Skip to content

Tales of Herding Gods 246

ตอนที่ 246 เหมือนจริงแต่ก็คล้ายฝัน

ฉินมู่มองไปยังดาบโค้งมังกรเขียวในมือของเทวรูปราชาสวรรค์และสังเกตเห็นว่าดาบนี้เป็นดาบจริงและมิได้สลักขึ้นมาจากหิน

เมื่อพวกเขาเพิ่งมาถึงวิหารนี้ตอนแรก ฉินมู่ได้สํารวจบริเวณรอบๆ เขาจําได้ชัดๆ ว่าในมือของเทวรูปราชาสวรรค์ไม่มีดาบมาก่อน อย่าว่าแต่ดาบใหญ่มหึมาอย่างดาบโค้งมังกรเขียวนี้

และที่น่าตื่นตระหนกยิ่งกว่านั้น ที่ใบดาบถึงกับมีรอยเลือดอยู่ เมื่อฉินมู่ยื่นมือออกไปหมายแตะดูว่ามันเป็นโลหิตใหม่จริงหรือไม่ ไม้เท้าของเฒ่าบอดก็ตวัดขึ้นมาช้อนข้อมือเขาให้เบี่ยงไปข้างๆ ด้วยรอยยิ้มแจ่มจ้าบนใบหน้าเฒ่าบอดกล่าว “มู่เอ๋อ อย่าอยากรู้อยากเห็นมากเกินไป เดี๋ยวเจ้าจะตายเอาได้”

ฉินมู่ผวาขึ้นมาและพลันจดจําได้ว่าตอนที่เขาและผู้ใหญ่บ้านเข้าไปในความมืดได้พบเจอกับอะไร เพียงหยดเดียวของโลหิตมารก็ทําให้พืชพันธุ์ในรัศมี 150 วาแห้งเหี่ยวตายในพริบตา

หากว่าบนดาบโค้งมังกรเขียวนี้เป็นโลหิตใหม่จริง ก็แปลว่าเรื่องราวประหลาดพิลึกที่เกิดขึ้นเมื่อคํ่าคืนนี้จะต้องเป็นเรื่องจริง นี่ก็จะแปลว่าเทวรูปราชาสวรรค์ได้ไปสังหารราชามังกรบูรพาจริงๆ และนั่นก็คือโลหิตของราชามังกรบูรพา

เฒ่าบอดราวกับหยั่งรู้ความคิดของฉินมู่และกล่าวอย่างแผ่วเบา “ดาบเทวะนี้มีจิตวิญญาณ อย่าบุ่มบ่ามไปกระตุ้นเร้ามัน”

ฉินมู่ยิ้มกล่าว “ข้าไม่ใช่ท่านปู่เป๋ และไม่ทําอะไรห่ามๆ อย่างขโมยดาบเทวะของราชาสวรรค์หรอก ข้าเพียงแต่อยากได้โลหิตบนใบดาบนี้ นี่คือโลหิตของราชามังกรแห่งเหล่ามังกรเทพยดา ดังนั้นมันน่าจะใช้ในการหลอมปรุงยาได้”

เฒ่าบอดกล่าวชม “มู่เอ๋อนับว่าเป็นผู้มัธยัสถ์ที่สุดในหมู่บ้านจริงๆ รู้วิธีสั่งสมความมั่งคั่ง”

ฉินมู่นําขวดหยกออกมาและค่อยๆ นําหยดเลือดราชามังกรบนดาบโค้งมังกรเขียวเข้าไปในขวด จากนั้นหมุนจุกปิดไว้อย่างแน่นหนา

ในลานหน้าวิหารราชาสวรรค์ เศียรมังกรมหึมาอันสลักขึ้นจากศิลาสร้างหลุมใหญ่บนพื้น บนส่วนแตกหักของเศียรมังกร ก็ยังมีรอยเลือดที่มีสีแดงฉานอยู่

ฉินมู่นํากล่องออกมาและแปรเปลี่ยนปราณชีวิตของเขาให้เป็นปราณกระบี่ จากนั้นเขาก็ควบคุมอย่างระมัดระวังเพื่อแคะรอยเลือดเหล่านั้นเก็บเข้าไปในกล่อง

เมื่อเขาเดินมาดูที่ส่วนคอของเศียรมังกร เขาก็พบว่ามันถูกตัดออกอย่างเรียบกริบ ราวกับว่าถูกสะบั้นออกจากร่างด้วยมีดอันคมกล้าเหลือคณา จากรอยตัดนั้น ฉินมู่สามารถนึกภาพออกได้ว่า ดาบคมนั้นทั้งทรงพลังและว่องไวสักเพียงใด!

แม้ว่าเศียรมังกรจะหลุดมาจากรูปสลักศิลา เขาก็ยังคงสัมผัสได้ถึงความปรารถนาอันรุนแรงเร่าร้อนในรอยมีด มันเป็นรอยมีดในเขตขั้นเทวะ

หากว่าข้านั่งที่นี่และเพ่งพิศรอยตัดบนเศียรมังกรนี้ ข้าก็จะสามารถตรึกตรองเข้าใจเพลงมีดอันกร้าวแกร่งอย่างสุดยอดอันไม่ด้อยไปกว่าเพลงมีดเชือดหมูของท่านปู่คนแล่เนื้อเลยแม้แต่น้อย แต่ทว่าตอนนี้ไม่มีเวลา พวกเราควรจะรีบไป

ฉินมู่รู้สึกเสียดาย หากว่าเขาสามารถตรึกตรองทําความเข้าใจเขตขั้นเทวะที่อยู่ในเพลงมีด ปรารถนามีด และเขตขั้นมีดนี้ได้ เพียงแค่รัศมีของมันอย่างเดียวก็อาจจะทําให้ผู้คนขวัญฝ่อจนตาย

เฒ่าหม่าเร่งเขา “มู่เอ๋อ ได้เวลาไปแล้ว!”

ฉินมู่รีบตามคนอื่นๆ และเรียกกิเลนมังกรมาเพื่อแบกเขาไป กิเลนมังกรถูกราชาสวรรค์ขี่ต่างม้าศึกมาตลอดทั้งคืนทําให้ร่างกายของเขาอ่อนแรงและปวดเมื่อยไปหมด ในจังหวะที่ฉินมู่กระโดดขึ้นไปบนหลังเขา เขาก็ร้องลั่นเหมือนหมูกําลังถูกเชือด

ฉินมู่รีบกระโดดลงมา และกิเลนมังกรก็กล่าว “ข้าจะต้องถูกผีอําแน่ๆ ถูกรูปสลักหินขี่หลังตลอดทั้งคืน ผู้เฒ่าบอด ท่านรู้วิชาทํานายทายทัก แล้วท่านรู้วิธีไล่ผีไหม”

เฒ่าบอดส่ายหน้า “ข้าไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญในด้านนี้ ข้าเพียงแต่ทํานายทายทักและไล่ผีสางนานๆ ครั้งเป็นงานอดิเรก ข้าไม่อาจไล่ผีให้เจ้าได้ แต่เจ้าไม่ต้องกังวลหรอก แค่พักผ่อนหนึ่งคืนเดี๋ยวก็ดีขึ้นเอง”

กิเลนมังกรเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง

หลังจากเดินไปหลายพันลี้ทางทิศเหนือ ภูมิประเทศก็ลาดตํ่าลง ฉินมู่เหลียวหลังกลับไปและเห็นว่าพวกเขาเดินลงมาจากเทือกเขาจํานวนหนึ่งที่ลดหลั่นลงเรื่อยๆ ซึ่งทําให้เขางุนงงเป็นอย่างยิ่ง

ท่านยายซีกล่าว “สถานที่นี้เหมือนกับแอ่งยักษ์ ดังนั้นจึงดูเหมือนว่ามีภูเขาใหญ่โตจํานวนมากห้อมล้อมมันอยู่ แต่อันที่จริงแล้วที่เห็นเหมือนภูเขาพวกนั้นคือที่ราบที่เราเพิ่งผ่านมา แอ่งนี้ค่อนข้างใหญ่โตโอฬาร”

ทุกๆ คนมองไปรอบๆ ตรวจตราดูขุนเขาอันยิ่งยง ป่าหนาทึบ โตรกผา และหุบลึกรอบๆ แอ่งนี้ ภูมิประเทศที่นี่ค่อนข้างแตกต่างไปจากพื้นที่อื่นในแดนโบราณวินาศ

แอ่งนี้กว้างใหญ่ไพศาล และเมื่อฉินมู่กับคนอื่นๆ เดินผ่านตีนเขา พวกเขาก็เห็นปะการังแดงโผล่แพลมออกมา พวกมันสะท้อนแสงสวยงามราวกับทับทิม

ท่านยายซีดึงปะการังแดงหมายจะเอาไปเจียระไนเป็นปิ่นปักผม แต่ทันใดนั้นสัตว์พิสดารก็กระโดดออกมาใส่ มันดูราวกับกุ้งมังกรตัวใหญ่ แต่ร่างของมันยาววาครึ่งและมี 8 ขากับก้ามหนีบที่กวัดแกว่งข่มขู่ทุกๆ คน

“อาหารกลางวันมาละ!” เฒ่าบอดดีใจจนเนื้อเต้น

ระหว่างอาหารกลางวัน ฉินมู่ย่างสัตว์พิสดารนี้และกลิ่นหอมของมันก็เตะจมูกพวกเขาทุกคน นํ้ามันจากเนื้อไหลฉ่าๆ ออกมาจากมันกุ้งสีเหลืองทองอันทําให้ทุกคนนํ้าลายไหล เฒ่าหม่าอดอาหารมานานอยู่ คราวนี้เขาจึงกินอย่างเต็มที่เหลือแต่เปลือกกุ้งมังกรไว้บนพื้น

ฉินมู่ฉงน “ทําไมมีสัตว์พิสดารประเภทนี้อยู่ที่นี่ แถวนี้ไม่เห็นมีแหล่งนํ้าเลย”

เมื่อเขากล่าวอยู่นั้น ก็ได้ยินเสียงวัวร้องมูดังมาจากที่ไกลๆ และป่าก็สั่นสะเทือนไปหมด สัตว์ประหลาดปลากลุ่มหนึ่งที่ได้กลิ่นหอมของกุ้งย่างเดินออกมาจากป่า พวกมันมีร่างครึ่งบนเหมือนปลาและยาวถึง 10 วา ขณะที่ครึ่งล่างของมันมีขาแข็งแกร่ง 6 ขา สัตว์พิสดารเหล่านี้ร้องมูๆ เหมือนกับวัว

ฉินมู่มองไปยังทิศทางเสียงและเห็นสัตว์ประหลาดปลาวิ่งตะบึงมาราวกับเหินบินขาของพวกมันเหมือนกับวิวัฒนาการขึ้นมาจากครีบปลา และมีเกล็ดใหญ่โตอันแข็งแกร่งอย่างเหลือเชื่อ เมื่อพวกมันเดินมา เกล็ดนับพันก็ดูราวกับกระจกที่สะท้อนแสงอาทิตย์อันสาดส่องลงมาบนร่างพวกมัน

“เมื่อท้องอิ่มแล้วก็อย่าพรากชีวิตโดยไม่จําเป็น” เฒ่าหม่าเปล่งรัศมีของตนออกมาและขับไล่ปลาประหลาดพวกนั้นให้ตื่นหนีด้วยความกลัว

รัศมีของเขาน่าตื่นตระหนกเป็นอย่างยิ่ง ไม่เพียงแต่จะขับไล่สัตว์ประหลาดครึ่งปลาครึ่งวัว แต่ยังรวมถึง ‘นก’ ในป่า เมื่อฉินมู่เงยหน้าขึ้น เขาก็เห็นฝูงปลาที่มีปีกงอกเงยบินพรูห่างไปยังที่ไกลๆ

เขาเปิดเนตรสวรรค์เขียวของตนเพื่อมองดูและเห็นเงาร่างดําๆ เคลื่อนที่ไปมาในยอดเขาไกลๆ ปลาหมึก 8 หนวดหลายตัวย่นหัวใหญ่มหึมาของมันและหลบเข้าไปในอาณาเขตตนโดยไม่กล้าตอแยพวกเขา

หนึ่งในปลาหมึกเหล่านั้นตระหนกตกใจจนพ่นควันดําออกมาก้อนหนึ่งที่คลี่คลุมพื้นที่เกือบ 50 ไร่ ทําให้อากาศกลายเป็นสีดําสนิท

ทั้ง 4 คนมุ่งหน้าต่อไปและพบกับครึ่งคนครึ่งปลาที่กําลังเงื้อ 3 ง่ามล่าอาหาร

“สถานที่แปลกอะไรอย่างนี้” เฒ่าบอดพึมพํา

ฉินมู่อาศัยอยู่ในแดนโบราณวินาศมาแต่เล็กเขาเคยเห็นสิ่งมีชีวิตประหลาดมากมายตั้งแต่ยังเด็กๆ ดังนั้นเขาจึงคิดว่าปลาและกุ้งก็ควรจะเป็นแบบนี้ วิ่งเพ่นพ่านไปมาบนพื้นดิน ในตอนแรกเขาก็แปลกใจนิดหน่อย แต่ก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรนัก

แต่ทว่า เฒ่าบอดและท่านยายซีไม่ได้อยู่แต่ในแดนโบราณวินาศมาตั้งแต่ต้น ดังนั้นพวกเขาจึงรู้ว่าปลาและกุ้งเป็นอย่างไรในโลกภายนอก ดังนั้นพวกเขาจึงพบว่านี่เป็นเรื่องแปลกประหลาด

ท่านยายซีมองไปรอบๆ และพึมพํา “สถานที่นี้น่าจะเคยเป็นทะเลกว้างใหญ่มาก่อนและมีสัตว์มหัศจรรย์อาศัย เมื่อทะเลหายไป สิ่งมีชีวิตในทะเลก็ได้แต่ต้องย้ายไปอยู่บนบกเปลี่ยนวิถีชีวิตและความสามารถ แต่ทว่าการเปลี่ยนแปลงพวกนี้ไม่มากเกินไปหน่อยหรือ…”

เฒ่าบอดก็รู้สึกว่ามันพิสดารเกิน แต่กิเลนมังกรก็ชิงพูดก่อน เขาโพล่งขึ้นมา “ดูเหมือนข้าจะเคยมาที่นี่…”

ฉินมู่งุนงง แต่ก็ยังคงยิ้มกล่าว “เจ้ากับปรมาจารย์เคยมาที่นี่หรือ”

กิเลนมังกรส่ายหัว “ไม่ใช่ ข้าหมายถึงว่าเทพเจ้าที่ขี่ข้าพามาเมื่อคืนนี้”

ไม่นานนัก พวกเขาก็มาถึงหมู่บ้านที่เต็มไปด้วยผู้คนที่ถูกละทิ้งแห่งแดนโบราณวินาศ พวกเขาดูสับสนเหมือนกับไม่รู้ว่าจะทํา อะไรต่อไปดี

ฉินมู่ก้าวเข้าไปไต่ถามเรื่องราว และผู้เฒ่าหนึ่งกล่าว “วิหารราชามังกรจํานวนนับไม่ถ้วนในรัศมีร้อยลี้ถูกทําลายย่อยยับเมื่อคํ่าคืนที่ผ่านมา ราชามังกรหลายตนที่ตั้งรับการบูชาในวิหารถึงกับถูกตัดศีรษะไป! พวกเรามักจะไปยังวิหารราชามังกรเพื่อจุดธูปบูชาและภาวนาขอฝนฟ้าตามฤดูกาล แต่บัดนี้เมื่อพวกเขาถูกทําลายไปหมดแล้ว ทุกคนเลยทําอะไรไม่ถูก…”

ฉินมู่สะท้านใจอย่างรุนแรงและรีบไต่ถามรายละเอียดเพิ่มเติม

“เมื่อวานนี้ พายุโหมกระหนํ่าและทุกๆ คนในหมู่บ้านก็สะดุ้งตื่นกันหมด เมื่อพวกเราเดินออกไปข้างนอกก็เห็นว่าท้องฟ้ามืดมิดมีมวลนํ้าพาดเหนือบ้านเรือนของทุกๆ คน มวลนํ้าเหล่านั้นแค่ลอยอยู่ อยู่ข้างบนไม่ร่วงลงมา”

ฉินมู่ตะลึง นํ้าลอยอยู่เหนือหลังคาอย่างนั้นหรือ

“เสียงของคลื่นดังสนั่นและยังมีแสงที่ส่องมาจากนํ้าเบื้องบน หลายต่อหลายคนเห็นมังกรอีกต่างหาก! ราวกับว่ามีทะเลใหญ่แขวนห้อยอยู่บนอากาศ เกิดการฆ่าสังหารอยู่บนนั้น พวกเราเห็นสายฟ้าฟาดวูบวาบไปมาตลอดเวลา และเพิ่งหยุดลงไปเมื่อรุ่งอรุณมาถึงเท่านั้น”

“หลังจากดวงอาทิตย์ขึ้น มวลนํ้าบนท้องฟ้าก็หายไป เหลือแต่พวกต้นไม้ที่เหมือนโดนฝนซัดมาตลอดทั้งคืน ยอดไม้เปียกนํ้าโชก พวกเราพบว่ามีวิหารหลายแห่งที่ถูกทําลายราบ และผู้คนที่พักอาศัยในวิหารเหล่านั้นเมื่อคืนนี้กล่าวว่าพวกเขาเห็นรูปสลักมังกร เทพยดาเหาะเหินออกไป”

ฉินมู่จ้องตาโต รูปสลักหินของมังกรเทพยดาเหาะเหินออกไปอย่างนั้นหรือ

“นักบวชที่อาศัยอยู่ในหุบเขามังกรเทพยดากล่าวว่า เขาเห็นราชาสวรรค์ถือดาบใหญ่ขี่สัตว์ประหลาดตัวอ้วนกลม ราชาสวรรค์ผู้นั้นบุกเข้ามาเพื่อสังหารราชามังกรในหุบเขามังกรเทพยดา และจากไปพร้อมกับศีรษะราชามังกร…”

หลังจากที่ฉินมู่ไต่ถามความจนสิ้นแล้ว เขาก็กลับมาบอกเล่าแก่เฒ่าบอด เฒ่าหม่า และท่านยายซี พวกเขาทุกคนต่างก็มองซึ่งกันและกันด้วยความอึ้ง

เหตุการณ์นี้ช่างประหลาดพิลึกจนเหลือล้น สิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืนวานดูเหมือนจริงแต่ก็คล้ายฝัน รูปสลักหิน

อัญเชิญราชโองการฝ่าความมืด ราชาสวรรค์ควงดาบออกไปสังหารราชามังกร และกิเลนมังกรก็ออกไปเป็นม้าศึกตลอดทั้งคืน ผู้คนที่ถูกละทิ้งแห่งแดนโบราณวินาศถึงกับพูดคุยกับเรื่องทะเลที่แขวนห้อยอยู่บนท้องฟ้า และเรื่องที่ศีรษะราชามังกรและมังกรเทพยดาทั้งหลายถูกบั่นออกไป

หากว่าใครเชื่อมโยงเรื่องราวพวกนี้เข้าด้วยกัน เช่นนั้นสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืนนี้ก็จะต้องเป็นเรื่องจริง

“รูปสลักหินที่อัญเชิญราชโองการเมื่อคืนนี้กล่าวว่าฝ่าบาทประทานราชโองการนี้มาจากหมู่บ้านไร้กังวล ปัญหามันอยู่ที่นี่” เสียงเฒ่าชราดังมาจากปากท่านยายซี “ข้าคิดว่า…”

“อามิตาภพุทธ!” เฒ่าหม่าจําแลงร่างเป็นพุทธรูปมหึมาเพื่อสะกดจิตใจของท่านยายซี ส่วนเฒ่าบอดก็ลงมือมัดยายเฒ่าซีไว้กับที่ ทั้ง 2 คนกระวนกระวายอย่างยิ่ง แต่สุดท้ายพวกเขาก็ระงับสันดานมารในตัวยาย เฒ่าซีลงไปได้

เมื่อพวกเขาเร่งรุดเดินทางต่อ ไม่นานก็ผ่านมาเห็นหุบเขามังกรเทพยดา มีรูปสลักของมังกรเทวะจํานวนมากตั้งรายล้อมทะเลสาบใหญ่ และใจกลางของพวกมันคือรูปปฏิมาของราชามังกร

รูปสลักมังกรเทวะเหล่านั้นพังไปเกือบทั้งหมด และพวกที่หักพังเหล่านั้นดูราวกับว่าถูกฟันผ่าด้วยรอยดาบเดียว รูปสลักราชามังกรที่ใจกลางทะเลสาบก็ยืนหัวขาดอยู่และไม่เห็นหัวของมันว่าตกอยู่ที่ใด

“สวรรค์…” ยายเฒ่าซีได้สติขึ้นมาและครางฮือเมื่อเห็นภาพตรงหน้า “แดนโบราณวินาศพื้นที่นี้ช่างลึกลับเสียจริง รูปสลักหินพวกนี้เป็นเพียงเทวรูปหรือว่ามันคือเทพเจ้าจริงๆ ที่จําแลงเป็นหิน? ข้าไม่เข้าใจ…”

“อามิตาภพุทธ!” แสงพุทธธรรมสาดส่องจากร่างของเฒ่าหม่า และกาสาวพัตร์ขาวก็ปลิวออกมาจากใจกลางหว่างของเฒ่าหม่าถ่ายทอดเข้าไปในใจกลางหว่างคิ้วยายเฒ่าซีในพริบตา สยบนางเอาไว้

ด้วยสีหน้าหมองคลํ้าไม่สู้ดี เฒ่าหม่ากล่าว “ไม่มีเวลาเหลือแล้ว ข้าคงสะกดข่มเขาไปได้อีกไม่นาน! จิตวิญญาณดั้งเดิมของจ้าวลัทธิหลี่ผสานเข้ากับยายเฒ่าซีด้วยความเร็วอันน่าตระหนก และวรยุทธ์ของนางก็ทะลวงถึงขั้นเป็นตายแล้ว! หากว่าพวกเราชักช้าไปมากกว่านี้ ข้าเกรงว่าทั้ง 2 คนผสานเป็นหนึ่งเดียวกันในไม่ช้าไม่นานและจ้าวลัทธิหลี่ก็จะยึดครองร่างไปได้โดยสมบูรณ์!”

เฒ่าบอดถามอย่างเคร่งเครียด “เจ้ายังสะกดข่มเขาได้อีกนานแค่ไหนล่ะ”

เฒ่าหม่าส่ายหน้า “ตอนนี้ก็ยังพอไหว แต่ข้าอาจจะทําให้จิตนางได้รับบาดเจ็บหากว่าใช้กําลังรุนแรงเกินไป”

เฒ่าบอดกล่าวอย่างแน่นอนใจ “ทําเลย เร็วเข้า!”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!