Skip to content

I shall seal the heaven Chapter 1044

ตอนที่ 1044

เริ่มหลอมรวมโลหิตผู้ยิ่งใหญ่

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอยู่ตรงด้านนอกของอาณาจักรขุนเขาทะเล ไม่มีใครที่อยู่ภายในอาณาจักรนี้จะรับรู้ได้
ย้อนกลับไปในอาณาจักรแห่งท้องทะเลที่เก้า ภายในหุบเขาซึ่งอยู่ระหว่างสองเทือกเขา สระน้ำยังคงเกิดขึ้นอยู่เหนือเกราะป้องกัน ในเวลาเดียวกันนั้นก็มีเงาร่างของคนผู้หนึ่ง ก้าวเท้าออกมาจากภายในที่พักอย่างเงียบๆ
เมิ่งฮ่าวรับรู้ได้ถึงคนผู้นี้มาก่อนแล้ว และด้วยเช่นนั้นทำให้สีหน้าของเขาไม่ได้เปลี่ยนไป เมื่อมีเด็กชายเดินออกมา มันมีอายุประมาณเจ็ดถึงแปดปี สวมใส่ชุดยาวสีแดง และมีสีหน้าที่ไร้ความรู้สึกไปโดยสิ้นเชิง ในทันทีที่มันก้าวเดินออกมา ก็ประสานมือและโค้งตัวลงให้กับเมิ่งฮ่าว

“ช่างเป็นหุ่นเชิดที่น่าเหลือเชื่อนัก” เมิ่งฮ่าวพึมพำ เดินตรงไปยังเด็กชายและมองไปที่ร่างมัน ร่างกายของเด็กชายดูแทบจะคล้ายกับว่า ถูกแกะสลักออกมาจากหยกเนื้อดีที่เปล่งประกายเงางาม

เมิ่งฮ่าวยื่นมือกดลงไปบนร่างของหุ่นเชิด ทันใดนั้นวิธีการควบคุมหุ่นเชิดก็ปรากฏขึ้นอยู่ในจิตใจ
“ถ้ำแห่งเซียนนี้ต้องเป็นหนึ่งในถ้ำที่ดีที่สุดของอาณาจักรแห่งท้องทะเลที่เก้าอย่างแน่นอน มีแต่สถานที่เช่นนี้เท่านั้นถึงจะมีหุ่นเชิดเช่นนี้ได้ เมื่อไหร่ที่ข้าต้องการสิ่งของที่จะใช้ในการฝึกตน ก็สามารถจะส่งมันออกไปจัดการให้แทน” เมิ่งฮ่าวคิด
“ยิ่งไปกว่านั้น ดูเหมือนว่ามันจะมีพลังการต่อสู้ที่เทียบเท่ากับเซียนขั้นที่เจ็ด”
เมิ่งฮ่าวมีความพึงพอใจเป็นอย่างยิ่ง ถ้ำแห่งเซียนนี้ดีกว่าถ้ำแห่งเซียนอื่นๆ ที่เขาเคยอาศัยอยู่มาก่อน รวมทั้งสระน้ำที่มีน้ำตกไหลลงมา ทำให้น้ำของมันเป็นสีฟ้าที่ใสแจ๋วราวผลึกอยู่ตลอดไป และน้ำในสระนั้นก็ไม่ใช่น้ำธรรมดาทั่วไป แต่เป็นน้ำทะเลอีกด้วย
“พวกมันช่างใส่ใจอย่างแท้จริง” เมิ่งฮ่าวกล่าวขึ้น โบกสะบัดมือ ทำให้ผู้ฝึกตนอสูรสามสิบสามคนลอยออกมาจากถุงสมบัติ และตกลงไปในสระน้ำทันที
ก่อนที่พวกมันจะทันได้มีปฏิกิริยาใดๆ เขาก็ขยับมือร่ายเวท และจากนั้นก็ชี้นิ้วออกไป เสียงปะทุดังก้องออกมา ขณะที่ผู้ฝึกตนอสูรทั้งสามสิบสามคนถูกผนึกไว้ ทั้งหมดกลับไปสู่รูปแบบดั้งเดิมของพวกมัน ครั้นแล้วก็หมุนตัวไปมา และเริ่มส่งเสียงแผดร้องมายังเมิ่งฮ่าวด้วยโทสะ
“หุบปาก!” เขาร้องตวาดขึ้น เกิดเป็นเสียงดังก้องออกไปคล้ายกับเป็นเสียงฟ้าผ่า ทำให้ผู้ฝึกตนอสูรทั้งหมดสั่นสะท้านขึ้นในทันที ชั่วขณะต่อมาทุกสิ่งทุกอย่างก็เงียบสงบลง ตอนนี้ผู้ฝึกตนอสูรดูคล้ายกับเป็นอสูรทะเล แต่พวกมันก็ยังคงจ้องมองมายังเมิ่งฮ่าวด้วยความกราดเกรี้ยวโดยเฉพาะอย่างยิ่งเปลือกหอยขนาดใหญ่นั้น ซึ่งในตอนนี้ได้โผล่ดวงตาที่ชั่วร้ายทั้งคู่ออกมาจ้องมองเขา
ยังมีเต่าทะเลขนาดใหญ่อีกด้วย ที่ดูดุร้ายมากเป็นพิเศษ นอกเหนือจากทั้งสองแล้ว ยังมีกุ้งตัวใหญ่, ปู, ม้าน้ำ และอื่นๆ เมิ่งฮ่าวมองไปยังพวกมัน จากนั้นความคิดพิลึกก็ผุดขึ้นมาในทันที
“สระน้ำนี้ดูเหมือนกับเป็นหม้อขนาดใหญ่ ถ้าข้าต้มน้ำให้เดือดขึ้น…” เขากลืนน้ำลายลงไป จากนั้นก็รีบลบความคิดที่ชั่วร้ายนี้ทิ้งไปอย่างรวดเร็ว แต่ในตอนนี้เองผู้ฝึกตนอสูร ที่เพิ่งจะสงบลงไปเมื่อครู่นี้ จู่ๆ ก็สูญเสียการควบคุมตนเอง และเริ่มแผดร้องออกมาอีกครั้ง มีอยู่ไม่น้อยที่พยายามจะพุ่งมาโจมตีเมิ่งฮ่าว
พร้อมกับเสียงแค่นอย่างเย็นชา เมิ่งฮ่าวชี้นิ้วลงไปด้านล่าง ทำให้พวกมันทั้งหมดสั่นสะท้าน ราวกับว่ามีแรงกดดันขนาดใหญ่กำลังกดทับลงไปบนร่างพวกมัน ทำให้ไม่อาจจะพุ่งทะยานขึ้นมาจากภายในสระน้ำได้ อีกครั้งที่เสียงก่นด่าสาปแช่งอย่างดุดันได้พุ่งขึ้นมาในอากาศ
เมิ่งฮ่าวไม่สนใจพวกมัน ชี้นิ้วขวาออกไป ทำให้เส้นใยของแก่นแท้แห่งเปลวไฟศักดิ์สิทธิ์ ลอยออกมาจากชีพจรเซียนของเขา ตกลงไปในน้ำ และในชั่วพริบตาน้ำนั้นก็เริ่มมีฟองอากาศลอยขึ้นมา
เมิ่งฮ่าวกระแอมไอออกมา และจากนั้นก็กล่าวด้วยท่าทางที่ค่อนข้างจะอึดอัดใจว่า “ถ้าพวกเจ้ายังไม่ยอมสงบสุ้มเสียง ข้าก็ไม่รับประกันว่าจะไม่ต้มพวกเจ้าให้สุกและกินลงไป!”
คำพูดของเขา รวมเข้ากับการที่น้ำในสระกำลังร้อนขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ทำให้ผู้ฝึกตนอสูรสั่นสะท้าน พวกมันมองมายังเมิ่งฮ่าว ไม่ใช่ด้วยสายตาที่เกลียดชัง แต่เป็น…หวาดกลัวและตื่นตระหนก พวกมันไม่เคยคาดคิดว่าเมิ่งฮ่าวจะต้มพวกมันให้กลายเป็นอาหารจริงๆ!
เมื่อได้เห็นผู้ฝึกตนอสูรเงียบสงบลง เมิ่งฮ่าวก็โบกสะบัดมือ ดึงเอาเส้นใยของแก่นแท้แห่งเปลวไฟศักดิ์สิทธิ์กลับมา อุณหภูมิของน้ำในสระก็เริ่มกลับมาเป็นปกติอย่างรวดเร็ว
“นั่นจึงถูกต้อง จดจำไว้ว่าให้เชื่อฟังข้า พวกเจ้าเป็นหนี้ข้าและไม่อาจจะจ่ายคืนมาได้ นั่นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมพวกเจ้าถึงต้องนำตัวเองมาชดใช้ให้ข้า ตอนนี้ข้าจะให้ซือฟู่ (อาจารย์) ผู้หนึ่งมาสอนพวกเจ้าให้เรียนรู้วิธีการบรรลุถึงเป้าหมาย ซึ่งก็คือ…การขายตัวเองของพวกเจ้า!”

ด้วยเช่นนั้น เขาก็ตบไปที่ถุงสมบัติ ทำให้นกแก้วพุ่งออกมาอยู่ในลำแสงสีดำ เสียงกรุ๊งกริ๊งของกระดิ่งได้ยินขึ้น ตามมาด้วยเสียงบ่นพึมพำราวกับเสียงน้ำไหลเชี่ยวกราก
“อู่เหยียออกมาแล้ว! อู่เหยียสาบานว่าจะไม่มีวันกลับเข้าไปในถุงสมบัตินั่นอีก! อู่เหยียเป็นอิสระแล้ว! อู่เหยียกำลังจะ…อี๋?!” ในท่ามกลางเสียงบ่นของมัน จู่ๆ อู่เหยียก็มองลงไปยังผู้ฝึกตนอสูรทั้งหมดที่อยู่ในสระน้ำ
ผีโต้งในรูปแบบของกระดิ่ง ก็อยู่ในท่ามกลางเสียงแผดร้องด้วยโทสะเช่นเดียวกัน แต่ทันใดนั้นมันก็ตระหนักว่านกแก้วได้เงียบไป มันจึงมองลงไปยังผู้ฝึกตนอสูรด้วยเช่นกัน หลังจากที่จ้องมองไปชั่วขณะ ผีโต้งก็เริ่มตื่นเต้นขึ้นและกล่าวว่า

“พวกเราไปอาบน้ำด้วยกันดีหรือไม่?” ราวกับว่ามันต้องการจะลงไปแช่น้ำด้วย
นกแก้วบินไปรอบๆ เป็นวงกลม มองดูสถานการณ์โดยละเอียด และจากนั้นก็แผดร้องขึ้น “เจ้าโง่! ปัญญาอ่อน! เจ้าไม่เห็นหรือว่ามันกำลังทำอาหารทะเลอยู่? พวกมันไม่ได้กำลังอาบน้ำ! บัดซบ! ทำไมไห่เซียน (อาหารทะเล) เหล่านี้ถึงไม่มีขนเลยแม้แต่ตัวเดียว!?!?”
เมิ่งฮ่าวกระแอมไอออกมา จากนั้นก็กล่าวกับผีโต้ง “พวกนี้คือเหล่าคนพาล ถ้าเจ้าต้องการก็ลองนับดู มีทั้งหมดสามคน สามคนพาล ข้าจับพวกมันมาเพื่อเจ้า และนำพวกมันมาที่นี่เพื่อให้เจ้าฝึกฝนความสามารถในการเปลี่ยนแปลงผู้คนของเจ้า!”
ผีโต้งสั่นสะท้านขึ้นด้วยความตื่นเต้นขณะที่มันกำลังนับไปด้วย เมื่อนับเสร็จ มันก็มองไปยังเมิ่งฮ่าวราวกับว่าเขาเป็นคนดีที่สุดในโลก ในความคิดของผีโต้ง มันไม่เคยพบเจอเจ้านายที่ปฏิบัติต่อมันเป็นอย่างดีเท่ากับเมิ่งฮ่าวมาก่อน เมิ่งฮ่าวยิ้มน้อยๆ ออกมา ราวกับว่าคนทั้งสองเป็นสหายที่ดีต่อกัน จากนั้นก็มองไปยังนกแก้วและจ้องมองไปด้วยแววตาที่ดูน่ากลัว
“ไห่เซียนเหล่านี้ฉลาดรู้จักเชื่อฟัง ทุกตัวสามารถนำไปขายเพื่อให้ได้กำไรอย่างงดงาม พวกมันแต่ละตัวสามารถแลกเปลี่ยนเป็นสัตว์อสูรที่มีขนให้กับเจ้าได้”

“ถ้าเจ้าสามารถสอนพวกมันเพื่อให้ขายออกไปได้ทั้งหมด ข้าก็จะมอบส่วนแบ่งให้กับเจ้าสามส่วน!”
เมื่อนกแก้วได้ยินคำว่า ‘สัตว์อสูรที่มีขน’ มันก็รู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาในทันที เริ่มมองเห็นภาพของสัตว์อสูรที่มีขนอยู่ทุกเผ่าพันธุ์ ทำให้มันยิ่งมีความกระตือรือร้นมากขึ้นไปอีก มันรีบรับข้อเสนอของเมิ่งฮ่าวในทันใด
เมิ่งฮ่าวไม่สนใจนกแก้วและผีโต้งในทันที ขณะที่พวกมันเริ่มสร้างความลำบากใจให้กับผู้ฝึกตนอสูร เขามั่นใจว่าด้วย ‘ความแข็งแกร่ง’ ของพวกมัน การที่จะทำให้ผู้ฝึกตนอสูรไห่เซียนเหล่านี้อยู่ในโอวาท ไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้สำหรับพวกมัน
“ยังมีหญิงสาวซูเยียนนั่นอีกคน ข้าจะรออีกสองสามวัน จากนั้นก็ส่งนางให้กับนกแก้วและผีโต้งสำหรับการเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ข้าไม่เชื่อว่านางจะทนได้อีกต่อไป

หลังจากนั้น” เมื่อตัดสินใจเสร็จสิ้น เขาก็เข้าไปในที่พัก ตัวที่พักเองไม่ได้มีขนาดใหญ่โตมากนัก แต่ก็มีประตูศิลาอยู่บนชั้นที่สอง ด้านหลังของประตูศิลามีอยู่สามห้อง แต่ละห้องมีขนาดค่อนข้างใหญ่โต
หลังจากที่ตรวจสอบดูห้องเหล่านั้น เมิ่งฮ่าวก็พึมพำกับตัวเองอยู่ชั่วขณะจากนั้นดวงตาก็สาดประกายขึ้น ตบไปที่ถุงสมบัติ ทำให้ด้วงดำสามสิบตัวบินออกมา มีด้วงดำอยู่สิบตัวในแต่ละห้อง เมิ่งฮ่าวมองไปยังดวงตาปีศาจบนหลังของพวกมันด้วยความครุ่นคิด

“ข้าได้ยินซูเยียนเรียกพวกมันว่าด้วงตาปีศาจ…”
“พวกมันชอบกินหินปราณเซียน ถ้าเช่นนั้นข้าก็จะปล่อยให้พวกมันกินจนอิ่ม…และคอยดูว่าดวงตาปีศาจเหล่านี้จะเป็นอย่างไรในที่สุด!” เมิ่งฮ่าวคิดถึงวิธีนี้ขึ้นมาได้เมื่อนานมาแล้ว ดังนั้นจึงกัดฟันแน่นโดยไม่ลังเลใดๆ อีกต่อไป เขาเกลียดการที่ต้องสูญเสียหินปราณเซียนไป

แต่ก็รู้ด้วยเช่นกันว่าบนเส้นทางแห่งการฝึกตน ต้องยอมเสียบางอย่างไป เพื่อให้ได้บางอย่างกลับคืนมา
เขาโบกสะบัดมือ ทำให้หินปราณเซียนสามสิบก้อนลอยเข้าไปในห้องทั้งสาม ทันใดนั้นด้วงตาปีศาจก็บ้าคลั่งขึ้นมา คลานตรงไปคว้าจับหินปราณเซียนไว้
เขาโยนหินปราณเซียนออกไปหนึ่งก้อนต่อด้วงหนึ่งตัว เพื่อป้องกันไม่ให้พวกมันต่อสู้กันเอง นอกจากนี้เขามีด้วงตาปีศาจเพียงแค่ห้าร้อยตัวเท่านั้น จึงต้องการหลีกเลี่ยงจากสถานการณ์ที่พวกมันจะสังหารกันเอง
ไม่นานนักด้วงตาปีศาจก็กลืนกินหินปราณเซียนลงไปจนหมด หลังจากนั้นพวกมันก็เกาะอยู่ที่นั่นแน่นิ่งไม่ไหวติง แต่กลิ่นอายเริ่มมีความเข้มข้นมากขึ้น

และร่างกายก็เริ่มเหนียวแน่นขึ้น ราวกับว่าพวกมันอยู่ในขั้นตอนของการดูดซับพลังจากหินปราณเซียนที่กลืนกินลงไป
หลังจากที่พิจารณาอยู่ชั่วขณะ เขาก็คิดว่าเมื่อด้วงตาปีศาจกำลังใช้เวลาในการดูดซับพลัง เขาก็ควรเรียกใช้เด็กหุ่นเชิด จึงได้เรียกเด็กชายผู้นั้นมา ส่งหินปราณเซียนบางส่วนให้ จากนั้นก็ส่งคำสั่งที่เป็นเจตจำนงศักดิ์สิทธิ์เข้าไปในหุ่นเชิด เพื่อให้มันป้อนหินปราณเซียนให้กับตัวด้วงเท่าที่จำเป็น จากนั้นก็ออกมาจากห้องศิลา และนั่งลงขัดสมาธิบนชั้นสองของที่พัก
เมิ่งฮ่าวสูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ และแสงแห่งความมุ่งมั่นก็สาดประกายอยู่ในดวงตา ขณะที่ยื่นมือขวาออกไป ทันใดนั้นถุงสมบัติก็ปรากฏขึ้น เขาใช้สัมผัสศักดิ์สิทธิ์กวาดผ่านเข้าไป มองเห็นหินลมปราณและหยกเซียนอยู่ไม่น้อย รวมทั้งธูปอีกหนึ่งดอก
ธูปดอกนั้นให้ความรู้สึกที่เก่าแก่โบราณ ราวกับว่ากลิ่นอายของมันเต็มไปด้วยกาลเวลาที่ผ่านมาแล้วหลายปี
“ธูปดอกนี้น่าจะเป็นของวิเศษเซียนที่ท่านปรมาจารย์จิ่วผอได้เอ่ยถึง” เมิ่งฮ่าวคิด ไม่สนใจมันชั่วคราว ทำการค้นหาไปทั่วทั้งถุงสมบัติด้วยความตื่นเต้น ยังสิ่งมีค่ามากที่สุดที่อยู่ในนั้น

ขวดหยกหนึ่งใบ! ขวดใบนี้มีขนาดแค่นิ้วก้อยเท่านั้น และมันก็ประกอบไปด้วย…หยดน้ำสีแดงหนึ่งหยด ซึ่งไม่ใช่อะไรอื่นนอกจากเป็น…หยดโลหิตของผู้ยิ่งใหญ่!!
เขาหยิบเอาขวดหยกออกมาจากถุงสมบัติด้วยความระมัดระวัง จากนั้นก็วางลงไปบนฝ่ามือ หอบหายใจออกมา คิดย้อนกลับไปยังการแข่งขันที่ถูกจัดขึ้นโดยสามกลุ่มเต๋าอันยิ่งใหญ่ และการที่เขาได้อันดับหนึ่งมาได้อย่างไร ด้วยเหตุผลบางอย่างทำให้ดูเหมือนว่าเหตุการณ์นี้ได้เกิดขึ้นมานานมากแล้ว
“ในที่สุดข้าก็ได้รางวัลของข้า! แต่ข้าสงสัยว่า…หยดโลหิตของผู้ยิ่งใหญ่นี้มาจากใคร? ใช่เป็นของไห่เมิ่งในชุดขาว หรือว่าเป็นเซียนกู่?

หรืออาจจะมาจาก…จิ่วเฟิงจื้อจุน?” เมิ่งฮ่าวสูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ โดยไม่ลังเลอีกต่อไปเขาเปิดขวดหยกออก แต่แทนที่จะรินหยดโลหิตของผู้ยิ่งใหญ่ออกมา เขาค่อยๆ ส่งสัมผัสศักดิ์สิทธิ์เข้าไปในขวดหยกใบนั้น
แทบจะในทันทีที่สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของเขาทำการเชื่อมต่อกับหยดโลหิตของผู้ยิ่งใหญ่ กลุ่มหมอกสีโลหิตก็พุ่งขึ้นมา ในชั่วพริบตาก็ม้วนกวาดสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ให้ย้อนกลับตรงมาที่เขา เมิ่งฮ่าวตกตะลึง แต่หลังจากที่ลังเลอยู่ชั่วขณะ ก็กัดฟันแน่นและนั่งนิ่งไม่ขยับตัวเคลื่อนไหวใดๆ
เส้นใยของกลุ่มหมอกโลหิตได้ไหลซึมเข้าไปในดวงตา, หู, จมูกและปากของเขา ในเวลาเดียวกันนั้น เขาก็ปิดขวดหยก เพื่อให้มั่นใจว่ายังคงมีหยดโลหิตของผู้ยิ่งใหญ่อยู่ที่ด้านใน เห็นได้ชัดว่ากลุ่มหมอกโลหิตเป็นแค่สามในสิบส่วนของหยดโลหิตนี้เท่านั้น
แต่ถึงแม้ว่าจะเป็นแค่สามในสิบส่วน ก็ยังได้สร้างเป็นพลังอันมหาศาล ที่พุ่งผ่านเข้าไปในร่างของเมิ่งฮ่าวอย่างบ้าคลั่งเส้นเลือดเขียวปะทุขึ้นมาบนใบหน้า และเขาก็สั่นสะท้านไปทั่วทั้งร่าง กลุ่มหมอกโลหิตได้กลายเป็นเส้นใยนับล้าน ที่ไหลซึมเข้าไปในชีพจรซียนของเขา พลังอันเลือนลางของผลไม้เต๋าได้เริ่มก่อตัวขึ้นมาอย่างช้าๆไม่นานต่อมา มันก็พังทลายลงไป โจมตีไปรอบๆ ด้านในของร่างกายเมิ่งฮ่าว
ร่างเขาสั่นสะท้านไปมา รีบหยิบเอาผลเนี่ยผานออกมา และกดลงไปบนหน้าผากอย่างรวดเร็ว ในตอนนั้นเองที่เส้นใยนับล้านซึ่งอยู่ภายในร่างกายเขาทั้งหมด ดูเหมือนว่าจะพบเห็นการคงอยู่ของผลเนี่ยผาน ร่างกายเขาสั่นสะท้าน และกลิ่นอายก็ระเบิดขึ้นไป ปราณเซียนทั้งหมดถูกปลดปล่อยออกมา พลังพุ่งขึ้นไปขณะที่เห็นได้ชัดว่าผลเนี่ยผานเริ่มทำการหลอมรวมเข้าไปในเส้นโลหิตและเส้นลมปราณของเขา
ถ้าเขาดูดซับมันได้อย่างสมบูรณ์ ก็จะเป็นการบ่งชี้ให้เห็นว่า เขาดูดซับผลเนี่ยผานเข้าไปได้สำเร็จ นั่นก็จะหมายความว่า…เขาจะมีศักดิ์ฐานะที่อยู่สูงขึ้นไปในอาณาจักรเซียน และสามารถจะเข้าใกล้การกลายเป็นจักรพรรดิของอาณาจักรเซียนไป…ตราบชั่วนิรันดร์!

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!