Skip to content

I shall seal the heaven Chapter 1570

ตอนที่ 1570

มองเห็นได้อย่างชัดเจน

“ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้” เมิ่งฮ่าวกล่าวขึ้นด้วยเสียงราบเรียบ โบกสะบัดมือขวาออกไป และเสียงระเบิดก็ดังก้องขึ้น ขณะที่ชายชราระเบิดออก ถูกสังหารไปทั้งร่างกายและวิญญาณ

เมิ่งฮ่าวยืนอยู่ที่นั่น มองไปยังรูปปั้นที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกลมากนัก บังคับให้ตัวเองอยู่ในระดับเก้าแก่นแท้ ร่องรอยเหนือสูงสุดกระจัดกระจายออกไปจนหมดสิ้น มองไปยังรูปปั้นและกลุ่มผู้ฝึกตนที่อยู่รอบๆ บริเวณนั้น

ไม่มีกลุ่มหมอกอีกต่อไป และใบหน้าของรูปปั้นในตอนนี้ก็เต็มไปด้วยความสง่างามโดยสิ้นเชิง

“พื้นฐานฝึกตนของข้าในตอนนี้สูงเกินกว่าพื้นฐานเต๋า อยู่ห่างจากอาณาจักรบรรพจารย์แค่ครึ่งก้าวเท่านั้น…ความก้าวหน้าเพียงเล็กน้อยช่วยให้ข้ามองเห็นถึงความจริง ไม่ใช่เป็นแค่ร่องรอยเท่านั้น” หลังจากที่ครุ่นคิดอยู่ชั่วขณะก็โบกสะบัดมือ กลายเป็นคลื่นโจมตีม้วนกวาดออกไปยังผู้ฝึกตนอาณาจักรเทพทั้งปวง จากนั้นพลังการฝึกตนก็พุ่งสูงขึ้นไปจากระดับเก้าแก่นแท้ ย้อนกลับเข้าไปอยู่เหนือพื้นฐานเต๋า จากนั้นกลิ่นอายเหนือสูงสุดก็ปะทุออกมาด้วยพลังที่แข็งแกร่ง ทำให้อาณาจักรเทพทั้งปวงต้องสั่นสะท้านด้วยความตกตะลึง

พลังนั้นไม่เพียงแต่จะมาจากกายเนื้อเหนือสูงสุด และพื้นฐานฝึกตนเหนือสูงสุดเท่านั้น ในตอนนี้เจตจำนงแห่งวิญญาณเหนือสูงสุดของเมิ่งฮ่าวกำลังปะทุขึ้น พลังอันไร้ขอบเขตพุ่งกระจายออกไป เป็นพลังที่เหนือกว่าพื้นฐานเต๋า เป็นพลังที่…อยู่ห่างจากอาณาจักรบรรพจารย์แค่ครึ่งก้าวเท่านั้น!

ทันใดนั้นเมิ่งฮ่าวก็สามารถจะรับรู้ได้ในทันทีว่า เสียงของผู้ฝึกตนอาณาจักรเทพกำลังเงียบกริบลงไป ในที่สุด…ก็จางหายไปจนหมดสิ้น

 

ตอนนี้ดูเหมือนว่าพวกมันจะไร้ซึ่งสติปัญญาใดๆ สำหรับรูปปั้นของผู้ฝึกตนเหนือสูงสุด ใบหน้ามันบิดเบี้ยวไปมา ทำให้ดูแตกต่างไปจากก่อนหน้านี้โดยสิ้นเชิง ยิ่งไปกว่านั้นอาณาจักรเทพก็ถูกปกคลุมไปด้วยกลุ่มหมอกทั้งหมด…

เมิ่งฮ่าวยืนอยู่ที่นั่นมองตรงไปยังรูปปั้น หลังจากผ่านไปชั่วขณะ ก็โบกสะบัดมือออกไป ทำให้หนึ่งในผู้ยิ่งใหญ่แปดแก่นแท้ของอาณาจักรเทพหายตัวไปในทันที จากนั้นก็มาปรากฏขึ้นที่เบื้องหน้าเมิ่งฮ่าว และเขาก็ยื่นมือออกคว้าจับไปยังลำคอของมันอย่างเรียบง่าย

เมิ่งฮ่าวตรวจสอบดูเป็นเวลานาน จนกระทั่งสามารถจะรับรู้ได้ถึงกลิ่นอายที่กำลังกระจายออกมาจากร่างมัน ซึ่งไม่อาจจะสังเกตเห็นได้ถ้าไม่เพ่งสมาธิอย่างจริงจัง หลังจากที่กลิ่นอายนั้นไหลซึมออกมาจากดวงตา หู จมูกและปากของผู้ยิ่งใหญ่แปดแก่นแท้ ก็เริ่มไหลตรงไปยังรูปปั้นที่อยู่ห่างไกล

อันที่จริงก็มีรูปปั้นเช่นนี้อยู่ทั้งหมดเก้าแห่ง ที่ตั้งตระหง่านไปทั่วทั้งดินแดนกว้างใหญ่ แปดรูปปั้นตั้งอยู่รอบนอก และรูปปั้นที่มีขนาดใหญ่มากที่สุดอยู่ตรงกลาง

“ถ้าข้าต้องการเห็นว่ากำลังเกิดอะไรขึ้นจริงๆ…ก็ไม่ใช่เรื่องยากแต่อย่างใด”

เมิ่งฮ่าวยกมือขวาขึ้นมา กระจกทองแดงปรากฏขึ้นและเริ่มหลอมละลายไป กลายเป็นเส้นใยสีดำนับไม่ถ้วนปกคลุมไปทั่วร่างเมิ่งฮ่าว เพื่อก่อตัวเป็นชุดเกราะสีดำ

ด้วยการยืมพลังจากนกแก้ว ทำให้สามารถจะผลักดันให้พื้นฐานฝึกตนพุ่งผ่านครึ่งก้าวนั้นไปได้…จนกระทั่งเข้าไปอยู่ในอาณาจักรบรรพจารย์!!

ตูมมมมมมม!

เส้นผมเมิ่งฮ่าวพลิ้วไสวไปมา ขณะที่สายลมอันปั่นป่วนวุ่นวายเริ่มกรีดร้องอยู่รอบๆ ตัว ความว่างเปล่าไร้ขอบเขตสั่นสะท้านด้วยระดับพลังขั้นสูงสุดนี้

เวลาเดียวกันนั้นนกแก้วก็บินออกมา แผดร้องเป็นเสียงแหลมเล็กขณะที่พุ่งตรงเข้าไปในหน้าผากเมิ่งฮ่าว หลอมรวมเข้ากับดวงตาเต๋า ซึ่งเป็นดวงตาที่สามที่ปิดอยู่ จากนั้นก็เริ่มกระจายเป็นแสงสีม่วงออกไป

ด้วยเช่นนั้นเมิ่งฮ่าวก็หลับตาทั้งสองข้างลง และเปิดดวงตาเต๋าขึ้นมา แสงสีม่วงกระจายปกคลุมไปทั่วทั้งโลกแห่งนี้ เวลาเดียวกันนั้น…มุมมองของเมิ่งฮ่าวต่อโลกแห่งนี้ก็เปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง!

เขามองเห็นว่าผู้ฝึกตนแห่งอาณาจักรเทพ จริงๆ แล้วก็ก่อตัวขึ้นมาจากกลุ่มก้อนลมปราณและโลหิต พวกมันเป็นเพียงแค่เค้าโครงร่างเท่านั้น เต็มไปด้วยกลุ่มหมอกสีดำ ทำให้ดูน่าตกใจเป็นอย่างยิ่ง

ไม่ว่าพวกมันจะเป็นบุรุษหรือสตรี ชราหรือเยาว์วัย และไม่ว่าพื้นฐานฝึกตนของพวกมันจะอยู่ที่ระดับใด สำหรับเมิ่งฮ่าวแล้วพวกมันก็เป็นเพียงแค่กลุ่มก้อนลมปราณและโลหิตเท่านั้น

เมื่อไหร่ก็ตามที่พวกมันตายไป ก็จะถูกรูปปั้นที่อยู่ใกล้มากที่สุดดูดซับเข้าไป เห็นได้ชัดว่ากลุ่มหมอกสีดำภายในร่างพวกมันเป็นวิญญาณ เป็นรูปแบบที่แท้จริงของพวกมัน

ไปทั่วทั้งโลกแห่งนี้ เวลาเดียวกันนั้น…มุมมองของเมิ่งฮ่าวต่อโลกแห่งนี้ก็เปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง!

เขามองเห็นว่าผู้ฝึกตนแห่งอาณาจักรเทพ จริงๆ แล้วก็ก่อตัวขึ้นมาจากกลุ่มก้อนลมปราณและโลหิต พวกมันเป็นเพียงแค่เค้าโครงร่างเท่านั้น เต็มไปด้วยกลุ่มหมอกสีดำ ทำให้ดูน่าตกใจเป็นอย่างยิ่ง

ไม่ว่าพวกมันจะเป็นบุรุษหรือสตรี ชราหรือเยาว์วัย และไม่ว่าพื้นฐานฝึกตนของพวกมันจะอยู่ที่ระดับใด สำหรับเมิ่งฮ่าวแล้วพวกมันก็เป็นเพียงแค่กลุ่มก้อนลมปราณและโลหิตเท่านั้น

เมื่อไหร่ก็ตามที่พวกมันตายไป ก็จะถูกรูปปั้นที่อยู่ใกล้มากที่สุดดูดซับเข้าไป เห็นได้ชัดว่ากลุ่มหมอกสีดำภายในร่างพวกมันเป็นวิญญาณ เป็นรูปแบบที่แท้จริงของพวกมัน

ยิ่งไปกว่านั้น ภายในกลุ่มหมอกสีดำเหล่านั้น เมิ่งฮ่าวยังสามารถจะรับรู้ได้ถึง…ความผันผวนแห่งเจตจำนงของหลัวเทียนอีกด้วย แม้แต่เส้นใยวิญญาณที่ไหลซึมอยู่ภายในนั้นก็มีกลิ่นอายเช่นเดียวกัน!

เมิ่งฮ่าวส่งสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ออกปกคลุมไปทั่วทั้งอาณาจักรเทพ และพบว่าจริงๆ แล้วผู้ฝึกตนทั้งหมดต่างก็เป็นเช่นเดียวกัน ไม่มีข้อยกเว้นแม้แต่คนเดียว

อันที่จริงก็มีข้อยกเว้นอยู่หนึ่งแห่งซึ่งก็คือตระกูลแห่งหนึ่ง ตระกูลนั้นไม่ได้เข้าร่วมในสงครามครั้งนี้ แต่พวกมันนั่งขัดสมาธิอยู่ที่นั่นด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความรู้สึกอันซับซ้อน ใบหน้ามากมายเหล่านั้นดูคุ้นตาสำหรับเมิ่งฮ่าวเป็นอย่างยิ่ง

พวกมันก็คือ…ตระกูลหวังนั่นเอง

เมิ่งฮ่าวยังได้มองเห็นหวังเถิงเฟยอีกด้วย พร้อมกับโลหิตเผ่าเทพที่กำลังไหลเวียนไปทั่วทั้งเส้นเลือดของมัน

ผู้ฝึกตนตระกูลหวังกำลังนั่งขัดสมาธิเข้าฌานอยู่ทั้งหมด ถูกห้อมล้อมด้วยค่ายกลเวทซึ่งคอยป้องกันไม่ให้กลุ่มหมอกสีดำไหลผ่านเข้ามา

เพียงชั่วขณะเท่านั้นเมิ่งฮ่าวก็ตระหนักว่าค่ายกลเวทนี้จริงๆ แล้วก็คือประตูเคลื่อนย้ายทางไกล และมีความซับซ้อนเป็นอย่างยิ่ง ไม่อาจจะกระตุ้นให้มันทำงานขึ้นมาได้อย่างรวดเร็ว และที่ยิ่งน่าตกใจไปมากกว่านั้นก็คือ…ดูเหมือนว่าประตูเคลื่อนย้ายทางไกลนี้จะนำไปสู่ด้านนอกท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวแห่งความว่างเปล่าไร้ขอบเขต!

เมิ่งฮ่าวเพ่งความสนใจไปยังสิ่งมีชีวิตอื่นๆ เป็นใครบางคนที่ไม่ได้อยู่ในตระกูลหวัง ในทันทีที่เมิ่งฮ่าวเพ่งสมาธิไปยังคนผู้นั้น เขาก็ตระหนักได้ว่ามันคือใครในทันที มันคืออดีตผู้ฝึกตนลำดับขั้นจากขุนเขาทะเลแรก เต้าเทียนนั่นเอง

มันดูแก่ชรา แต่เมิ่งฮ่าวก็ยังคงบอกได้ว่ามันเป็นใคร น่าเสียดายที่เต้าเทียนถูกปกคลุมด้วยกลุ่มหมอกสีดำ ซึ่งกำลังกัดกินร่างกายของมันไปอย่างช้าๆ แต่เป็นสิ่งที่มันไม่อาจจะรับรู้ได้

หลังจากที่ผ่านไปชั่วขณะ เมิ่งฮ่าวก็ส่งสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ให้ม้วนกวาดออกไปยังดินแดนกว้างใหญ่อีกครั้ง และสามารถจะรับรู้ได้ถึงกลุ่มคนที่แตกต่างออกไปอีก มีอยู่ทั้งหมดแปดคนในสถานที่ที่แตกต่างกันออกไปทั่วทั้งอาณาจักรเทพ

พวกมันถูกสร้างขึ้นมาจากกลุ่มก้อนของลมปราณและโลหิตคล้ายกับคนทั้งหมดทั่วไป แต่ไม่มีเส้นใยของกลุ่มหมอกสีดำซึ่งเป็นเจตจำนงแห่งหลัวเทียนอยู่ภายในร่าง และไม่มีเส้นใยวิญญาณที่แปลกๆ แม้แต่คนเดียว

 

แทบจะในทันทีที่เมิ่งฮ่าวตระหนักถึงคนทั้งแปดในสถานที่ที่แตกต่างกัน ก็ดูเหมือนว่าพวกมันจะรับรู้ได้ถึงการคงอยู่ของเขา และเพ่งความสนใจมายังทิศทางที่เมิ่งฮ่าวอยู่ ทำให้สามารถจะรู้สึกได้ถึงอารมณ์อันซับซ้อนที่เต็มอยู่ในจิตใจพวกมัน

ในที่สุดเมิ่งฮ่าวก็หลับดวงตาเต๋าลง จากนั้นดวงตาทั้งคู่ก็ลืมขึ้นมา และโบกสะบัดชายแขนเสื้อ ทำให้ชุดเกราะสีดำหายแวบไป กลายเป็นกระจกทองแดงเหมือนเดิม และเขาก็เก็บมันไว้ เสียงระเบิดของการต่อสู้ยังคงดังก้องออกมาอยู่รอบๆ ตัว ชางหมางพ่ายสมกับที่มีชื่อเสียงในฐานะที่เป็นกองกำลังอันดับหนึ่งในท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวแห่งความ

ว่างเปล่าไร้ขอบเขตอย่างแท้จริง พวกมันระดมพลออกมาทั้งสำนัก เมื่อรวมเข้ากับพลังอันแข็งแกร่งของตี้จิ่วจง กิ้งก่าชราและสิ่งมีชีวิตพิสดารอื่นๆ แล้ว ก็ทำให้อาณาจักรเทพไม่อาจจะต่อสู้กลับมาได้อย่างง่ายดาย ดินแดนกว้างใหญ่สั่นสะท้าน ขณะที่ผู้ฝึกตนชางหมางพ่ายบดขยี้เข้าไปลึกมากขึ้นเรื่อยๆ

เมิ่งฮ่าวไม่สนใจการต่อสู้เหล่านั้น แต่ขณะที่เขากำลังจะขยับตัวเคลื่อนไหว ดินแดนกว้างใหญ่ก็สั่นสะเทือนไปทั่ว ผู้ฝึกตนนับไม่ถ้วนคุกเข่าลงไปกราบกรานต่อสวรรค์ พวกมันทั้งหมดกำลังร้องตะโกนออกมาด้วยเสียงเดียวกัน

“ขอเชิญท่านปรมาจารย์ลงมา!”

“ขอเชิญท่านปรมาจารย์ลงมา!!”

“ขอเชิญท่านปรมาจารย์ลงมา!!!”

เสียงของพวกมันรวมเข้าด้วยกัน จนกลายเป็นคลื่นเสียงที่สวรรค์ต้องสะท้านปฐพีต้องสะเทือน ดินแดนกว้างใหญ่สั่นไหวไปมา และกลิ่นอายที่แปลกๆ ทันใดนั้นก็เริ่มตกลงมา

ทุกสรรพสิ่งเริ่มหนาวเย็นลงไป แต่เมิ่งฮ่าวก็รู้สึกได้ว่าเจตจำนงนี้ไม่ได้ฉลาดมากนัก ราวกับว่ามีใครบางคนได้ประทับมันลงไปในแผ่นหยก และตอนนี้ก็ถูกบังคับให้ต้องปรากฏตัวออกมา

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!