Skip to content

I Shall Seal The Heaven Chapter 695

ตอนที่ 695

โจมตีสำนักชิงหลัว!

ภาพที่ปรากฏขึ้นของเมิ่งฮ่าว ทำให้สวรรค์สะท้านปฐพีสะเทือน ทุกสิ่งทุกอย่างสั่นไหวไปมา ระลอกคลื่นขนาดใหญ่อันไร้ขอบเขตกระจายออกไป

เสียงกระหึ่มขนาดใหญ่ดังก้องออกไป ขณะที่รถศึกปรากฏขึ้น ทำให้อากาศแตกกระจายออก เมิ่งฮ่าวยืนอยู่ในจุดกึ่งกลางของรถศึก ขณะที่เสียงแตกร้าวดังเต็มอยู่ในอากาศ รอยร้าวมากมายนับไม่ถ้วนเกิดขึ้นมา

ทั่วทั้งท้องฟ้าคล้ายกับเป็นกระจกที่มีใครบางคนมาต่อยหมัดเข้าไป ถึงแม้ว่ามันจะไม่ได้แตกกระจายไปโดยสิ้นเชิง แต่ก็มองเห็นรอยแตกร้าวอย่างน่าตกใจ กำลังกระจายออกไปทั่วทุกทิศทาง

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ธวัชสามแฉกที่เขาโบกสะบัด นี่เป็นครั้งแรกที่เขาตั้งใจปลดปล่อยพลังอันน่าเหลือเชื่อของธวัชออกมาได้ทั้งหมด มันโบกพริ้วไปมา ความมืดมิดปกคลุมทุกสรรพสิ่ง แยกท้องฟ้าออกเป็นสองส่วน หนึ่งสว่าง หนึ่งดำมืด

ดวงตาเมิ่งฮ่าวกลายเป็นสีแดงก่ำโดยสิ้นเชิง ขณะที่กวาดมองออกไปทั่วทั้งสำนักชิงหลัว เขามองเห็นกลุ่มหมอกสีดำ และมองเห็นดอกบัวที่กำลังส่งพลังอันเข้มข้นออกมา!

เขาส่งสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ออกไป แต่ค่ายกลเวทดอกบัว และกลุ่มหมอกสีดำที่อยู่ภายใน ซึ่งก่อตัวเป็นค่ายกลเวทขนาดใหญ่ ก็ปิดบังภูเขาทั้งหมดของสำนักชิงหลัวไว้ภายในโดยสิ้นเชิง นี่ไม่ใช่ค่ายกลเวทธรรมดา แม้แต่สัมผัสศักดิ์สิทธิ์อันทรงพลังของเมิ่งฮ่าว ก็ยังไม่อาจจะเจาะเข้าไปที่ด้านในได้

รังสีสังหารของเขาพุ่งขึ้นมาในทันที

“สำนักชิงหลัว!” เมิ่งฮ่าวตะโกน เกิดเป็นเสียงกระหึ่มดังก้องไปทั่ว รุนแรงยิ่งกว่าเสียงฟ้าผ่า กายเนื้อของเมิ่งฮ่าวอยู่ในจุดสูงสุดของขั้นตัดวิญญาณ และพื้นฐานฝึกตนก็อยู่ในจุดสูงสุดของการตัดครั้งที่สอง นี่เป็นครั้งแรกที่เขาตะโกนออกมาเช่นนี้ หลังจากที่เข้าไปในอาณาเขตของความเป็นนิรันดร์ เขากดมือลงไปบนรถศึก และทันใดนั้น ธวัชสามแฉกก็พริ้วสะบัด ความมืดมิดที่คล้ายกับเป็นยามราตรีก็กลืนกินแสงทั้งหมดไป กวาดตรงไปยังดอกบัวขนาดใหญ่ ซึ่งอยู่รอบๆ สำนักชิงหลัว เสียงระเบิดได้ยินดังก้องออกไป

สวรรค์สะท้านปฐพีสะเทือน และเสียงระเบิดก็ดังเต็มอยู่ในอากาศ ดอกบัวพังทลายลงไปในทันที แต่จากนั้นก็ปรากฏขึ้นใหม่ เห็นได้ชัดว่ากลิ่นอายของร้อยหนึ่งพันภูเขากำลังเกื้อหนุนไปยังสิ่งที่เป็นมรดกตกทอดมาอย่างไม่รู้จบของค่ายกลเวทขนาดใหญ่นี้

เนื่องจากเสียงตะโกนของเมิ่งฮ่าว รวมทั้งการปะทะกันของธวัชสามแฉกและค่ายกลเวทขนาดใหญ่ จึงทำให้พื้นดินสั่นไหวอย่างรุนแรง เสียงนั้นรวมเข้าด้วยกัน เกิดเป็นเสียงที่น่ากลัวกระจายออกไปทั่วทุกทิศทาง และยังได้เข้าไปในกลุ่มหมอกสีดำ ที่อยู่ในสำนักชิงหลัว

ทันใดนั้นศิษย์ของสำนักชิงหลัวทั้งหมด ต่างก็ได้ยินเสียงที่เต็มไปด้วยโทสะของเมิ่งฮ่าว

“มอบสวี่ชิงออกมา!” เขากล่าว นี่ก็คือประโยคที่สอง พลังของคำพูดนี้มีมากกว่าพลังของประโยคแรก ทำให้เกิดเป็นเสียงดังกระหึ่มอย่างน่าตกใจ ทุกสรรพสิ่งสั่นสะท้าน ดอกบัวสลัวเลือนลางลงและกลุ่มหมอกก็พลุ่งพล่านปั่นป่วน ศิษย์สำนักชิงหลัวทั้งหมดรู้สึกว่าจิตใจพวกมันสั่นสะท้านขึ้นอย่างรุนแรง

อาคารราชวังที่ดูสวยงามเริ่มสั่นไปมา และบางแห่งก็พังทลายลง ภายใต้พลังเสียงของเมิ่งฮ่าว ดวงตาของศิษย์สำนักชิงหลัวในเก้าสิบเก้าขุนเขาเบิกกว้างด้วยความตื่นตระหนก

ชายชราทั้งสามซึ่งนั่งขัดสมาธิอยู่รอบๆ กระถางธูปบนภูเขาแรกลืมตาขึ้นมา มองเห็นเป็นแสงเจิดจ้าขึ้น

“ตัดวิญญาณ!”

“ตัดครั้งที่สอง!”

“ผู้เชี่ยวชาญที่แข็งแกร่ง!”

เมื่อพวกมันสบสายตากันไปมา ก็มองเห็นได้ถึงท่าทางเคร่งเครียดจริงจังอยู่ในสายตาของแต่ละคน

“พวกเราแค่ก่อตั้งค่ายกลเวทขึ้นมา เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับความไม่แน่นอนทั้งหมด และป้องกันไม่ให้สำนักอื่นๆ รับรู้ได้ว่ากำลังเกิดอะไรขึ้น แล้วคนผู้นี้เป็นใคร?”

“ไม่สำคัญว่ามันเป็นใคร ถึงแม้ว่ามันจะเป็นผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณ แต่ตอนนี้มันก็มายังสำนักชิงหลัวแล้ว มันต้องถูกบังคับให้คุกเข่าลงต่อหน้าพวกเรา!”

ชายชราทั้งสามพึมพำกับตนเองอยู่ชั่วขณะ ก่อนที่ชายชราซึ่งอยู่ในขั้นตัดครั้งที่สามแค่นเสียงอันเย็นชาออกมา “มันไม่อาจแม้แต่จะเข้ามาที่ด้านในได้! ทำการหลอมละลายต่อไป!”

ด้วยการถูกห้อมล้อมด้วยเสียงกระหึ่มกึกก้อง ศิษย์สำนักชิงหลัวหนึ่งแสนคน เริ่มทำการกลั่นสกัดต่อไปอีกครั้ง ทำให้กระถางธูปเกิดเป็นแสงสีแดงเจิดจ้าขึ้น สำหรับเงาร่างที่อยู่ด้านใน เมื่อนางได้ยินเสียงเมิ่งฮ่าว ทันใดนั้น นางก็สั่นสะท้าน

“มัน…มาแล้ว…”

ที่ด้านนอกของค่ายกลเวทสำนักชิงหลัว ดวงตาเมิ่งฮ่าวกลายเป็นสีแดงก่ำไปโดยสิ้นเชิง ยกมือขึ้นมาทำให้ธวัชสามแฉกพริ้วสะบัดอยู่ในอากาศ ความมืดมิดม้วนตัวออก กระแทกเข้าไปในค่ายกลเวทของสำนักชิงหลัว

เสียงระเบิดอย่างน่าเหลือเชื่อดังก้องออกไปอย่างต่อเนื่อง ค่ายกลเวทดอกบัวขนาดใหญ่หมุนวนในทันที ทำให้พลังแห่งสวรรค์และปฐพีกระจายออกไป เป็นพลังที่ดูเหมือนจะคงอยู่ชั่วนิรันดร์ไม่อาจจะถูกทำลายไปได้ ไม่ว่าเมิ่งฮ่าวจะทำให้ค่ายกลพังทลายลงไปอย่างไร มันก็จะฟื้นตัวกลับคืนมาในทันที

เวลาสั้นๆ ผ่านไป ซึ่งดูเหมือนว่าไม่มีอะไรที่จะสามารถมาทำลายค่ายกลนี้ได้

ตอนนี้ศิษย์สำนักชิงหลัวเริ่มเยือกเย็นลง และเพ่งสมาธิไปยังคำสั่งของสำนัก การหลอมละลายถูกดำเนินต่อไป สำหรับชายชราที่อยู่รอบๆ กระถางธูป รอยยิ้มอันเย็นชาบิดขึ้นมาจากริมฝีปาก ขณะที่พวกมันทำการกลั่นสกัดต่อไป

พวกมันไม่ได้กังวลใจ ค่ายกลเวทที่ป้องกันนี้ มีความแข็งแกร่งเป็นอย่างยิ่ง จนไม่มีอะไรจะมาเทียบได้ ยกเว้นอาจจะเป็นพื้นฐานฝึกตนของค้นหาเต๋า ผู้แข็งแกร่งตัดวิญญาณใดๆ ที่พยายามจะมาทำลายค่ายกลนี้ ก็ไม่อาจจะกระทำได้ ยกเว้นว่าพวกมันอาจจะลองพยายามต่อไปนานเป็นแรมเดือน

สำหรับขั้นตอนการกลั่นสกัด พวกมันต้องการเวลาเพียงอีกไม่กี่วันเท่านั้นก็จะทำได้เสร็จสิ้นสมบูรณ์…จากนั้นพวกมันก็จะสามารถต่อสู้กับศัตรูผู้นี้อย่างเต็มกำลังของสำนัก ถึงแม้ว่าเขาจะเป็นผู้ฝึกตนตัดวิญญาณครั้งที่สองก็ตามที เขาก็ต้องตายไปอย่างแน่นอน

“ช่างผลีผลามและน่าขันนัก” ชายชราตัดวิญญาณครั้งที่สามกล่าวด้วยเสียงราบเรียบ

เมิ่งฮ่าวยืนอยู่ในรถศึก จ้องมองไปยังดอกบัวขนาดใหญ่ เขาเพิ่งจะทำลายสิ่งบัดซบนี้มาอย่างน้อยก็นับร้อยครั้งด้วยธวัชสามแฉก

แต่ไม่ว่าเขาจะทำให้มันแตกกระจายกลายเป็นชิ้นๆ กี่ครั้งก็ตามที มันก็จะฟื้นกลับคืนมาอย่างสมบูรณ์ ดูเหมือนว่าไม่อาจจะทำลายไปได้โดยสิ้นเชิง

“พวกมันได้รวบรวมพลังทั้งหมดของฟ้าดิน จากร้อยหนึ่งพันภูเขาทั้งหมดแห่งสำนักชิงหลัวเพื่อส่งไปให้กับค่ายกลเวทนี้…สิ่งที่ข้ากำลังต่อสู้อยู่ไม่ใช่ค่ายกล แต่เป็นพลังแห่งฟ้าดินจากร้อยหนึ่งพันภูเขาเหล่านี้!”

“ถ้าพลังแห่งฟ้าดิน ไม่อาจจะถูกทำลายลงไป เช่นนั้นก็ไม่อาจทะลวงผ่านค่ายกลนี้เข้าไปได้!”

“ถ้าเพียงแต่…ข้าสามารถใช้พลังของค้นหาเต๋าได้เพียงเล็กน้อย เพื่อบังคับให้ค่ายกลนี้บรรลุถึงขีดจำกัดของมัน และพยายามทำลายมันไปอย่างน้อยก็สิบครั้งอย่างต่อเนื่อง จนถึงจุดที่พลังลมปราณจากร้อยหนึ่งพันภูเขาไม่อาจจะดำเนินต่อไปได้อีก ข้าก็จะสามารถมองเห็นจุดอ่อนของมัน!”

“ข้าต้องการจุดอ่อนเพียงแค่จุดเดียวเท่านั้น เพื่อทำให้มันแตกกระจายไปโดยสิ้นเชิง” เมิ่งฮ่าวยกมือขวาขึ้น และทำท่าคว้าจับ ทำให้ธวัชสามแฉกพุ่งกลับมา พริ้วสะบัดไปมาอยู่ในอากาศรอบๆ ตัว แทบจะเหมือนกับผ้าคลุมสีดำซึ่งครอบอยู่บนชุดยาวสีเขียวของเขา

เมิ่งฮ่าววางมือลงไปบนรถศึก และโคจรหมุนเวียนเซียนชี้ทาง ส่งปราณเซียนให้เข้าไปในรถศึกเป็นระยะ

“โชคร้าย ที่ข้าไม่มีพลังแห่งค้นหาเต๋า!”

“แม้แต่ธวัชสามแฉกก็ยังไม่อาจจะทำลายค่ายกลนี้ลงได้ ถ้าเช่นนั้น…ข้าก็จะพุ่งฝ่าเข้าไปตรงๆ!” แสงแห่งความบ้าคลั่งสาดประกายอยู่ในดวงตาเมิ่งฮ่าว

เขาไม่ได้พยายามที่จะทำลายมัน แต่จะพุ่งฝ่าเข้าไปในค่ายกล!

รถศึกเริ่มส่งเสียงดังกระหึ่ม สัญลักษณ์เวทมากมายนับไม่ถ้วนปรากฏขึ้น ตามมาด้วยเสียงแผดร้องของสัตว์อสูรจำนวนมาก ซึ่งเริ่มโผล่ออกมาพุ่งตรงออกไป

ด้วยความรวดเร็วจนยากจะอธิบายออกมาได้ เพียงชั่วพริบตา รถศึกก็เคลื่อนที่ออกจากตำแหน่งเดิม และ…พุ่งเข้าในดอกบัวตรงๆ ราวกับเป็นดาวตก กำลังจะทะลวงผ่านเข้าไป

ดอกบัวแตกกระจายออกไปในทันที แต่ก็เหมือนกับทุกครั้ง เริ่มก่อตัวขึ้นมาใหม่

อย่างไรก็ตาม รถศึกก็มุ่งหน้าต่อไป พุ่งตรงไปโดยไม่หยุดลง ราวกับเป็นกระบี่อันแหลมคม แทงเข้าไปอย่างบ้าคลั่ง โดยไม่ยอมรอให้พลังลมปราณแห่งร้อยหนึ่งพันภูเขาพุ่งเข้ามา

“วิญญาณดวงที่เก้า!” เมิ่งฮ่าวแผดร้อง ร่างกายเขาทรงพลังอย่างถึงที่สุด และพื้นฐานฝึกตนก็ระเบิดออกมาอย่างเต็มกำลัง ถึงแม้ว่าจะไม่ใช่พลังแห่งค้นหาเต๋า แต่เขาก็มีคุณสมบัติอย่างโดดเด่นที่จะถูกเรียกว่าอันดับหนึ่งรองจากค้นหาเต๋า

ตูม!

รถศึกพุ่งตรงไปอีกหนึ่งร้อยจ้าง เมิ่งฮ่าวสั่นสะท้าน แรงกดดันอันรุนแรงกดทับลงมาบนร่าง แต่ก็ไม่อาจจะป้องกันไม่ให้เขาพุ่งตรงไปได้ ไม่มีอะไรสามารถมาขัดขวางเส้นทางของรถศึกได้ คล้ายกับเป็นสัตว์ที่ถูกขังอยู่ในกรง มันส่งเสียงแผดร้องคำรามขณะที่พุ่งตรงไป

ยิ่งพวกเขาไปได้ไกลมากขึ้นเท่าใด แรงกดดันก็กดทับลงมามากขึ้นเท่านั้น ภายในของดอกบัวพังทลายลง แต่จากนั้นมันก็เริ่มฟื้นฟูขึ้นมาใหม่ ร้อยหนึ่งพันภูเขาโคจรหมุนวน และพลังลมปราณก็ไหลออกมาอย่างไร้ขอบเขต เมิ่งฮ่าวยกมือขึ้นและจากนั้นก็ชี้ออกไป

“ผนึกอสูร เวทรุ่นแปด!”

“ผนึกพลังลมปราณของร้อยหนึ่งพันภูเขาแห่งนี้!”

เสียงกระหึ่มอย่างน่าเหลือเชื่อ ดังเต็มอยู่ในอากาศ ขณะที่ร้อยหนึ่งพันภูเขาสั่นสะท้าน เมิ่งฮ่าวตะโกนออกมาขณะที่รถศึกพุ่งตรงไปอย่างบ้าคลั่ง ไกลออกไปได้อีกหนึ่งร้อยจ้าง ตอนนี้เขาอยู่ห่างจากตำแหน่งของกลุ่มหมอกสีดำอีกเพียงแค่สองร้อยจ้างเท่านั้น

ในตอนนี้เองที่ร้อยหนึ่งพันภูเขาเกิดการสั่นสะเทือนขึ้นอย่างรุนแรง ภูเขาที่อยู่ด้านนอกสุดบางลูก อาจจะมีทั้งหมดหนึ่งพันลูก เริ่มมีรอยร้าวแตกออกมา และจากนั้นก็ระเบิดขึ้น

พวกมันไม่อาจจะต่อต้านวิธีการที่เมิ่งฮ่าวโจมตีมาได้ หลังจากที่พลังลมปราณของพวกมันถูกผนึกไว้ ก็เกิดเป็นปฏิกิริยาย้อนกลับทำให้พวกมันแตกกระจายออกในทันที!

ขณะที่ภูเขาขนาดใหญ่นับพัน จากร้อยหนึ่งพันภูเขาแห่งสำนักชิงหลัวพังทลายลงมา สีหน้าของศิษย์สำนักชิงหลัวทั้งหมดต่างก็ซีดสลดลง ขณะที่ม่านตาของสามชายชราซึ่งนั่งอยู่ข้างกระถางธูปหดเล็กลง

หนึ่งในพวกมันแค่นเสียงเย็นชาออกมา จากนั้นก็ยกมือขึ้นและชี้ออกไป

“ส่งศิษย์ไปหมื่นคนเพื่อก่อตั้งเป็นค่ายกลเวท ทุ่มสุดกำลัง ถ้าสามารถสังหารมันได้ ก็ให้สังหารไป แต่ถ้าสังหารไม่ได้ ก็ถ่วงเวลามันไว้สามวัน”

เพื่อตอบรับคำสั่งของมัน ศิษย์หนึ่งหมื่นคนก็บินขึ้นไปในอากาศ พวกมันพุ่งผ่านกลุ่มหมอกสีดำ และจากนั้นก็เข้าไปในค่ายกลเวทดอกบัว ไปนั่งลงขัดสมาธิที่ด้านในดอกบัว ปลดปล่อยพื้นฐานฝึกตนออกมา เพื่อควบคุมค่ายกลนี้

พวกมันกระทำการอย่างพร้อมเพรียง ค่ายกลเวทดอกบัวเริ่มหมุนวน ส่งเจตจำนงสังหารออกไปเป็นระยะ เพียงชั่วพริบตา กลีบดอกบัวมากมายนับไม่ถ้วนก็ลอยออกไป ม้วนกวาดตรงไปยังเมิ่งฮ่าวราวกับเป็นกระบี่อันแหลมคม

กลีบดอกบัวแทบจะดูคล้ายกับเป็นหยาดพิรุณ เต็มไปด้วยความต้องการสังหาร แต่ก่อนที่พวกมันจะทันได้เข้ามาใกล้เมิ่งฮ่าว ดวงตาเขาก็สาดประกายด้วยต้องการสังหารอย่างบ้าคลั่ง เขากดมือลงไปบนรถศึก จากนั้นก็โบกสะบัดชายแขนเสื้อ ธวัชสามแฉกพุ่งออกมา ม้วนกวาดออกไปพร้อมกับเสียงระเบิดดังกึกก้อง ศิษย์หนึ่งหมื่นคนที่เพิ่งจะโผล่ออกมาจากกลุ่มหมอกสีดำสั่นสะท้านและเริ่มกระอักโลหิตออกมา

สำหรับเมิ่งฮ่าวและรถศึก พวกเขาพุ่งตรงไปอย่างเร่งรีบ ต่อสู้กลับไปยังแรงกดดันที่กดทับลงมา ไปได้ไกลอีกหนึ่งร้อยจ้าง ในตอนนี้ เมิ่งฮ่าวรู้สึกราวกับว่าร้อยหนึ่งพันภูเขากำลังกดทับลงมาบนร่างเขาอย่างแท้จริง

พวกมันคงจะบดขยี้เขาจนแหลกละเอียดไปในไม่ช้า

สำหรับปราณเซียนที่อยู่ภายในร่าง เขาไม่อาจจะควบคุมมันได้อีกต่อไป เป็นเรื่องยากที่จะผลักดันให้รถศึกผ่านเข้าไปในเขตหนึ่งร้อยจ้างสุดท้ายนี้ แสงเจิดจ้าปรากฏขึ้นในดวงตาเมิ่งฮ่าว โดยไม่ลังเล เขาเก็บรถศึกไว้และจากนั้นก็พึ่งพาความแข็งแกร่งของกายเนื้อ เพื่อทะลวงผ่านหนึ่งร้อยจ้างสุดท้ายนี้ไปให้ได้

ทันทีที่เขามุ่งหน้าต่อไป แรงกดดันจากร้อยหนึ่งพันภูเขาก็กดทับลงมา เมิ่งฮ่าวสั่นสะท้าน และเสียงแตกร้าวก็ได้ยินมา เขาหยุดชะงักนิ่ง เมื่อได้เห็นเขาหยุดลง ก็ทำให้ศิษย์หนึ่งหมื่นคนนั้นรู้สึกเชื่อมั่นขึ้นอีกเล็กน้อย พวกมันทั้งหมดเริ่มร่ายเวทอาคม ทำให้ดอกบัวที่พวกมันกำลังนั่งอยู่ด้านบน เคลื่อนย้ายทางไกลตรงไปยังเมิ่งฮ่าว อย่างน่าตกใจยิ่ง ดอกบัวเริ่มรวมตัวเข้าด้วยกันกลายเป็นรูปปั้นเทพขนาดใหญ่ มีสามหัวหกแขน

รูปปั้นนั้นดูน่ากลัวอย่างน่าเหลือเชื่อ ไม่เพียงแต่จะมีสามหัวหกแขนเท่านั้น แต่ยังมีดอกบัวหมุนวนอยู่รอบๆ ร่างมันอีกด้วย และมันก็ก่อตัวขึ้นมาจากกลุ่มคนหนึ่งหมื่นคน! ศีรษะทั้งสามมองมายังเมิ่งฮ่าว และแขนทั้งหกก็ชี้ตรงมายังเขาด้วยเช่นกัน

“ไสหัวออกไปจากที่นี่!” รูปปั้นแผดร้องออกมาด้วยเสียงทั้งหนึ่งหมื่นคนรวมกัน เมิ่งฮ่าวมองขึ้นไปด้วยรอยยิ้มอันดุร้าย รังสีสังหารในดวงตาเข้มข้นมากขึ้น และความต้องการฆ่าฟันของเขาก็พุ่งสูงขึ้นไปในทันที

วิญญาณดวงที่เก้า พื้นฐานฝึกตนตัดวิญญาณครั้งที่สอง อาณาจักรความเป็นนิรันดร์ ทั้งหมดนี้ส่งเสียงดังกระหึ่มอยู่ภายในร่างเมิ่งฮ่าว เขาก้าวเท้าตรงไป มือขวากำเป็นหมัดจนแน่น

หนึ่งคนต่อสู้กับค่ายกลเวทขนาดใหญ่ และศัตรูหนึ่งหมื่นคน

“ถึงเวลาที่จะทำลายพวกเจ้าแล้ว!”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!