ตอนที่ 147 ขุมวิชาของจักรวรรดิอวี้เหยียน
คณบดีป้าซานเดินออกจากบัณฑิตนิเวศน์และไปยังอุทยานราชวงศ์ที่อยู่ข้างๆ
ที่นั่นมีองค์หญิง องค์ชาย บุตรหลานชนชั้นสูงปะปนกันราวปลาและมังกรคลาคลํ่า และพวกเขาก็ยังมีกลุ่มก้อนเครือข่ายอันซับซ้อนอีกด้วย
องค์หญิงจักรวรรดิและองค์ชายจักรวรรดินั้นเป็นบุตรธิดาของจักรพรรดิ ขณะที่องค์หญิงองค์ชายคนอื่นๆ เป็นบุตรธิดาของบรรดาอ๋อง นอกจากองค์หญิงและองค์ชายต่อสู้กันแย่งชิงสืบทอด ตําแหน่งอ๋องแล้วยังมีการชิงไหวพริบหักเหลี่ยมกันระหว่างองค์หญิงและองค์ชายจักรวรรดิอีกด้วย ทําให้ผู้คนต้องปวดเศียรเวียนเกล้ายิ่งนัก
นี่คือสิ่งที่รําคาญใจคณบดีป้าซานมากที่สุด แต่เขาก็ไม่มีทางเลือก มิเช่นนั้นจะกลายเป็นว่าเขาล่วงเกินข้ามหัวตระกูลจักรพรรดิ ซึ่งคงนําความเดือดร้อนมาแก่เขา
“เช่นนั้นทําไมข้าไม่ไปถามความเห็นขององค์ชายรอง” เขาตัดสินใจแล้วเดินไปถามความคิดเห็นของหลิงอวี้ชู้
หลิงอวี้ชู้ทั้งประหลาดใจและยินดี ป้าซานเป็นหนึ่งในคณาจารย์ของมหาวิทยาลัยจักรวรรดิและตําแหน่งของเขานั้นเป็นรองเพียงแค่อธิการบดี กําลังฝีมือเขานั้นลึกลํ้ามิอาจหยั่งประเมิน ซึ่งไม่ด้อยไปกว่าขุนนางชั้นหนึ่งคนไหนๆ ในราชสํานัก หรือเจ้าสํานักจ้าวลัทธิในสํานักใหญ่ลัทธิใหญ่ เขาเป็นหนึ่งในสุดยอดฝีมือของยุทธภพ ณ ปัจจุบันนี้
หากว่าข้าสามารถได้รับการสั่งสอนจากเขา ต้องเยี่ยมมากแน่ๆ!
“องค์ชายรองเหมือนจะเข้าใจผิด”
ป้าซานเห็นความลิงโลดบนใบหน้าของเขาและรู้ทันทีว่าอีกฝ่ายกําลังเข้าใจไปอีกอย่าง “ข้าจะสอนแต่บัณฑิตที่วรยุทธ์ตํ่ากว่าขั้นหกทิศเท่านั้น ข้าไม่ค่อยมีความรู้ความเข้าใจในสถานการณ์ของอุทยานราชวงศ์ ดังนั้นข้าจึงใคร่ขอให้องค์ชายรองแนะนําบัณฑิตสักสองคน”
หลิงอวี้ชู้มีสีหน้าห่อเหี่ยวทันที
ปริมาณของทรัพยากรที่เทไปยังองค์ชายรัชทายาทนั้นมากมายยิ่งกว่าที่แจกจ่ายให้แก่องค์ชายจักรวรรดิอื่นๆ อย่างเช่นองค์ชายจักรวรรดิอย่างเขา เพราะเขามิใช่รัชทายาท ปริมาณทรัพยากรที่มีให้สําหรับการฝึกฝนบ่มเพาะเขาจึงน้อยกว่ารัชทายาทมาก
แม้ว่าองค์ชายและองค์หญิงจักรวรรดิจะสามารถเข้ามาศึกษาในมหาวิทยาลัยจักรวรรดิโดยมิต้องสอบแข่งขันเข้ามา แต่รัชทายาทนั้นมีอาจารย์ระดับเจ้าสํานักอย่างน้อยหกคนที่ถ่ายทอดวิชาให้กับเขา ยิ่งไปกว่านั้นจักรพรรดิเองก็จะสอนวิชาฝีมือแก่รัชทายาทโดยตรงอยู่บ่อยๆ แม้แต่เหล่าคณาจารย์มหาวิทยาลัยจักรวรรดิก็เข้าไปถ่ายทอดความรู้แก่เขาเสมอๆ
รัชทายาทนั้นมิเพียงแต่ได้รับการสอนสั่งทักษะวิชาสุดยอดในแดนดิน เขายังได้รับการอบรมวิถีทางแห่งจักพรรดิ เพื่อให้มีความสามารถในการควบคุมขุนนางบุ๋นบู๊ทั้งหลาย เขายังต้องผูกมิตรสร้างไมตรีกับเหล่าเสนาบดีที่ปรึกษาในสภาขุนนาง เพื่อตระเตรียมสร้างสภาราชสํานักเล็กๆ ของตน
สําหรับองค์ชายและองค์หญิงจักรวรรดิคนอื่นๆ แม้ว่าพวกเขาทะยานอยากขึ้นไปนั่งบนบัลลังก์มังกร แต่ก็ไม่มีทรัพยากรหนุนนํา
ความสามารถของคณบดีป้าซานนั้นเทียบเท่ากับตัวตนระดับจ้าวลัทธิ ดังนั้นถึงแม้ว่าจะไม่เทียบเท่ากับบรรดาอาจารย์ทั้งหลายที่รัชทายาทมี แต่ก็ถือว่ายังดีกว่าไม่มีอะไรเลย
เสียก็แต่คณบดีป้าซานหมายใจจะสั่งสอนเฉพาะบัณฑิตในขั้นทารกวิญญาณและห้าธาตุเท่านั้น เขาจึงหมดคุณสมบัติ
หลิงอวี้ชู้ข่มความผิดหวังในใจตนแล้วเผยยิ้ม “น้องหญิงเจ็ดของข้ามีปฏิภาณความเข้าใจและพรสวรรค์สูงเยี่ยม แม้แต่ราชครูก็ยังออกปากชมพรสวรรค์ของนางเพื่อเขาพบเห็น พรสวรรค์ ความสามารถนางนั้นเหนือลํ้ายิ่งกว่าข้า เพียงแต่นางนั้นชอบเล่นมากไปหน่อย ด้วยความเข้มงวดของคณบดีป้าซาน ท่านสามารถช่วยขัดเกลานางให้เข้ารูปเข้ารอยและเปลี่ยนแปลงนิสัยของนางได้บ้าง”
คณบดีป้าซานตะลึง องคห์ญิงเจ็ด? นางนั้นชอบเล่นมากไปจริงๆ ล่ะ ซึ่งทําให้วิทยายุทธ์ของนางไม่ค่อยคืบหน้า พวกครูผ้สอนเหล่านั้นไม่เข้มงวดกับนางด้วยเพราะศักดิ์ฐานะองคห์ญิงจักรวรรดิ แต่นางต้องโดนหนักแน่ หากว่ามาติดตามข้า
หลิงอวี้ชู้สายตาวูบไหวและครุ่นคิดในใจ น้องหญิงเจ็ด เจ้านั้นสนิทชิดเชื้อกับผู้คนที่ถูกละทิ้งนั้นมากเกินไป และข้าไม่อาจสอดส่องได้ว่าเจ้าจะไม่ทำอะไรที่เสื่อมเสียชื่อเสียงราชวงศ์เราหรือไม่ คราวนี้เจ้าจะต้องออกไปจากภูเขา และจะต้องห่างไกลไปจากเจ้าฉินมู่นั่นและเมื่อเจ้าได้เห็นยอดฝีมือเยาว์เปี่ยม ความสามารถคนอื่นๆ เจ้าก็จะลืมผู้คนที่ถูกละทิ้งนั่นได้เอง…พี่ชาย ผู้นี้ทำทุกอย่างเพื่อประโยชน์ของเจ้า เพื่อมิให้เจ้าก้าวเดินทางผิด
“องค์ชายรอง มีคนอื่นน่าแนะนําอีกหรือไม่” คณบดีป้าซานถามอีกครา
หลิงอวี้ชู้คิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วกล่าว “หลิงหมิ่นเยว่ องค์ชายหมิ่นเยว่”
“บุตรชายของอ๋องไท่ซาน หลิงหมิ่นเยว่?”
คณบดีป้าซานยิ้ม “เขาก็ดูมีความสามารถโดดเด่นเช่นกัน ข้าได้ยินว่าเจ้ากับองค์ชายหมิ่นเยว่นั้นไม่ค่อยถูกกัน ทําไมเจ้าแนะนําเขาล่ะ”
หลิงอวี้ชู้แย้มยิ้ม “ข้าไม่ถูกกับหมิ่นเยว่เพียงเพราะว่าอ๋องไท่ซานสนับสนุนพี่ชายของข้า แต่มันก็ไม่อาจทําให้ข้าปฏิเสธได้ว่าพรสวรรค์ความสามารถและปฏิภาณความเข้าใจของเขานั้นเป็นอันดับต้นๆ ในบรรดาบัณฑิตแห่งอุทยานราชวงศ์”
คณบดีป้าซานผงกหัว “องค์ชายรองใจกว้างจริงๆ ถ้าอย่างงั้นข้าจะขอให้องค์ชายรองส่งข่าวดีนี้ให้แก่พวกเขา เพื่อให้พวกเขาไปพบข้าที่บัณฑิตนิเวศน์”
หลิงอวี้ชู้ปีติยินดี เขารู้ว่าคณบดีป้าซานให้โอกาสนี้แก่เขาเพื่อคล้ององค์ชายหมิ่นเยว่มาเป็นเครือข่ายพรรคพวก จึงรีบออกไปทําตามนั้นทันที
หลิงอวี้จิวและองค์ชายหมิ่นเยว่มายังบัณฑิตนิเวศน์ นอกจากพวกเขาแล้วยังมีฉินอวี้ เฉินหว่านอวิ๋น อวิ๋นฉื้อ เว่ยหยง และบัณฑิตคนอื่นๆ อีกจํานวนหนึ่ง
คณบดีป้าซานกล่าว “ข้าได้ปรึกษากับอธิการบดีเพื่อทดสอบระบบดุษฎีบัณฑิตและพวกเจ้าทุกคนถูกคัดเลือกให้เป็นว่าที่ดุษฎีบัณฑิตเตรียมการ จากวันนี้เป็นต้นไป พวกเจ้าทุกคนจะต้องไปเพียงแค่ศาลานักบุญศิลป โถงหยางพิสุทธิ์ เรือนยุทธการลับ โถงเรียงธาตุ ศาลาคีตาสวรรค์ เพื่อฟังบรรยาย เรียนการวาดภาพ การคัดลายมือ การขัดเกลาจิตใจ ทักษะพิชัยยุทธ์ ศาสตร์พยุหะค่ายกล และดนตรี ส่วนความรู้ด้านอื่นๆ เจ้าจะเรียนรู้จากข้าโดยตรง และข้าจะฝึกฝนสั่งสอนเจ้าตามความถนัดและความสามารถของ แต่ละคน ซึ่งจะแตกต่างจากบัณฑิตคนอื่นๆ ในมหาวิทยาลัย หลังจากนั้นอีกสามสี่ปีก็ขึ้นกับความสามารถของพวกเจ้าเพื่อดูว่าจะเป็นดุษฎีบัณฑิตตัวจริงได้หรือไม่ จริงสิ…”
เขามองไปรอบๆ แล้วยิ้มกล่าว “พวกเจ้าทุกคนจะมีพี่ใหญ่ หรือบางทีพวกเจ้าอาจจะต้องเรียกว่าอาจารย์อา เขานั้นเป็นดุษฎีบัณฑิตคนแรกของมหาวิทยาลัยจักรวรรดิเรา และข้าได้ปรึกษากับอธิการบดีเรียบร้อยแล้ว ข้าถวายรายงานแก่องค์จักรพรรดิและราชโองการของจักรพรรดิคงจะตามมาในไม่ช้า”
ทุกคนหันไปมองกันไปมาอย่างสงสัย ดุษฎีบัณฑิตคนแรก? คือใครกันนะ
เยว่ชิงหงและหลวงจีนอวิ๋นฉื้อพลันเอี้ยวไปมองเฉินหว่านอวิ๋นและพบว่าสีหน้าเฉินหว่านอวิ๋นนั้นดูพิกลปนเป
คณบดีป้าซานกล่าว “สําหรับคราวนี้ข้าจะพาองค์หญิงเจ็ดออกไปฝึกฝนแสวงประสบการณ์สักสี่ห้าวัน ส่วนคนอื่นๆ ต้องรอโอกาสหน้า องค์หญิงจักรวรรดิ เจ้าสามารถไปที่เรือนบันทึกสวรรค์ เพื่อเลือกคัมภีร์โบราณบันทึกวิชาและทักษะเทวะจํานวนหนึ่งมาได้ ส่วนคนอื่นๆ อยู่ที่นี่ก่อน”
ทุกคนประหลาดใจและดีใจ
…
ที่เรือนบันทึกสวรรค์ บรรณารักษ์ลับตรวจสอบบัตรหนังสือแล้วกล่าวกับฉินมู่ “เมื่อเจ้าเข้าไปข้างในห้ามทําหนังสือฉีกขาด หากว่าหนังสือเสียหายล่ะก็ เจ้าจะโดนจับขังคุก ด้วยบัตรหนังสือของเจ้า เจ้าสามารถเลือกดูหนังสือในตึกนี้ชั้นแรกเท่านั้น ห้ามขึ้นไปชั้นสอง มิเช่นนั้นบรรณารักษ์ลับที่ชั้นสองจะหิ้วคอเจ้าไปลงโทษ”
ฉินมู่กล่าว “ข้าจะติดตามคณบดีป้าซานออกไปฝึกฝนแสวงประสบการณ์ ดังนั้นข้าจะยืมคัมภีร์โบราณสักสองสามเล่ม”
บรรณารักษ์ลับสะดุ้งและกล่าว “อย่างนั้นเองหรือ คณบดีป้าซานมีสิทธิพิเศษ ดังนั้นศิษย์ของเขาสามารถยืมคัมภีร์โบราณออกไปได้ 5 เล่ม เจ้าสามารถเข้าไปเลือกคัมภีร์ที่ต้องการแล้วมาลงชื่อบันทึกรายนามคัมภีร์กับข้าตรงนี้”
ฉินมู่เดินเข้าไปในเรือนชั้นหนึ่งและเห็นห้องหลาย 10 ห้องในเรือนชั้นนี้ แต่ละห้องนั้นกว้างขวางเป็นอย่างยิ่งและมีแผ่นป้ายแปะไว้ที่ประตูของทุกๆ ห้อง คัมภีร์โบราณในห้องเหล่านี้น่าจะจําแนกไว้ตามพื้นที่มณฑลที่มาของคัมภีร์ ทุกวิชาฝึกปรือ วิชาทักษะ และทักษะเทวะจากสํานักต่างๆ ในมณฑลนั้นๆ ก็จะเก็บรักษาไว้ในห้องที่แปะป้ายชื่อมณฑล
ฉินมู่เดินเข้าไปในห้องที่แขวนป้ายว่าหลี่โจว เขาเห็นชั้นหนังสือ 10 กว่าชั้นและมีป้ายที่เขียนชื่อสํานักต่างๆ ห้อยอยู่ตามชั้น หนังสือแต่ละชั้น นอกจากสํานักแล้วยังมีชื่อของตระกูลใหญ่ชั้นสูงอีกด้วย
ในห้องมีคนอยู่ไม่มาก มีบัณฑิตแค่สองสามคนนั่งอยู่กับพื้นและคลี่ม้วนคัมภีร์อ์่านและยังมีประตูเล็กๆ อยู่ข้างๆ เมื่อฉินมู่เดินไปดูก็พบว่าประตูสองบานถูกล็อกจากข้างในและมีอีกบานหนึ่งที่เปิดเอาไว้
เขาผลักประตูบานนั้นเปิดและตะลึงไปเล็กน้อย หลังประตูนี้เป็นพื้นที่กว้างใหญ่เป็นไร่ มันใหญ่ยิ่งกว่าห้องกลางเก็บหนังสือเมื่อครู่มากๆ แต่ห้องนี้ไม่มีอะไรอยู่ในนั้นเลย
“หรือว่านี่คือสถานที่สําหรับให้บัณฑิตฝึกวิชาฝึกปรือ วิชา ทักษะ และทักษะเทวะ?”
ฉินมู่กลับไปที่หน้าชั้นวางหนังสือ และหยิบม้วนคัมภีร์มาอ่าน เขาทึ่งขึ้นมาทันที “มีสํานักในมณฑลหลี่โจวมากมายขนาดนี้เชียวหรือ”
บนม้วนคัมภีร์นั้นเขียนว่าวิชาฝึกปรือเมฆแดงแห่งสํานักเมฆแดง และยังมีม้วนคัมภีร์ข้างๆ ที่เขียนว่าเพลงกระบี่เมฆแดง วิชาสี่พยุหะเมฆแดง เคล็ดลับยาเซียนเมฆแดง ฯลฯ
ฉินมู่กวาดตามองอย่างคร่าวๆ และพบว่าวิชาฝึกปรือของสํานักเมฆแดงมีความพิเศษของมันอยู่ เมื่อผู้ใดฝึกปรือวิชานี้ ปราณชีวิตของเขาก็จะแปรเปลี่ยนเป็นเมฆแดง และเมื่อใดก็ตามที่เขาร่ายรํากระบวนท่า ทั้งทั้งท้องฟ้าก็จะเต็มไปด้วยเมฆแดง ในเวลานั้นพวกเขาก็จะสามารถซ่อนกระบี่บินไว้ในเมฆและศัตรูก็มักจะพลาดท่าถูกจู่โจมเมื่อทัศวิสัยของพวกเขาถูกบดบังด้วยเมฆแดง
“แม้ว่าวิชาฝึกปรือเมฆแดงจะไม่เลวนัก แต่ก็ยังไม่นับว่าอัศจรรย์”
เขาวางวิชาฝึกปรือเมฆแดงลงแล้วดูเพลงกระบี่เมฆแดงสองสามทีก่อนที่จะวางกลับลงไป เพลงกระบี่เมฆแดงนั้นเป็นระบบเดียวกับวิชาฝึกปรือเมฆแดง มีแต่ผู้ที่ฝึกวิชาฝึกปรือเมฆแดงแล้วเท่านั้นจึงจะฝึกเพลงกระบี่เมฆแดงได้ เมื่อเขาดูวิชาสี่พยุหะเมฆแดง ก็พบว่ามันเรียกร้องให้ผู้ฝึกปรือต้องมีรากฐานวิชาฝึกปรือเมฆแดงมาก่อนเหมือนกัน
เคล็ดลับยาเซียนเมฆแดงนั้นเขาก็อ่านมันผ่านๆ และพบว่ามันเกี่ยวกับศิลปะการปรุงยา มันมีบางตํารับยาที่คู่ควรแก่การใช้อ้างอิง แต่ว่ามีหลายสูตรตํารับยาที่มีปัญหาอย่างชัดเจน เมื่อความเป็นพิษในยาจะไม่ถูกขจัดไปอย่างหมดสิ้นได้
เขาวางม้วนคัมภีร์สำนักเมฆแดงกลับไปบนชั้นหนังสือ และหยิบคัมภีร์ม้วนหนาขึ้นมาเล่มหนึ่ง
“คัมภีร์โบราณของราชวงศ์จักรวรรดิอวี้เหยียน?” ฉินมู่ตะลึงพรึงเพริดและอ่านชื่อคัมภีร์ซ้ำแล้วซ้ำอีก ขณะที่ครุ่นคิดในใจ “นี่ไม่ใช่ชั้นหนังสือของสํานักต่างๆ ในมลฑลหลี่โจวหรอกหรือ จักรวรรดิอวี้เหยียนโผล่มาจากไหน จริงสิ มีอะไรเกี่ยวข้องกันหรือเปล่านะระหว่างจักรวรรดิอวี้เหยียนและอวี้เหยียน ฉู่อวี้ หรือว่าก่อนหน้านั้นมณฑลหลี่โจวไม่ใช่ดินแดนของจักรวรรดิสันตินิรันดร์มาก่อนและเป็นเขตแดนของจักรวรรดิที่ชื่อว่าอวี้เหยียน”
ฉินมู่ใจวูบไหวเล็กน้อย อวี้เหยียนฉู่อวี้เป็นผู้ว่าการอายุน้อยแห่งมณฑลหลี่โจวและมีแซ่อวี้เหยียน นางยังกล่าวว่านางมีพี่ชายคนหนึ่งที่มีนามว่าอวี้เหยียนฉู่อวิ๋น ซึ่งเป็นขุนนางอยู่ในเมืองหลวง หรือว่าสองพี่น้องคู่นี้จะเป็นอดีตราชวงศ์จากจักรวรรดิอวี้เหยียน
ตําแหน่งขุนนางของอวี้เหยียนฉู่อวี้นั้นไม่ตํ่าเลยและมีศักดิ์ฐานะสูงส่งตั้งแต่ยังอายุน้อยๆ นางน่าจะมีอิทธิพลหนุนหลังที่ยิ่งใหญ่
“หลี่โจวนั้นตั้งอยู่ที่ทางใต้ของพื้นที่ภาคกลางของจักรวรรดิสันตินิรันดร์ นี่แปลว่าจํานวนของประเทศที่จักรวรรดิสันตินิรันดร์เข้ายึดครองนั้นต้องมีจํานวนมิใช่น้อย”
ฉินมู่พลิกผ่านขุมวิชาของจักรวรรดิอวี้เหยียนและแม้ว่าคัมภีร์โบราณของราชวงศ์จักรวรรดิอวี้เหยียนจะไม่ครบถ้วนสมบูรณ์ แต่มันก็ดีกว่าวิชาของสํานักเมฆแดงมาก ขุมวิชาของราชวงศ์จักรวรรดิอวี้เหยียนนั้นเรียกว่าวิชาลึกลับเฉิงตู่แบกสวรรค์ ซึ่งมีระบบแทบจะครบถ้วน เพลงกระบี่ของมันเรียกว่าเพลงกระบี่อาทิตย์อัสดง
ฉินมู่อ่านผ่านอย่างรวดเร็วและตัดสินใจเลือกชุดคัมภีร์ม้วนนี้ สําหรับเพลงกระบี่นั้นเขาได้ฝึกเพียงแค่ท่าแรกของภาพกระบี่
ซึ่งก็คือกระบี่ย่างไปในทิวทัศน์ แต่ทว่ากระบวนท่านี้เผาผลาญปราณชีวิตหนักมาก ทําให้หากเขาพบศัตรูในเวลาปกติและใช้กระบวนท่านี้ออกมา มันก็จะทําให้ปราณชีวิตของฉินมู่เหือดแห้งจนหมด และหากว่าต้องเผชิญกับศัตรูคนถัดไป เขาก็จะต้องซวยอย่างแรง
ดังนั้นสิ่งที่เขาต้องการคือเพลงกระบี่ชั้นหนึ่ง เพลงกระบี่อัสดงของจักรวรรดิอวี้เหยียนนั้นเป็นเพลงกระบี่ชั้นหนึ่งที่จับตาจับใจเขา
เมื่อกี้บรรณารักษ์ลับบอกว่าข้าสามารถเลือกคัมภีร์ได้ 5 ม้วน ข้าน่าจะไปหาเพิ่มอีกหน่อย
ฉินมู่ตรวจดูชั้นหนังสืออื่นๆ แต่ไม่พบอะไรที่ต้องใจ ไม่มีวิชาของสํานักไหนที่ดีเท่ากับวิชาลึกลับเฉิงตู่แบกสวรรค์ของจักรวรรดิอวี้เหยียน
เขาจึงย้ายไปสํารวจห้องอื่นๆ ทีละห้อง และพบวิชาชั้นหนึ่งที่ทําให้เขาแอบสงสัยขึ้นมา หากว่ามีคัมภีร์โบราณตั้งมากมายเก็บรักษาไว้ในชั้นแรกของเรือนบันทึกสวรรค์ คัมภีร์ที่เก็บไว้ชั้นสองและชั้นสามจะบันทึกวิชาร้ายกาจสะท้านโลกาแค่ไหนเอาไว้บ้างนะ
เอ๋ แต่มีอะไรแปลกๆ คัมภีร์โบราณหลายม้วนที่สำนักต่างๆ มอบให้มา น่าจะถูกตัดทอนออกบางส่วนและพวกเขาคงไม่ให้สุดยอดวิชาที่แท้จริงมา
ยิ่งฉินมู่พลิกดูคัมภีร์โบราณเหล่านั้น เขาก็ทวีความสงสัยมากขึ้นทุกที คัมภีร์โบราณหลายต่อหลายเล่มถูกตัดทอนออก และไม่มีสุดยอดวิชาผนวกรวมอยู่ในนั้น เขาเพียงแค่ดูคร่าวๆ ก็สามารถรู้สึกได้อย่างชัดเจน
ยกตัวอย่างเช่นวิชากระบี่ 9 เพลงเชื่อมแม่นํ้า มีกระบวนท่าทั้งหมด 9 กระบวนท่า แต่เมื่อเขาลองร่ายรํากระบวนท่าที่ 9 เขาก็พบว่าพลังโทสะและพลานุภาพของเพลงกระบี่เร่งเร้าถึงขีดสุด
ทว่าตามมาด้วยความว่างเปล่า พลานุภาพอันน่าพรั่นพรึงคุกรุ่นอยู่ที่เพลงกระบี่กระบวนท่าที่ 9 แต่กลับไม่มีกระบวนท่าที่ 10 ในการปลดปล่อยพลังนั้นออกมา
นี่แสดงว่าสํานักกระบี่ 9 เพลงนั้นมิได้มอบตํารากระบี่ที่สมบูรณ์มาและปิดบังซ่อนเร้นวิชากระบี่บางส่วน
ยังมีกรณีทํานองนี้อีกมา เห็นได้ชัดว่ากลุ่มอํานาจเหล่านั้นอิดออดที่จะมอบสุดยอดวิชาของพวกเขาให้แก่จักรวรรดิสันตินิรันดร์ และทุกกลุ่มน่าจะเก็บงําวิชาบางส่วนไว้สําหรับตน