บทที่ 861-2 บทพิเศษ 2 ปฏิเสธโชคชะตาที่ต้องเป็นเครื่องสังเวย เพลิดเพลินไปกับชีวิตแห่งการอ่านหนังสือ (2)
กร๊อบ!
เสียงแตกร้าวที่ดังตามมา เกราะสีทองแตกร้าวโดยสมบูรณ์ ยันต์คุ้มครองในมือโหยวหลิงจื่อกลายเป็นเถ้าธุลี ดีที่ชายหนุ่มชุดคลุมยาวสีฟ้ามือเร็วตาเร็ว ในขณะที่ซัดฝ่ามือโจมตีวิญญาณทมิฬล่าถอย ก็กระตุ้นยันต์คุ้มครองในมืออีกครั้ง
เช่นนี้เอง โหยวหลิงจื่อรับผิดชอบข้างหน้า ชายหนุ่มชุดสีฟ้ารับผิดชอบข้างหลัง 2 คนสลับกันกระตุ้นยันต์คุ้มครอง หลังจากใช้ยันต์แผ่นที่ 9 ในที่สุดก็มาถึงบริเวณใจกลางพื้นที่รกร้าง
ที่นี่มีเจดีย์สูงสีขาวตั้งตระหง่านอยู่หอหนึ่ง พื้นผิวเป็นมันแวววาว เหมือนทำขึ้นจากหยกขาวทั้งก้อนสลัก และที่ยอดเจดีย์ก็มีอัญมณีสีขาวหมองหม่นก้อนหนึ่งแผ่ประกายแสงสีขาวอ่อนแรง เหมือนผ้าโปร่งบางสีขาวปกคลุมรอบๆ เจดีย์สูงสีขาว
แต่ว่าสิ่งที่ทำให้โหยวหลิงจื่อแปลกประหลาดใจคือ ในระยะร้อยจั้งที่ประกายแสงปกคลุมโดยมีเจดีย์ขาวเป็นศูนย์กลาง วิญญาณกลับไม่สามารถก้าวเข้ามาได้แม้เพียงครึ่งก้าว
“ท่าทางพวกเราจะปลอดภัยชั่วขณะแล้ว” ชายหนุ่มชุดคลุมยาวสีฟ้าเอ่ยอย่างอ่อนล้า เดิมเขาก็บาดเจ็บสาหัสอยู่แล้ว รวมกับขับเคลื่อนยันต์ตลอดทาง ทำให้เขาเสียพลังไปอย่างมหาศาล
“ยังไม่ปลอดภัยอย่างสมบูรณ์ แต่ต้องรีบแล้ว” โหยวหลิงจื่อตอบ เพราะเขาค้นพบได้อย่างชัดเจน วิญญาณที่แต่เดิมตามอยู่ข้างหลังมากมายมหาศาลกำลังพุ่งไปทิศทางอื่น นี่เป็นการบ่งบอกอย่างคร่าวๆ ว่ามีคนอื่นเข้ามาในซากโบราณสถาน
และคนคนนี้ก็เป็นไปได้สูงมากว่าเป็น…หลินเทียนเฮ่า!
ไม่กล้าหยุดแม้เพียงเสี้ยวขณะละแวกเจดีย์ขาวมีผึ้งประหลาดอยู่หลายตัว โหยวหลิงจื่อบีบยันต์คุ้มครองด้วยมือเดียว ก็เข้าไปข้างในเจดีย์ขาวอย่างลองหยั่งเชิง
จากการที่โหยวหลิงจื่อลึกเข้าไปยังภายในเจดีย์ขาว โหยวหลิงจื่อและชายชุดคลุมยาวสีฟ้าค้นพบอย่างตื่นตะลึง เจดีย์ขาวทั้งเจดีย์ก็คือเจดีย์เก็บคัมภีร์ขนาดมหึมาแห่งหนึ่ง บันไดมหึมาเวียนวนขึ้นไป บนกำแพงรอบๆ ล้วนเป็นตำราต่างๆ มากมายละลานตา
อีกทั้งสิ่งที่เหนือความคาดหมายคือไม่ได้โดนรุกรานจากไอพลังประหลาดเท่าใดนัก
จากประสบการณ์ที่สำรวจพื้นที่ต้องห้ามมาเป็นเวลานาน โหยวหลิงจื่อรู้ดีเป็นอย่างยิ่งว่า ของดีทุกอย่างไม่มีทางอยู่ที่ชั้นล่างของเจดีย์ขาว ดังนั้นจึงกระตุ้นเกราะป้องกัน 2 ชั้นทันที ทั้งยังใช้ยันต์โบยบิน พุ่งตรงไปยังยอดเจดีย์
เวลาไม่กี่อึดใจ โหยวหลิงจื่อพาชายหนุ่มชุดคลุมยาวสีฟ้ามาถึงยังยอดเจดีย์อย่างราบรื่น
ทว่า ภาพที่ทั้ง 2 เห็นข้างหน้ากลับทำให้อึ้งตะลึงไปทั้งคู่ สิ่งที่ปรากฏต่อหน้าเขาเป็นห้องเหมือนวังขนาดย่อมๆ ตรงกลางห้องเป็นรูปสลักมือข้างหนึ่ง ทำท่าเหมือนยกอยู่
ที่แปลกประหลาดคือมือทั้ง 2 เต็มไปด้วยใบหน้ามนุษย์ ทุกดวงล้วนสีหน้าแปลกประหลาด บ้างหัวเราะอย่างมีความสุข บ้างเจ็บปวด บ้างสงสารเวทนา ดูแล้วแปลกประหลาดเป็นอย่างยิ่ง
และตอนนี้สิ่งที่มือทั้ง 2 ยกเอาไว้เป็นตำราเก่าโทรมเล่มหนึ่ง
เห็นวัตถุชิ้นนี้ ชายหนุ่มชุดคลุมยาวสีฟ้าตาวาวขึ้นมาอย่างควบคุมไม่ได้ คิดจะพุ่งขึ้นไปจากพื้นดินตามสัญชาตญาณ พุ่งตรงไปช่วงชิง ทว่าในเสี้ยวขณะนี้ ความมีเหตุผลก็ยังเอาชนะความละโมบ เขารู้ดี ตอนนี้โหยวหลิงจื่อไม่ได้ฆ่าปิดปากเขา ฮุบของวิเศษที่นี่เอาไว้คนเดียว ก็นับว่ามีคุณธรรมสุดๆ แล้ว
หากตัวเองยังมีความคิดละโมบอีกโหยวหลิงจื่อจะต้องตบเขาตายในฝ่ามือเดียวอย่างแน่นอน
โหยวหลิงจื่อเหมือนจะมองความคิดในใจชายหนุ่มชุดคลุมยาวสีฟ้าออกตั้งนานแล้ว ดังนั้นจึงเอ่ยราบเรียบ
“จากประสบการณ์การวิจัยค้นคว้านิยาย ตำราโบราณมานับไม่ถ้วน ตัวละครที่ละทิ้งคุณธรรมความไว้ใจ ละโมบไม่สิ้นสุด สุดท้ายแล้วล้วนไม่มีจุดจบดีทั้งนั้น ดังนั้น ข้าไม่มีทางฆ่าปิดปากเจ้า แต่ทุกอย่างที่นี่ ข้าจะเอาส่วนแบ่งเป็นส่วนมาก เจ้าและข้าแบ่งกัน 3 : 7 ส่วนเป็นอย่างไร”
“ไม่มีปัญหาๆ” ชายหนุ่มชุดคลุมยาวสีฟ้ารีบตอบตกลง
ไม่นานนัก ทั้ง 2 ก็มาถึงยังหน้ารูปสลักแปลกประหลาดอย่างระมัดระวังรอบคอบ
จากการหยิบตำราบนรูปสลักแปลกประหลาดขึ้นมาอย่างรอบคอบของโหยวหลิงจื่อ เขาพบว่า ตำรานี้เป็นเพียงแค่เศษเสี้ยวตำราเท่านั้น กระทั่งว่าแม้แต่ชื่อก็ยังรางเลือนมองไม่ชัด
และเนื้อหาที่แนะนำในนั้นก็คือวิธีสังเวยตัวเองให้เป็นเหมือนกับวิญญาณศาสตรา อีกทั้งอัตราความล้มเหลวสูงมาก หากล้มเหลวก็จะวิญญานดับสลาย
ชายหนุ่มชุดคลุมยาวสีฟ้าก็ยื่นหน้ามาเช่นกัน อ่านอย่างละเอียด หลังจากที่อ่านเนื้อหาข้างในอย่างละเอียดแล้ว ก็เบ้หน้าอย่างอดไม่ได้ สีหน้ารังเกียจ
“สังเวยตัวเองให้กลายเป็นวิญญาณศาสตราอย่างนั้นหรือ นี่มันเศษเสี้ยวตำราไร้สาระอะไรกัน”
แต่หลิงโหยวจื่อที่ถือเศษเสี้ยวตำราวิญญาณศาสตราฉบับนี้ อ่านเนื้อหาบนนั้นกลับดวงตาเป็นประกาย ตื่นเต้นเป็นอย่างยิ่ง
สำหรับเขา นี่เป็นเศษเสี้ยวตำราวิญญาณศาสตราอะไรที่ไหนกัน นี่มันเป็นสิ่งที่ทำให้ตัวเองมีชีวิตเพิ่มขึ้นมาอีกชีวิตหนึ่งชัดๆ!
หลิงโหยวจื่อที่รอบคอบ ทำอะไรให้ปลอดภัยมั่นคงไว้ก่อนอยู่เสมอรู้เป็นอย่างดีว่าในโลกโลกาวินาศ พลังบำเพ็ญเพียงเล็กน้อยเท่านี้ของตนไม่นับเป็นอะไรเลย คนอย่างเขาง่ายมากที่จะหลายเป็นหินลับมีดของบุตรแห่งโชคชะตา เวลาตายน่าอนาถเวทนานัก
แต่มีเศษเสี้ยวตำราวิญญาณศาสตรานี้ก็ต่างออกไปแล้ว เมื่อฝึกฝนจนสำเร็จ หากวันใดตัวเองถูกฆ่าตายจริงๆ ก็จะสามารถใช้วิธีนี้ให้กลายเป็นวิญญาณศาสตราของบุตรแห่งโชคชะตาได้ จะอย่างไรแล้ว ผู้บำเพ็ญส่วนมากแล้วล้วนให้ความสำคัญกับวิญญาณศาสตราเป็นอย่างมาก
จากนั้น โหยวหลิงจื่อก็เก็บเศษเสี้ยวตำราวิญญาณศาสตรานี้เข้าไปในอกเสื้ออย่างระมัดระวัง ประดุจว่าเป็นของล้ำค่า เตรียมจะฮุบเอาไว้คนเดียว
จากนั้นโหยวหลิงจื่อและชายหนุ่มชุดคลุมยาวสีฟ้าก็เริ่มค้นทั่วทั้งห้องด้วยความเร็วที่เร็วที่สุด
สุดท้ายก็ต่างพบว่ามีเคล็ดวิชาลับที่มีราคา 10 กว่าเล่ม ลูกกลอนล้ำค่า 20 กว่าเม็ด ในนั้น ลูกกลอนสร้างฐานที่ล้ำค่าเป็นที่สุดมีถึง 3 เม็ด!
นอกจากนี้ยังมีถุงเก็บของ 2 ถุง ถุงมือสีทองที่เทียบได้กระทั่งอาวุธเวท ส่องแสงเจิดจ้าพร่างพราย และมันยังมีประโยชน์เป็นอย่างมาก มันสามารถเพิ่มพลังเวทของตัวเองได้ เป็นสุดยอดของล้ำค่าที่แท้จริง!
“มีของพวกนี้มากพอจะให้ข้าหาที่ร้างห่างไกลสักแห่ง สร้างสำนักเล็กๆ ขึ้นมาได้แล้ว ชื่อข้าก็คิดเอาไว้แล้ว ชื่อว่าสำนักวัชระ”
โหยวหลิงจื่อใส่ถุงมือสีทองเอาไว้ เอ่ยอย่างตื่นเต้น อีกทั้งมีการเพิ่มพลังจากถุงมือสีทองนี้ ด้านการยกระดับของเขาพูดได้ว่ามากมหาศาล
ชายหนุ่มชุดคลุมยาวสีฟ้าที่อยู่ข้างๆ หลังจากได้ส่วนแบ่งเป็นลูกกลอนสร้างฐาน 1 เม็ด และเคล็ดวิชาล้ำค่าหลายเล่ม ก็ดีใจมากเป็นพิเศษ โดยเฉพาะหนึ่งในนั้นมีวิชาหนึ่งที่สามารถช่วยเขาสร้างอาวุธเวทขาปลอมคู่หนึ่งได้
แต่ว่า ไม่นานนัก ชายหนุ่มชุดคลุมยาวสีฟ้าก็สีหน้าเป็นกังวล
“ตอนนี้พวกเราต้องคิดว่าจะไปจากที่นี่อย่างไร ยันต์คุ้มครองของพวกเราเหลือไม่มากแล้ว หากพวกเราฝ่าออกไปจะต้องบาดเจ็บสาหัสแน่นอน ง่ายที่จะถูกสมาชิกของกลุ่มมังกรร่ายรำพันคนอื่นๆ ฆ่า” ชายหนุ่มชุดคลุมยาวสีฟ้าขมวดคิ้ว
ทว่า ในตอนนี้เอง ภาพที่ทำให้ชายหนุ่มชุดคลุมยาวสีฟ้าตื่นตะลึงก็ปรากฏขึ้น เห็นเพียงโหยวหลิงจื่อที่อยู่ไม่ไกลคลำไปในเกราะอ่อนแนบตัวอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็ดึงยันต์คุ้มครองปึกหนึ่งออกมา มีมากถึง 10 กว่าแผ่น!
“นี่…เจ้า…” ชายหนุ่มชุดคลุมยาวสีฟ้าตื่นตะลึงจนถึงขั้นพูดไม่ออก แค่เข้ามาผจญภัยในพื้นที่ต้ามห้ามครั้งหนึ่งพกยันต์คุ้มครอง 20 กว่าแผ่นเชียวหรือ นี่จะต้องกลัวตายขนาดไหนกัน…ไม่ ต้องรอบคอบแค่ไหนกัน
“นี่เป็นสิ่งคุ้มครองชีวิตสุดท้ายของข้าแล้ว ดีที่ครั้งนี้เก็บเกี่ยวได้มหาศาล ไม่ขาดทุน” โหยวหลิงจื่อพูดแล้วก็เงยหน้า มองไปยังอัญมณีแปลกประหลาดก้อนนั้นที่ติดอยู่บนยอดเจดีย์
เป็นของวิเศษเหมือนกัน แม้อีกไม่นานก็จะหมองหม่นดับไป แต่อย่างน้อยก็ยังพออยู่ไปได้อีกหลายปี หากย้ายมันไปยังสำนักในอนาคตของตัวเองได้ จะต้องดึงดูดผู้บำเพ็ญจำนวนมหาศาล หลบหลีกการโจมตีจากไอพลังประหลาดได้อย่างแน่นอน
อีกทั้งก็ไม่ต้องกังวลลว่าจะถูกแย่ง ในเมื่ออัญมณีนี้อยู่ได้ไม่นานเท่าไรนัก
ในยามที่โหยวหลิงจื่อเพิ่งได้ถึงเก็บของ เตรียมจะเก็บอัญมณีไป สีหน้าของเขาก็พลันเปลี่ยนไป เพราะเขาสามารถสัมผัสได้อย่างชัดเจนถึงระลอกคลื่นพลังที่คุ้นเคย แผ่มาจากผึ้งประหลาดที่ตนปล่อยไว้นอกเจดีย์
มองไปจากหน้าต่างของเจดีย์ขาว โหยวหลิงจื่อมองเห็นอย่างชัดเจน หลินเทียนเฮ่าฝ่าทะลวงพันธนาการวิญญาณ มาถึงละแวกเจดีย์ขาว ดวงตาทั้ง 2 ประดุจคบเพลิง เต็มไปด้วยความโหดเหี้ยมและจิตสังหาร
แทบจะในทันที หลินเทียนเฮ่าก็สังเกตเห็นเงาร่างของโหยวหลิงจื่อได้ในพริบตาเช่นกัน แม้จะคาดเดาเอาไว้แล้ว แต่ในยามที่เห็นสมบัติที่ทั้งๆ ควรจะเป็นของตัวเองถูกคนอื่นชิงตัดหน้าเอาไปเสียก่อน ก็โมโหโกรธเกรี้ยวเป็นอย่างยิ่ง
“โหยวหลิงจื่อ วางสมบัติที่เป็นของข้าเอาไว้ทั้งหมด แล้วรีบไปเสีย ข้าจะไม่ฆ่าเจ้า” หลินเทียนเฮ่าสะกดระลอกคลื่นอารมณ์ในใจ เอ่ยเสียงต่ำ
ย้อนกลับมาดูโหยวหลิงจื่อในตอนนี้ นับจากที่อาศัยตำราโบราณมั่นใจว่าหลินเทียนเฮ่าไม่ใช่บุตรแห่งโชคชะตา บนใบหน้าก็ไม่มีความหวาดระแวงอีกแม้แต่น้อย ในดวงตาจิตสังหารฉายประกายวูบ!
เผชิญหน้ากับคำพูดของหลินเทียนเฮ่า โหยวหลิงจื่อไม่ได้เอ่ยปากพูดอะไร
ตอนนี้หรี่ตา ยันต์โบยบินที่ขาพลันฉายวาบ ทั้งคนทะยานออกไปจากเจดีย์ขาว ขณะสะบัดมือ ร่างวัชระข้างหลังเงยหน้าคำราม ฝ่ามือที่สวมถุงมือสีทองซัดไปบนพื้น เพียงพริบตา รอยฝ่ามือสีทองขนาดมหึมาข้างหนึ่งก็ปกคลุมไปทั่วสารทิศ!
แม้โหยวหลิงจื่อไม่ชอบสู้ตายกับใครมาโดยตลอด แต่เขาในตอนนี้ก็รู้ดีว่าหากไม่กำจัดหลินเทียนเฮ่า หลังจากนี้จะไม่มีวันที่สุขสงบ แทนที่จะหวาดกลัวหัวหด มิสู้…สู้ให้สุดกำลังไปเลย กำจัดภัยภายหลังให้สิ้นซาก!
โหยวหลิงจื่อที่ปกติอยู่ในฐานที่มั่นเป็นคนรักตัวกลัวตายกลับเป็นฝ่ายโจมตี หลินเทียนเฮ่าอดอึ้งตะลึงไปไม่ได้ แต่ว่าเสี้ยวขณะต่อมา ในดวงตาก็ฉายแววดูถูก ก่อนหน้านี้เขาแม้แต่หัวหน้าโจวยังสังหารได้ สาอะไรกับโหยวหลิงจื่อที่เป็นแค่ระดับรวมปราณขั้น 8 ที่อยู่ข้างหน้าคนนี้
“รนหาที่ตาย!”
หลินเทียนเฮ่าแค่นเสียงเย็น พลังบำเพ็ญทั่วทั้งร่างโคจร ในขณะที่เงาหน้าผีผมแดงปรากฏขึ้นข้างหลัง รอบกายยิ่งมีเลือดลมคำรามปะทุขึ้น รัศมีอำนาจท่วมฟ้า กระทั่งว่าทำให้วิญญาณขาวที่อยู่ข้างหลังหวาดกลัวไปหลายส่วน
จากนั้นก็เงื้อมือ หมัดสีเลือดที่เหมือนถักขึ้นจากเส้นผมก็ชกรับการโจมตีออกไป!
เสียงระเบิดดังขึ้นทันที นี่เป็นการต้านทานที่ไม่เก็บพลังใดๆ ทั้งสิ้น ระเบิดทั่วทุกสารทิศ
ทว่า เสี้ยวขณะต่อมา หลินเทียนเฮ่าที่ยืนอยู่ที่เดิม รู้สึกเพียงเลือดลมในร่างเดือดพล่าน ผิวที่แขนต่างระเบิด ร่างถอยไปข้างหลังติดๆ อย่างควบคุมไม่ได้ ในขณะเดียวกับที่สีหน้าเหี้ยมเกรียมก็ซ่อนความหวาดกลัวเอาไว้อยู่ลึกๆ
“เจ้าคนขี้ขลาดในฐานที่มั่นทำไมถึงได้แข็งแกร่งขนาดนี้” หลินเทียนเฮ่าตกใจ ปากยิ่งกระอักเลือดออกมา
แต่ยังไม่ทันรอให้หลินเทียนเฮ่ายืนได้มั่น โหยวหลิงจื่อที่เท้าทั้ง 2 แตะพื้น ในดวงตาจิตสังหารฉายวาบ ในขณะที่เงาวัชระคำรามอีกครั้ง ก็ชกหมัดโจมตีสังหารไปยังหลินเทียนเฮ่า
เสียงระเบิดดังขึ้นอีกครั้ง โหยวหลิงจื่อที่ทุ่มสุดกำลังไม่ออมมือเลยแม้แต่น้อย หลังจากประชิดเข้าไปใกล้ หมัดแล้วหมัดเล่าก็ชกไปที่ร่างของหลินเทียนเฮ่า
ความรู้สึกแข็งแกร่งทรงพลัง กับความระมัดระวังรอบคอบในยามปกติแตกต่างกันราวคนละคน!
ภายใต้หมัดโจมตีว่องไวรวดเร็วนี้ รัศมีอำนาจของหลินเทียนเฮ่าเมื่อก่อนหน้านี้ถูกสยบลงไปโดยสิ้นเชิง ถอยหลังไปไม่หยุด เงาหน้าผีผมแดงข้างหลังยิ่งมีสัญญาณที่จะแตกสลาย
“รนหาที่ตาย!”
เห็นว่าใกล้จะฝืนไม่ไหวแล้วเต็มที หลินเทียนเฮ่าคำรามเสียงต่ำ มือทั้ง 2 ประสานปางมืออย่างรวดเร็ว ทันใดนั้น เงาหน้าผีข้างหลังดวงตาทั้ง 2 ก็ยิงแสงสีแดงแสบตาออกมา ในขณะที่ก่อเป็นพลังอำนาจกดดันมหาศาลกลุ่มหนึ่ง หลินเทียนเฮ่าก็อ้าปาก เส้นผมสีเลือดนับไม่ถ้วนพุ่งออกมาจากปากของเขา ให้ความรู้สึกเหมือนจะฉีกโหยวหลิงจื่อให้เป็นชิ้นๆ!
โหยวหลิงจื่อในเสี้ยวขณะนี้ไม่มีความหวาดกลัวเลยแม้แต่น้อย ประสานปางมือเช่นกัน มือขวาที่ใส่ถุงมือสีทองปะทุแสงสีทองแสบตาออกมาทันที แส้ที่แปรเปลี่ยนมาจากแสงสีทองเส้นหนึ่งยืดออกมาอย่างรวดเร็ว ทั้งยังฟาดไปยังหลินเทียนเฮ่าอย่างเต็มแรง
จากการปะทะกันของเส้นผมสีเลือดนับถ้วนและแส้สีทอง เสียงสะท้อนฟ้าน่าครั่นคร้ามดังกึกก้อง เส้นผมสีเลือดแหลกละเอียด จากนั้นแส้สีทองก็ฟาดมาที่ร่างของหลินเทียนเฮ่าอย่างเต็มแรง
รอยเลือดที่ลึกจนเห็นกระดูกทางหนึ่งปรากฏขึ้นที่หน้าอกของหลินเทียนเฮ่าอย่างรวดเร็ว
แต่ยังไม่จบแค่นั้น จากนั้นแส้สีทองในมือโหยวหลิงจื่อก็รัดไปที่คอของหลินเทียนเฮ่า รัดแน่นไม่หยุด ทำให้หลินเทียนเฮ่ายากจะดิ้นหลุด
ขณะเดียวกัน วิกฤตชีวิตเป็นตายยิ่งผุดขึ้นมาในใจหลินเทียนเฮ่า
“โหยวหลิงจื่อ ข้า…”
ยังไม่ทันรอให้หลินเทียนเฮ่าพูดคำพูดต่อจากนั้นออกมา โหยวหลิงจื่อก็เหยียบหลินเทียนเฮ่าเอาไว้ใต้เท้า จากนั้นก็ลงมืออย่างไม่ปรานีแม้แต่น้อย ใช้แรงทั้งหมดรัดจนคอของหลินเทียนเฮ่าขาด
ชายหนุ่มชุดคลุมยาวสีฟ้าที่อยู่บนยอดเจดีย์เห็นการกระทำอันโหดเหี้ยมของโหยวหลิงจื่อก็ตื่นตะลึงอย่างอดไม่ได้ โหยวหลิงจื่อในเสี้ยวขณะนี้ทำให้เขายากที่จะคิดเชื่อมโยงไปกับโหยวหลิงจื่อที่พูดมากไม่หยุด รักตัวกลัวตายคนนั้น
ทว่าในตอนนี้เอง ชายหนุ่มชุดคลุมยาวสีฟ้าที่ก้มมองลงมาก็เห็นฝูงวิญญาณที่ห่างออกไปไม่ไกลนักกระวนกระวายขึ้นมาอีกครั้ง จากนั้น สมาชิกกลุ่มมังกรร่ายรำพัน 4 คนก็ฝ่าออกมาจากวงล้อมวิญญาณ เข้ามายังบริเวณเจดีย์ขาว
แต่ว่า ชายหนุ่มชุดคลุมยาวสีฟ้าตอนนี้ฉวยโอกาสเหมาะ ไม่ให้เวลาสมาชิกกลุ่มมังกรร่ายรำพันได้ตั้งตัว เอาถุงเก็บของออกมา แล้วเก็บอัญมณีสีขาวที่อยู่บนยอดเจดีย์ลงไป!
ประกายแสงสีขาวที่เหมือนผ้าคลุมโปร่งบางรอบๆ เจดีย์หายไปทันที วิญญาณที่แต่เดิมเข้ามาไม่ได้ก็ทะลักเข้ามาอีกครั้ง ล้อมสมาชิกกลุ่มมังกรร่ายรำพันเอาไว้
ขณะเดียวกัน ชายหนุ่มชุดคลุมยาวสีฟ้าก็กอดถุงเก็บของเอาไว้ กระโดดลงมาจากเจดีย์สูง
“โหยวหลิงจื่อ รับข้าด้วย!”
โหยวหลิงจื่อตอนนี้ก็กวาดค้นของในตัวหลินเทียนเฮ่าจนหมดเหลี้ยงอย่างรวดเร็วแล้ว เห็นชายหนุ่มชุดคลุมยาวสีฟ้าที่กระโดดลงมา ยันต์โบยบินที่ขาฉายแสงวาบอีกครั้ง ในขณะเดียวกับที่คว้าชายหนุ่มเอาไว้ ยันต์คุ้มครองก็กระตุ้นขึ้น พุ่งเข้าไปในฝูงวิญญาณข้างหน้า
สมาชิกกลุ่มมังกรร่ายรำพันคนอื่นๆ เนื่องจากยันต์คุ้มครองไม่เพียงพอในระดับรุนแรง ก็ทำได้แค่มองโหยวหลิงจื่อหายไปจากซากโบราณสถานพื้นที่รกร้าง หนีรอดออกไป
หรือจะพูดว่า เห็นโหยวหลิงจื่อฆ่าหลินเทียนเฮ่าที่กำเริบเสิบบสานเป็นอย่างยิ่งได้ ก็ไม่มีสมาชิกกลุ่มมังกรร่ายรำพันที่ไม่ดูตาม้าตาเรือ ไล่ตามไปสังหารโหยวหลิงจื่อ นั่นไม่ต่างอะไรกับไปตายเลย
……
หลายปีหลังจากนั้น
ในพื้นที่ร้างห่างไกลไม่อยู่ในสายตาแห่งหนึ่งของทวีปปักษาสวรรค์ทักษิณ สำนักหนึ่งที่ชื่อว่าสำนักวัชระก็สร้างขึ้นมาอย่างเรียบง่าย โหยวหลิงจื่อที่ยกระดับเป็นระดับสร้างฐานได้สำเร็จได้กลายเป็นบรรพจารย์ของสำนักนี้ คนเรียกขานเขาว่าบรรพจารย์สำนักวัชระ
ส่วนชายหนุ่มชุดคลุมยาวสีฟ้าที่ขาทั้ง 2 ข้างขาดคนนั้นก็เข้าร่วมกับสำนัก 7 เนตรโลหิต และได้กลายเป็นผู้อาวุโสคนหนึ่ง…
(>>>พิสูจน์อักษร By Zank<<<)