Skip to content

Tales of Herding Gods 241

ตอนที่ 241 กษัตริย์มนุษย์รุ่นต่อไป

พวกเขาเดินกลับไปทางที่จากมา และเมื่อฉินมู่เห็นหมู่บ้านว่างเปล่าอีกครั้ง เขาก็เดินเข้าไปในห้องที่แปะคําว่า ‘สุข’ เอาไว้ และหยิบเสื้อผ้าทารกที่มีคําว่า ‘ฉิน’ ปักอยู่บนนั้น

ยิ่งเขาใส่ใจมันเท่าไร เขาก็ยิ่งปั่นป่วนใจมากเท่านั้น เมื่อเขามาที่นี่ในคราแรกเขารู้สึกกระทบใจอย่างลึกลํ้าและไม่อาจสงบลงได้เป็นนานสองนาน เขาจึงไม่ค้นพบเบาะแสเล็กน้อยเลยแม้แต่นิด

คําว่า ‘ฉิน’ บนข้าวของที่นักปรุงยานําออกมามีลักษณะแทบไม่แตกต่างกับที่ปักบนเสื้อผ้าทารก พวกมันดูเหมือนมาจากตัวแบบเดียวกัน แต่หากว่าใครมองดูอย่างใกล้ชิดจะพบว่ามีความแตกต่างอยู่

ฉินมู่เรียนวิชาคัดอักษรวาดพู่กันจากเฒ่าหนวกมาก่อน และหากว่าเขาสามารถสงบใจเพื่อพิจารณามันด้วยใจเที่ยงแท้ เขาก็จะพบว่าคําว่า ‘ฉิน’ บนเสื้อผ้าทารกนั้นแตกต่างจากคําว่า ‘ฉิน’ บนจี้หยกของเขา

แต่ทว่าในตอนนั้น จิตใจของเขาปั่นป่วน จึงมีผลกระทบต่อวิจารณญาณ

บัดนี้เมื่อเขาตรวจตราอย่างรอบคอบ คําว่า ‘ฉิน’ บนเสื้อผ้าเด็กนี้ถูกเขียนรอยไว้ก่อนจากนั้นเย็บด้ายทีละเส้น…ทีละเส้น ลงไปในเนื้อผ้า ‘ฉิน’ นี้แตกต่างจากจี้หยกของเขาจริงๆ

คนอื่นๆ ในหมู่บ้านยืนล้อมผู้ใหญ่บ้านและปรมาจารย์เพื่อถามพวกเขาเกี่ยวกับประสบการณ์และสิ่งพานพบอันพวกเขาได้เห็นบนเรือนั้น

ผู้ใหญ่บ้านส่ายหน้า “ข้างในอันตรายเกินไป พวกเราจึงไม่ได้บุกลึกเข้าไปอีก พวกเราเพียงแต่อ้อมไปในเขตชั้นนอกและก็แทบจะทิ้งชีวิตเอาไว้ โชคดีที่เฒ่าใบ้อยู่ที่นั่น พวกเราจึงสามารถล่าถอยมาได้โดยปลอดภัย”

ทุกคนถามเฒ่าใบ้ทันทีว่าเขารู้เส้นทางที่ปลอดภัยและพาผู้ใหญ่บ้าน ปรมาจารย์และคนอื่นๆ ออกมาได้อย่างไร

ฉินมู่เดินออกมาจากลานบ้านและมีความสงสัยแบบเดียวกัน แม้แต่ราชามารตู้เถียนยังกล่าวเลยว่าเขาจะต้องใช้เวลาปีถึงสองปีในการหาเส้นทางปลอดภัยเข้าไปในเรือพังพินาศนั้น หากว่าร่างจริงของเขาจุติลงมา แต่ทําไมเฒ่าใบ้บุกเข้าไปได้อย่างง่ายดายล่ะ

ทุกคนถามเขานานสองนานแต่เฒ่าใบ้ไม่พูดอะไรสักคํา เขาเพียงแต่เผยรอยยิ้มสัตย์ซื่อและร้องอาๆ 2 ทีเมื่อเขาเริ่มกระวนกระวายจากคําถามจี้จุดเหล่านั้น

ทุกคนหันไปมองเฒ่าหนวกทันที เฒ่าหนวกและเฒ่าใบ้เป็นคู่หูที่สนิทกันที่สุด และเฒ่าหนวกล่วงรู้จิตใจเฒ่าใบ้ได้มากที่สุด เฒ่าหนวกจะเป็นผู้ที่คอยแปลความ เมื่อทุกคนไม่เข้าใจความหมายของเฒ่าใบ้

แต่ทว่าคราวนี้เฒ่าหนวกเองก็งุนงงเหมือนกัน เห็นได้ชัดว่าเขาก็ไม่รู้ว่าเฒ่าใบ้พูดว่าอะไร

“ไอ้ใบ้นี่มันไม่อยากบอกอะไรสักอย่าง!”

ยายเฒ่าซีกล่าวอย่างเดือดดาล “เจ้าหมอนี่ต้องอั้นอากาศตายในสักวัน!”

ทุกคนพักผ่อนในหมู่บ้านเล็กๆ แห่งนี้ ส่วนกิเลนมังกรตามไปแนบชิดติดปรมาจารย์เยาว์ บัดนี้กิเลนมังกรดูเต็มไปด้วยความคึกคักและถูไถตัวเองไปรอบๆ ปรมาจารย์

ปรมาจารย์ต้องทําท่าจะแพ่นกบาลเขา ถึงจะไล่เขาไปได้ แต่ทว่าเดี๋ยวสักพักเจ้ากิเลนนี่ก็กลับมากระดิกหางมังกรของเขาพลางถูไถเสื้อผ้าของปรมาจารย์เยาว์ซึ่งตอนนี้เต็มไปด้วยรูโหว่ที่เขาทํา

“เจ้าอ้วนเกินไปแล้ว!”

ปรมาจารย์เยาว์กล่าวอย่างขมขื่น “ข้าก็บอกแล้วไงว่าข้ากําลังจะตายจากความชรา ข้าทิ้งเจ้าแล้ว เลิกถูไถข้าสักที…อย่าคิดจะกระโดดขึ้นมาบนแขนข้านะ ข้ายกเจ้าไม่ได้แล้ว! ชิ่วๆ ไปไกลๆ เลย!”

ในอีกด้าน เฒ่าบอดกําลังตอแยราชามารตู้เถียนด้วยคําถามเกี่ยวกับพีชคณิต ราชามารตู้เถียนนั้นค่อนข้างหวาดกลัวผู้คนในหมู่บ้าน ดังนั้นเขาจึงพยายามตอบคําถามเหล่านั้นอย่างสุดความสามารถ แต่ทว่าเขาเพียงแต่ตอบคําถามของเฒ่าบอด แต่ไม่เสนอที่จะถ่ายทอดพีชคณิตอันสูงชั้นกว่านั้นให้เขา

นักปรุงยาเร่งรีบดูอาการบาดเจ็บคนหนึ่งและรี่ไปที่อีกคนหนึ่งเพื่อรักษาเยียวยา

ฉินมู่เดินเข้าไปบ้าน แม้ว่าที่นี่อาจจะไม่ใช่บ้านของบิดามารดาเขา แต่สถานที่นี้ก็ทําให้จิตใจเขาสุขสงบ

เฒ่าใบ้เดินเข้ามาด้วยเช่นกันและมองไปรอบๆ มือหยาบกร้านของเขาลูบม้าไม้เล็กๆ และหยิบเสื้อผ้าชิ้นนั้นขึ้นมา ชายร่างหนากํายําผู้นี้มีสายตาอันอ่อนโยนเป็นอย่างยิ่ง

ฉินมู่มองไปทางเขา และเฒ่าใบ้ก็ฉีกยิ้มแฉ่งกลับมา “ได้เวลาไปแล้ว!”

ยายเฒ่าซีเร่งรัด “กลับไปหมู่บ้านฉลองวันปีใหม่! ปรมาจารย์ หมูตัวกลมที่ท่านเลี้ยงไว้นั่น ในที่สุดก็อ้วนเหมาะแก่การแล่มาขึ้นโต๊ะ! คนแล่เนื้อเราฝีมือดีและสามารถเถือเนื้อหนังมาทําอาหารสักชุดสองชุด เพียงพอที่จะจัดโต๊ะเลี้ยงได้สองโต๊ะ!”

“เจ้ากล้าเรอะ!” ปรมาจารย์เยาว์ตะโกนด้วยความกระวนกระวาย “อย่าคิดจะแตะต้องเขาเด็ดขาด ตั้งแต่เจ้ายังเล็กเจ้าก็คอยสอดส่ายสายตาไม่น่าไว้ใจที่กิเลนมังกรของข้าแล้ว คอยแต่คิดจะจับเขากิน…ไปให้ พ้น เลิกถูไถข้าได้แล้ว ข้าไม่ลูบหัวเจ้าหรอก… ผู้อาวุโสคุมกฎ ลากเขาไปให้พ้นข้าเร็วเข้า!”

ผู้อาวุโสคุมกฎไล่กิเลนมังกรไปทางฉินมู่ ปรมาจารย์เยาว์มองไปและเห็นกิเลนมังกรเดินย้ายก้นไปทางฉินมู่ เขานั้นอ้วนพีเป็นอย่างยิ่งจนตูดกลมเหมือนลูกบอล เนื้อหนังก็บานเบอะราวกับแรด และทุกครั้งที่เขาย่างเท้าไป ตูดกลมๆ ของเขาก็จะเด้งดึ๋งๆ

“เจ้าตัวนี้ต้องไปอ้อนขออาหารจากจ้าวลัทธิแน่ๆ และมื้ออาหารเขาต้องไม่น้อยแน่นอน ข้าเจอเขาตอนแรกเขานั้นตัวเล็กยังกะแมวและมาถูไถข้าเพื่ออ้อนขออาหาร และสุดท้ายเขาก็อ้วนขึ้นๆ และตามข้าติดหนับ…”

ปรมาจารย์เยาว์ถอนหายใจ กิเลนมังกรในตอนนั้นตัวเล็กจริงๆ ขนาดว่าเขาสามารถอุ้มขึ้นมาลูบหัวได้

“เรือใหญ่อะไรอย่างนี้!” ทุกคนมาถึงหน้าเรือจันทราและตกตะลึงอย่างช่วยไม่ได้ เฒ่าเป๋หมายจะขโมยเรือนี้ไปแต่ถูกยายเฒ่าซีด่าทอ “เฒ่าเป๋ที่น่าตาย แม้ว่าเจ้าจะขโมยมันไปได้ แล้วจะเอามันไปจอดไว้ตรงไหนหา ถ้าเจ้าเอามันไปไว้ในหมู่บ้านข้าจะตีขาเจ้าให้หัก!”

เฒ่าเป๋จึงได้แต่ละวางความคิด เขาถามฉินมู่ว่าทําอย่างไรถึงขับเรือนี้มาที่นี่ได้ และหลังจากได้ยินฉินมู่เล่าถึงประสบการณ์ต่างๆ กว่าเขาจะขับเรือมาที่นี่ ความคิดของเฒ่าเป๋ก็แล่นปรู๊ดปร๊าดขึ้นมาอีกครา “ได้รับฤทธานุภาพของเทพสวรรค์หลังจากกลายเป็นผู้พิทักษ์จันทราอย่างนั้นหรือ”

เขาวิ่งขึ้นไปแตะเสามหึมาบนเรืออย่างรวดเร็ว แต่พบว่าไม่เกิดการเปลี่ยนแปลงใดๆ ทั้งสิ้นจึงได้แต่กลับลงมา

ในแดนโบราณวินาศเต็มไปด้วยปริศนาที่ไขไม่ออก และเรือจันทราก็เป็นหนึ่งในนั้น

เมื่อพวกเขาเดินออกมาจากม่านคุ้มกันไร้รูป ก็เห็นดวงอาทิตย์ห้อยอยู่กลางฟ้าแล้ว มันเป็นเวลาเที่ยงวันแต่สภาพอากาศหนาวเย็นเมื่อมีหิมะตกมาอยู่สักพักหนึ่งแล้ว ทําให้พื้นดินอันกว้างขวาง คลี่คลุมไปด้วยหิมะขาว เทือกเขาสลับซับซ้อนก็ถูกย้อมให้เป็นสีขาว และเมื่อพวกเขาเดินไปก็มีเสียงกรอบแกรบจากการเหยียบหิมะ

ในซากโบราณข้างทางมีหมีจํานวนหนึ่งหลบซ่อนอยู่ในโพรงไม้ และมีแม่หมีที่กําลังกอดลูกของมันเอาไว้ เมื่อแม่หมีนั้นเห็นฉินมู่กับคนอื่นๆ โผล่เข้ามา นางก็ลืมตาขึ้นอย่างตกตะลึง แต่ก็ขี้คร้านเกินกว่าจะขยับเคลื่อนไหว นางเพียงแต่ตัวสั่นหนึ่งทีแล้วกลับไปจําศีลต่อ

ฉินมู่หันกลับไปและพบว่าม่านคุ้มกันนั้นหายไปแล้ว มหานาวาอันใหญ่มหึมาถูกปิดผนึกไว้ข้างใน เรือจันทราเช่นเดียวกับผนึกลูกบาศก์อันสลับซับซ้อนนั้นก็หายไปด้วยทั้งหมด

กลายเป็นผืนป่ากว้างใหญ่ปรากฏแทนที่ ต่อเมื่อยามราตรีมาถึง ผนึกอันลึกลับนี้จึงจะปรากฏขึ้นมาอีกครา

“ไปกัน กลับหมู่บ้านไปฉลองปีใหม่” ผู้ใหญ่บ้านกล่าวด้วยนํ้าเสียงสงบ

ทุกคนเริ่มเดินทางกลับ และในเมื่อสถานที่นี้ห่างไกลจากหมู่บ้านพิการชรามากนัก การเดินทางจึงยืดเยื้อไปวันสองวัน แต่ถึงอย่างไรก็ดีแล้วที่ทุกคนปลอดภัย

ในเย็นวันที่ 2 พวกเขาก็กลับมาถึงหมู่บ้านพิการชราในที่สุด ฉินมู่ ท่านยายซี และเฒ่าหม่าเริ่มง่วนอยู่กับการประดับตกแต่งหมู่บ้านและตระเตรียมข้าวปลาอาหารสําหรับงานเลี้ยงฉลองวันปีใหม่

ฉินมู่นํากระดาษแดงไปให้เฒ่าหนวกเขียนถ้อยคํามงคล และข้อความต้อนรับปีใหม่ จากนั้นเขาจึงเรียกฉินมู่ให้นำไปแปะไว้ที่หน้าประตูบ้านของทุกๆ คน

“แปะไว้ที่เล้าไก่ด้วย แล้วก็ต้นไม้โบราณหน้าหมู่บ้านแปะมันไว้ตรงนั้นที่หนึ่งเพื่อเชื้อเชิญโชคลาภเข้ามา” ท่านยายซีแนะ

ทุกคนเร่งมือทํางานอยู่สักพัก และในที่สุดทุกคนในหมู่บ้านก็สามารถนั่งลงเพื่อกินและดื่มสุราชั้นดีด้วยกันท่ามกลางเสียงหัวเราะและความคึกครื้น ปรมาจารย์เยาว์และผู้อาวุโสคุมกฎก็นั่งลงและเข้า ร่วมงานฉลองปีใหม่อันเต็มไปด้วยชีวิตชีวาที่มาถึงล่าช้ากับพวกเขาด้วย

ในเช้าวันถัดไป ปรมาจารย์เยาว์กับผู้อาวุโสคุมกฎก็กล่าวลา “ในแดนโบราณวินาศยังมีเรื่องลึกลับอีกมากมายนับไม่ถ้วนและข้าคงสําราญใจที่ได้ค้นหาและประสบพวกมันก่อนที่ข้าจะตาย สหายเฒ่าทั้งหลาย พวกท่านไม่จําเป็นต้องส่งข้า”

เมื่อเขากล่าวจบ หนึ่งเฒ่าหนึ่งหนุ่มก็เดินจากไปในที่ไกลๆ บนพื้นหิมะอันสุมหนา

ราชามารตู้เถียนมองไปที่ฉินมู่และกล่าว “จ้าวลัทธิมาร ได้เวลาที่เจ้าจะต้องทําตามสัญญาแล้ว”

ฉินมู่กล่าวด้วยสีหน้ามั่นคง “ราชามาร ไม่ต้องกังวล ข้ารักษาสัญญาและจะปลดปล่อยเจ้า”

เฒ่าบอดและเฒ่าเป๋ก้าวเข้ามาและราชามารตู้เถียนก็พลันกระวนกระวายอย่างแรง รํ่าร้องออกมา “จ้าวลัทธิมาร หรือเจ้ากําลังจะให้พวกเขาจับข้ากลับมาใหม่หลังจากที่ปล่อยข้าไปแล้ว? เจ้ากล้าดีอย่างไร!”

ฉินมู่ละอายเล็กน้อยและหันไปสั่นศีรษะแก่เฒ่าเป๋และเฒ่าบอด เฒ่าเป๋พึมพํา “เจ้าหมอนี่เป็นผู้ช่วยชั้นดี และหากว่าข้ารั้งเขาไว้ต่อ ข้าก็จะขโมยของยากๆ ได้มากขึ้น…”

ฉินมู่กล่าวอย่างอบอุ่น “ราชามาร ไม่ต้องกังวล ข้าจะคลายอักษรรูนปิดผนึกบนตัวของเจ้า และเจ้าก็จะได้รับอิสระ”

เขาคลายอักษรรูนปิดผนึกบนร่างของราชามารตู้เถียนไปทีละตัว ราชามารตู้เถียนถึงค่อยโล่งใจ “สหายน้อยฉิน ตู้เถียนและที่นี่เป็นโลกคนละโลก หลังจากเราจากกันวันนี้ อาจจะไม่ได้พบเจอกันอีก เพราะถึงอย่างไรชีวิตของปุถุชนอย่างพวกเจ้านั้นแสนสั้น อายุขัยของพวกเจ้านั้นเหมือนกับเพียงชั่วดีดนิ้วของพวกเรา ดับสิ้นไปในพริบตา บางทีเมื่อข้าหวนนึกถึงเจ้าขึ้นมาอีกที เจ้าคงจะตายไปแล้วหลายพันปี นี่ก็ค่อนข้างเศร้าเมื่อมาคิดๆ ดูแล้ว…”

ฉินมู่แย้มยิ้ม “ราชามาร ข้ายังคงติดต่อเจ้าได้บ่อยๆ ข้ายังรู้อักษรรูนบัญชาผีย้ายเทพเคลื่อนของสํานักมหาบรรพต”

ราชามารตู้เถียนหัวเราะด้วยเสียงอันดัง “โลกของเจ้าอันตรายเกินไป แม้เจ้าจะอัญเชิญข้ามาที่นี่ ข้าก็ไม่มาหรอก หลังจากข้ากลับไป ข้าจะมองหาโลกใหม่ โลกใหม่ที่ประชาชนของข้าจะสามารถอยู่รอดได้”

ฉินมู่คลายผนึกสุดท้ายและกล่าว “ราชามาร เจ้าสามารถกลับได้แล้ว”

ราชามารตู้เถียนลองดูและพบว่าไม่มีผนึกหลงเหลืออีกจึงคลายใจอย่างสมบูรณ์ “หวังว่าคงไม่เจอกันอีก!”

เมื่อเขากล่าวเช่นนั้น สํานึกรู้ของเขาก็ทะลวงเข้าไปในโพ้นมิติและหายวับไป

ฉินมู่เงยหน้าและแย้มยิ้ม “ใครจะบอกได้ว่าอนาคตข้างหน้าจะเกิดอะไรขึ้น”

สํานึกรู้ของราชามารตู้เถียนกลับไปยังโลกตู้เถียนและเข้าไปในร่างเดิมของเขา ราชามารตู้เถียนผู้ยิ่งใหญ่นั้นรับรู้ทุกสิ่งที่สํานึกรู้ของเขาพบพานมาในทันที และสะท้านใจอย่างรุนแรง เขาระบายลมหายใจที่อั้นไว้และครุ่นคิดในใจ “โลกอันตรายที่ถูกจับจ้องโดยเหล่าเทพเจ้านั่นไม่เหมาะจะเป็นที่อยู่อาศัยของประชาชนตู้เถียนข้าจริงๆ ดูท่าข้าคงจะต้องเสาะหาโลกใบใหม่…”

“มู่เอ๋อ มานี่” ผู้ใหญ่บ้านร้องเรียก ฉินมู่รีบไปหา และผู้ใหญ่บ้านก็ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง “ข้าขบคิดอยู่ค่อนข้างนานแต่ก็ยังมีเรื่องที่ข้าต้องบอกเจ้า นอกจากคําว่า ‘ฉิน’ จํานวนมากที่ข้าพบบนเรือแล้ว ข้ายังพบสิ่งอื่นอีกด้วย นักปรุงยา เอาของนั่นมานี่สิ”

นักปรุงยาลังเล “ให้เขาเลยตอนนี้จะเหมาะหรือ”

ผู้ใหญ่บ้านส่ายหน้า “ชีวิตข้าเหลือไม่มากแล้ว และหากว่าข้าไม่ให้มันแก่เขาตอนนี้ จะให้เมื่อไหร่ล่ะ”

นักปรุงยาหยิบกระจกบานหนึ่งออกมาและยื่นให้กับฉินมู่

ฉินมู่รับกระจกมาแต่ไม่พบว่ามีอะไรพิเศษเกี่ยวกับมัน ผู้ใหญ่บ้านกล่าว “ข้างในกระจกบานนี้คือแผนที่ภูมิประเทศที่นําทางไปยังหมู่บ้านไร้กังวล พวกเราพบเจอสิ่งนี้บนเรือ เจ้าไม่ต้องพลิกมันไปมาแล้ว กระจกนี่ถูกข้าปิดผนึกเอาไว้ ต่อเมื่อเจ้าสามารถคลายผนึกของข้าได้ ถึงจะมองเห็นเส้นทางในกระจก สถานที่นั้นอันตรายล้นเหลือและข้าไม่หมายจะให้เจ้าไปที่นั่นในตอนนี้”

ฉินมู่นิ่งงัน ทันใดนั้นเขาก็คุกเข่าลงและโขกหัวคํานับผู้ใหญ่บ้าน

ผู้ใหญ่บ้านกล่าวทันที “ลุกขึ้น ยังมีอีกเรื่อง จู่ๆ ข้าก็พบว่าบนบ่าเจ้านี่ก็มีนํ้าหนักภาระที่ต้องแบกรับมากมาย ทั้งจ้าวลัทธิเยาว์แห่งลัทธิมารฟ้า เด็กกําพร้าแห่งหมู่บ้านไร้กังวล ดังนั้นอาจจะไม่นับว่ามากมายอะไรหากว่าเจ้าจะแบกรับภาระความรับผิดชอบของข้าด้วยเช่นกัน ในวันนี้ข้าจะรับเจ้าเป็นศิษย์และส่งต่อภาระความรับผิดชอบนี้ต่อไป เจ้าจะเป็น…”

“กษัตริย์มนุษย์รุ่นต่อไป!”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!