Skip to content

I shall seal the heaven Chapter 1609

ตอนที่ 1609

กลายเป็นหลัวเทียน

มันคือสายลมสีดำที่ไม่เพียงแต่จะทำลายสิ่งมีชีวิตไปเท่านั้น แต่ยังได้สร้างขึ้นมาอีกด้วย หลังจากที่สายลมนี้พัดผ่านไป ท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวก็เงียบสงบไปโดยสิ้นเชิง แต่จากนั้นดวงดาวก็โผล่ออกมา โลกถือกำเนิดขึ้น และสิ่งมีชีวิตรูปแบบใหม่ก็ปรากฏขึ้นมา

สิ่งต่างๆ ย้อนกลับไปในยุคแรกเริ่ม แต่ในที่สุดก็มาถึงจุดที่เริ่มต้นทำการฝึกตนกันไปทั่ว สิ่งที่เหลืออยู่จากยุคสมัยก่อนหน้านี้กลายเป็นพื้นฐานสำหรับการเติบโตของสิ่งมีชีวิตรูปแบบใหม่

ช่วงเวลานี้เมิ่งฮ่าวได้ลืมตาขึ้นมาจากการนั่งเข้าฌาน แววตาค่อนข้างจะว่างเปล่าเมื่อตระหนักว่าไม่อาจจะจำได้ว่าตนเองคือใคร ดูเหมือนว่าจะลืมเลือนสิ่งต่างๆ จากในอดีตไปจนหมดสิ้น เป็นเรื่องที่ห่างไกลออกไปเป็นอย่างมาก จนยากที่จะนึกย้อนกลับไปได้

เหตุผลเดียวเท่านั้นที่เขารู้สึกตัวตื่นขึ้นมาก็คือว่า ร่างกายตนเองกำลังเริ่มอ่อนแอลงไป…ถึงแม้ว่าจะมีความอ่อนแอลงไปอย่างเชื่องช้า แต่ก็ยังพอมีอยู่บ้าง

เวลาผ่านไปอยู่ในยุคสมัยใหม่ รุ่นแล้วรุ่นเล่าเกิดมาและจากไป ผู้แข็งแกร่งทรงพลังมีชื่อเสียงขึ้นมา กลายเป็นบุปผาอันโดดเด่นที่ลอยไปตามกระแสแห่งกาลเวลา พวกมันสร้างยุคสมัยอันงดงามขึ้นมา และเมื่อรุ่งเรืองถึงขีดสุดก็มีผู้ฝึกตนที่อยู่ห่างจากเหนือสูงสุดแค่ครึ่งก้าวถึงเจ็ดคนด้วยกัน

แต่จากนั้นสถานการณ์ก็เริ่มตกต่ำลงไป หลังจากที่ผ่านไปหนึ่งร้อยล้านปี สายลมสีดำก็ปรากฏขึ้นอีกครั้ง และทุกสิ่งทุกอย่างก็เริ่มต้นใหม่

ยุคสมัยหนึ่งสิ้นสุดลง และยุคสมัยต่อมาก็เริ่มต้นขึ้น

เมิ่งฮ่าวลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง และพบว่าร่างกายของตนเองเริ่มเน่าเปื่อยลงไปมากขึ้น…

 

ตลอดช่วงเวลาแห่งยุคสมัยต่อมา ขุนเขาทะเลที่เก้าถูกค้นพบ และกลายเป็นสถานที่สำหรับผู้ฝึกตนนับไม่ถ้วนมาค้นหาด้วยความมุ่งหวัง มีความเชื่อว่ามันคือดินแดนศักดิ์สิทธิ์สำหรับการฝึกตน ตลอดช่วงยุคสมัยนี้ทุกสิ่งทุกอย่างพยายามต่อสู้ดิ้นรนเพื่อให้สามารถครอบครองขุนเขาทะเลที่เก้า

ต่อมายุคสมัยนี้ก็สิ้นสุดลง และยุคสมัยอื่นก็เริ่มต้นขึ้น

คล้ายกับเป็นวัฏจักรอันไร้จุดสิ้นสุด กระแสแห่งการเกิดใหม่ไหลผ่านไปอย่างต่อเนื่อง ในที่สุดก็ผ่านไปสี่ยุคสมัยแล้ว จากนั้นก็เป็นยุคที่ห้า ต่อมาก็ยุคที่หก…ในที่สุดยุคสมัยที่สิบก็ผ่านไป จากนั้นก็ยี่สิบ และสามสิบ…

สุดท้ายเมิ่งฮ่าวก็ไม่อาจจะรับรู้ว่าได้ผ่านไปกี่ยุคสมัยมาแล้ว เขาลืมเลือนเกี่ยวกับห้วงกระแสแห่งกาลเวลา รู้แต่เพียงว่าเวลาได้ผ่านไปนานมากๆ…ขณะที่กาลเวลาไหลผ่านไป ร่างกายเมิ่งฮ่าวก็เริ่มแสดงให้เห็นถึงสัญญาณแห่งการเน่าเปื่อยลงไปเรื่อยๆ การเน่าเปื่อยนั้นกระจายออกไปทั่วทั้งร่าง จนกระทั่งในที่สุดบางส่วนของร่างกายก็เริ่มจางหายไป

เริ่มต้นจากสองเท้า ค่อยๆ เลื่อนไปยังสองขา จนกระทั่งลำตัวก็เริ่มหายไป

ในตอนนี้ยากที่จะบอกได้ว่าได้ผ่านมาแล้วกี่ยุคสมัย สำหรับสิ่งมีชีวิตที่อาศัยอยู่ในท้องฟ้าซึ่งเต็มไปด้วยหมู่ดาวแห่งขุนเขาทะเล เป็นวัฏจักรที่ดูเหมือนว่าจะดำเนินต่อไปอย่างไร้จุดสิ้นสุด

ไร้สิ่งโหดร้ายใดๆ มีแต่เพียงกฎธรรมชาติแห่งห้วงจักรวาลเท่านั้น และเป็นส่วนหนึ่งของวัฏจักรแห่งการเกิดใหม่

ในที่สุดร่างเมิ่งฮ่าวก็แทบจะหายไปโดยสิ้นเชิง เหลือเพียงแค่ดรรชนีทั้งห้าและดวงตาข้างหนึ่งเท่านั้นที่คงอยู่ ในช่วงเวลานั้นจู่ๆ เมิ่งฮ่าวก็รู้สึกหวาดกลัว เป็นความหวาดกลัวที่ไม่ได้ประสบมาเป็นเวลานานมากๆ แล้ว แต่ตอนนี้สัญชาตญาณต้องการให้ปกป้องตัวเองจากการหายไปอย่างสมบูรณ์

บางทีอาจเนื่องมาจากว่าร่างกายของตนเองกำลังจางหายไป และเป็นเพราะว่าพลังแห่งแก่นแท้ของตนเองกำลังไหลเข้าไปในท้องฟ้าซึ่งเต็มไปด้วยหมู่ดาว ในยุคสมัยหนึ่งมีคนผู้หนึ่งปรากฏขึ้น เป็นผู้แข็งแกร่งทรงพลังที่เหนือกว่าผู้แข็งแกร่งทั้งปวงจากยุคสมัยก่อนหน้านี้ ในที่สุดมันก็ดูดซับแก่นแท้ของเมิ่งฮ่าวได้บางส่วน และกลายเป็น…ผู้อยู่เหนือสูงสุดอย่างสมบูรณ์!

ในตอนที่มันอยู่เหนือสูงสุด เมิ่งฮ่าวตกอยู่ในห้วงความสับสน พยายามจะกลืนกินมันเข้าไป แต่น่าเสียดายที่เขาอ่อนแอเป็นอย่างมาก จนแทบไม่อาจจะตื่นขึ้นมาได้อย่างแท้จริง ก่อนที่จะสามารถเตรียมตัวได้อย่างเต็มกำลัง ผู้อยู่เหนือสูงสุดคนนั้น

ก็ทำลายดรรชนีข้างหนึ่งของเมิ่งฮ่าว และท่องเที่ยวไปในจักรวาล

เมิ่งฮ่าวรู้สึกเจ็บปวด และเริ่มสั่นสะท้าน จนมีผลกระทบต่อท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาว ถึงแม้ว่าจะต้องการแต่ก็ไม่อาจจะตื่นขึ้นมาได้ จำเป็นต้องมีเวลามากกว่านี้

อีกยุคสมัยหนึ่งได้ผ่านไป และบุคคลอื่นก็ปรากฏขึ้น ทำการดูดซับแก่นแท้บางส่วนของเขาไป และทำลายดรรชนีข้างที่สองไป ความเจ็บปวดนี้ทำให้เมิ่งฮ่าวแทบจะเป็นบ้าไป ทำให้ต้องแผดร้องคำรามด้วยโทสะออกมา

ในที่สุดผู้อยู่เหนือสูงสุดคนที่สามก็ปรากฏตัวขึ้น ทำลายดรรชนีที่สามไป ในที่สุด…เมิ่งฮ่าวก็ตื่นขึ้นมา ถึงแม้ว่าผู้อยู่เหนือสูงสุดคนที่สามสามารถจะหลบหนีจากไปได้ แต่สิ่งสำคัญก็คือว่าเมิ่งฮ่าวได้ตื่นขึ้นมาแล้วในตอนนี้

เขาเริ่มคิดหาหนทางที่จะมีชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง เขาจำเป็นต้อง…ถือกำเนิดขึ้นมาใหม่!

หลังจากที่ได้ข้อสรุป เมิ่งฮ่าวก็เริ่มวางแผน…น่าเสียดายที่ตนเองอ่อนแอมากเกินไป ดังนั้นจึงส่งโลหิตออกไปเพื่อพยายามจะรวบรวมพลังแห่งการถือกำเนิดขึ้นมาใหม่ได้อย่างเพียงพอ

ในที่สุดก็มีใครบางคนที่เหมาะสมกับแผนการของตนเองอย่างสมบูรณ์แบบ เขาดูดซับคนผู้นั้นเข้าไป กลายเป็นผลเนี่ยผานลูกแรกอยู่ภายในร่าง

เขาสามารถจะบอกได้ว่าจำเป็นต้องมีผลเนี่ยผานทั้งหมดเก้าสิบเก้าผล ถึงจะสามารถถือกำเนิดขึ้นมาใหม่ได้อย่างสมบูรณ์

เวลาผ่านไป และในที่สุดเมิ่งฮ่าวก็ได้ผลเนี่ยผานลูกที่สอง, สาม และสี่…เฝ้ารอคอยด้วยความอดทนและต่อเนื่อง สำหรับโลหิตที่ตนเองกระจายออกไปเพื่อให้รวมตัวกลับเข้ามาอีกครั้ง

หลังจากที่รวบรวมผลเนี่ยผานได้เก้าสิบแปดผล คนสุดท้ายที่เฝ้ารอคอยในที่สุดก็ปรากฏตัวขึ้น

เกิดการต่อสู้ที่สวรรค์สะท้านปฐพีสะเทือนไปทั่ว บุคคลที่เคยทำลายดรรชนีทั้งสามยังได้แอบสอดมือเข้ามาอีกด้วย แต่ในที่สุดพวกมันก็ล้มเหลว เมิ่งฮ่าวเปลี่ยนให้คนสุดท้ายกลายเป็นผลเนี่ยผานลูกที่เก้าสิบเก้าได้สำเร็จ และพลังแห่งการเกิดใหม่ก็ถูกปลดปล่อยออกไป

เสียงกระหึ่มดังเต็มอยู่ในจิตใจ ทำให้เมิ่งฮ่าวสั่นสะท้านไปทั้งร่างขณะที่ลืมตาขึ้นมา เมื่อพูดออกไป เสียงนั้นก็ปกคลุมไปทั่วทั้งท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาว

“ข้าคือหลัวเทียน!” เสียงนั้นกล่าวขึ้นอย่างแผ่วเบาอยู่ในลำคอ แต่จากนั้นความเจ็บปวดก็เสียดแทงอยู่ในจิตใจ ขณะที่นึกย้อนไปถึงความทรงจำที่ถูกฝังอยู่ในส่วนลึกมากที่สุด เป็นสิ่งที่เขาแทบจะลืมเลือนไปโดยสิ้นเชิง!

เขาคือหลัวเทียน แต่ก็ไม่ใช่ทั้งหมด!

เขาหันหน้ามองออกไปในจักรวาล ตรงส่วนลึกบางแห่งภายในที่แห่งนั้น เขาสามารถจะรับรู้ได้ถึงกลิ่นอายอันแข็งแกร่งอย่างที่ยากจะอธิบายได้ ทำให้ต้องสั่นสะท้านไปทั้งร่าง กลิ่นอายนั้นประกอบด้วยปราณเซียนอันเข้มข้นอย่างที่ยากจะวัดได้ มากมายจนดูน่ากลัวเป็นอย่างยิ่ง มันคือกลิ่นอายของ…เซียน!

ความแตกต่างระหว่างตนเองและกลิ่นอายนั้น คล้ายกับเป็นความแตกต่างระหว่างหิ่งห้อยและแสงตะวัน!

มันคือกลิ่นอายที่ดูเหมือนว่าจะสามารถต่อสู้กับห้วงจักรวาลได้ทั้งหมด เป็นสิ่งที่ทรงพลังจนยากที่จะอธิบายออกมาได้!

บางครั้งเมิ่งฮ่าวสามารถจะรับรู้ได้ว่าตนเองมีความผูกพันบางอย่างกับคนผู้นั้น จนถึงจุดที่จดจำได้ว่าเขามาจากไหน เขา…มาจากส่วนลึกมากที่สุดในห้วงจักรวาล! และจริงๆ แล้วเขาคือร่างจำแลงของสิ่งมีชีวิตที่ทรงพลังอย่างน่าเหลือเชื่อ เป็นร่างจำแลงที่ถูกตัดขาดไปในตอนที่เกิดสงครามขึ้น!

เขาคือร่างจำแลงที่ถูกเนรเทศมายังที่แห่งนี้ ที่ซึ่งสัญชาตญาณของตนเองถูกท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวกลืนกินไป จนกลายเป็นราชันของมัน

ลึกลงไปในจิตใจ เขาสามารถจะบอกได้ว่าหลัวเทียนเต็มไปด้วยความหวาดกลัวต่อคนผู้นั้นอย่างลึกล้ำ!

ตูมมมมมมม!

ความทรงจำทั้งหมดไหลท่วมท้นราวกับเป็นอุทกภัย และเมิ่งฮ่าวก็รับรู้ได้ถึงตำแหน่งที่แน่นอนของร่างจริงหลัวเทียน คนผู้นั้นอยู่ตรงจุดศูนย์กลางแห่งห้วงจักรวาล เป็นสถานที่ซึ่งเจริญรุ่งเรืองอย่างถึงที่สุด เมื่อเทียบกันแล้วสถานที่แห่งนี้ของเขาในตอนนี้ช่างแห้งแล้งและกันดาร…ราวกับอยู่ในมุมที่ห่างไกลออกไปเป็นอย่างมาก

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!