Skip to content

Tales of Herding Gods 128

ตอนที่ 128 รอยเมฆและเงานกกระจอก

ฉินมู่หัวเราะร่า ร่างของเขาสั่นสะเทือนส่งฮู่หลิงเอ๋อกระดอนออกจากตัว เขาพลันย่อเข่าลงและกระโจนขึ้นไปบนอากาศชูมือขึ้นสู่ท้องฟ้า ประจันกับพุทธองค์มหึมาที่ขี่ช้างสารมังกรขนด!

ฟ้าคํารามแปดจู่โจม กระบวนท่าที่ 6 สายฟ้าฟาดรอบหมื่นพุทธ!

ตู้ม!

เสียงสายฟ้าฟาดพลันกัมปนาทขึ้นมากลางอากาศ ท่ามกลางการปะทะกันของร่างหนึ่งที่ทะยานขึ้นและอีกร่างที่พุ่งตัวลงมา

แววตาฉินมู่ฉายแววบ้าคลั่ง เขาเงยมองร่างที่พุ่งปักลงมาใส่เขา และเมื่ออวิ๋นฉื้อร่วงลงมาสู่พื้นนั่นเอง เสียงฟ้ากัมปนาทก็กึกก้องในหูเขาพร้อมๆ กับที่เห็นหมัดฉินมู่พุ่งเข้ามา แต่ละหมัดทะลวงไปข้างหน้าพร้อมกับเสียงฟ้าคํารามอันกระชากจิตคว้าวิญญาณผู้คน

ตง ตง ตง!

ย่างเท้าของฉินมู่หนักหน่วงราวกับช้างสารตัวมหึมาเหยียบยํ่าไปบนพื้น กล้ามเนื้อทุกมัดของเขาสั่นระริก รีดเค้นพลังจากทุกมัดกล้ามออกมาเต็มพิกัด

เมื่อกําปั้นของพวกเขาปะทะกัน สีหน้าของอวิ๋นฉื้อก็แปรเปลี่ยน เขารู้สึกว่าปราณชีวิตของอีกฝ่ายล้นหลามไร้คณา และทําลายล้างพลังจากปราณชีวิตเขาโดยสิ้นเชิง

เขารีบเปลี่ยนท่าเท้า และถอยกลับไประหว่างที่พยายามป้องกันจากพละกําลังอันดุเดือดของเพลงหมัดฉินมู่ เขาพบว่าไม่ว่าจะเป็นกลวิธีใด รวมทั้งกระบวนท่าพิสดารมหัศจรรย์ทั้งหลายของเขาไม่สามารถช่วงใช้ออกมาได้ และได้แต่ใช้หมัดต่อหมัดป้องกันตัวอยู่ถ่ายเดียว

เขาไม่มีเวลาและจังหวะที่จะร่ายกระบวนท่าและเวทมนตร์ “มุทราบัลลังก์บัว กายาปทุมาวิเศษ! มุทราคนโทวิเศษ!” อวิ๋นฉื้อกู่ตะโกน พลันแสงทองเปล่งจ้ารอบๆ กายเขา ด้วยผนึกมือที่เขาส่งออกไป บัลลังก์บัวก็ปรากฎใต้เท้าเขา และมีอักขระสันสกฤตล่องลอยวนเวียนรอบกายอย่างไม่หยุดยั้ง อักขระเหล่านี้

ก่อเป็นรูปเงาของคนโทวิเศษและทําให้อวิ๋นฉื้อสามารซ่อนอยู่ในคนโทนั้นได้

ฉินมู่ซัดออกไปอีกหมัด ให้เสียงสายฟ้าฟาดระเบิดปะทุ ไม่ว่าจะระฆังทอง บัลลังก์บัว หรือคนโทวิเศษ ต่างก็แตกละเอียดเป็นชิ้นๆ หมัดของอวิ๋นฉื้อเป็นแผลยับและโลหิตก็กระเซ็นเปรอะเปื้อนจีวรขาวของเขา ทําให้ดูคล้ายมีดอกเหมยผลิบานบนนั้น

แต่ทว่า ไม่นานรอยเลือดรูปดอกเหมยก็จางหายไป จีวรขาวของเขาก็น่าจะเป็นสมบัติวิเศษในเมื่อมันไม่เปรอะเปื้อนหรือสกปรกได้

แขนของอวิ๋นฉื้อพลันปวกเปียกไร้เรี่ยวแรง เขาแทบจะยกแขนไม่ขึ้น กระบวนท่าของเขาเชื่องช้าลงทุกขณะและเขาก็รู้ตัวว่ากําลังตกเป็นรอง ฉินมู่พลันต่อยซัดไปที่ใบหน้า และส่งเขาปลิวไปปะทะกับกําแพงผาผนังหยกเขาร่วงไหลลงมาแล้วหมดสติไป

มียอดฝีมือในมหาวิทยาลัยจักรวรรดิเสียด้วยสิ

ฉินมู่รู้สึกปรีดาปราโมทย์ทั้งร่างกายและจิตใจ แต่เพราะว่าเขาเพิ่งจะได้ยืดแขนเหยียดกระดูกสองสามที หลวงจีนจีวรขาวก็น็อคไปเสียแล้ว ทําให้เขาอดเสียดายไม่ได้

หลวงจีนที่โผล่มาสุ่มๆ ริมทางข้างถนนก็สามารถรับหมัดข้าได้ตั้งหลายหมัด ปรมาจารย์พูดถูกจริงๆ ด้วยแฮะ ผู้คนในมหาวิทยาลัยจักรวรรดินั้นก็ยังมีพวกเจ๋งๆ อยู่บ้าง ข้ามิอาจดูแคลนผูค้นในจักรวรรดิสันตินิรันดร์

“คุณชาย ท่านสู้เสร็จแล้วหรือ” ฮู่หลิงเอ๋อที่ร่วงลงไปเพิ่งตั้งตัวยืนได้ และไม่ทันที่นางจะได้นั่งดู

เรื่องสนุก มันก็จบไปเรียบร้อยแล้ว นางรู้สึกผิดหวังนิดๆ

ฮู่หลิงเอ๋อเดินตรงเข้าไปและรีบตบดูตามร่างกายของอวิ๋นฉื้อทันทีหมายจะหาทรัพย์สินมีค่า

สักพักหนึ่ง จิ้งจอกน้อยก็บ่นฮึ่มฮํ่า “หลวงจีนยาจก!”

“หลิงเอ๋อ เสื้อผ้าของเขานั้นไม่เลวเลย น่าจะขายได้หลายสตางค์” ฉินมู่เตือนนางด้วยเจตนาดี

ฮู่หลิงเอ๋อถลกจีวรหลวงจีนออก จีวรนี้ไม่เปรอะเปื้อนแม้ละลองธุลีจริงๆ ทั้งยังไม่อาจฉีกให้ขาดจากกันได้ ทําให้จิ้งจอกน้อยรู้สึกดีใจ “หลวงจีนนี้จะต้องเอาเงินเยอะแยะมาไถ่เสื้อผ้าชุดนี้แน่ๆ! จริงสิ คุณชาย เขาชื่ออะไรนะ”

ฉินมู่กระโดดขึ้นไปบนยอดหน้าผาหยกแล้วเดินมุ่งหน้าไปยังบัณฑิตนิเวศน์ พลางส่ายหน้า “ข้าจะรู้ได้อย่างไร เมื่อกี้ข้าก็ถามเขาทีหนึ่งแต่เขาไม่ยอมบอก ข้าคิดว่าเขาคงกลัวจะเสียหน้าหลังจากที่พ่ายแพ้ให้แก่ข้า หลวงจีนผู้นี้มีญาณหยั่งรู้ไม่ธรรมดา และรู้จักเจียมตัวดีจริงๆ”

ไม่ไกลนักเยว่ชิงหงข่มความตื่นตะลึงในใจนางและนําพาทาสหมาป่าของนางเข้าไป เมื่อลงมาจากหน้าผาเพื่อชมดู อวิ๋นฉื้อก็ยังคงนอนสลบอยู่ที่ตีนผาขณะที่สวมใส่กางเกงขาสั้นเปื้อนเลือด

กางเกงขาสั้นขาวของเขานั้นมิได้มีค่าเหมือนกับจีวรพระ และถักทอจากเส้นใยธรรมดา

“อวิ๋นฉื้อไร้ประโยชน์จริงๆ เขาบีบให้ฉินมู่นั่นใช้กําลังฝีมืออย่างเต็มที่ก็ไม่ได้ แต่ว่าฉินมู่นั่นก็แข็งแกร่งจริงนั่นแหละ ทาสหมาป่า เมื่อเทียบกับเจ้าแล้ว ใครแข็งแกร่งกว่ากัน” เยว่ชิงหงถาม

สายตาของทาสหมาป่าเป็นประกาย ขณะที่เขาม้วนลิ้น “ข้ามีวิชามีดมนตรา มีดสังหารแห่งสนามรบที่สามารถบีบให้เขาใช้กําลังออกมาอย่างเต็มที่ได้! แต่ทว่าข้าสามารถใช้มีดได้เพียง 10 กระบวนท่าเท่านั้น ถ้านานกว่านั้นจะพ่ายแพ้อย่างแน่นอน”

เยว่ชิงหงสายตาลุกวาบ แล้วกล่าว “เจ้าไปลองดู”

ทาสหมาป่าโค้งรับคําสั่ง มือของเขาเอื้อมไปข้างหลัง และด้วยเสียงหวีดหวือ 2 ที มีดโค้งสองเล่มที่ซ้อนไขว้กันอยู่ข้างหลังเขาก็ถูกชักออกมาจากฝัก ใบมีดดําสนิททั้งสองเล่มนั้นไร้มลทินราวกับถูกหลอมสร้างจากวัสดุที่ดําดิบที่สุดในโลก

ยิ่งไปกว่านั้น มีดยาวโค้งทั้งสองเล่มยังยาวถึง 1 วาครึ่ง ทาสหมาป่าเดินไปข้างหน้าด้วยฝีเท้าอันรวดเร็ว ความเร็วของเขาสูงขึ้น…สูงขึ้น เขาพลันแบมือออกและปราณชีวิตก็พวยพุ่ง ใช้ปราณชีวิตคุมมีดโค้ง มีดมนตราทั้ง 2 เล่มเหวี่ยงฝ่าอากาศไปอย่างเงียบงันและฟาดฟันใส่ฉินมู่!

เมื่อมีดมนตราทั้งสองเล่มกําลังจะฟันลงไปบนร่างฉินมู่นั่นเอง ประกายแสงของมีดก็ฉายวาบ มีดหนึ่งฟันจากบนลงล่าง และอีกมีดหนึ่งเสยจากล่างขึ้นบน!

ราวกับว่าฉินมู่มีดวงตางอกเงยอยู่หลังศีรษะ ท่าร่างเขาพลันบิดเอี้ยวแปลกประหลาด ราวกับปลาตาเดียวตัวแบนๆ เหยียบเท้าลงบนมีดมนตราที่เสยจากข้างล่างและเตะมีดอีกเล่มที่ฟันมาจากข้างบนกระเด็นไปด้วยเท้าอีกข้าง ยากที่จะคิดฝันว่าร่างกายของมนุษย์สามารถบิดเอี้ยวได้ขนาดนั้น

มีดข้างบนถูกเตะไป และมีดล่างก็ถูกเหยียบให้เข้าไปปักกับหินผาโดยฉินมู่

ทาสหมาป่าสะดุ้งและเห็นฉินมู่พุ่งวาบใส่เขาราวเงาภูตผี ปราณชีวิตของทาสหมาป่าสั่นสะเทือนเรียกมีดมนตรา 2 เล่มนั้นวกกลับมาอีกครั้ง รังสีแสงดําวกวนรอบร่างฉินมู่ วิชามีดมนตราแห่งประเทศรังหมาป่าถูกเขาช่วงใช้อย่างคล่องแคล่วอัศจรรย์ แต่ไม่มีเลยสักมีดที่จะสามารถแตะต้องฉินมู่ได้ เขาหลบหลีกเงามีดไปเส้นยาแดงผ่าแปดเสมอ

เพลงมีดของเขามิใช่เพลงมีดธรรมดา แต่เป็นทักษะสังหารชีวิตที่ใช้ในสนามรบ มันไม่มีความงดงามอ่อนช้อยของกระบวนท่า แต่มีจุดประสงค์เดียว สังหาร!

แม้แต่เพลงมีดอันคมกริบเยี่ยงนี้ก็ยังไม่อาจทําร้ายฉินมู่ได้แม้แต่ปลายเส้นผม

แต่อย่างไรก็ตาม เมื่อถูกพัวพันโดยมีดมนตรา ฉินมู่ก็ไม่อาจรุกไปข้างหน้า ไม่เพียงแต่เขาฟันฝ่าคืบหน้าไปไม่ได้ ยังต้องล่าถอยอย่างต่อเนื่อง

การล่าถอยของฉินมู่นั้นดูราวกับมังกรเขียวที่เลื้อยตวัดไปบน พื้นม่านตาของทาสหมาป่าพลันหรี่แคบ นั่นไม่ใช่การล่าถอย นั่นคือมังกรขนด!

มังกรสามารถขยายร่างและหดร่าง สามารถยืดออกมาและขนดเป็นวง เมื่อมังกรม้วนตัวขด ก็แปลว่ามันเตรียมจะจู่โจม

ทาสหมาป่านี้เดิมทีมีศักดิ์ฐานะในประเทศรังหมาป่า แต่เพราะว่าเขาถูกเยว่ชิงหงจับเป็นเชลยในสนามรบ ตามกฎของประเทศรังหมาป่า เขาจึงกลายเป็นทาสหมาป่ารับใช้เยว่ชิงหง หากแต่ทว่ากําลังฝีมือเขานั้นมิได้ด้อยกว่าเยว่ชิงหงไปสักเท่าใด

ยิ่งไปกว่านั้น เขายังต่อสู้อยู่ในสมรภูมิมาเป็นเวลานานและผ่านประสบการณ์ เฉียดเป็นเฉียดตายมานักต่อนัก ดังนั้น ประสบการณ์การต่อสู้เขานั้นจึงสูงยิ่ง

ท่วงท่าที่ฉินมู่ล่าถอยนั้นให้ความรู้สึกถึงอันตรายสุดขีด ราวกับว่าเขากําลังถูกจับจ้องหมายหัวโดยสัตว์พิสดารตัวมหึมา โหดเหี้ยม!

เขาเร่งเร้ามีดมนตราให้ฉับไวยิ่งขึ้น ทว่าฉินมู่ได้รวบรวมแรงกักของเขาแล้ว และทันใดนั้นฉินมู่ก็ตวัดหมัดอันทลายขีดจํากัด สร้างเสียงมังกรคํารามกระหึ่มก้องยาวนาน มีดมนตราทั้ง 2 เล่มพลันหลุดจากการควบคุมและเหวี่ยงฟันใส่ทาสหมาป่าแทน!

ตามหลังมีดมนตรานั้น มีกําปั้นอันโอ่อ่าและทรงอํานาจ ปราณหมัดของเขาแปรเปลี่ยนเป็นรูปเงามังกรร้ายมหึมาอันฉกขยํ้าไปเบื้องหน้า

ทาสหมาป่าตะโกนด้วยเสียงอันดังเรียกปราณชีวิตให้พลุ่งพล่าน ทันใดนั้นพลังอํานาจอันคล้ายกับความขมขื่นของตะวันแดงเลือดกลางทะเลทรายรกร้างก็พวยพุ่งออกมา เสื้อของเขาฉีกขาดกระจุย เผยให้เห็นรอยรูปหมาป่ามังกรที่ปรากฏทั่วร่างของเขา เขาผลักฝ่ามือไปข้างหน้าและปลดปล่อยปราณชีวิตทั้งหมดของตนเข้าไปในฝ่ามือทั้งสอง!

ปัง!

เสียงกระแทกสะเทือนเลื่อนลั่นดังมาจากจุดปะทะ ร่างของทาสหมาป่าพลันกระเด็นถอยหลัง ด้วยมีดมนตรา 2 เล่มปักอยู่ในชายโครง เขาถอยกรูดไปกว่า 15 วาและชนเข้ากับหินภูเขา พลังแฝงที่กระแทกใส่เขาจึงค่อยหยุดลง

“หลิงเอ๋อ ไม่จําเป็นต้องปลดทรัพย์เขา ให้เงินเขาไปรักษาตัวหน่อยล่ะกัน”

ฉินมู่เรียกฮู่หลิ่งเอ๋อที่กําลังตระเตรียมจะเข้าไปรูดทรัพย์กลับมา จากนั้นส่ายหน้า “เพราะว่าเขาใช้อาวุธ ข้าจึงลงมือกับเขาแรงขึ้นหน่อย อาการบาดเจ็บของเขานั้นไม่เบาเลย และคงต้องใช้เงินทองในการรักษาเยียวยาตนเอง”

ฮู่หลิงเอ๋อทําแก้มป่อง “น่าเสียดายจัง มีด 2 เล่มนั้นดูมีราคาน่าดู”

ฉินมู่ส่ายหัวแล้วเดินจากไป “ไม่ดีเท่ามีดของข้าหรอก แต่ว่าไหวพริบการต่อสู้ของเขาไม่เลวเลย และยังแข็งแกร่งกว่าหลวงจีนเมื่อกี้มาก”

เยว่ชิงหงรอจนฉินมู่เดินจากไปไกล ก่อนที่จะปรากฏตัวและเดินมาข้างๆ ทาสหมาป่า เลือดยังไหลหยดติ๋งๆ จากมุมปากของเขา และด้วยมีดมนตราที่ปักเข้าไปในชายโครงของเขาทะลุไปถึงหินภูเขาข้างหลัง เขาจึงขยับไม่ได้

“เจ้านาย ข้าคะเนผิดพลาด”

ทาสหมาป่ามีสีหน้าละอาย “ข้าใช้ 10 กระบวนท่า แต่เขาใช้เพียง 3 กระบวนท่า…ระวัง!”

ขณะที่เขากล่าวนั่นเอง เยว่ชิงหงก็พลันรู้สึกถึงกระแสความอุ่นข้างหลังนาง เมื่อมีร่างหนึ่งเข้ามาประชิดติดหลัง ทําให้หัวใจของนางสั่นสะท้าน

มีบุคคลที่ย่องมาข้างหลังจนตัวประชิดติดนางได้โดยที่นางไม่รู้ตัวว่าเขามาตั้งแต่เมื่อไหร่

ในตอนนั้นเอง เสียงของฉินมู่ก็ดังข้างๆ หูของนาง ทั้งคู่นั้นอยู่ใกล้กันเป็นอย่างยิ่ง “ศิษย์พี่หญิง เขาเป็นทาสของเจ้าหรือ เจ้าสั่งให้ทาสของเจ้าโจมตีข้า หรือว่าเจ้าคิดจริงๆ ว่าข้าไม่กล้าสังหารผู้คนในมหาวิทยาลัยจักรวรรดิ?”

เหงื่อพลันหลั่งไหลโซมหน้าผากเยว่ชิงหง ทันใดนั้นนางก็สะกิดเท้าพุ่งตัวหลบ ทว่าร่างของฉินมู่ก็ยังทาบติดหลังนางและมีเสียงของเขาดังที่ข้างหูอีกครั้ง “ไม่ใช่ว่าศิษย์พี่หญิงจะติดค้างคําอธิบายต่อข้าหรอกหรือ”

เยว่ชิงหงขนหัวลุก ร่างรีบเคลื่อนร่างอย่างรวดเร็วราวภูติผี ท่าเท้าของนางนั้นว่องไวลื่นไหลราวกับรอยเมฆและเงานกกระจอก ทว่าไม่ว่านางจะขยับหนีไปไหน ฉินมู่ก็ยังประชิดติดหลังนางราวกับเงาตามตัว!

รอยเมฆเงานกกระจอกเป็นวิชาท่าร่างทักษะเทวะที่ดีที่สุดอันนางรํ่าเรียนมา และแม้ว่านางจะไม่สามารถใช้ทักษะเทวะได้ นางก็ยังสามารถเดินเหินไปบนก้อนเมฆและโบยบินในฟ้าตํ่าได้เหมือนกับนกกระจอก ทว่าถึงด้วยทักษะเทวะอันทรงพลังเช่นนี้ นางก็ยังไม่สามารถสลัดฉินมู่หลุดได้อยู่ดี

ทันใดนั้น เยว่ชิงหงก็รู้สึกว่ากล้ามเนื้อของเด็กหนุ่มข้างหลัง นางพลันบิดเค้นขยุกขยิกราวกับมีงูยักษ์เคลื่อนไหวภายใต้ผิวหนังของเขา นางอดไม่ได้ที่จะเสียววาบถึงสันหลัง ผิวหนังนุ่มลื่นของนางก็พลันดึงเป็นปุ่มๆ จากเส้นขนชูชันด้วยความกลัว “ท่าไม้ตาย สังหารของสํานักวิชาบู๊!”

ฉินมู่เริ่มก้าวเท้า และเยว่ชิงหงก็พยายามระงับความหวาดผวา และเคลื่อนที่ไปพร้อมๆ กับฉินมู่

นางรู้ว่าท่าไม้ตายสังหารของสํานักวิชาบู๊นั้นจะต้องถูกใช้ในระยะใกล้อันเหมาะสม หากว่านางยังประกบติดกับร่างฉินมู่และไม่ปล่อยให้เขาหมุนกาย ก็จะทําให้ฉินมู่ยากจะใช้ท่าไม้ตายสังหาร

เมื่อครู่นี้ฉินมู่ติดตามประชิดนาง แต่บัดนี้นางเปลี่ยนมาติดตามประชิดฉินมู่และตามท่าเท้าของเขาไปติดๆ ไม่กล้าผละห่างออกจากเขาแม้สักนิ้วหนึ่ง

หากว่านางผละออกจากเขา หัวและบ่าของนางคงหลุดออกจากกัน!

ถูกยอดฝีมือวิชาบู๊เข้าคลุกวงใน นั่นเท่ากับเขาคอเข้าไปจ่อ มีดประหาร!

ทั้งคู่เคลื่อนกายอย่างรวดเร็วด้วยหลังที่หันใส่กัน ดูราวกับผีเสื้อเริงระบําบนภูเขาของมหาวิทยาลัยจักรวรรดิ บัณฑิตหลายต่อหลายคนหยุดเท้าชมดูพวกเขาทั้งสองและอุทานด้วยความทึ่งใจไม่รู้จบ

ฉินมู่สวมเสื้อปักลายและเยว่ชิงหงก็สวมใส่เสื้อเขียว ทั้งคู่ดูคล้ายกับปีกผีเสื้อ ยิ่งไปกว่านั้นทั้งสองคนยังตัวติดกันตลอดเวลา จึงง่ายที่ผู้พบเห็นจะคิดไปไกลกับภาพนี้

บัณฑิตคนหนึ่งยิ้มหยันทันที “พวกชู้สาว กลางวันแสกๆ ยังกล้าส่งกลิ่นฉาวโฉ่ที่ทําให้ผู้คนอยากจะอ้วก!”

ทันใดนั้น เสียงระเบิดดังสนั่นก็ดังมา เมื่อฉินมู่ยืนเอนพิงเสาของโถงหยางเขียวคราม

“หลิงเอ๋อ ไปกันเถอะ!”

ฉินมู่เรียกฮู่หลิงเอ๋อมา “อย่าริคิดจะปลดทรัพย์นาง ถ้าเจ้าจะปลดทรัพย์ก็ต้องช่วยนางออกมาจากในเสาก่อนแม่นางผู้นี้ก็ไม่เลว นางก็เป็นยอดฝีมือที่สามารถตามฝีเท้าข้าได้”

ฮู่หลิงเอ๋อรีบตามเขาไปและเหลียวมองกลับหลังอย่างเสียดาย นางเห็นเยว่ชิงหงโดนกระแทกให้หน้าจมเข้าไปในเสาของโถงหยางเขียวครามโดยฉินมู่

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!