Skip to content

I shall seal the heaven Chapter 1605

ตอนที่ 1605

การเปลี่ยนแปลงครั้งสุดท้ายของหลัวเทียน

ก่อนหน้านี้เมิ่งฮ่าวเคยใช้เวทผนึกสวรรค์ที่ยังไม่สมบูรณ์ไปยังเสาอสูรต้นนั้น ทิ้งเป็นรอยร้าวขนาดใหญ่ไว้ ตอนนี้เวทผนึกสวรรค์ที่สมบูรณ์แบบกำลังระเบิดออกไปด้วยพลังอันน่าเหลือเชื่อ ส่งผลให้รอยแตกร้าวขนาดใหญ่นั้นแตกกระจายออกไปมากขึ้น เต็มไปทั่วทั้งเสาต้นนั้น

เสียงกระหึ่มดังก้องออกมา ขณะที่เสาอสูรแตกกระจายออกเป็นเสี่ยงๆ กลายเป็นเศษชิ้นส่วนนับไม่ถ้วน เริ่มตกลงมาคล้ายกับเป็นสายฝน

เวลาเดียวกันนั้นเสียงแผดร้องด้วยโทสะก็ดังก้องไปทั่วทั้งท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาว จากนั้นภายใต้แสงอันเจิดจ้าที่สาดส่องออกมาจากเวทผนึกสวรรค์ สิ่งที่คล้ายกับหัตถ์ยักษ์ก็ปรากฏขึ้น เริ่มทำการฉีกกระชากรอยแตกในท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวให้เปิดออก กลิ่นอายอันเก่าแก่โบราณนับไม่ถ้วนปะทุออกมา เช่นเดียวกับกลุ่มหมอกความว่างเปล่าไร้ขอบเขตอันหนาแน่น เวลาเดียวกันนั้นดวงตาขนาดใหญ่ก็โผล่ออกมาจากภายในรอยแตกนั้น

เมิ่งฮ่าวสามารถจะบอกได้ในทันทีว่าดวงตานั้นไม่ใช่ภาพลวงตา มันคือ…ร่างจริงของหลัวเทียน!

กลิ่นอายที่เก่าแก่โบราณของมันไม่ใช่สิ่งที่จะสามารถปลอมแปลงกันได้ เช่นเดียวกับความรู้สึกที่อ่อนแอซึ่งกำลังกระจายออกมานั้น

สิ่งสำคัญมากที่สุดก็คือเมิ่งฮ่าวสามารถจะรับรู้ได้ถึงกลิ่นอายแห่งท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวจากดวงตาข้างนั้น

มันคือหลัวเทียน ราชันดั้งเดิมแห่งท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาว เหตุผลที่ทำไมสิ่งมีชีวิตทั้งปวงสามารถจะทำการฝึกตน หรือสามารถจะอยู่เหนือ

เปล่าไร้ขอบเขตอันหนาแน่น เวลาเดียวกันนั้นดวงตาขนาดใหญ่ก็โผล่ออกมาจากภายในรอยแตกนั้น

เมิ่งฮ่าวสามารถจะบอกได้ในทันทีว่าดวงตานั้นไม่ใช่ภาพลวงตา มันคือ…ร่างจริงของหลัวเทียน!

กลิ่นอายที่เก่าแก่โบราณของมันไม่ใช่สิ่งที่จะสามารถปลอมแปลงกันได้ เช่นเดียวกับความรู้สึกที่อ่อนแอซึ่งกำลังกระจายออกมานั้น

สิ่งสำคัญมากที่สุดก็คือเมิ่งฮ่าวสามารถจะรับรู้ได้ถึงกลิ่นอายแห่งท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวจากดวงตาข้างนั้น

มันคือหลัวเทียน ราชันดั้งเดิมแห่งท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาว เหตุผลที่ทำไมสิ่งมีชีวิตทั้งปวงสามารถจะทำการฝึกตน หรือสามารถจะอยู่เหนือสูงสุดได้ก็เนื่องมาจากมัน มีความฉลาดรุ่งเรืองอยู่ในท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวมานานหลายปีจนนับไม่ถ้วน

เมื่อหลายปีก่อนหน้าโน้น ทุกสิ่งทุกอย่างต่างก็อยู่ร่วมกันอย่างมีความสุขสามัคคีกลมเกลียว แต่จากนั้นมันก็อ่อนแอลง และขณะที่ใกล้จะตายไปนั้นก็เริ่มบ้าคลั่งขึ้นมา…

เมิ่งฮ่าวมองไปยังดวงตาแห่งหลัวเทียนซึ่งเป็นศัตรูอันร้ายกาจของตนเองลอยออกมาจากรอยแตก ในทันทีที่รับรู้ได้ถึงความอ่อนแอของมัน เขาก็ถอนหายใจกล่าวว่า

“ในที่สุดเจ้าก็เผยตัวออกมาแล้ว”

หลัวเทียนจ้องมองกลับมาด้วยความเกลียดชังและความรู้สึกซับซ้อนหลากหลาย แต่ก็เย็นเยียบอย่างถึงที่สุด

“ข้ามาจากที่ห่างไกลเป็นอย่างยิ่ง และเมื่อมาถึง สถานที่แห่งนี้ก็ไม่มีอะไรนอกจากความปั่นป่วนวุ่นวายเท่านั้น สิ่งมีชีวิตในที่แห่งนี้ไร้ซึ่งสติปัญญาความฉลาดใดๆ มีชีวิตอยู่ตามสัญชาตญาณเพียงอย่างเดียวเท่านั้น…”

“เป็นเพราะข้า! ข้าคือคนที่เปลี่ยนแปลงทุกสรรพสิ่ง ทำไมเจ้าต้องมาต่อต้านข้า?”

“ข้าสร้างเป็นเส้นทางการฝึกตนให้กับสิ่งมีชีวิตทั้งหมด! ทำไมเจ้าถึงไม่ขอบคุณข้า?”

“ข้าคือผู้พิทักษ์ปกป้องท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวแห่งนี้ด้วยเช่นกัน ปล่อยให้มันเจริญรุ่งเรืองอยู่ภายในห้วงจักรวาล ทำไมเจ้าถึงไม่พอใจ?”

“ข้าคือผู้สร้างกฎธรรมชาติในที่แห่งนี้ กำจัดเจตจำนงอันเลือนรางเหล่านั้นออกไป กลายเป็นราชันแห่งท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวแห่งนี้!” เสียงของหลัวเทียนดูเหมือนว่าจะเต็มไปด้วยความโศกเศร้า แต่ก็ดังก้องออกมาคล้ายเสียงฟ้าร้องคำราม

“ข้าสร้างพวกเจ้าทั้งหมด! เป็นคนสร้างทุกสิ่งทุกอย่าง! ดังนั้นก็ถึงเวลาที่เจ้าต้องตอบแทนในสิ่งที่ข้าต้องการแล้ว นี่คือกฎธรรมชาติแห่งจักรวาล ทำไมเจ้าต้องขัดขืนด้วย?”

 

“เจ้าไม่ควรจะบรรลุถึงขั้นนี้! ข้าน่าจะใช้พลังจากผลเนี่ยผานของเจ้าได้ เจ้าต้องเป็นเชื้อเพลิงสำหรับการถือกำเนิดใหม่ของข้า เจ้า…ต้องตาย!”

ขณะที่คำพูดของหลัวเทียนดังก้องขึ้นด้วยโทสะ แรงกดดันอย่างที่ยากอธิบายได้ก็ระเบิดออกมา ทำให้ท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวต้องสั่นสะท้าน แสงจากเวทผนึกสวรรค์ถูกบดขยี้ไปในทันที และเริ่มกระจายหายไป

ถ้าเมิ่งฮ่าวไม่เคยใช้เวทผนึกสวรรค์มาก่อน เรื่องเช่นนี้ก็คงจะไม่เกิดขึ้น

หลัวเทียนต้องไม่สามารถจะทำลายเวทนี้ได้โดยที่ไม่เคยเห็นมาก่อนเป็นแน่ แต่มันเคยสังเกตเห็นมาแล้วจากก่อนหน้านี้ ทำให้สามารถจดจำ ลอกเลียนแบบและทำลายลงได้

จึงเป็นเหตุผลที่ทำไมมันถึงได้เปิดเผยตัวเองในตอนนี้ มันอ่อนแอจนแทบจะตกตายไปได้ทุกเมื่อ ก่อนหน้านี้มันจึงได้กระทำด้วยความระมัดระวัง

ขณะที่คำพูดของหลัวเทียนดังก้องขึ้นด้วยโทสะ แรงกดดันอย่างที่ยากอธิบายได้ก็ระเบิดออกมา ทำให้ท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวต้องสั่นสะท้าน แสงจากเวทผนึกสวรรค์ถูกบดขยี้ไปในทันที และเริ่มกระจายหายไป

ถ้าเมิ่งฮ่าวไม่เคยใช้เวทผนึกสวรรค์มาก่อน เรื่องเช่นนี้ก็คงจะไม่เกิดขึ้น

หลัวเทียนต้องไม่สามารถจะทำลายเวทนี้ได้โดยที่ไม่เคยเห็นมาก่อนเป็นแน่ แต่มันเคยสังเกตเห็นมาแล้วจากก่อนหน้านี้ ทำให้สามารถจดจำ ลอกเลียนแบบและทำลายลงได้

จึงเป็นเหตุผลที่ทำไมมันถึงได้เปิดเผยตัวเองในตอนนี้ มันอ่อนแอจนแทบจะตกตายไปได้ทุกเมื่อ ก่อนหน้านี้มันจึงได้กระทำด้วยความระมัดระวังตัวอย่างถึงที่สุด แต่ตอนนี้มันมีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับเวทผนึกสวรรค์นี้โดยสิ้นเชิง

เมิ่งฮ่าวแอบถอนหายใจอย่างเงียบๆ ยากที่จะบอกได้ว่าตอนเองมีความรู้สึกเกี่ยวกับหลัวเทียนอย่างไรบ้าง แต่มีอยู่สิ่งหนึ่งที่ไม่เคยเปลี่ยนแปลงมาก่อน หลัวเทียนได้วางแผนต่อตนเองมาตลอดชีวิต มันต้องเป็นผู้รับผิดชอบต่อการทำลายอาณาจักรขุนเขาทะเลไป สำหรับเมิ่งฮ่าวแล้วความรู้สึกที่ถูกจัดการและควบคุม เป็นสิ่งที่ไม่สอดคล้องกับเต๋าของตัวเองเป็นอย่างยิ่ง

เต๋าของเมิ่งฮ่าวคืออิสรภาพและเสรีภาพ เขาไม่ต้องการถูกจำกัดไร้อิสรภาพไปตราบชั่วนิรันดร์

“พวกเรามีเต๋าที่แตกต่างกัน” เมิ่งฮ่าวกล่าวขึ้นด้วยแววตาที่สาดประกายเป็นแสงเย็นชาที่แปลกๆ จากนั้นก็ยกมือขวาขึ้นมา ทำให้กลิ่นอายของเวทผนึกสวรรค์ระเบิดออกไป ส่งผลให้เกิดเป็นแสงสว่างกระจายออกไปทั่วทุกทิศทางอย่างไร้ขอบเขต

 

“พวกเรามีเต๋าที่แตกต่างกัน…” ลึกลงไปในดวงตาของหลัวเทียนคือความเย่อหยิ่งอย่างลึกล้ำ พร้อมทั้งความต้องการสังหารที่รุนแรงมากขึ้นอีกด้วย สำหรับมันแล้ววิธีที่จะเปลี่ยนแปลงทุกสรรพสิ่งได้ก็คือกลืนกินเมิ่งฮ่าวลงไป

ด้วยการกลืนกินเมิ่งฮ่าว มันก็จะถือกำเนิดขึ้นมาใหม่อีกครั้ง!

แต่ตอนนี้มันอ่อนแอ จนถึงจุดที่สามารถจะลงมือได้แค่ครั้งเดียวเท่านั้น ถ้าการโจมตีนั้นไม่อาจจะสังหารเมิ่งฮ่าวได้ ตัวมันเองก็จะต้องตายไปอย่างไร้ทางเลือก

“ลงมือแค่ครั้งเดียวก็น่าจะเพียงพอแล้ว!” หลัวเทียนกล่าวขึ้น ด้วยน้ำเสียงที่ดังก้องไปทั่วทั้งท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาว สิ่งของบางอย่างซึ่งมีสีดำสนิทปรากฏขึ้นจากดวงตาของมัน

“การเปลี่ยนแปลงครั้งที่เก้า!”

“การเปลี่ยนแปลงทุกชั้นฟ้า!” เพื่อตอบรับคำพูดของหลัวเทียน ท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวตรงด้านนอกความว่างเปล่าไร้ขอบเขตพังทลายลงไป ทุกสิ่งทุกอย่างหดเล็กลงไป ขณะที่พลังอันมหาศาลเริ่มมารวมตัวกันอยู่ที่ดวงตาข้างนั้น

ทันใดนั้นพลังของหลัวเทียนก็เริ่มพุ่งขึ้นไป และแรงกดดันที่กระจายออกมาก็เริ่มมีความรุนแรงมากขึ้น

ราวกับว่าท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวเองกำลังกายเป็นมหาสมุทรแห่งโทสะ และเมิ่งฮ่าวก็เป็นแค่เรือน้อยที่ลอยไปมาอยู่บนระลอกคลื่น ถูกพายุฝนโหมกระหน่ำจนแทบจะพลิกคว่ำอับปางไป

เมิ่งฮ่าวรู้สึกได้ถึงระดับความบ้าคลั่งที่สูงเกินกว่าความรู้สึกที่ตนเองรับรู้ได้จากผู้อยู่เหนือสูงสุดทั้งสาม ทำให้ต้องสั่นสะท้านราวกับว่าตนเองเป็นแค่มนุษย์ธรรมดาที่ต้องมาเผชิญหน้ากับพลังแห่งฟ้าดินทั้งปวง

 

ท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวพังทลายและหดตัวเล็กลงไป พลังอันมหาศาลไหลเข้าไปในดวงตาของหลัวเทียน ขณะที่ดวงตาข้างนั้นจ้องมองไปยังเมิ่งฮ่าวด้วยโทสะ เส้นเลือดฝอยก็เริ่มกระจายออกไปทั่ว ก่อตัวเป็นสิ่งที่ดูคล้ายกับเป็นรูปร่างของมนุษย์ ใน

ที่สุดเค้าโครงร่างของคนผู้หนึ่งก็เริ่มเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมาอยู่ที่เบื้องหน้าเมิ่งฮ่าว

เค้าโครงร่างนั้นดูคุ้นตาเป็นอย่างยิ่ง เมิ่งฮ่าวเคยเห็นในตอนที่มองเข้าไปตรงด้านในของเสาอสูรเมื่อหลายปีก่อน

ตอนนี้เงาร่างขนาดใหญ่โตนั้นกำลังก่อตัวขึ้นมาอยู่ที่เบื้องหน้า เต็มไปด้วยผลไม้อันน่าตกใจถึงเก้าสิบแปดลูก ต่อมาผลไม้เหล่านั้นก็แห้งเหี่ยวลง กระจายออกไปทั่วเส้นโลหิตที่ปกคลุมร่างนั้น เสียงแผดร้องด้วยโทสะดังก้องออกมา ขณะที่ดวงตาอีกข้าง…ปรากฏขึ้นมาอย่างคาดไม่ถึง

เริ่มมองเห็นใบหน้าบนร่างนั้นได้แล้วในตอนนี้ ประกอบด้วยหู ตา จมูก ปากอย่างครบถ้วนสมบูรณ์ และยังมีแขนขาทั้งสี่ข้างอีกด้วย

เกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นอย่างรวดเร็ว ขณะที่ท้องฟ้าซึ่งเต็มไปด้วยหมู่ดาวพังทลายลงมาและหดตัวเล็กลง พลังชีวิตและพลังปราณอันแข็งแก่งก็รวมตัวกันเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งที่เก้า เพื่อกลายเป็นเชื้อเพลิงขับเคลื่อนให้กับมัน

นี่คือการเปลี่ยนแปลงครั้งที่เก้า การเปลี่ยนแปลงที่แท้จริงของหลัวเทียน

ถ้าจะกล่าวให้ถูกต้องก็คือว่า…นี่คือหลัวเทียนที่สมบูรณ์แบบ!

เสียงกระหึ่มดังก้องออกไปทั่วทุกทิศทาง รวมทั้งเสียงที่คล้ายกับเสียงแผดร้องคำรามด้วยโทสะ เมิ่งฮ่าวเริ่มหอบหายใจออกมา ทันใดนั้นก็รู้สึกสั่นสะท้านไปทั้งร่าง ราวกับว่าแค่พลังที่กระจายออกมาจากหลัวเทียนเพียงเล็กน้อย ก็เพียงพอที่จะผลักดันให้ตนเองต้องถอยร่นไปทางด้านหลังซ้ำแล้วซ้ำเล่า

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!