง “เจ้าจะเอาแผนภาพโคจรปราณนี้ไปทําอะไร เจ้ารู้จักวิชานี้เรอะ”
ฉินมู่พยักหน้าแล้วกล่าว “นี่คือแผนภาพโคจรปราณขั้นหกทิศของวิชากายาจ้าวแดนดินสามอมตะ”
ปรมาจารย์เยาว์มีสีหน้าแปลกประหลาด “ขนาดข้ายังไม่รู้เลยว่านี่เรียกว่าวิชากายาจ้าวแดนดินสามอมตะ ใครบอกเจ้ากันล่ะ”
“ผู้ใหญ่บ้านบอก”
ปรมาจารย์เยาว์อึ้งไปครู่ ก่อนถอนหายใจอย่างละห้อย “เฒ่าผู้นี้ก็ยังชาญฉลาดกว่าข้า ข้าไม่รู้จักวิชานี้และไม่รู้นามของมันแต่ เขากลับรู้ นับว่าหัวเฉียบแหลมกว่า ที่แท้วิชานี้ก็เรียกว่ากายาจ้าวแดนดินสามอมตะ เฒ่านั่นช่างเปี่ยมไปด้วยประสบการณ์และความรู้ สําหรับที่มา ข้าเห็นแผนภาพโคจรปราณในซาก โบราณสถานแห่งหนึ่ง นอกจากภาพนี้ มันยังมีภาพขาดแหว่งที่ไม่ครบถ้วนอีกสองสามภาพ ข้าเห็นความมหัศจรรย์ยุบยับอันแฝงอยู่ในแผนภาพโคจรปราณซึ่งเหนือลํ้าเกินธรรมดา ดังนั้นข้าจึงจดจํามันมาแล้วสลักเอาไว้ในโถงหยางเขียวคราม วิชาที่อยู่ในโถงหยางเขียวครามล้วนแต่เป็นแผนภาพที่ไม่สมบูรณ์ และนี่ก็เป็นหนึ่งในแผนภาพที่ไม่สมบูรณ์เหล่านั้น”
เขาเว้นไปครู่หนึ่งแล้วถาม “เจ้าฝึกวิชานี้อยู่รึ”
ฉินมู่พยักหน้า “ข้าฝึกวิชากายาจ้าวแดนดินสามอมตะตั้งแต่ข้ายังเล็กๆ”
ปรมาจารย์เยาว์ลังเลครู่หนึ่ง “ตามศักดิ์ฐานะแล้ว เจ้าควรฝึกวิชาร้อยรัดคัมภีร์มารฟ้ามหาศึกษิตของลัทธิเรา แต่ว่ามันคงมีเหตุผลสักอย่างที่เฒ่าผู้นั้นในหมู่บ้านของเจ้าให้เจ้าฝึกวิชากายาจ้าวแดนดินสามอมตะนี้ ด้วยปัญญาความรู้อันลึกลํ้าของเขา เขากลับไม่สอนวิชาฝึกปรือของตนเอง แต่กลับสอนวิชากายาจ้าวแดนดินสามอมตะ นี่หมายความว่ามันต้องดีกว่าวิชาของเขาเป็นแน่ วิชาที่ยอดเยี่ยมมักจะมีลักษณะร่วมกันหลายอย่าง ทําไมเจ้าไม่ลองฝึกสองวิชาควบคู่กันล่ะ มันอาจจะช่วยเสริมส่งวรยุทธ์ของเจ้าก็ได้นะ”
ฉินมู่เข้าใจแล้วกล่าวตอบ “ข้ายังหาแผนภาพโคจรปราณสําหรับวรยุทธ์ขั้นก่อนหน้าในวิชาการยาจ้าวแดนดินสามอมตะไม่พบ โดยปราศจากวิชาสําหรับขั้นห้าธาตุ ข้าไม่อาจฝึกปรือต่อไปได้”